23 เมษายน 2563

ททท. ชวนสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวเสมือนจริงผ่านเทคโนโลยี “Virtual Tours”

10 ที่ 9 จังหวัดทั่วไทย

กองสารสนเทศการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ นำเทคโนโลยีเสมือนจริงมาผนวกกับการเดินทางท่องเที่ยว (Virtual Tours) พาชมสถานที่ท่องเที่ยว 10 แห่งใน 9 จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านทางเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของ ททท. ในช่วงระหว่างกักตัว อยู่บ้านเพื่อหยุดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 (โควิด-19)

 https://www.tatnewsthai.org/news_detail.php?newsID=4942

จี๊บ-เทพอาจ นำทีมพร้อมศิลปินร่วมสมทบทุน “คืนห้องซ้อม อุปกรณ์ดนตรี และแรงบันดาลใจให้น้อง”


เนื่องจากเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2563 อาคารเก็บอุปกรณ์การเรียนและเครื่องดนตรีของโรงเรียน    ปงสนุก ต.เจดีย์ชัย อ.ปัว จ.น่าน ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ ภายในอาคารชำรุดเสียหาย รวมไปถึงเครื่องดนตรีเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งสำหรับเด็กด้อยโอกาสแล้ว การได้มีโอกาสเล่นดนตรีสักชิ้นอาจไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเครื่องดนตรีที่มีราคาสูง หากมีใครสักคนนำเครื่องดนตรีมาทดแทนแบ่งปันในชุมชนของเด็กเหล่านี้ เด็กๆ คงจะมีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว จี๊บ - เทพอาจ กวินอนันต์ CEO บริษัท LOVEiS ENTERTAINMENT  จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเพลง ได้มีความคิดในการริเริ่มทำภารกิจ “คืนห้องซ้อม อุปกรณ์ดนตรี และแรงบันดาลใจให้น้อง”



โดยได้มีศิลปินในค่าย LOVEiS ENTERTAINMENT ร่วมสมทบทุน เพื่อจัดซื้อเครื่องดนตรีไทยและเครื่องดนตรีสากล มูลค่ารวมทั้งสิ้น 229,125 บาท ทั้งนี้ นายจิรพงษ์ คำวงค์ ผู้อำนวยการโรงเรียนปงสนุก ได้รับมอบเครื่องดนตรีดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว

สภากาชาดไทย ร่วมกับมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ปล่อยคาราวานอาสาร่วมใจสู้ภัยโควิด


วันที่ 23 เมษายน 2563 เวลา 09.00 น. นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานใน
พิธีปล่อยคาราวานอาสาร่วมใจสู้ภัยโควิด โดยสภากาชาดไทยและมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์
เพื่อเดินทางไปยังจังหวัดสงขลา ในการนำอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต่าง ๆ ที่ได้รับบริจาคมอบ
ให้กับโรงพยาบาลทางภาคใต้ โดยมี นายชัยวัฒน์อุทัยวรรณประธานโครงการอาสาร่วมใจ สู้ภัยโควิด สภากาชาดไทยคณะผู้บริหารสภากาชาดไทย มูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ และผู้สนับสนุนโครงการฯ ร่วมด้วยณ บริเวณหน้าสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย

สำหรับขบวนคาราวานฯ นี้จะเป็นการส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ลอตแรกของโครงการฯ อาทิ หน้ากากอนามัยN95 ชุดป้องกัน PPE เครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่ดิจิทัลเพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลในภาคใต้โดยมีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นผู้ประสานการรับมอบและช่วยดำเนินการแจกจ่ายไปยังจังหวัดสงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีผู้ป่วยจำนวนมากและมีชาวไทยที่กำลังเดินทางกลับจากประเทศเพื่อนบ้านด้วยจากนั้นจะทยอยส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้รับบริจาคให้ครบทั่วทุกภูมิภาค นอกจากอุปกรณ์ทางการแพทย์แล้ว ยังได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของบริจาคทั้งจากหน่วยงานภาครัฐเอกชน รวมถึงประชาชน ร่วมช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อีกด้วย 



สภากาชาดไทยและมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ร่วมดำเนินโครงการอาสาร่วมใจ สู้ภัยโควิด ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2563 โดยปัจจุบันได้รับเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาประมาณ 30 ล้านบาท และอุปกรณ์ทางการแพทย์ กว่า 100,000 รายการ ทั้งนี้ สำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีผู้บริจาคมา ได้ทำการตรวจสอบคุณภาพจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนส่งมอบเพื่อการใช้งานตามระดับความปลอดภัย เช่น อุปกรณ์สำหรับแพทย์ที่ต้องสัมผัสผู้ติดเชื้อ สำหรับพยาบาล หรือสำหรับเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล ซึ่งนับเป็นการบูรณาการของหน่วยงานในสภากาชาดไทย มูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อช่วยเหลือประชาชนในภาวะวิกฤติไวรัสโคโรน่า 2019 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ



ผู้มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคหน้ากาก N95 และชุดป้องกันเชื้อโรค PPE หรืออุปกรณ์อื่น ๆ สำหรับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนทั่วประเทศได้ที่สำนักงานการคลัง สภากาชาดไทย อาคารจอดรถ 3 ชั้น 3 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย หรือร่วมบริจาคเงินผ่านบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี “สภากาชาดไทย สู้ภัย COVID” เลขที่บัญชี 045-304722-9(สามารถหักภาษีได้ 2 เท่า)

สอบถามโทร. 08 9919 5000, 09 6190 1900 หรืออีเมลfinance@redcross.or.th

กาแฟ "ท่าช้าง" 25 in 1 นวัตกรรมใหม่เพื่อสุขภาพเพื่อผู้สูงวัย


ก่อนจะอร่อยกับกาแฟถ้วยโปรด จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้คาดการณ์ว่าจำนวนประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ทั่วโลกจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งในปี พ.ศ. 2573 คาดว่าจะมีจำนวนประชากรสูงอายุมากกว่า 1.4 พันล้านคน และจะเพิ่มขึ้นถึง 2 พันล้านคนในปี พ.ศ. 2593 สำหรับประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวในปี พ.ศ. 2565 และในปี พ.ศ. 2573 จะมีสัดส่วนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 26.9% ของประชากรไทย หรือกว่า 20 ล้านคน




