15 กรกฎาคม 2568

DMT เปิดตัวโครงการนำร่อง “ทำนาลดคาร์บอน” ยกระดับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต

15 กรกฎาคม 2568 – ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT แถลงข่าวเปิดตัวโครงการนำร่องเพื่อความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “Tollway Better Way – ยกระดับคุณภาพชีวิต” และ “Tollway Green Way – ยกระดับสิ่งแวดล้อมและสังคม” โดยโครงการดังกล่าวมุ่งเน้นการส่งเสริมการทำนาแบบลดการใช้น้ำ (Alternate Wetting and Drying: AWD) เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศ โดยเริ่มดำเนินงานในพื้นที่ต้นแบบ 20 ไร่ ที่ตำบลวัดยม อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งสนับสนุนเกษตรกรรมปลอดสารเคมี เสริมสร้างความสัมพันธ์ในชุมชน และวางรากฐานด้านเศรษฐกิจให้กับเกษตรกร ณ ทับขวัญรีสอร์ท แอนด์ สปา จ. นนทบุรี


ในภาพจากซ้ายไปขวา

1) เกษตรกรนาลดคาร์บอน ลุงเล็ก นายสุภณ ทองไพสิฐ

2) ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)

3) นายธนนนท์ เตรียมชาญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนตซีโรคาร์บอน จำกัด 

4) นายพินิจ เข็มทอง เกษตรกรนาลดคาร์บอน

ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT
เปิดเผยว่า DMT ดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีการจัดทำบัญชีคาร์บอนขององค์กร (CFO) และแผนลดคาร์บอน (Decarbonization Roadmap) โดยในปี 2565 มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 3,463 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี พร้อมตั้งเป้าเป็นองค์กร Carbon Neutral ภายในปี 2050 และเริ่มติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อลดการปล่อยก๊าซ CO₂e ได้กว่า 348 ตันต่อปี นอกจากนี้ DMT ยังได้รับการประเมิน SET ESG Ratings ระดับ “AA” ในกลุ่มธุรกิจบริการจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตั้งเป้าภายในปี 2568 ที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวก 3 ด้าน ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐ เอกชน และชุมชนโดยรอบพันธมิตรผนึกกำลังขับเคลื่อนโครงการต้นแบบ


โครงการ “ทำนาลดคาร์บอน” ดำเนินการโดยบริษัท เนตซีโรคาร์บอน จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ พร้อมความร่วมมือจากบริษัท สไปโร คาร์บอน จำกัด ผู้ให้บริการระบบติดตามและประเมินผลแบบดิจิทัล (dMRV) ที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อตรวจวัดผลการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างแม่นยำ


นายธนนนท์ เตรียมชาญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนตซีโรคาร์บอน จำกัด กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมกำลังผลักดัน NBS (Nature Based Solutions) เป็นการนำเอาทรัพยากรในระบบนิเวศน์ที่มีอยู่แล้วมาฟื้นฟูเพื่อแก้ปัญหาสังคม เช่น การทำนาแบบเปียกสลับแห้ง (AWD) มาตอบโจทย์ในภาคเกษตร การทำนาโดยปรับเปลี่ยนสังคมในหลายมิติ เพื่อลดปัญหาโลกร้อน เช่นการลดการใช้น้ำ การลดการปล่อยก๊าซมีเทน ลดฝุ่นควัน เพิ่มความเท่าเทียมทางเพศ ตลอดจนการสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกร และพัฒนาทักษะความรู้


การใช้วิธี AWD ช่วยลดการใช้น้ำ เพิ่มผลผลิต และลดการปล่อย PM2.5 และก๊าซเรือนกระจก โดยจะช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ผ่านการทำนาวิธีนี้ และระบบ dMRV นี้เองคือหัวใจสำคัญในการสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในระดับสากล เพราะข้อมูลสามารถตรวจสอบได้จากดาวเทียมและ AI ในการนำไปใช้จัดทำรายงานคาร์บอนเครดิตในอนาคต

14 กรกฎาคม 2568

เตรียมพบธุรกิจ & แฟรนไชส์ 250 แบรนด์หัวแถว

เตรียมพบธุรกิจ & แฟรนไชส์ 250 แบรนด์หัวแถว จัดโปรดีลด่วน!! Smart SME EXPO 2025 วันที่ 7-10 ส.ค.68 ฮอลล์ 7-8 เมืองทองธานี

