13 ตุลาคม 2567

“วราวุธ” แถลงผลงาน ยืนยัน พร้อมก้าวสู่ปีที่ 2 "Next Step พม.

ดัน 9 โครงการ ต่อยอด นโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร ช่วยกลุ่มเปราะบาง โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

วันที่ 9 ตุลาคม 2567 ที่กระทรวง พม. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) แถลงผลงาน 1 ปี และมอบนโยบาย กระทรวง พม. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 "NEXT STEP พม." โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวรายงาน พร้อมคณะผู้บริหาร หัวหน้าและเจ้าหน้าที่หน่วยงานส่วนกลางสังกัดกระทรวง พม. เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมปกรณ์ อังศุสิงห์ ชั้น 2 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. สะพานขาว กรุงเทพฯ พร้อมทั้งหัวหน้าและเจ้าหน้าที่หน่วยงานทีม พม. หนึ่งเดียวจังหวัดทั่วประเทศรับชมถ่ายทอดสดผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 


นายวราวุธ กล่าวว่า 1 ปีที่ผ่านมา ในบ้านสีชมพูหลังใหญ่แห่งนี้ ตนขอบคุณอย่างจริงใจ ต่อผู้บริหาร เพื่อนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และเครือข่ายต่างๆ ที่ได้ทุ่มเททำงานนอย่างหนัก เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ฟื้นฟู เยียวยา จนเกิดเป็นทีม “พม.หนึ่งเดียว” และด้วยสถานการณ์ปัจจุบันในขณะนี้ มีความรุนแรงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาวิกฤตประชากรจากเด็กเกิดน้อย แรงงานลด และผู้สูงอายุเพิ่ม ภาวะโลกร้อนกับคนเปราะบาง ซึ่งมีขีดความสามารถในการปรับตัวรับมืออย่างจำกัด โดย 1 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ปัญหาที่มีและยังมีอยู่ เราจะทำอย่างไรให้ระบบสวัสดิการสังคมยั่งยืน สามารถแก้ปัญหาได้แท้จริง ไม่ใช่เฉพาะหน้า แต่ต้องยั่งยืน และเหมาะสมกับสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยขีดความสามารถ และข้อจำกัดของภาครัฐ ด้านงบประมาณ และกฎหมายที่มีอยู่ไม่ตอบโจทก์ ฐานข้อมูลด้านสังคม ทักษะและความรู้เฉพาะทาง


นายวราวุธ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการดูแลพี่น้องประชาชน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระทรวง พม. ได้แก่ ข้อที่ 5 เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ โดยให้ความสำคัญกลับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน และการประกอบอาชีพ และข้อที่ 10 ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคม ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง สร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่สำคัญ ได้แก่ คนพิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ บุคคลไร้รัฐ ไร้สัญชาติ เพื่อให้สามารถเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของรัฐได้โดยสะดวกตามที่กฎหมายบัญญัติ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายที่สำคัญคือการเสริมการเกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพของเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม เด็กไทยทุกคนจะต้องเข้าถึงศูนย์ดูแลเด็กปฐมวัยที่มีมาตราฐาน พร้อมยกระดับทักษะและปลดล็อกศักยภาพของคนไทย เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ เสริมทักษะเดิม เพิ่มทักษะใหม่ ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและภาคเอกชนดึงศักยภาพของผู้สูงอายุมาใช้ให้เกิดประโยชน์



นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. ได้ขับเคลื่อนนโยบายภายใต้วิสัยทัศน์ : คนไทยมีความมั่นคงในชีวิตและสวัสดิการที่เหมาะสม โดยยึดนโยาย  5X5 ฝ่าวิกฤตประชากร ในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีภารกิจหลักคือ พัฒนาศักยภาพ และสร้างโอกาสให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ยากไร้ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้กลุ่มเปราะบางก้าวข้ามคำว่า “เปราะบาง” มีงาน มีรายได้ สามารถอยู่ร่วมในสังคม และพร้อมส่งต่อโอกาสสู่ผู้อื่นต่อไป และเราได้จัดตั้งศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน หรือ ศรส. เพราะเหตุด่วน เหตุร้ายทางสังคม ต้องรวดเร็วในการเข้าถึงปัญหา แก้ปัญหาตรงจุด ติดตามและรายงานผลอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นภารกิจร่วมกันของทุกหน่วยงานภายใต้ ศรส. นอกจากนี้ เรามีการเสริมสร้างขีดความสามารถในการปรับตัว (Adaptive Capacity) ต่อผลกระทบจากโลกร้อน สำหรับกลุ่มคนเปราะบาง ซึ่งเราต้องรู้ ต้องเข้าใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และเราจะต้องสร้างขีดความสามารถในการปรับตัวให้

นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการทำงานของกระทรวง พม. ในปีที่ 2 เราจะเร่งต่อยอดงานที่ทำแล้ว  พร้อมๆ กับเร่งพัฒนางานใหม่ๆ เพื่อให้เกิดการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องต่อไป ตามนโยบายรัฐบาล โดยในด้านเด็ก ต้องเติบโตสมวัย อย่างมีคุณภาพ ด้วยการพัฒนาศูนย์เด็กเล็ก สร้างความมั่นคงในระบบเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด และสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาศักยภาพเด็ก สำหรับคนพิการนั้น กระทรวง พม. จะต้องสร้างโอกาสในชีวิต จากเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท จัดให้มีล่ามภาษามือครบทุกจังหวัด ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ ทั้งภาครัฐและเอกชน พัฒนานวัตกรรมกายอุปกรณ์และเครื่องช่วยความพิการ และสร้างเจตคติเชิงบวกต่อสังคม  ส่วนผู้สูงอายุ จะต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน เช่น ผลักดันให้เกิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในชุมชน โครงการบริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ ผลักดันการจ้างงานผู้สูงอายุ รวมถึงปรับปรุงที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ และสุดท้ายคือผู้ยากไร้ เราจะต้องสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ชุมชน โดยต้นแบบจากนิคมสร้างตนเอง สร้างโอกาส มีบ้าน มีสุข เพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยในราคาที่จับต้องได้  และส่งเสริมความร่วมมือทุนทางสังคมในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง

นายวราวุธ กล่าวว่า ก้าวต่อไปในปีที่ 2 และต่อๆ ไป นั้น เราจะมุ่งมั่นสร้างสรรค์สังคมไทยให้ทุกคนมีความมั่นคงในชีวิตอย่างพอเพียง โดยเริ่มที่การพัฒนาระบบฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน ปลอดภัย และเป็นระบบบริหารจัดการข้อมูลร่วมกัน ภายใต้แนวทางฐานข้อมูล พม.ดิจิทัล ภายในปีงบประมาณ 2568 นี้ และต่อด้วยโครงการ Flagship 9 โครงการ ที่ต่อยอดนโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร ประกอบด้วย 1. ยกระดับการพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัย 2. ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในการดูแลผู้สูงอายุ 3. สร้างงาน สร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนเปราะบาง โดยเฉพาะคนพิการ ผู้สูงอายุ และสร้างต้นแบบนิคมสร้างตนเอง 4. พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้เข้าถึงสิทธิ และการจัด Friendly Design ที่เหมาะแก่คนพิการ 5. สร้างหุ้นส่วนทางสังคม สู่สวัสดิการที่ยั่งยืน ด้วยการพัฒนาระบบ CSR ดึงภาคเอกชน สร้างพันธมิตรทางสังคมระบบอาสาสมัคร 6. แผนจัดการผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติต่อกลุ่มเปราะบาง 7. การขับเคลื่อนพันธกรณีระหว่างต่างประเทศที่สำคัญ 8. การสื่อสารประชาสัมพันธ์ทางสังคมเชิงรุก และ 9. พัฒนาศักยภาพบุคลากร พม.