ทำให้สัดส่วนของอาหารเสริม อาหารเพื่อสุขภาพของผู้สูงวัย ต่างถูกนำเสนอมากมายผ่านกลไกการตลาดเป็นจำนวนมาก เจ้าของแบรนด์ "ท่าช้าง" คุณใบพัด - อธิษฐ์พัชร นิพิษฐาภัทร ก็ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการค้าตลาดออนไลน์ในกลุ่มของผู้สูงอายุเช่นกัน  เจ้าของแบรนด์ ท่าช้าง มองว่า 
"ผู้สูงวัยไทยกว่า 75% มีความสนใจ และต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ คนสูงวัยจำนวนมากได้เข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ต เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน หาข้อมูล พูดคุย และสั่งซื้อสินค้าผ่านโลกออนไลน์มากขึ้น ประกอบกับปีนี้ทางแบรนด์ ท่าช้าง ได้ขยายไลน์สินค้าใหม่ เป็น กาแฟ 25 in 1 เพื่อสุขภาพตอกย้ำภาพลักษณ์ แบรนด์ Innovation Food โดยอาศัยนวัตกรรมด้านอาหารมาช่วยให้สินค้าของแบรนด์ท่าช้าง ตอบโจทย์ความต้องการของผู้รักสุขภาพได้อย่างตรงจุด

โดยโครงสร้าง Aged Marketing Online ถือเป็นการฉีกกฎการทำตลาดออนไลน์รูปแบบเดิมๆ เพราะเราดึงศักยภาพของกลุ่มผู้สูงอายุยุคใหม่เข้ามาร่วมงาน โดยอาศัยเทคโนโลยีโซเชี่ยลไลฟ์มาช่วย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา มีการจัด Work Shop การทำตลาดออนไลน์แบบครบวงจร สอนตั้งแต่พื้นฐานจนถึงปิดการขาย ผ่านสื่อออนไลน์ยอดนิยม ทั้ง Facebook Instagram ซึ่งนิยมใช้กันทั่วโลก และได้รับผลตอบรับดีเกินคาด

อีกทั้งทางแบรนด์ท่าช้าง ยังเตรียมผสานวัฒนธรรมไทย สู่สายตาชาวโลก ผ่านเพลง อีแซว ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านของภาคกลาง ขับร้องโดยศิลปินแห่งชาติ "แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์" ตอกย้ำแบรนด์ไทยที่ก้าวสู่เวทีสากล



ด้านคุณสมบัติที่โดดเด่น เพียงเปลี่ยนมาดื่มกาแฟที่ใช้กาแฟท่าช้างเป็นกาแฟที่รวมสารสกัดสมุนไพรธรรมชาติ เกรดพรีเมี่ยมเอาไว้ คุณณิฐ์ภาวรรณย์ แตงเอี่ยม หุ้นส่วนกาแฟท่าช้าง กล่าวถึงคุณสมบัติที่โดดเด่นนี้ว่ากาแฟท่าช้าง กาแฟรวมสารสกัดสมุนไพรธรรมชาติ เกรดพรีเมี่ยม พัฒนาสูตรจากทีมผู้เชี่ยวชาญ และทีมวิจัยที่ได้รับยอมรับ มีการสกัดสูตรกาแฟเฉพาะตัว ให้ได้คุณประโยชน์สูงสุด และรสชาติต้องยอดเยี่ยม เกิดเป็นสูตรเข้มข้น  25 in 1 ถั่งเช่า เห็ดหลินจือ ตะบองเพชร คอลลาเจนไตรเปปไทด์ และวิตตามิน c บำรุงข้อเข่า-บำรุงสายตา-ดูแลสมอง-ลดไขมันในเลือด เห็นผลตั้งแต่กล่องแรกที่คุณดื่ม รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นสมุนไพร" 


ประโยชน์ที่ได้รับจากการดื่มกาแฟ ท่าช้าง

     1 ควบคุมความดัน จากสารสกัดจากเห็ดหลินจือ

     2 ลดน้ำตาลในเลือด จากสารสกัดจากถังเช่า และสารสกัดจากโสม

     3 บำรุงข้อเข่าและสายตา จากคอลลาเจนเปปไทด์เกรดพรีเมี่ยม

     4 ลดไขมันและดูแลตับ/ลดคอเลสเตอรอลในเลือด  จากสารสกัดจากอาร์ติโช้ค

     5 ต้านอนุมูลอิสระ จากเมล็ดองุ่น

     6 ต้านเชื้อแบคทีเรียบรรเทาอาการอักเสบ บำรุงผิว จาก สารสกัดจากดอกดาวเรือง

     7 บำรุงสมอง เพิ่มความจำไม่ให้หลงลืมง่าย  ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ป้องกันภาวะเลิอดจาง จากสารสกัดจากตังกุย (จะออกฤทธิ์ได้ดีเพื่อไปผสมกับ โสมและถั่งเช่า)

     8 ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และลดระดับไตรกลีเซอไรด์  มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก จากสารสกัดจากถั่วขาว ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น

     9 ช่วยลดการดูดซึมไขมันเข้าร่างกาย/ช่วยสลายไขมันสะสม/ลดระดับน้ำตาลและคอเลสเตอรอล จากสารสกัดจากตะบองเพชร

     10 ช่วยควบคุมน้ำหนัก เพิ่มการเผาผลาญไขมัน จากสารสกัดจากกาแฟเขียว เนื่องจากมีสาร
คลอโรเจนิค ( chlorogenic Acid) พบในกาแฟเขียวเท่านั้น


     11 ช่วยยับยั้งการแปรสภาพคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็นไขมันสะสม จากสารสกัดจากผลส้ม

    12 บำรุงสายตา ต้านอนุมูลอิสระ /ลดความดันโลหิต/ จากสารสกัดจากโกจิเบอร์รี่

     13 ชะลอความแก่ จากเบต้าแคโรทีน

     14 ดื่มแล้วไม่อ้วน เนื่องจากใช้ ซูคราโรส เป็นสารให้ความหวานที่ปลอดภัย ดื่มแล้วไม่อ้วน



ด้านความแตกต่างของกาแฟทั่วไปกับกาแฟท่าช้าง คุณณิฐ์ภาวรรณย์ กล่าวต่อว่า 
กาแฟทั่วไป 1. มีคาแฟอีนในปริมาณสูงประมาณ 60 - 80 มิลลิกรัม 2. มีรสชาติหอมเหมือนกาแฟทั่วไป กินมากเกินไปมีอาการใจสั่น  3.ใช้ครีมเทียม (ครีมที่มีไขมันสูง) เป็นส่วนผสมทำให้เกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด 4. กาแฟพันธุ์โรบาสต้า 5. ส่วนผสมน้ำตาล เป็นน้ำตาลทรายฟอกขาว