ข่าวดีฉลองกลางปี นักลงทุน วัยเกษียณ  ผู้ที่มองหาอาชีพ  ผู้สนใจธุรกิจแฟรนไชส์  ปักหมุดรอกับงาน "Smart SME EXPO 2025" งานแฟรนไชส์และธุรกิจแห่งปี  โดยภายในงานรวบรวมธุรกิจแฟรนไชส์มากมายคับคั่งกว่า 250 บูธ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม เบเกอรี่  ธุรกิจสะดวกซัก  ขนส่งและโลจิสติกส์  เทคโนโลยี&ซอฟต์แวร์   ธุรกิจหยอดเหรียญ  ธุรกิจบริการ   แฟรนไชส์การศึกษา  แพคเกจจิ้ง  และอีกมากมาย  พร้อมใจจัดโปรโมชั่นนาทีทองชวนมาดีลในราคายิ่งกว่าคุุ้ม  เสิร์ฟพร้อมกับทำเลทองและสินเชื่อ  ให้เริ่มต้นได้ง่ายยิ่งขึ้น  พิเศษกับบูธให้คำปรึกษาทั้งในเรื่องการตลาด  การลงทุน  การพัฒนาสินค้า  การสร้างแบรนด์  การขยายตลาดต่างประเทศ ฯลฯ  จากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางทั้งภาครัฐและเอกชน   อีกทั้งยังมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับเอสเอ็มอี  พร้อมกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ  อัพเดทเทรนด์ธุรกิจและเครื่องมือการตลาดยุคใหม่มัดใจผู้บริโภคกับเสวนาให้ความรู้จากผู้ทรงคุณวุฒิพาเหรดขึ้นเวทีอีกคับคั่ง  และเวิร์กชอปสอนอาชีพฟรีตลอดทั้งวัน      

ผู้สนใจพลาดไม่ได้ งาน Smart SME EXPO 2025 จัดระหว่างวันที่ 7-10 สิงหาคม 2568  เวลา 10.00-20.00 น. ฮอลล์ 7-8 อิมแพ็คเมืองทองธานี

ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรี

 >> https://evcnx.co/e4h6B

สนใจออกบูธในงาน

โทร.094-915-4624 , 062-845-9515  

เฟซบุ๊ค : SMARTSMEEXPO

ภาคธุรกิจประกันชีวิตผนึกกำลังจัดงานวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 24 ประจำปี 2568

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน พร้อมด้วยกองทุนประกันชีวิต ผนึกกำลังจัดงานวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 24 ประจำปี 2568 เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการประกันชีวิต พร้อมรวมเครื่องมือบริหารความเสี่ยงด้วยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทต่างๆ  จากบริษัทประกันชีวิตที่ร่วมออกบูธ ด้วยคำแนะนำด้านการเงิน และการบริหารความเสี่ยงจากตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน ภายใต้แนวคิด “สุขคู่ขนาน สานทุกชีวิตพลิกอนาคต” โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 20 กรกฎาคม 2568 ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 โซน A, B และ C ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต จ.นนทบุรี

มร.โทมัส ชาร์ลส วิลสัน กรรมการบริหาร สมาคมประกันชีวิตไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดงานวันประกันชีวิตแห่งชาติครั้งที่ 24 ประจำปี 2568 เปิดเผยว่า “การสร้างความมั่นคงของครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องเศรษฐกิจครัวเรือนที่จะช่วยให้ชีวิตมีความมั่นคง มีความสุข การประกันชีวิตก็คือหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยบริหารความเสี่ยงภัยทางการเงิน ตลอดจนเป็นทางเลือกของการออมเงินอย่างมีเป้าหมายและต้องมีวินัยในการออมจะทำให้คุณมีความมั่นคงทางการเงินเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ในปี 2567 อัตราการถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตของคนไทย อยู่ที่ประมาณ 38 – 39% ของประชากร กล่าวคือ มีประชาชนราว 4 ใน 10 คนที่ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตเท่านั้น แสดงว่ายังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่มีความคุ้มครองและบางส่วนก็ยังไม่รู้ว่าการประกันชีวิตเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงภัยที่สามารถออมเงินได้ด้วย ดังนั้นเพื่อให้คนไทยมีสุขภาพทางการเงินที่ดี ชีวิตมีหลักประกันความมั่นคง ภาคธุรกิจประกันชีวิตจึงได้จัดงานวันประกันชีวิตแห่งชาติอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งปี 2568 นี้เป็นครั้งที่ 24 ภายใต้แนวความคิด “สุขคู่ขนาน สานทุกชีวิต พลิกอนาคต” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 - 20 กรกฎาคม 2568 บริเวณลานโปรโมชั่น ชั้น 1 โซน A B และC ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนทุกกลุ่มได้เข้าถึงข้อมูลของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่หลากหลายของบริษัทประกันชีวิตที่ร่วมออกบูธภายในงาน รวมทั้งหน่วยงานกำกับและภาคเอกชน ที่รวมตัวกันเพื่อมาเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับคุณประโยชน์ของการทำประกันชีวิต โดยเน้นสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงินกับเครื่องมือบริหารความเสี่ยงด้วยการประกันชีวิต งานดังกล่าวจึงถือเป็นโอกาสทองของประชาชนที่กำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องของการประกันชีวิต และกำลังมองหาแหล่งเงินออมหรือสะสมทรัพย์ รวมถึงการลดหย่อนภาษี ซึ่งสามารถเลือกสรรแบบประกันชีวิตที่สอดคล้องกับความต้องการและความสามารถในการชำระเบี้ยประกันภัยของตนเองได้ในงานนี้ พร้อมรับของที่ระลึกจากบริษัทประกันชีวิตที่ท่านสนใจ สำหรับผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตภายในงาน ตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป จะมีสิทธิ์รับคูปองชิงโชค ลุ้นรางวัลมูลค่ากว่า 3 แสนบาท รางวัลแจ็คพอตทองคำแท่งหนัก 2 บาท และอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ โทรศัพท์ iPhone 16 เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Smart Air Purifier 4 Compact เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Smart Air Purifier Elite และบัตรกำนัลเซ็นทรัล เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุก เช่น การคัดแยกขยะเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากบริษัทประกันชีวิต รวมถึงกิจกรรมเพื่อความบันเทิง มินิคอนเสิร์ตจากวง Atlas / Tilly Birds โชว์พิเศษจากนักแสดงชื่อดัง นิว-ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต / ลี-ฐานัฐพ์ โล่คุณสมบัติ เป็นต้น

ประธานคณะกรรมการจัดงานฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “งานวันประกันชีวิตแห่งชาติ ถือเป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญที่ภาคธุรกิจประกันชีวิตร่วมกันจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการเงิน และการบริหารความเสี่ยงในชีวิต พร้อมรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการมีหลักประกัน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองและคนที่รัก ในการนี้ ผมจึงขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมงานในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นโอกาสดีในการรับข้อมูล รับคำปรึกษา และเลือกแบบประกันชีวิตที่เหมาะสมกับตนเองและคนที่คุณรัก เพื่อเป็นหลักประกันอนาคตกันครับ”

พม. จัดพิธีประทานรางวัล “ประชาบดี” ประจำปี 2568 ยกย่องต้นแบบพัฒนาสังคม ช่วยผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีประทานรางวัล “ประชาบดี” ประจำปีพุทธศักราช 2568 แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่นแก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากและผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากที่ประพฤติตนดีเด่น เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกำลังใจแก่บุคคล องค์กร สื่อ และต้นแบบคนสู้ชีวิตที่ทำคุณประโยชน์ดีเด่นแก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากและบุคคลผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากประพฤติตนดีเด่น อีกทั้งเพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่บุคคล องค์กร สื่อ ในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมและมีส่วนร่วมในการจัดสวัสดิการสังคมและพัฒนาสังคม โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทูลรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน และนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ทูลเบิกผู้เข้ารับรางวัล “ประชาบดี” พร้อมด้วย นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. เฝ้ารับเสด็จ ณ โรงแรมปรินซ์ พาเลซ กรุงเทพมหานคร




นายวราวุธ กล่าวว่า "พระประชาบดี” เทพผู้เป็นที่พึ่งและสงเคราะห์ประชาชน ด้วยพลังแห่งการให้และแบ่งปัน เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้รอดพ้นจากสภาวะยากลำบาก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จึงได้นำชื่อ “ประชาบดี” มาเป็นชื่อรางวัลแห่งเกียรติยศ โดยได้ดำเนินโครงการเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่นแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่นแก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากและผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากที่ประพฤติตนดีเด่น ด้วยการมอบรางวัล “ประชาบดี” ตั้งแต่ปี 2550 โดยรางวัลประชาบดี แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ 2) องค์กรที่ทำคุณประโยชน์  3) สื่อสร้างสรรค์ และ 4) ต้นแบบคนสู้ชีวิต ซึ่งตั้งแต่ปี 2550 – 2567 มีการยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่เสียสละและอุทิศตน ทำงานเพื่อสังคม มีผลงานโดดเด่น และสนับสนุนภารกิจของกระทรวง พม. ให้ได้รับรางวัล “ประชาบดี” แล้วจำนวน 1,055 ราย 



ทั้งนี้ คณะกรรมการ “รางวัลประชาบดี” ได้พิจารณาคัดเลือกประวัติและผลงานของผู้ได้รับรางวัล “ประชาบดี” ประจำปีพุทธศักราช 2568 จำนวน 38 ราย ดังนี้ 

1) บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ จำนวน 15 ราย ได้แก่ พระครูผาสุการวิมล (สมภพ ถาวรดี) , นายอนรรฆ พิทักษ์ธานิน , Mrs. Jaegab Lee , นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ , จ่าโทโกเมศร์ ทองบุญชู , นายฐาปนันท์ มหิศนันท์ , นางณัฎฐ์กัญญา แสงโพธิ์ , นางสาวนิชญาพัทธ์ พัชรชัยบุญนันท์ , นายประดิษฐ์ ปิ่นสังข์ , นายเพียร หนูลาย , ร้อยตำรวจโทมนัส โนนุช , นางมนทิรา พัฒนกุล , นายอรรถยา นาครินทร์ , นายอุดม สุขเสน่ห์ และนายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ 

2) องค์กรที่ทำคุณประโยชน์ จำนวน 4 ราย ได้แก่ มูลนิธิสายรุ้งเพื่อคนพิการ , บริษัท เด็กพิเศษ วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด , สำนักงานเทศบาลตำบลนาด้วง จังหวัดเลย และสำนักงานเทศบาลตำบลนิคมทุ่งโพธิ์ทะเล จังหวัดกำแพงเพชร

3) สื่อสร้างสรรค์ จำนวน 8 ราย ได้แก่ รายการเก่งจริงชิงค่าเทอม ,  หนังสือจอนิ โอ่โดเชา ปราชญ์นักสู้แห่งภูเขา โดยนางชมัยภร แสงกระจ่าง , รายการฟังชัดจัดให้ , รายการเวทีชาวบ้าน , รายการเก่งเล็กใจใหญ่ หัวใจนักสู้ , สื่อพื้นบ้าน โดยนายมานะ โทขันธ์ , รายการช่วยกันไป และรายการหมอประชาผ่าตัดสมอง