นายวราวุธ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้ เป็นภารกิจทางสังคมของกระทรวง พม. เพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนเปราะบาง ทั้งนี้ เราทีม พม.หนึ่งเดียว จะทำภารกิจนี้ไปด้วยกัน และตนยินดีรับฟังทุกภารกิจ และสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง ขอให้พวกเราคุยกัน ปรึกษาหารือกัน และทำงานด้วยกันแบบ “พม.หนึ่งเดียว” ภายใต้บ้านสีชมพูหลังนี้ ถึงแม้งานของเรานั้นต้องเสียสละอย่างมาก แต่ขอให้ทุกคนเริ่มต้นที่ตัวเรา มั่นใจ และภูมิใจว่า ทุกสิ่งที่เราทำ ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อตัวเรา แต่เพื่อพี่น้องคนไทย ประเทศไทย และยังส่งผลต่อความยั่งยืนของโลกใบนี้ โดยที่เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #1300 #วราวุธรับฟังทำจริง #พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม
#พมหนึ่งเดียว #ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง #NEXTSTEPพม #แถลงผลงาน #นโยบาย5x5ฝ่าวิกฤตประชากร

ทีเส็บ เดินหน้าโชว์ศักยภาพภาคตะวันออก ชวนสัมผัส

ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ ร้านขนมเปี๊ยะของฝากในรูปแบบสถาปัตยกรรมโมเดิร์นไชนีส


ทีเส็บ เดินหน้าโชว์ศักยภาพภาคตะวันออก จัดกิจกรรมแฟมทริป สัมผัสเส้นทางในพื้นที่อีอีซีกิจกรรมแฟมทริปในครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด FAM TRIP: One More Step of a Prosperous EEC ก้าวไปอีกขั้น…มุ่งสู่ความสำเร็จ



โดยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการไมซ์ และสื่อมวลชนกว่า 30 ราย จะได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ผ่านความหลากหลายของอัตลักษณ์เชิงพื้นที่และสัมผัสกับประสบการณ์ตรงที่มีคุณค่าทั้งในด้านความพร้อมเชิงโครงสร้างของภาคตะวันออก ความพร้อมของการจัดงานไมซ์ รวมถึงการสัมผัสกับสินค้าและการใช้บริการไมซ์ในพื้นที่ดังกล่าว อาทิ การเยี่ยมชม ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ ร้านขนมเปี๊ยะของฝากในรูปแบบสถาปัตยกรรมโมเดิร์นไชนีส ซึ่งออกแบบโดยอาจารย์ชาตรี ลดาลลิตสกุล ศิลปินแห่งชาติ พร้อมการเรียนรู้และเข้าใจวิธีการทำขนมเปี๊ยะ และเป็นสิ่งที่ทำให้ครอบครัวเราตัดสินใจที่จะทำ คือ คุณชาตรีบอกว่าไม่ได้อยากทำร้านขนมเปี๊ยะ แต่เขาอยากทำกล่องเก็บความภาคภูมิใจให้ครอบครัวคนทำขนมเปี๊ยะ






ขนมเปี๊ยะคลาสสิคไส้ฟักถั่วไข่ตั้งเซ่งจั้ว มีต้นกำเนิดมากจากประเทศจีนในชุมชนคนแต้จิ๋วเมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว เป็นขนมเปี๊ยะรสชาติดั้งเดิม ที่ตั้งอยู่ กม.13 ทางหลวงสายฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทราในช่วงแรกคุณปิยะพรคิดว่า เมื่อร้านสร้างเสร็จแล้วคงจะสวยและมีชื่อเสียงในระดับจังหวัด “แต่คุณชาตรีบอกว่าไม่ใช่หรอก มันจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาทำให้เราเห็นถึงพลังของการออกแบบที่ขับเคลื่อนพวกเราให้ไปไกลได้มากกว่าที่คิด

ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ อลังการริม ถ.บางปะกง-ฉะเชิงเทรา ขนมเปี๊ยะคลาสสิคไส้ฟักถั่วไข่ตั้งเซ่งจั้ว มีต้นกำเนิดมากจากประเทศจีนในชุมชนคนแต้จิ๋วเมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว เป็นขนมเปี๊ยะรสชาติดั้งเดิม สัมผัสกับสินค้าและการใช้บริการไมซ์ในพื้นที่ดังกล่าว อาทิ การเยี่ยมชม “ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ” โดยคุณปิยะพร ตันคงคารัตน์