ส่วนกาแฟท่าช้าง สูตรสมุนไพรเข้มข้น 1. มีคาแฟอีนในปริมาณต่ำประมาณ 10 มิลลิกรัม/ซอง 2. รสชาติหอมกลมกล่อม กลิ่นหอม กินแล้วสุขภาพแข็งแรง เพราะมีส่วนผสมของเห็นหลินจือ 3. ใช้นมถั่วเหลืองเป็น ส่วนผสมได้รับสารอาหารโปรตีนสูง  4. กาแฟพันธุ์อราบิก้าแท้จากบราซิล 5. ความหวานได้จากซูคาโรส สารให้ความหวานที่ปลอดภัย ที่ ไม่มีสารสะสมในร่างกายเนื่องจากขบวนการผลิตองค์การอนามัยโลกยอมรับเป็นทางการแล้วว่ามีความปลอดภัยเทียบเท่าน้ำตาลจากธรรมชาติ  มาตรฐาน อย. GMP      1กล่อง 20 ซอง



สนใจสอบถามรายละเอียด ติดต่อ คุณณิฐ์ภาวรรณย์ แตงเอี่ยม โทร 085 4462444

สมาพันธ์ SME ไทย ชื่นชม "กระทรวงแรงงาน"



 “ครม. มีมติเห็นชอบให้ขยายความครอบคลุม ในกรณีผู้ประกันตนไม่สามารถทำงานได้ และไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น ไม่ว่านายจ้างจะหยุดประกอบกิจการเอง หรือหยุดประกอบกิจการ ตามคำสั่งของทางราชการ ผู้ประกันตนมีสิทธิรับเงินกรณีว่างงาน 62% ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 90 วัน เช่นกัน” โดยผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าว

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช เลขาธิการสมาพันธ์ SME ไทย และประธานสมาพันธ์ SME ไทย ส่วนภูมิภาค กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์วิกฤตโควิด-19 หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะสำนักงานประสังคม กระทรวงแรงงาน ได้ออกมาตรการค่อยข้างดีและเยอะสำหรับการให้การช่วยเหลือและเยียวยา พร้อมทั้งยืนเคียงข้างทั้งผู้ประกอบการและลูกจ้างมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับเรื่องสิทธิของผู้ประกันตนกับการรับเงินกรณีว่างงาน 62% กรณีนายจ้างหยุดประกอบกิจการเอง หรือหยุดประกอบกิจการ ตามคำสั่งของทางราชการ เพื่อประคับประคองการดำเนินชีวิตในช่วงระยะเวลา 3 เดือน หรือ 6 เดือน
ทั้งนี้ตามมติความเห็นชอบของ ครม.นั้น อาจจะมีผู้ประกันตนทั้งเห็นชอบและไม่เห็นชอบ โดยผู้ที่ไม่เห็นชอบผมคิดว่า อาจเป็นในกรณีที่สถานประกอบการหักเงินลูกจ้างเพื่อส่งเงินสมทบเข้าสำนักงานประกันสังคมที่มีมานานมากกว่า 5 ปี หรือ 10 ปี ควรได้รับเงินกรณีว่างงานในขณะนี้มากกว่าสถานประกอบการที่เพิ่งจะส่งเงินสมทบเข้าสำนักงานประกันสังคม นับเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจทุกฝ่าย เพราะเป็นสถานการณ์หรือวิกฤตสุดวิสัยที่ไม่เคยเกิดขึ้นในโลกที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจมากมายเช่นนี้ ผู้ประกอบการก็แย่ หากถึงขั้นปิดกิจการทุกอย่างจบหมดเลย แต่ถ้ายังสามารถประคองตัวไปได้ เหมือนร่างกายที่บอบช้ำ วันหนึ่งก็ฟื้นคืนตัว นั่นหมายถึง ทั้งผู้ประกอบการและลูกจ้างหรือแรงงานยังคงดำเนินต่อไปได้
“อย่างไรก็ตามขอให้ทุกฝ่ายมีความอดทน เราจะเรียนรู้การสู้วิกฤตเพื่อความอยู่รอดไปด้วยกัน จะว่าไปแล้วนายจ้างกับลูกจ้างก็เสมือนคนในครอบครัวกัน ควรเห็นอกเห็นใจกัน แล้วเชื่อว่าภาครัฐก็ไม่ได้ทอดทิ้งหรือนิ่งนอนใจ โดยเฉพาะมีการเตรียมงานประมาณช่วยเหลือและเยียวยา อย่างสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงาน ได้มีโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน วงเงินไม่เกิน 30,000 ล้านบาท แล้วท้ายที่สุดอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้ฟังเสียงสะท้อนทั้งจากผู้ประกอบการและลูกจ้างให้มากขึ้นด้วย”

ทางด้าน คุณกอล์ฟ ผู้ประกอบรายหนึ่ง กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่กดดันและบีบคั้นผู้ประกอบการมาก กรณีการจ่ายชดเชยค่าแรงในวิกฤตดังกล่าว ซึ่งสถานประกอบการไม่สามารถดำเนินธุรกิจใดๆได้เลย นับว่าเป็นเรื่องที่ลำบากมากอย่าว่าแต่เพียงจ่าย 62 % น้อยกว่านี้ก็แย่ สินค้าและบริการขายไม่ได้ จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย จะอยู่กันไปได้นานแค่ไหน โดยเฉพาะในภาคธุรกิจ SME  ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากต่อการทำความเข้าใจกับแรงงาน อยากให้หน่วยงานเข้ามาให้ความชัดเจน และเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยและลดช่องว่างระหว่างนายจ้างกับแรงงาน สร้างความเข้าใจในตัวบทกฎหมาย ทั้งนี้บางคนที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบของแรงงาน อาจยังไม่ทราบว่า ตามกฎหมายแรงงานผู้ประกอบการไม่สามารถส่งเงินประกันตนได้เหมือนกับแรงงานที่ดูแล ต้องออกค่าประกันตนให้กับแรงงานคนละครึ่ง
 “ตอนนี้ก็พยายามประคับประคองทั้งสถานประกอบการทั้งแรงงานให้อยู่รอดได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างเวลานี้ได้รับภาระในเรื่องการช่วยค่าอาหารของแรงงานทั้ง 3 มื้อ ก็อยากให้สำนักงานประกันสังคมเข้ามาเยียวยาผู้ประกอบการที่กำลังบอบช้ำอย่างทั่วถึง ซึ่งก็ทราบว่าได้ออกมาตราการดำเนินการช่วยเหลือและเยียวยาแล้ว อยากให้กำลังใจทุก ๆ ฝ่าย ซึ่งเราจะต้องฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน ไม่มีผู้ประกอบการและแรงงานเศราฐกิจของประเทศจะอยู่ได้อย่างไร”