4) ต้นแบบคนสู้ชีวิต จำนวน 11 ราย ได้แก่ นายสัณห์สิษฐ์ มรรคธรรมกุล , นางสาวกัลย์วสุ วิราช , นางธัญญรัศม์ ชูแก้ว , นายธีระยุทธ์ จันทร์ปาน , นางปนัดดา จันทพาด , นางรัษฎาภัช จันทร์ตราชู , นายวรรสมภพ ฉิมแสง, นางสาวสุปราณี รัตนไทรแก้ว , นายสมพร ทองคำดี , นายศักเคียส โพธิ์เงิน และนางสาวโอ๋ (ผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์)

11 กรกฎาคม 2568

MILKLAB ร่วมส่งเสริมผลักดันวัฒนธรรมคาเฟ่ในไทยกับงาน “Brew Your Vibes” ที่สยามเซ็นเตอร์

 

MILKLAB แบรนด์นมทางเลือกชั้นนำจากออสเตรเลียที่พัฒนาจากพืช เตรียมมอบประสบการณ์คาเฟ่สุดพิเศษให้กับคอกาแฟชาวไทย ในงาน “Brew Your Vibes” ในวันที่ 19–20 กรกฎาคม 2568 ณ บริเวณ Atrium 2 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์

ผู้ร่วมงานจะได้สัมผัสวัฒนธรรมคาเฟ่แนวใหม่ พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์นมพืชระดับพรีเมียมจาก MILKLAB ที่โดดเด่นทั้งในด้านรสชาติ เนื้อสัมผัส และความสามารถในการเข้ากับกาแฟอย่างลงตัว โดยเฉพาะเมนู Iced Strawberry Matcha และ Iced Pistachio Latte ที่พร้อมเสิร์ฟฟรีในงานวันละ 200 แก้ว (จนกว่าของจะหมด)

ในงานมีกิจกรรรมให้ผู้เข้าร่วมได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการลิ้มมลองรสชาติกาแฟที่แตกต่าง และถ่ายภาพเช็คอินสุดสวยเป็นที่ระลึก ไฮไลต์ของงาน พบกับ Mikael Jasin แชมป์โลกบาริสต้า 2024 แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ MILKLAB ที่จะมาจัดกิจกรรม “Omakafe” เพื่อส่งมอบประสบการณ์การจับคู่กาแฟกับนมพืชผ่านรสชาติใหม่ที่ไม่คาดคิดมาก่อนให้กับผู้โชคดี

ในงานยังมีการสาธิตลาเต้อาร์ตและเมนูพิเศษจาก คุณมุก MILKLAB Brand Ambassador ของไทย พร้อมดื่มด่ำกับเสียงเพลงจากดีเจชื่อดังอย่าง Taidy, Patra, Bestboi และ Esspee ที่จะมาสร้างบรรยากาศชิล ๆ ตลอดงาน นอกจากนี้ยังมีของขวัญ ของที่ระลึก และส่วนลดสำหรับ กาแฟ อีกมากมายเตรียมมอบให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ 




MILKLAB ได้รับการยอมรับจากร้านกาแฟในออสเตรเลียว่าเป็นแบรนด์นมพืชสำหรับบาริสต้าอันดับ 1  และยังขยายตลาดสู่กว่า 20 ประเทศทั่วโลก การจัดงานครั้งนี้จึงไม่เพียงตอกย้ำความสำคัญของตลาดกาแฟและวัฒนธรรมคาเฟ่ที่แข็งแกร่งในประเทศไทย แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงชุมชนคอกาแฟ บาริสต้า และผู้ประกอบการร้านกาแฟให้ร่วมสร้างวัฒนธรรมใหม่ที่ยั่งยืนและสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคน

กิจกรรม Brew Your Vibes โดย MILKLAB เปิดให้เข้าร่วมฟรี ระหว่างเวลา 10:30–18:00 น. วันที่ 19 และ 20 กรกฎาคม 2568 ที่สยามเซ็นเตอร์ Atrium 2 ผู้สนใจเข้าร่วม Omakafe กับ Mikael Jasin สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าที่ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSebFauk-X7hXSdsPkLDx_VGckmeSjC6Q7UtcXSBNi_pUZcHXQ/viewform

ร่วมสัมผัสค่ำคืนแห่งสีสันและเสน่ห์ของจังหวะละตินใจกลางกรุงเทพฯ กับ DJ Henry Knowles

ณ อาร์บาร์ (R Bar) โรแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์

โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ ขอเชิญชวนทุกท่านที่หลงใหลในเสียงเพลงและจังหวะการเต้น ร่วมสัมผัสค่ำคืนสุดพิเศษในงาน Latin Night at R Bar ที่จะนำพลังแห่งความมีชีวิตชีวาและเสน่ห์ของดนตรีละตินมาสู่ใจกลางกรุงเทพฯ เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2025 เป็นต้นไป