สิ่งที่ทำให้ครอบครัวเราตัดสินใจที่จะทำ คือ คุณชาตรีบอกว่าไม่ได้อยากทำร้านขนมเปี๊ยะให้เรา แต่เขาอยากทำกล่องเก็บความภาคภูมิใจให้ครอบครัวคนทำขนมเปี๊ยะ” ซึ่งในช่วงแรกคุณปิยะพรคิดว่า เมื่อร้านสร้างเสร็จแล้วคงจะสวยและมีชื่อเสียงในระดับจังหวัด “แต่คุณชาตรีบอกว่าไม่ใช่หรอก มันจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาทำให้เราเห็นถึงพลังของการออกแบบที่ขับเคลื่อนพวกเราให้ไปไกลได้มากกว่าที่คิด


ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ
เวลาเปิด - ปิด
จ. - พฤ เวลา 08.00-17.30 น.
ศ. - อา เวลา 08.00-19.00​ น.

พิกัด ตำบลแสนภูดาษ อำเภอบ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา
https://maps.app.goo.gl/PNEPB62AhJ1Fvzg39?g_st=ic

สั่งซื้อสินค้าออนไลน์
Shopee: https://shopee.co.th/tsj1932
Line : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=tsj1932
https://www.facebook.com/tsjsaenphudat
ig : https://instagram.com/tsjsanphudat
tiktok : https://www.tiktok.com/@tsj1932sanphudat

#toptotravel #MICE #minieecfair2024
#TCEB #CENTRALEASTERNMICE #ECCMICEFAMTRIP2024
#EEC #eccmicefamtrip2024

12 ตุลาคม 2567

Skal International Bangkok จัดบรรยายพิเศษเรื่อง

"Modern Online Travel Platform"    

มร.เจมส์ เธิร์ลบี้ นายกสมาคมสกาลสากลกรุงเทพฯ และคณะกรรมการร่วมกันจัดงานเลี้ยงอาหารกลางวัน โดยมี มร.เจสัน ลู ผู้จัดการทั่วไปภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก Fliggy International Hotel ให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ  "Modern Online Travel Platform" (แพลตฟอร์มออนไลน์ด้านธุรกิจท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน) ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นโดย มร.ฟรานซิส ซิมเมอร์แมน ผู้จัดการทั่วไป ของโรงแรม ภายในงานมีเจ้าของธุรกิจและผู้บริหารระดับสูงในวงการท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิเช่น มร. แอนดรูว์ เจ. วู้ด, เอิร์ธ สายสว่าง, กนกรส วงศ์เวคิน, พิชัย วิสูตรีรัตน์,มร.มาร์วิน บีมานด์, มร.จอห์น นุทซี่, มร.แม็กซ์ มา, มิสเจนนิเฟอร์ เฟอร์ริส, วีรณัฐ ลิ้มประสูตร , ญาณิกา จันทร์ศรีชวาลา, มร.นีก แฮมเมอร์, มร.ไมเคิล แบมเบิร์ก และมร.มาร์ค แวน อ็อกทรอป เป็นต้น 



สมาคมสกาลสากลกรุงเทพฯ (SKAL Bangkok) เชิญวิทยากรที่มีชื่อเสียงมาบรรยายในหัวข้อที่เป็นประโยชน์กับการท่องเที่ยวไทย เพื่อให้สมาชิกและบุคคลที่สนใจได้มีโอกาสเสริมสร้างวิสัยทัศน์ด้านต่างๆ และมีความสัมพันธ์ที่ดีในการทำธุรกิจร่วมกัน สมาคมสกาลอินเตอร์เนชั่นแนล เป็นสมาคมผู้นำธุรกิจท่องเที่ยวที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลกมีสาขาอยู่ทั่วโลกทั้งในยุโรป และเอเซีย สำหรับในประเทศไทย มีสาขาอยู่ในจังหวัดที่เป็นยุทธศาสตร์สำหรับการท่องเที่ยวได้แก่ กรุงเทพฯ หัวหิน ภูเก็ต สมุย กระบี่ และเชียงใหม่

ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ

ทีเส็บจัดกิจกรรมแฟมทริป เยี่ยมชมเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก

Eastern Economic Corridor of  Innovation: EECi

ทีเส็บ โชว์ศักยภาพภาคตะวันออก จัดกิจกรรมแฟมทริป นำคณะผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการไมซ์ และสื่อมวลชน สัมผัสเส้นทางในพื้นที่อีอีซี เยี่ยมชม “เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of  Innovation: EECi)” เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แผนยุทธศาสตร์ภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการพัฒนาเชิงพื้นที่ ที่ต่อยอดความสำเร็จมาจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกEEC เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้าของไทย ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการขยายขนาดงานวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมฐานชีวภาพ อุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์ระบบอัจฉริยะ


ดร.วุฒิ ด่านกิตติกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
สายงานเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก

โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ณ 3 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เป็นพื้นที่นำร่องสำหรับการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน โดยมี 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth)  การขับเคลื่อนโครงการ EEC จำเป็นต้องอาศัยองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมและเพื่อเชื่อมโยงระบบการค้าและการขนส่งสมัยใหม่ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จึงได้ดำเนินโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of innovation : EECi)



ดร.รวีภัทร์ ผุดผ่อง ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมืออุตสาหกรรม (IND)

โครงการ EECi ประกอบไปด้วยเมืองนวัตกรรมขนาดใหญ่ 4 แห่ง ประกอบด้วย เมืองนวัตกรรมชีววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ (Bio polis) เมืองนวัตกรรมระบบอัตโนมัติหุ่นยนต์และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (ARI Polis) เมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) และเมืองนวัตกรรมการบินและอวกาศ (Space Innopolis) โดยเมืองนวัตกรรมทุกแห่งจะทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ เอกชน ชุมชนในพื้นที่ และหน่วยงานพัฒนาเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศ เพื่อร่วมกันพัฒนา EEC ผ่านการสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรม อาทิ โรงงานต้นแบบ โรงงานสาธิต พื้นที่ทดลองผลิต สนามทดลอง ศูนย์กลางการวิเคราะห์ทดสอบ และเครื่องกำเนิดแสงซินโครตอน





ณ บริเวณวังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการ EEC โดยมุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่เหมาะสม ส่งเสริมให้เกิดการการทำวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรมร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย รวมถึงชุมชนในพื้นที่ เพื่อก่อให้เกิดการนำผลการวิจัยไปต่อยอดสู่การใช้งานจริง และสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับภาคอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนา 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศด้วยการยกระดับอุตสาหกรรมเดิมและสร้างอุตสาหกรรมใหม่ สร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมในพื้นที่ควบคู่ไปกับการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง 



ภาคเอกชนสามารถใช้บริการหรือเช่าพื้นที่ระยะยาวเพื่อทำนวัตกรรมของบริษัทภายในพื้นที่โครงการ EECi ได้โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์และการสนับสนุนจากภาครัฐ อาทิ  การให้สิทธิเช่าที่ดินระยะยาวสำหรับจัดตั้งศูนย์วิจัยและเช่าพื้นที่ในอาคารเพื่อการวิจัยและพัฒนา การยกเว้นภาษีนิติบุคคลสูงสุด 13 ปี เก็บภาษีบุคคลธรรมดาคงที่ 17% คงที่สำหรับผู้เชี่ยวชาญ ยกเว้นอากรนำเข้าวัตถุดิบสำหรับการวิจัยและพัฒนา วีซ่าทำงานสำหรับผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ และพื้นที่ผ่อนปรนกฎระเบียบในการทำนวัตกรรม (Regulatory Sandbox) และเป็นแหล่งรวมนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญ

อ้างอิง : https://www.eeci.or.th/pdfs/EECi_Fact-Sheets_Th_20200713.pdf

#MICE #minieecfair2024

#TCEB #CENTRALEASTERNMICE 

#ECCMICEFAMTRIP2024


11 ตุลาคม 2567

CP LAND ตอกย้ำความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คว้ารางวัลอาคารประหยัดพลังงาน MEA ENERGY AWARDS 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่7

10 ตุลาคม 2567, กรุงเทพ - บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ตอกย้ำความสำเร็จด้านการอนุรักษ์พลังงาน ส่งอาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 1 (สีลม)  คว้ารางวัลอาคารมาตรฐานตราสัญลักษณ์ “MEA ENERGY AWARDS 2023” ระดับ STANDARD ประเภท “อาคารสำนักงาน” จาก การไฟฟ้านครหลวง ชูมาตรฐานอาคารอนุรักษ์  ตามโครงการส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร ภายใต้เเนวคิด “การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและคุณภาพอากาศได้มาตรฐาน