 ทางด้าน คุณณภัค เอี่ยมอาจิณ พนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ในฐานะแรงงานตอนนี้ก็เปรียบเสมือนนั่งเรืออยู่ท่ามกลางลมมรสุม โดยมีนายจ้างเป็นคนบังคับเรือ เชื่อว่า การมีสติจะทำให้เราไม่หวั่นไหว ไม่ตกใจ เราต้องเป็นกำลังใจให้นายจ้าง อาจจะโชคดีกว่าหลายคนที่เราอยู่กันมานานเสมือนครอบครัวใหญ่ จึงมีความเห็นอกเห็นใจกัน พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้นายจ้างสามารถบังคับเรือฝ่ามรสุมไปให้ถึงฝั่งอย่างปลอดภัย แม้จะยังไม่ทราบระยะทางหรือระยะเวลาก็ตามที

 “ถามว่าผลกระทบต่อตนเองมั้ย มีแน่นอน ตอนนี้เงินถูกลดลงไปบางส่วนและตามสัดส่วนฐานเงินเดือนของพนักงานอย่างเหมาะสม ในเรื่องของการทำงานก็มีทั้งในทำที่บ้านและที่ทำงาน สลับวันกันไป ทำให้ประหยัดค่ารถและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ลดไป ขณะเดียวกันก็ต้องทำใจหากว่า บริษัทไม่สามารถต้านวิกฤตโควิด-19 ได้ ทำให้ต้องหยุดหรือปิดกิจการก็ต้องว่ากันไปตัวบทกฎหมายแรงงาน ซึ่งตนเองอยู่ในสถานการณ์ที่บริษัทปิดมาแล้วถึง 2 บริษัท โดยได้รับเงินชดเชยจากสำนักงานประกันสังคมอย่างครบถ้วน ถึงแม้ว่าครั้งนี้หากต้องได้รับเงินเพียงแค่ 62 % ตามมติ ครม. ตนเองก็ยินดีถึงแม้ว่าจะประกันตนมานานหลายปี ถ้าหากเราฟื้นบริษัทตายเราก็แย่ แต่ถ้าหากเราฟื้นและบริษัทฟื้น เราก็รอด ซึ่งผลกระทบในครั้งนี้อยู่นอกเหนือเหตุปัจจัยทั่วไป เชื่อว่ากระทรวงแรงงานก็ไม่ทอดทิ้งทั้งผู้ประกอบการและแรงงานอย่างแน่นอน”

ร.ฟ.ท. มอบ “ฟิกท์ แอสโซซิเอท” สำรวจที่ดิน-สิ่งปลูกสร้าง 2 แสนไร่ทั่วประเทศ

ลงระบบดิจิทัลจัดระเบียบบริหารทรัพย์สิน

บอร์ด การรถไฟ (ร.ฟ.ท.) ลงนามสัญญามอบ บริษัท ฟิกท์ แอสโซซิเอท จำกัด เป็นที่ปรึกษาจัดทำฐานข้อมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในระบบสารสนเทศ เพื่อการบริหารทรัพย์สินของการรถไฟ   แห่งประเทศไทย เพื่อดำเนินการทำระบบฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ ระบบแผนที่ (GIS) และระบบสารสนเทศ (MIS) เป็นงานสำรวจแนวเขตที่ดินของ ร.ฟ.ท. ทั่วประเทศ บันทึกเป็นฐานข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อประโยชน์ในการบริหารสินทรัพย์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย กำหนดกรอบเวลาแล้วเสร็จภายใน 720 วัน ภายใต้กรอบงบประมาณ 314 ล้านบาท

กรุงเทพ : 23 เมษายน 2563--นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน  ในฐานะรักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ร่วมลงนามในสัญญาจ้างที่ปรึกษาจัดทำฐานข้อมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย กับบริษัท ฟิกท์ แอสโซซิเอท จำกัด ภายใต้การนำของ นายสุชาติ ศรีวรางกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  ฟิกท์ กรุ๊ป และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิกท์ แอสโซซิเอท จำกัด ซึ่งรักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ของ ร.ฟ.ท. เพื่อนำองค์กรเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ ประการแรก เพื่อสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และทรัพย์สินอื่น ๆ ในเขตที่ดินของการรถไฟฯ เพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ตั้งพร้อมรายละเอียด รวมถึงนำเข้าข้อ
มูลขอบเขตที่ดินของการรถไฟฯ โดยการปูระวางที่ดิน เพื่อนำมาจัดทำฐานข้อมูลในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) ประการที่สองเพื่อให้การบริหารสัญญาเช่าที่ดินและทรัพย์สินของการรถไฟฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  และเกิดประโยชน์สูงสุด สามารถติดตามตรวจสอบการจัดเก็บรายได้ของการรถไฟฯ อย่างเป็นระบบ ครบถ้วน สมบูรณ์ รวมถึงเกิดความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้เช่าและผู้ที่เกี่ยวข้อง และประการสุดท้าย  คือเพื่อใช้เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเพิ่มศักยภาพในการจัดเก็บรายได้ของการรถไฟฯ และเป็นข้อมูลสนับสนุนให้ผู้บริหารสามารถวิเคราะห์ ประเมิน และตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และแนวทางการพัฒนาในอนาคต ซึ่งจำเป็นต้องได้บริษัทที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญ มีศักยภาพในบริหารจัดการ มีเครื่องมือและบุคลากรที่มีความชำนาญงานสำรวจ งานระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ และงานจัดทำฐานข้อมูลดิจิ
ทัล อันจะเป็นฐานข้อมูลสำคัญเพื่อการบริหารจัดการทรัพย์สินของ ร.ฟ.ท. ต่อไปในอนาคต