ทุกค่ำคืนวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป อาร์บาร์ (R Bar) จะถูกเนรมิตให้กลายเป็นจุดนัดพบใหม่แห่งจังหวะสุดเร่าร้อน นำโดยไฮไลต์การแสดงสดจาก ดีเจ Henry Knowles ราชาแห่งวงการดนตรีละตินระดับโลก ผู้คร่ำหวอดในวงการมากกว่า 85 ประเทศทั่วโลก เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ การันตีด้วยประสบการณ์การแสดงร่วมกับศิลปินชื่อดังระดับโลก อาทิ Jennifer Lopez, Marc Anthony และ Celia Cruz ที่จะมาร่วมสร้างปรากฏการณ์ความสนุกสุดมันส์ให้กับย่านราชประสงค์ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ยามค่ำคืนอย่างสมบูรณ์แบบ แขกทุกท่านสามารถเข้าร่วม คลาสเต้นละตินฟรี โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Rumpuree World Dance Studio ตั้งแต่เวลา 20.00 – 21.00 น. พร้อมเรียนรู้และสนุกไปกับสเต็ปแดนซ์ละติน ในค่ำคืนแห่งความมันส์อย่างเต็มรูปแบบ

ปิดท้ายความสนุกด้วยเมนู เครื่องดื่มค็อกเทลและของว่างสุดพิเศษ ในราคาสุดคุ้ม ตลอดทั้งคืน ให้ทุกท่านได้อิ่มเอมทั้งรสชาติและบรรยากาศอย่างเต็มอรรถรส ณ อาร์บาร์ (R Bar) ชั้นล็อบบี้ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่ง โทร. 02.125.5000
หรือคลิก https://www.facebook.com/share/1Bwhd5cb9g/

“เชลล์ดอน” ตอนที่ 14 “ส่งต่อความสุข”

วันอาทิตย์ที่ 13 ก.ค.นี้ 7 โมงเช้า ช่อง 7HD 

“เชลล์ดอน ทรี ดี แอนิเมชัน ทีวีซีรี่ส” (Shelldon 3D Animated TV Series) เชลล์ดอนและผองเพื่อน ประจำสัปดาห์นี้ นำเสนอตอน “ส่งต่อความสุข” ที่จะมามอบความสนุกให้น้องๆ หนูๆ ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 13 ก.ค. นี้ เวลา 7 โมงเช้า ช่อง 7HD 

โดยตอนนี้เป็นเรื่องราวเมื่อ คุณครูอิงกี้ให้การบ้านนักเรียน หาวิธีช่วยเมืองเชลล์แลนด์ให้น่าอยู่มากขึ้น คอนนี่จึงเกิดความคิดเรื่อง “การส่งต่อความดี” จนได้รับคำชมจากคุณครูอิงกี้ และเมื่อคอนนี่เริ่มลงมือทำความดี เพื่อส่งผ่าน ความดีไปยังคนอื่น ๆ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แม้แต่แก๊งอันธพาลประจำเมือง ยังหันมาทำความดีต่อ ๆ กันไป จนกระทั่งคุณแคร็กเก้นยื่นมือเข้ามาหากำไรจากโครงการของคอนนี่ สุดท้ายแล้วคอนนี่จะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร เพื่อให้ทุกคนทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทนกันต่อไป 



ติดตามชม “เชลล์ดอน ทรี ดี แอนิเมชัน ทีวีซีรี่ส” ได้ทุกวันอาทิตย์ 7 โมงเช้า ทางช่อง 7HD
เชลล์ดอนช่องภาษาไทยได้ทาง https://www.youtube.com/@ShelldonThailand
และเชลล์ดอนช่องภาษาอังกฤษได้ทาง https://www.youtube.com/@ShelldonEnglish

09 กรกฎาคม 2568

โรงแรมฟอร์จูนนครพนมฯ ร่วมสนับสนุนงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ประจำปี 2568” อย่างยิ่งใหญ่

นครพนม – เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ณ ลานพญาศรีสัตตนาคราช จังหวัดนครพนม ได้มีพิธีเปิดงาน บวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 โดยได้รับเกียรติจาก นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.คฑา ชินบัญชร และแขกผู้มีเกียรติจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมงานนับหมื่นคน

โรงแรมฟอร์จูน ริเวอร์วิว นครพนม และ โรงแรมฟอร์จูน วิวโขง ในนาม ฟอร์จูน โฮเทล กรุ๊ป ภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต้อนรับและสนับสนุนงานบุญประจำปีครั้งยิ่งใหญ่นี้ เพื่อร่วมสืบสานตำนานความเชื่อ ความศรัทธา และวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาวลุ่มน้ำโขง ซึ่งองค์ พญาศรีสัตตนาคราช ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของจังหวัดนครพนม ทั้งในด้านจิตวิญญาณและการท่องเที่ยว

งานในปีนี้จัดขึ้นอย่างอลังการ โดยมี พานบายศรีสูงถึง 7.70 เมตร ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในประเทศไทย พร้อมด้วย ขบวนแห่และนางรำกว่า 2,100 คน ร่วมบวงสรวงอย่างพร้อมเพรียง สร้างภาพแห่งความศรัทธาและความงดงามทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังมีแขกรับเชิญพิเศษและศิลปินชื่อดังมากมายร่วมสร้างสีสันภายในงาน