นายกีรติ ศตะสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND เผยว่า  จากเป้าหมายการพัฒนาองค์กรภายในเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP ที่ตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2030 หรืออีก 6 ปีข้างหน้า และพร้อมมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2050 CP LAND ตอบรับนโยบายเครือ โดยการปรับปรุงแผนงานให้สอดคล้องกับค่านิยมของโลกในปัจจุบันที่มีแนวโน้มใส่ใจในด้านพลังงานสีเขียว การอนุรักษ์พลังงาน ความยั่งยืน โดยเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ คือ การจัดการด้านพลังงานของอาคารสำนักงานภายใต้การบริหารของ CP LAND และ การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เครื่องจักรที่ใช้เงินลงทุน เช่น ปรับปรุงระบบปรับอากาศ เปลี่ยนหอระบายความร้อน ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง หลอดไฟ LED ส่งผลให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าลดลงอย่างต่อเนื่องและที่สำคัญช่วยลดการปล่อย CO2 และก๊าซชนิดต่างๆที่มีผลต่อคุณภาพอากาศ ทำให้สามารถคว้ารางวัลดีเด่นด้านอาคารสำนักงานจาก อาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 1 ในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและคุณภาพอากาศได้มาตรฐาน ในครั้งนี้ 


นอกเหนือจากนั้น โรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพฯ (โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพฯ) ของ บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND ภายใต้การบริหารงานของพันธมิตรอย่างเครือไมเนอร์ โฮเทลส์ ได้คว้ารางวัลอาคารมาตรฐานตราสัญลักษณ์ MEA ENERGY AWARDS ประเภท “โรงแรม” ทั้งระดับ STANDARD และ ระดับพรีเมียม (PLATINUM) จากการไฟฟ้านครหลวง โดยมีนางสาวชิดชนก พศินพงศ์ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพฯ เข้ารับรางวัลพร้อมรับมอบเงินสนับสนุนโครงการจำนวน 1 ล้านบาท

#CPLAND #CPTower #ซีพีแลนด์ #CPLANDคุณภาพทุกชีวิต #คุณภาพเพื่อทุกชีวิต
#เจอสุขเจอนั่นเจอนี่ #ความสุขเดินทางได้ #AccessibleCommunitiesforLife
#สุขจริงทุกจินตนาการ #MEAEnergyAwards #MEAEnergyAward2023 #MEA

T&B Media Global ผุดโปรเจ็ค START IT UP ร่วมกับ Wecosystem จัด mini talk

START IT UP SERIES : LET’S SPARK THE ENTREPRENEURIAL SPIRIT ปลุกพลังสร้างแรงบันดาลใจและการลงมือทำ 

เสร็จสิ้นไปแล้วกับการจัด Mini Talk START IT UP :  SERIES X Wecosystem  ที่จัดขึ้นโดย T&B Media Global (ประเทศไทย) จำกัด ที่ต้องการสร้าง “หัวใจของความเป็นผู้ประกอบการ” ตั้งแต่การเริ่มลงมือทำเริ่มทำ การแก้ไขปัญหาที่จะเป็นพลังงานสำคัญที่มีอยู่ในตัวของผู้ประกอบการทุกคนที่จะพาธุรกิจไปถึงฝั่งฝันให้ได้ ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้เข้าร่วมงานทั้งนักศึกษา และ ผู้ที่กำลังจะก้าวเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่สามารถวางแนวทางและกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเองที่กำลังจะเติบโตต่อไป โดยมีผู้ประกอบการที่มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และการแก้ปัญหา  4 หัวข้อหลัก คือ Start at Speed  - Super Problem Solvers - Startup Do or Die  และ Fighter Mindset