นายสุชาติ ศรีวรางกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟิกท์ กรุ๊ป และ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิกท์ 
แอสโซซิเอท จำกัด


นายสุชาติ ศรีวรางกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟิกท์ กรุ๊ป และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิกท์
แอสโซซิเอท จำกัด เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีที่ ร.ฟ.ท. มอบความไว้วางใจให้ บริษัท ฟิกท์ แอสโซซิเอท จำกัด  เป็นบริษัทที่ปรึกษาจัดทำฐานข้อมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในระบบสารสนเทศ เพื่อการบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งจากข้อมูลที่ดินของ ร.ฟ.ท. ทั่วประเทศจำนวน 234,976 ไร่ แยกเป็น 5 กลุ่มได้แก่ 1) พื้นที่เขตทางร้อยละ 80.68 ของที่ดินโดยรวม กลุ่มที่ 2) พื้นที่อื่นๆ ที่ไม่ใช้เพื่อการเดินรถ มีสัดส่วนร้อยละ15.45 กลุ่มที่ 3) พื้นที่ย่านสถานี (วางราง) คิดเป็นร้อยละ 2.27 กลุ่มที่ 4) พื้นที่บ้านพัก/ที่ทำการ    ร้อยละ 1.6 และกลุ่มที่ 5) เป็นพื้นที่ในเชิงพาณิชย์ทั่วทั้งประเทศประมาณ 4 หมื่นกว่าไร่ อันเป็นพื้นที่เป้าหมายที่ บริษัท ฟิกท์ แอสโซซิเอท จำกัด จะต้องลงสำรวจแผนที่ภูมิศาสตร์โดยละเอียด รวมทั้งดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลดิจิทัลเพื่อให้แล้วเสร็จในกรอบเวลา 720 วัน

“การทำฐานข้อมูลในระบบภูมิสารสนเทศ (GIS) ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อการบริหารทรัพย์สิน ของ ร.ฟ.ท. ทั่วประเทศกว่า 2 แสนไร่นั้น บริษัทฯ แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ส่วนงานหลัก คือ ส่วนงานที่1 งานจัดทำฐานข้อมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ส่วนงานที่ 2 งานจัดทำฐานข้อมูล   ผู้เช่า ผู้ใช้สิทธิ และส่วนงานที่ 3 งานพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารทรัพย์สินและสัญญา โดยบูรณาการเชื่อมโยงระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครบถ้วนสมบูรณ์ ตามรายละเอียดของแต่ละส่วนงาน โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูกิจการรถไฟ เพื่อจัดเก็บระบบฐานข้อมูลดิจิทัลที่ครบถ้วน ถูกต้อง     และทันสมัย ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การบริหารทรัพย์สินของการ ร.ฟ.ท. ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุด และด้วยความเชี่ยวชาญ ความพร้อมด้านบุคลากร ตลอดจนเทคโนโลยี รวมทั้งประสบการณ์การบริหารโครงการทำฐานข้อมูลในระบบภูมิสารสนเทศ (GIS) ของ บริษัทฯ ที่ผ่านมา เชื่ออย่างยิ่งว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ภารกิจที่ได้รับมอบหมายบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่ ร.ฟ.ท. ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน”นายสุชาติ  กล่าว

อนึ่ง บริษัท ฟิกท์ แอสโซซิเอท จำกัด เป็นหนึ่งในบริษัทในเครือ ฟิกท์ กรุ๊ป ที่มีผลงานด้านการพัฒนาระบบภูมิสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เศรษฐศาสตร์ และวิศวกรรม ให้แก่หน่วยงานต่างๆ  ทั้งภาคราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และองค์กรขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการให้บริการให้คำปรึกษา ออกแบบ พัฒนา และติดตั้งด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ วิศวกรรม และการจัดการ ด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับสากล โดยมีการบริหารงานและการดำเนินงานในรูปแบบใหม่ที่มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและตอบสนองความต้องการของลูกค้า มีวิสัยทัศน์และพันธกิจ ในการดำเนินธุรกิจการผลิตสินค้าและการบริการ ที่มีคุณภาพบนพื้นฐานการทำงานอย่างมืออาชีพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน โดยถือว่าระบบการจัดการคุณภาพ เป็นสิ่งสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ...

22 เมษายน 2563

“เจพี ประกันภัย” คว้ารางวัล!

20 Best Insurers ระดับเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2563



ดร.ฉัตรชัย ธนาฤดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ JP ซึ่งเป็นบริษัทประกันในเครือเจมาร์ท เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับรางวัล 20 Best Insurers ประจำปี 2563 จาก ไอดีซี ไฟแนนเชียล อินไซต์ (IDC Financial Insights) ที่ปรึกษาและการวิจัยด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ซึ่งมอบให้แก่ 20 สุดยอดบริษัทประกันภัยชั้นนำ จากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มีผลงานโดดเด่นในการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินธุรกิจประกันภัย โดยพิจารณาจากความสามารถ  ในการตอบสนองความต้องการในตลาด การขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี (digital transformation) กระแสตอบรับจากลูกค้า ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และการแสวงหาโอกาสให้กับธุรกิจเพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว

ดร.ฉัตรชัย ธนาฤดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ 
 “รางวัล 20 Best Insurers ถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่เราได้รับจากองค์กรระดับโลกอย่าง IDC ที่ตอกย้ำว่า เจพี ประกันภัย เป็นหนึ่งในผู้นำที่ขับเคลื่อนองค์กรโดยใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีในธุรกิจประกันภัย เรามีความมุ่งมั่นเพื่อให้ลูกค้าและคู่ค้าพันธมิตรได้รับบริการที่มีคุณภาพและได้รับประโยชน์สูงสุดในทุกมิติ รางวัลนี้นับได้ว่าเป็นอีกความสำเร็จหนึ่งของเจพี ประกันภัย ตั้งแต่เราได้มีการปรับเปลี่ยนองค์กรและรีแบรนด์องค์กรมาตั้งแต่ปี 2561 และนำ digital transformation มาใช้ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำองค์กรไปสู่ InsurTech ได้อย่างยั่งยืน 

สำหรับช่วงเวลาครึ่งปีหลังของปี 2563 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานการณ์โควิด19 ได้คลี่คลายลง เราวางแผนงานและเตรียมการสำหรับการออกผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เพื่อมาตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า อาทิเช่น ประกันภัยการเดินทางที่จะทำให้ผู้เอาประกันภัยได้พบกับบริการหลังการขายผ่านแพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยีของ Blockchain และ AI มาร่วมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับยุคดิจิทัลยุคนี้ โดยเจพี ประกันภัย ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ พร้อม สร้างสรรค์นวัตกรรมประกันภัยในยุคดิจิทัล เพื่อก้าวสู่เบอร์ 1 ด้าน InsurTech อย่างสมบูรณ์แบบต่อไป” ดร.ฉัตรชัย กล่าวในตอนท้าย

หมอสอง-หมิง รวมพลังสู้โควิด มอบเครื่องฟอกอากาศ ชุด PPE ให้รพ.