ตลอดระยะเวลา 7 วันของการจัดงาน (7 – 13 กรกฎาคม 2568) บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงจะมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ ขบวนแห่ แสง สี เสียง การแสดงวัฒนธรรม 9 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ การแสดงหมอลำ และโรงทานจากผู้มีจิตศรัทธา ซึ่งล้วนสะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น พร้อมส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน และยกระดับนครพนมสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศ

โรงแรมในเครือฟอร์จูน มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมขับเคลื่อน Soft Power ของไทยผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม พร้อมให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยบริการอบอุ่น ห้องพักริมแม่น้ำโขงบรรยากาศดีอบอุ่นในนครพนม และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อมอบประสบการณ์การเข้าพักที่ประทับใจอย่างแท้จริง

#บวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช2568
#นครพนม
#พญาศรีสัตตนาคราช
#ลุ่มน้ำโขง
#SoftPowerไทย
#เที่ยวอีสาน
#ฟอร์จูนโฮเทลกรุ๊ป
#FortuneRiverViewนครพนม
#FortuneViewKhong

“สเตลล่า” ไม่หวั่นตลาดซบเดินหน้าเตรียมเปิดใหม่ 3 โครงการ

สเตลล่า น้องใหม่อสังหาฯ มากประสบการณ์ สามารถกวาดยอดขาย 6 เดือนแรกได้กว่า 800 ล้านบาท แม้เผชิญความท้าทายจากหนี้ครัวเรือนและการปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงิน โดยมี Backlog จนถึงปลายปีอีก 500 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว “สเตลล่า” มียอดโอนของไตรมาส 2/2568 รวม 209 ล้าน เมื่อเทียบกับยอดโอนไตรมาส 2/2567 (ยอดโอน 21.3 ล้าน) โตกว่า 10 เท่า พร้อมลุยครึ่งปีหลังเตรียมเปิดโครงการใหม่ อีก 3 โครงการทั่วกรุงเทพฯ 

นายรองฤทธิ์ ธรรมสถิต ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท    สเตลล่า เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ STELLA เปิดเผยว่า จากแผนงานในปี 2568 ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการขายให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการอย่างแท้จริง (Real Demand) ทำให้ได้ยอดโอนได้เกินเป้า  อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของทางธนาคารที่มีให้กับลูกค้าลดน้อยลง โดยฉพาะอย่างยิ่งโครงการโนวา ลาดกระบัง-สุวินทวงศ์ มียอดโอนแล้วกว่า 60% จากเป้าโอนทั้งปี และในส่วนของภาคธุรกิจโรงแรมภายใต้แบรนด์เอสเตลล่า (Estella) มีรายได้เมื่อเทียบกับปี 2567 สูงขึ้นถึง 13% ในส่วนของธุรกิจบริการสนามกอล์ฟสตาร์รี่ วัลเล่ เขาใหญ่ รายได้เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนก็สูงขึ้นถึง 12% โดยภาพรวมของ “สเตลล่า” แล้ว บริษัทฯ ประสบความสำเร็จและมีรายได้เพิ่มขึ้นในทุก ๆ ธุรกิจ

ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่อยู่อาศัย และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงความสามารถในการรักษากำไร ดันยอดขายผ่านทีมขายมืออาชีพ ที่เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างแท้จริง ควบคู่กับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างตรงจุดทำให้ธุรกิจภาคอสังหาฯ เติบโตอย่างมีกำไร ซึ่งผู้บริหารและทีมงานทุกคนมีความมุ่งมั่นกันอย่างยิ่ง เพื่อฟันฝ่าวิกฤติการณ์รอบด้านไปให้ได้อย่างดี ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อกระแสเงินสดและฐานะทางการเงินของบริษัทฯ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติ ตั้งแต่โครงสร้างการจัดซื้อ วัสดุก่อสร้าง ไปจนถึงกระบวนการก่อสร้าง เพื่อคงอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ในระยะยาว และสำหรับครึ่งปีหลัง 2568 นี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มอีก 3 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท ได้แก่ 

1. โครงการแอสตร้า พระราม 2 บ้านเดี่ยวระดับลักซูรี 20 ล้าน

2. โครงการโนวา เวสเกต บ้านเดี่ยวระดับราคา 4-7 ล้านบาท 

3. โครงการสตาร์รี่ นวมินทร์-รามอินทรา คอนโดมิเนียม 8 ชั้น เริ่ม 2.4 ล้านบาท

“จากผลงานครึ่งปีที่ผ่านมานี้ บริษัทฯ ขอขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจให้การตอบรับสินค้าและบริการในทุกภาคธุรกิจของเราเป็นอย่างดี  ขอบคุณทีมบริหารและพนักงานทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขปัญหาต่างๆจนลุล่วงด้วยดี ทำให้ภาพรวมของครึ่งปี เราสร้างยอดขายใหม่ได้เกือบ 800 ล้าน ซึ่งสวนทางกับภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ที่มีปัจจัยลบต่าง ๆ มากมาย และ 6 เดือนที่เหลือของปีนี้ ก็จะเป็นการพิสูจน์ความสามารถเราอีกครั้งหนึ่งในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทฯ สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่อไป" นายรองฤทธิ์ กล่าว 