Start at Speed ทุกคนมีฝันที่อยากจะทำให้สำเร็จ มีคนมากมายที่ดูจะเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ อาทิ เจ้าของ Aprilpoolday ชุดว่ายน้ำยอดฮิตที่ไปฮ็อตในหลายประเทศ, เจ้าของ Perota ที่มีแฟน ๆ ติดตาม หลักแสน, และนักออกแบบที่ผันตัวเองมาเริ่มทำ Unmelt กระเป๋าสายคิวท์ที่ไปคิวท์ทั่วโลก พาไปคุยกับเจ้าของสามแบรนด์ ที่เริ่มจากสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วลุยลงมือทำ จนพาธุรกิจไปถึงหลักสิบล้านได้ด้วยตัวเอง  

Super Problem Solvers ใครก็คิดว่าทำ SME หรือรับช่วงธุรกิจที่บ้านนั้นมีแต่ปัญหา แต่สปิริตของผู้ประกอบการจะรู้อยู่แก่ใจ ว่าทำธุรกิจอะไรก็เจอปัญหาทั้งนั้น จะ Tech หรือ Non-Tech ก็เจอปัญหาแน่ ๆ แค่มันต่างวาระกันไป เจ้าของธุรกิจอย่างโรงเรียนนานาชาติ Hummingbird International Kindergarten, เจ้าของผลงานนวัตกรรมตู้เซฟเก็บเงินอัจฉริยะ Tiger Cash Box, และเภสัชกรผู้เปลี่ยนโรงงานผลิตยาสมุนไพรให้เป็นโปรดักส์ใหม่ของตัวเองอย่าง แบรนด์อากงอาม่า ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวแห้ง คัน ลอก ของผู้สูงอายุ ที่ได้รับรางวัลมามากมาย . ️

Startup Do or Die เริ่มก็ยากแล้ว แต่หลงทางแล้วหาทางพลิกตัวกลับนี่ยากกว่า ชวนไปรู้จักกับ เจ้าของ Upcydeธุรกิจที่เอา Waste ไทยไประดับโลกมาแล้ว, Madeekub ที่คุณต้น เริ่มคิดอยากทำธุรกิจเพราะความตั้งใจที่อยากจะช่วยลูกน้องที่เป็นรปภ.จนเจอโอกาสใหม่สำหรับคนเป็นล้านคน, และเจ้าของ Tasted Better ที่อยากจะสร้างสิ่งใหม่ให้กับโลกด้วย     ขนมปังที่ไม่ได้ทำจากแป้งแล้วไปได้รับการยอมรับถึงยุโรป  

Fighter Mindset ผู้ประกอบการที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของการต่อสู้กับปัญหา, ความไม่พร้อม, ความไม่ทัน, ความไม่พอ แล้วพวกเขาจะแก้ปัญหาที่เจอได้ยังไง? เจอกับ Deal Done Corp ที่มาจากความไม่มี จนทุกวันนี้นำธุรกิจของตัวเองเดินเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ด้วยความคิด ที่ทันสมัยกว่า อย่างเจ้าของ BentoWeb ที่ผ่านการแข่งขันเลือดสาด มาหลายต่อหลายครั้งในวงการอีคอมเมิร์ซ แต่ก็สร้างโอกาสใหม่ให้เขาได้ทุกครั้ง ด้วย mindset ที่ไม่คิดว่าปัญหาคือปัญหา อะไรที่เกิดขึ้นย่อมแก้ไขได้เสมอ, และแบรนด์ ปรุงสบาย ซอสหอยเป๋าฮื้อ ที่เจ้าของเอาแนวทางการต่อสู้เรื่องสุขภาพในชีวิตของตัวเอง และคนใกล้ตัวมาเป็นจุดแข็งให้กับสินค้าใหม่ในวงการอาหารของไทย


สำหรับผู้ที่สนใจสร้างแรงบันดาลใจและพร้อมที่จะฝ่าฟันไปสู้จุดมุ่งหมายสามารถเข้าไปชมงาน

mini talk ย้อนหลังได้ที่ youtube: Start it Up TH และติดตามความเคลื่อนไหวของ Start it Up ได้ทาง

https://www.youtube.com/@StartItUpTH

https://www.facebook.com/StartItUp.Thailand/ 

https://www.instagram.com/startitupth/

https://www.tiktok.com/@start.it.up.th

https://linktr.ee/StartItUpTH_2024

 #StartItUpTH #จะเริ่มทํากี่โมง #StartYourOwnWay