 พร้อมเหมาข้าวสารจากชาวนา2ตัน! มาแจกผู้เดือดร้อน
น้ำใจไทยเยอะแยะยิ่งใหญ่ ร่วมกันสู้ๆ โควิด Covid19 กันต่อไปให้หมดไปจากไทย เรารอดแน่ ถ้ารวมใจช่วยๆ กัน อีกหนึ่งน้ำใจงาม น่าทำตาม จากศัลยแพทย์แถวหน้าของเมืองไทย หมอสอง นพ.นพรัตน์ รัตนวราห ผู้บริหารไฟแรงจาก นพรัตน์คอสเมติกคลินิก Nopparat Cosmetic Clinic (NCC) เคลียร์คิวพุ่งตรงไปร่วมบริจาค เครื่องฟอกอากาศทางการแพทย์ และหน้ากากอนามัย ให้กับมูลนิธิโรงพยาบาลศรีธัญญา Srithanya Hospital Foundation

หมอสองยังได้ชวนนางงามสวยใส หมิง อรินท์มาศ บุญครองทรัพย์ นางสาวไทย Miss  Thailand 2546 ไปร่วมบุญด้วย ได้บริจาคเงินสมทบทุน ซื้อเครื่องวัดอุณหภูมิ  อินฟาเรด 8 เครื่อง หน้ากากอนามัย 2,000 ชิ้น และเครื่องฆ่าเชื้อในอากาศ 1 เครื่อง


ต้องปลื้มปริ่มต่อ หมอสองยังน้ำใจงาม พุ่งไปบริจาคชุดพีพีอี (PPE : Personal Protective Equipments) จำนวนมากถึง 600 ชุด,หน้ากาก N95 ,เฟสชิลด์ (Face Shield) ให้กับหลายโรงพยาบาลได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ,ศูนย์การแพทย์จักรีนฤบดินทร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ,ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพฯ มศว.,โรงพยาบาลแพร่ ,โรงพยาบาลปราจีนบุรี และโรงพยาบาลวาปีปทุม มหาสารคามซึ่งถือว่าเป็นของที่ขาดแคลนมาก หาซื้อไม่ได้ และจำเป็นอย่างมากต่อการตรวจรักษาผู้ป่วยโควิด ถือเป็นการให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ในการสู้โควิด

ยังไม่หมด หมอสองยังร่วมโอนเงิน ร่วมซื้ออุปกรณ์ดับไฟป่าครั้งใหญ่ ที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังไม่จบ มีผลต่อทั้งพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และสิ่งแวดล้อม และถือว่ายังขาดแคลนอีกมาก

และล่าสุดหมอสองยัง ช่วยชาวนาโดยการอุดหนุนข้าวหอมมะลิ ถึง2ตัน! เอามาแจก ซึ่งข้าวทั้งหมดรวบรวมมาจากกลุ่มชาวนาโดยตรงจาก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เพื่อมาแจกชาวบ้านที่เดือดร้อน และกระจายไปยังโรงทาน ชุมชน บ้านศูนย์สงเคราะห์ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้เดือดร้อนในยุคโควิด

ยังไม่หมด หมอสอง ยังใจงามต่อไปอีก กล้าแจกเงิน 300-500 บาท ให้กับผู้เดือดร้อนจากโควิด ทางแฟนเพจ fb Npparat Cosmetic Clinic https://www.facebook.com/230122263681378/posts/3487253237968248/?d=n 
ทำเอาแฟนเพจแทบแตก เพราะมีคนเข้ามาขอช่วยเหลือเยอะมากๆ






หมอสอง นพ.นพรัตน์ รัตนวราห แห่ง คลินิกศัลยกรรมตกแต่งนพรัตน์ Nopparat Cosmetic Clinic
โดดเด่นมานานกว่า20ปี ด้วยทั้งฝีมือและประสบการณ์ ใครๆต่างไว้ใจมาทำศัลยกรรมกับหมอสอง ไม่
ต้องไปถึงต่างประเทศ หมอสองได้ฝากผลงานให้ประจักษ์มาแล้วมากมาย ทั้งซุปตาร์ดารานักร้องดัง ทั้งพระเอกหล่อ นางเอกแจ่ม เน็ตไอดอล ไฮโซรวยล้นฟ้า ประชาชนทั่วไป ล้วนไว้ใจในการทำสวยหล่อจริง ระดับเกรดดีพรีเมียมที่ นพรัตน์คอสเมติกคลินิก Nopparat Cosmetic Clinic (NCC) ที่ได้รับมาตราฐานระดับโลกจาก JCI ของสหรัฐอเมริกา



โปรโมชั่นพิเศษสุดๆ แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ช่วยคนอยากหล่ออยากสวย ในยุคโควิด จำนวนจำกัดมากๆ ต้องจองสิทธิ์ก่อนเท่านั้น เพราะพิเศษจริง ช้าหมด อดนะจ๊ะ! อยากสวยหล่อแบบทันใจ และปลอดภัย โดยแพทย์เฉพาะทาง ไม่ต้องแก้ไขบ่อยๆ

รีบติดต่อด่วน ที่ 089-699-0666
ไลน์ไอดี Line@ : @ncc6 (ใส่@นำ) เว็บไซต์คลิก www.NopparatClinic.com
ทาง Facebook เฟซบุ๊ก www.facebook.com/NopparatClinic
ไอจี IG : dr_nopparat

ข้าวมาบุญครอง บรรเทาความเดือดร้อนด้านอาหาร

ผ่านกิจกรรม “วันสร้างสุข สู้ภัยโควิค-19”