“สเตลล่า” ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคใหม่ ด้วยการผสานแนวคิดด้านนวัตกรรม สุขภาวะ และสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของชุมชน เพิ่มพื้นที่ความสุขตั้งแต่วันนี้จนถึงอนาคต ภายใต้แนวคิด “Space For Tomorrow” ภายใต้พันธกิจ พัฒนาพื้นที่อยู่อาศัยที่ผสมผสานความหรูหรากับสิ่งแวดล้อม พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านนวัตกรรมที่ยั่งยืน รวมถึงมุ่งมั่นอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ส่งเสริมคุณภาพชีวิต และสรรสร้างวิถีชีวิตที่ใส่ใจระบบนิเวศน์องค์รวม

“ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล”นำ 3 ศิลปิน ร่วมปลุกพลังเยาวชน Gen Z บริจาคโลหิต

“ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล”นำ 3 ศิลปิน ร่วมปลุกพลังเยาวชน Gen Z บริจาคโลหิต ในแคมเปญ #BLOODCONNECT  เลือดเชื่อมชีวิต...ให้ทุกชีวิตได้ไปต่อ”


บริษัท “ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล” (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ชั้นนำของเมืองไทย ผสานความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่กับ 3 องค์กรสำคัญ คือศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) และสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย (AAT) โดยร่วมเป็นหนึ่งในภาคีเครือข่ายขององค์กรพันธมิตรกว่า 900 ทั่วประเทศ ปลุกพลังเยาวชนคน Gen Z ชวนบริจาคโลหิตผ่านแคมเปญ #BLOODCONNECT ภายใต้แนวคิด “We Are All Connected - เลือดเชื่อมชีวิต...ให้ทุกชีวิตได้ไปต่อ”โดยนำ 3 ศิลปินในเครือ คือ  จีจี้ “ศุภิสรา วุฒิศาสตร์” -  ซีโมน  “ปุณณาสา ต้นวิชา”  และ ลูกปืน “ศาสวัต ทองอินทร์” เข้ารวมถ่ายทำคลิปวีดีโอเพื่อร่วมรณรงค์ในกลุ่มเยาวชน Gen Z  นับเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่สามารถบริจาคโลหิตได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต


ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ร่วมยกระดับการบริจาคโลหิตเป็น “วาระแห่งชาติ” โดยร่วมการร่วมมือครั้งสำคัญกับสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) และสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย (AAT) พร้อมกับภาคีอีกกว่า 900 ทั่วประเทศ สร้างสรรค์แคมเปญในรูปแบบ Public Service Advertising Campaign เพื่อขับเคลื่อนสังคมด้วยพลังของความคิดสร้างสรรค์ และความรู้ในวิชาชีพด้านการตลาด และโฆษณา จุดมุ่งหมายคือการสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมการบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องใน กลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อให้ประเทศไทยมีปริมาณโลหิตสำรองเพียงพอสำหรับผู้ป่วยอย่างยั่งยืน  สร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยการบริจาคโลหิต มอบโอกาส มอบความสุข มอบอนาคตให้ผู้ป่วยได้ใช้ชีวิตในรูปแบบที่ต้องการ จุดไฟคน Gen Z เห็นความสำคัญของการบริจาคโลหิตเป็นประจำทุก 3 เดือน ให้มีปริมาณโลหิตสำรองเพียงพอสำหรับผู้ป่วยทั่วประเทศ หากเริ่มต้นเป็นผู้บริจาคโลหิตตั้งแต่อายุ 17 ปีบริบูรณ์ จะมีช่วงระยะเวลาบริจาคโลหิตได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน




โดย บริษัท ที แอนด์ บี  มีเดียโกลบอล (ประเทศไทย) นอกจากจะได้ร่วมนำศิลปินในเครือถ่ายทำคลิปวีดีโอเพื่อร่วมรณรงค์ในแคมเปญนี้แล้วแล้วยังได้ร่วมประประชาสัมพันธ์โครงการผ่านโซเชียลมีเดียของบริษัทอีกด้วย https://www.facebook.com/share/p/1AhyFUHkn5/?mibextid=wwXIfr

08 กรกฎาคม 2568

บมจ.ไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 27001:2022


บมจ.ไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์  ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 27001:2022 ยกระดับความปลอดภัยด้านข้อมูล พร้อมมุ่งหน้าสู่การเป็นผู้นำในตลาด Insur tech บริษัท ไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2022 สำหรับระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Management System: ISMS) ครอบคลุมทั้งธุรกิจนายหน้าประกันชีวิตและนายหน้าประกันวินาศภัย ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านการรักษาความลับ ความครบถ้วน และความปลอดภัยของข้อมูลในทุกกระบวนการ

ดร.ปานวัฒน์ กูรมาภิรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) กล่าวว่า“การได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 27001:2022 ในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นเครื่องยืนยันถึงความเข้มแข็งด้านการจัดการข้อมูลของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตรียมความพร้อมเชิงกลยุทธ์ในการยกระดับระบบงานเข้าสู่การดำเนินธุรกิจในรูปแบบ InsurTech (Insurance Technology) ซึ่งเน้นการผสานเทคโนโลยีเข้ากับการบริการด้านประกันภัยอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และทันสมัย”

บริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบดิจิทัลแบบครบวงจร เพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ รวมถึงการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Big Data Analytics) เพื่อสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น และออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคล การได้รับการรับรอง ISO/IEC 27001:2022 ยังเป็นส่วนหนึ่งของการวางรากฐานด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของบริษัทในการเป็น “ศูนย์กลางข้อมูลและที่ปรึกษาด้านประกันภัยที่ประชาชนไว้วางใจ” และเป็นผู้นำด้าน Digital Insurance Brokerage อย่างแท้จริง

เกี่ยวกับบริษัท ไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน):บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านนายหน้าประกันภัยที่ให้บริการครบวงจร ทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย โดยยึดมั่นในค่านิยมหลัก ได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความถูกต้อง คุณภาพบริการ และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างคุณค่าแก่ลูกค้า ภายใต้คำมั่น “ไม่ใช่ลูกค้า ก็พึ่งได้” และปรัชญา “ขายความจริง อิงความซื่อสัตย์”

#ไรเดอร์ โบรกเกอร์ 

#ขายความจริง อิงความซื่อสัตย์

#โบรกเกอร์สีขาว

#ไรเดอร์อินชัว

ครั้งแรกในไทย! เบเยอร์ คิกออฟ ร่วมสร้างอาคารต้นแบบในเขตกรุงเทพฯ


เบเยอร์ คิกออฟ ร่วมสร้างอาคารต้นแบบในเขตกรุงเทพฯ ให้เย็นขึ้นและปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยสีทาภายในที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อนสูงและหน่วงไฟในตัว พร้อมยกระดับ “คุณสมบัติสีหน่วงไฟ” ด้วยนวัตกรรมจากขยะอาหาร สร้างโรงเรียนปลอดภัยต้นแบบเพื่อสังคม

บริษัท เบเยอร์ จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมสีรักษ์โลก เดินหน้ายกระดับมาตรฐานอาคารปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปิดตัวโครงการ “โรงเรียนปลอดภัย ห่างไกลอัคคีภัยด้วยนวัตกรรมจากขยะอาหาร” ณ ศูนย์เด็กปฐมวัยเมอร์ซี่ คลองเตย ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ได้แก่ ศูนย์นาโนเทค สวทช., โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค และกรุงเทพมหานคร



หัวใจของโครงการนี้ คือการต่อยอดโดยผนึกกำลัง ขยะอาหาร (Food waste) จากเปลือกหอยนางรม สู่ “สารชีวภาพหน่วงไฟ” ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันอัคคีภัย กับ ผลิตภัณฑ์ BegerCool All-Plus for Interior สีทาภายในระดับพรีเมียมที่มีคุณสมบัติโดดเด่น ทั้งด้านการสะท้อนความร้อน และคุณสมบัติหน่วงไฟ เพื่อลดความเสี่ยงอัคคีภัยในแหล่งชุมชน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีเด็กเล็กซึ่งมีข้อจำกัดในการอพยพย้ายในภาวะฉุกเฉิน พร้อมยังมีสุขภาวะการอยู่อาศัยที่ดีด้วยอุณหภูมิที่เย็นสบาย (Thermal Comfort)
การเติมสารชีวภาพที่พัฒนาจากขยะอาหารในครั้งนี้ ยังช่วย เพิ่มประสิทธิภาพการหน่วงไฟอีกระดับ ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน UL94 V-0 สามารถดับไฟได้ภายใน 10 วินาทีโดยไม่เกิดเปลวไฟหยด ทั้งยังปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่ปล่อยสารระเหยอันตราย
ดร.วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ กล่าวว่า “เราเชื่อว่าสีที่ดีควรเป็นมากกว่าความสวยงาม แต่ต้องปกป้องคนในบ้าน โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ต้องการความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการเรียนรู้ BegerCool All-Plus for Interior ไม่เพียงแค่ช่วยให้อาคารเย็นสบาย แต่ยังมีคุณสมบัติหน่วงไฟ และยกระดับด้วยนวัตกรรมจากวัสดุเหลือใช้ทางอาหาร โครงการนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ว่าเราสามารถใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด สร้างคุณค่าที่ทั้งปลอดภัย ยั่งยืน และเกิดประโยชน์ต่อสังคมจริง เหมาะกับการดูแลเด็ก ๆ ในโรงเรียน หรือ แม้แต่นำไปใช้กับกลุ่มอาคารที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่น เช่น โรงพยาบาล อาคารสาธารณะอื่น ๆ เป็นต้น”


เบเยอร์ยังมีแผนขยายผลนวัตกรรมสีเพื่อความปลอดภัยนี้ สู่พื้นที่อื่น ๆ โดยเฉพาะอาคารสำหรับเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบาง เพื่อยกระดับมาตรฐานอาคารไทยให้ “เย็น ปลอดภัย และยั่งยืน” อย่างแท้จริง
สามารถเข้าชมกิจกรรมต่างๆ หรือผลิตภัณฑ์จากทางเบเยอร์ได้ที่ https://www.beger.co.th/.../BegerCool-All-Plus-for-Interior