นางสาวพรพิมล กิริวรรณา ผู้อำนวยการสายการตลาด (ที่ 3 จากซ้าย) พร้อมด้วย นางสาวมัลลิกา บุระขันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) (ที่ 6 จากซ้าย) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุง ตราข้าวมาบุญครอง ลงพื้นที่ร่วมกับช่อง one 31 ในโครงการ “วันสร้างสุข : สู้ภัยโควิค-19” มอบข้าวรวงแก้ว ขนาด 5 กิโลกรัม เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ภายในชุมชนหัวโค้งกว่า 400 หลังคาเรือน โดยมี นายพิชาติ เผ่าพงษ์ ประธานชุมชนหัวโค้ง (ที่ 4 จากซ้าย) เป็นผู้แทนชุมชนในการรับมอบ ณ ชุมชนหัวโค้ง เขตคลองเตย เมื่อเร็ว ๆ นี้

โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เปลี่ยนโรงแรมให้เป็นบ้าน

มอบทางเลือกลูกค้า Work From Hotel 

โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ จัดโปรโมชั่นช่วง COVID-19 ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่กำลังมองหาสถานที่สำหรับนั่งทำงานส่วนตัวที่สะดวกสบายและสะอาดปลอดภัย เปลี่ยนบรรยากาศในการนั่งทำงานที่บ้าน Work from Home เป็น Work From Hotel ด้วยห้องพักที่กว้างขวาง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสรรพเหมือนอยู่ที่บ้านไม่ว่าจะเป็น Free WIFI ความเร็วสูง พื้นที่ครัว ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศแยกแต่ละจุด อาหารบริการแบบส่งถึงห้องพัก 3 มื้อ ขนมและเครื่องดื่มที่คอยเติมให้ตลอด พร้อมตู้ขายของอัตโนมัติภายในโรงแรม หรือหากต้องการผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ดูซีรีย์ทางโรงแรมมี Netflix Account ให้บริการฟรี (มีให้บริการเฉพาะสาขาสุขุมวิท55) ห้องพักทุกห้องมีการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ พร้อมทำความสะอาดอุปกรณ์และจุดสัมผัสสาธารณะ เช่น ปุ่มกดลิฟต์ ที่จับประตูห้องน้ำ ที่จับประตูอาคารทุกจุด ฯลฯ



โปรโมชั่นนี้มีให้เลือกในโรงแรมเครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สาขาใจกลางกรุงเทพฯ 3 แห่ง เดินทางสะดวกทางรถไฟฟ้า พร้อมที่จอดรถ สำหรับเข้าพักคนเดียว หรือใช้สถานที่ประชุม พบปะลูกค้า หรือเป็นออฟฟิศ
โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 ห้องพักขนาด 40 ตารางเมตร พร้อมอาหาร 3 มื้อ ราคาเริ่มต้น 2,500 บาทเนต/วัน, ห้องออฟฟิศหรือห้องประชุมรายวัน รวมอาหารเที่ยง ขนม และ กาแฟ เริ่มต้นท่านละ  650 บาท
โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพลินจิต ห้องพักขนาด 38 ตารางเมตร พร้อมอาหาร 3 มื้อ  ราคาเริ่มต้น 2,800 บาทเนต/วัน, ห้องออฟฟิศหรือห้องประชุมรายวัน รวมอาหารเที่ยง ขนม
และ กาแฟ เริ่มต้นท่านละ  700 บาท


โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ ห้องพักขนาด 44 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2,600 บาทเนต/วัน, ห้องออฟฟิศหรือห้องประชุมรายวัน รวมอาหารเที่ยง ขนม และ กาแฟ เริ่มต้นท่านละ  750 บาท


ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคมนี้เท่านั้น
ข้อมูลเพิ่มเติม www.grandecentrepointhotels.com หรือ www.facebook.com/

เปิดโฉมหน้าโรงเรียนพัฒนาปัญญาไท สถาบันปัญญาไท IDI

สำหรับท่านที่ต้องการเรียนรู้เรื่องสมุนไพร 
เพื่อประกอบวิชาชีพ หลังวิกฤติไวรัส โคโรน่า 19


พ.ท. (แพทย์แผนไทย) สมบัติ ไตรศรีศิลป์ ได้จัดตั้งโรงเรียนพัฒนาปัญญาไทขึ้นเพื่อ ดำเนินการสอนหลักสูตรแพทย์แผนไทย สาขาเวชกรรม เภสัชกรรม ผดุงครรภ์ และเปิดให้บริการนวดแผนไทยเพื่อการรักษา ควบคู่ไปกับการใช้ยาสมุนไพรพื้นบ้าน

โรงเรียนพัฒนาปัญญาไท เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2547 จนถึงวันนี้  สิบกว่าปีแล้ว และ ยังมองเห็นว่า ทุกอย่างตามหลักการความรู้ของแพทย์แผนไทยสามารถตอบคำถามได้ในเชิงวิทยาศาสตร์ได้จึงตั้งปณิธานว่าจะนำการแพทย์แผนไทยให้เป็นที่เชื่อถือและยอมรับไปสู่ความเป็นสากลให้ได้


จึงได้ร่วมวางหลักสูตร จัดการเรียนการสอนเพื่อให้ความรู้และฝึกปฏิบัติแก่ผู้สนใจศาสตร์แพทย์แผนไทย รวมถึงการรักษาเยียวยาผู้มีอาการเจ็บป่วย (ที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ) เช่น โรคเบาหวาน ความดัน โรคเกี่ยวกับตับ ไต หัวใจ ฯโดยเฉพาะอาการเจ็บปวด เมื่อยล้า กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อมีปัญหา มือเท้าชา อัมพฤกษ์ อัมพาต เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษามีอาการดีขึ้นจนหายเป็นปกติ

พ.ท. (แพทย์แผนไทย) สมบัติ ไตรศรีศิลป์
โรงเรียนพัฒนาปัญญาไท เปิดหลักสูตรสอนดังนี้
สาขาผู้ช่วยแพทย์แผนไทย เรียน 6 เดือน  เรียนการนวดไทยเบื้องต้น นวดเท้า และการนวดรักษา
โรคพื้นฐาน 12 โรค

สาขาผดุงครรภ์ เรียน 1 ปี
ศึกษาเรื่องการตั้งครรภ์ ก่อนและหลังตั้งครรภ์ เรียนจบสอบใบประกอบโรคศิลปะแพทย์แผนไทยผ่าน สามารถนำไปประกอบอาชีพได้เช่น สามารถประกอบอาชีพด้านผดุงครรภ์ได้อย่างถูกต้อง สามารถเป็นครูสอนแพทย์แผนไทยสาขาผดุงครรภ์ไทยได้ตามกฎหมายวิชาชีพแพทย์แผนไทย ตามกฏ ระเบียบ ของสภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทย

นักศึกษาแพทย์ปัจจุบันจากประเทศจีน ศึกษาดูงานแพทย์
สาขานวดไทย เรียน 2 ปี  ศึกษาเรื่องการนวดแผนไทย การรักษาคนป่วยด้วยวิธีการนวดแผนไทย เรียนจบสอบใบประกอบโรคศิลปะแพทย์แผนไทยผ่าน สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ดังนี้ สามารถประกอบวิชาชีพในการนวดแผนไทย และสามารถเป็นครูสอนแพทย์แผนไทยได้ตามกฎหมายวิชาชีพแพทย์แผนไทย ตามกฏ ระเบียบ ของสภาวิชาชีพการแพย์แผนไทย

สาขาเภสัชกรรมไทย เรียน 2 ปี
ศึกษาเรื่องสมุนไพร การใช้สมุนไพรในการรักษาโรค เรียนจบสอบใบประกอบโรคศิลปะแพทย์แผนไทยผ่าน สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ดังนิ้ สามารถประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย
และเปิดร้านขายยาสมุนไพร รวมถึง  สามารถเป็นครูสอนแพทย์แผนไทยสาขาเภสัชกรรมไทยได้ตามกฎหมายวิชาชีพแพทย์แผนไทย ตามกฏ ระเบียบ ของสภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทย

สาขาเวชกรรมไทย เรียน 3 ปี
เรียนเรื่องการรักษา วินิจฉัยโรค การตรวจโรค จากคำภีร์ต่างๆ เรียนจบสอบใบประกอบโรคศิลปะแพทย์แผนไทยผ่าน สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ดังนี้  ประกอบอาชีพแพทย์แผนไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เปิดคลินิกการแพทย์แผนไทยได้อย่างถูกกฎหมาย สามารถเป็นครูสอนแพทย์แผนไทยสาขาเวชกรรมไทยได้ตามกฎหมายวิชาชีพแพทย์แผนไทย ตามกฏ ระเบียบ ของสภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทย

หลักสูตรนวดแผนไทย
แยกเป็นหลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพ 150 ชั่วโมง  หลักสูตรนวดฝ่าเท้าเพื่อสุขภาพ 60 ชั่วโมง






อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย เยี่ยมชม พศ.2014 ใช้บริการตรวจสุขภาพ
สามารถติดต่อได้ที่ เลขที่ 49 ถ.ช่างหล่อ ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100
โทร 053-200300 หรือ 064-9974749

เครดิตภาพ : เวิร์คพอยท์

TOLLWAY ทางยกระดับ ดอนเมือง


คุณธานินทร์ พานิชชีวะ กรรมการผู้จัดการ  และ คุณอัจฉรา เจริญพร ผอ.ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และสื่อสารองค์กร บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง มอบชุดอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (PPE) เพื่อส่งต่อให้บุคลากรทางการแพทย์   โรงพยาบาลนราธิวาส  โรงพยาบาลยะลา  โรงพยาบาลบางกรวย นนทบุรี  โรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่  โรงพยาบาลชลบุรี  โรงพยาบาลปัตตานี  โรงพยาบาลสงขลา  โรงพยาบาลปทุมธานีโรงพยาบาลมิชชั่นภูเก็ต  โรงพยาบาลงอ นราธิวาส

21 เมษายน 2563

กลุ่มทรู จัดเต็มแพ็กเกจ VLEARN / VWORK

 อำนวยความสะดวก ปรับไลฟ์สไตล์เรียน/ทำงานที่บ้าน


กลุ่มทรู ห่วงใย พร้อมสู้วิกฤต COVID-19 ไปด้วยกันกับคนไทยและลูกค้าคนสำคัญ ขานรับนโยบายภาครัฐ ให้เรียนและทำงานจากที่บ้านได้ทุกที่ ทุกเวลา ต่อเนื่องไม่มีสะดุด กับแพ็กเกจ VLEARN และ VWORK ที่ครบและครอบคลุมสินค้า บริการ คอนเทนต์ และสิทธิพิเศษในกลุ่มทรู ทั้งทรูมูฟ เอช ทรูออนไลน์ ทรูวิชั่นส์ ทรูไอดี พร้อมดีไวซ์แบรนด์ดัง ก้าวข้ามทุกข้อจำกัดพร้อมเปลี่ยนบ้านเป็นห้องเรียน/ที่ทำงานเสมือนจริง ปรับไลฟ์สไตล์เพื่อความปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ 

นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านการพาณิชย์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เพื่อขานรับนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมให้หน่วยงานราชการและเอกชนรวมถึงสถานศึกษา ทำงานและเรียนจากบ้านผ่านทางออนไลน์ ลดโอกาสการแพร่ระบาดเชื้อโรค COVID-19 กลุ่มทรู จึงเปิดแพ็กเกจพิเศษ แพ็กเกจ “VLEARN” ให้นักเรียน นักศึกษา เปลี่ยนบ้านให้พร้อมเป็นโลกแห่งการเรียนรู้ได้ง่ายๆ เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ปลอดภัย ไม่ต้องเดินทาง และ แพ็กเกจ “VWORK” สนับสนุนคนทำงาน เปลี่ยนบ้านให้พร้อมเป็นโลกแห่งการทำงานแบบมืออาชีพได้ง่ายๆ และราบรื่น

โดยผสานศักยภาพทั้ง ทรูมูฟ เอช เครือข่ายอัจฉริยะTrue 5G ทรูออนไลน์ ผู้นำไฟเบอร์อินเทอร์เน็ตหนึ่งเดียวในไทยบนโครงข่ายทรูไฟเบอร์ที่ครอบคลุมมากที่สุดทั่วประเทศ ทรูวิชั่นส์ ที่รวมสุดยอดคอนเทนต์พร้อมช่องดังระดับโลก ทรูไอดี แอปเดียวครบ เติมเต็มชีวิตดิจิทัล พร้อมดีไวซ์จากพันธมิตรแบรนด์ดัง เซอร์เฟส เอเซอร์ เอซุส เลอโนโว และหัวเว่ย

ทั้งนี้ จุดเด่นของแพ็กเกจต่างๆ 
ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www3.truecorp.co.th/new/