01 มิถุนายน 2566

ทีเส็บภาคเหนือหนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเชียงรายสู่ Product MICE Premium



ทีเส็บผนึกภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนคัดเลือกสินค้าและบริการในท้องถิ่นของจังหวัดเชียงรายมาต่อยอดและพัฒนาเป็นสินค้าและบริการด้านไมซ์ หวังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าและบริการในท้องถิ่นของไทยอย่างยั่งยืน

สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคเหนือ โดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เล็งเห็นความสำคัญของการนำอัตลักษณ์ของเมืองมาสร้างเสน่ห์ที่แตกต่าง เพื่อส่งมอบคุณค่าแก่นักเดินทางไมซ์ผ่านสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องในกิจกรรมไมซ์ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงรายซึ่งมีสินค้าและบริการที่มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น จึงได้ดำเนินโครงการยกระดับการ


พัฒนาและการมีส่วนร่วมของชุมชนสู่ Product MICE Premium โดยใช้วัตถุดิบ งานศิลปหัตถกรรมของสินค้าและบริการในท้องถิ่น เพื่อนำมาต่อยอดเป็นสินค้าและบริการที่ใช้ในกิจกรรมไมซ์ อาทิ ของว่าง อาหาร ของชำร่วย ของฝาก หรือของตกแต่งภายในโรงแรม โดยร่วมกับ 4 ภาคีเครือข่ายหลัก ได้แก่ อพท. สำนักงานพื้นที่พิเศษ, กรมส่งเสริมสหกรณ์, กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และกรมการพัฒนาชุมชน ในการนำเสนอสินค้าและบริการที่โดดเด่นจากชุมชนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายจำนวน 13 ชุมชน มาทำการคัดเลือกผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์, หอการค้าจังหวัดเชียงราย, YEC เชียงราย, สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย, สมาคมโรงแรมจังหวัดเชียงราย, สมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการร้านอาหารจังหวัดเชียงราย, บริษัท เชียงรายพัฒนาเมือง และสมาคมมัคคุเทศก์จังหวัดเชียงราย พร้อมทั้ง ยังรับฟังผลการคัดเลือกจากความต้องการตลาดในประเทศและต่างประเทศ จากผู้แทนสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย)และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย


โดยสินค้าและบริการจาก 13 ชุมชนที่ได้รับการนำเสนอเข้ามาโดยหน่วยงานภาคีนั้นประกอบด้วยสินค้าและบริการที่เป็นอัตลักษณ์ของเชียงรายหลากหลายหมวดหมู่ อาทิ งานหัตถกรรมผ้า จักสาน และหัตถกรรมสร้างสรรค์อื่น ๆ, ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพจากภูมิปัญญา เช่น สมุนไพร เครื่องหอม ผลิตภัณฑ์ประทินผิว, อาหารพื้นถิ่นขึ้นชื่อ เช่น ชา กาแฟ สับปะรด และอาหารแปรรูปต่าง ๆ เป็นต้น 

ในการประชุมเชิงปฏิบัติการซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ สวรรค์บนดินฟาร์ม แอนด์ ทีเฮ้าส์ เชียงราย นับเป็นการประชุมครั้งแรกเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่ได้รับการนำเสนอ เพื่อให้ภาคีเครือข่ายที่เข้าร่วมประชุมลงคะแนนตามหลักเกณฑ์ความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านความเหมาะสมกับตลาดไมซ์, ด้านการนำเสนออัตลักษณ์และภูมิปัญญา, ด้านศักยภาพการผลิต รวมทั้งด้านการตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืน ซึ่งได้รับเกียรติจากนายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมดังกล่าว หลังจากนี้จะมีการจัดกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับภาคีเครือข่ายเดิม ร่วมกันคัดผลิตภัณฑ์เหลือเพียงชุมชนละหนึ่งผลิตภัณฑ์เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอด จัดทำร่างผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่จะนำไปผลิตจริงพร้อมแผนการผลิตที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน และกำหนดราคาจัดจำหน่ายที่เหมาะสมกับกลุ่มตลาดเป้าหมายต่อไป  






ทั้งนี้ กิจกรรมยกระดับการพัฒนาและการมีส่วนร่วมของชุมชนสู่ Product MICE Premium อยู่ภายใต้โครงการไมซ์สร้างสรรค์ รวมพลังชุมชนภาคเหนือ ซึ่งในปีนี้ได้กำหนดพื้นที่ดำเนินการในจังหวัดเชียงรายที่ถือเป็นพื้นที่ศักยภาพของทีเส็บภาคเหนือ โดยมุ่งหวังจะต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าและบริการของเชียงรายด้วยการนำเข้ามาสู่การเป็นสินค้าและบริการของไมซ์ เพื่อจะสามารถสร้างรายได้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน โดยนอกจากโครงการนี้แล้ว ทีเส็บภาคเหนือ ยังมีโครงการสนับสนุนการตลาดเมืองที่มีศักยภาพด้วยการกำหนดจุดขายเมืองจากการพัฒนา City DNA หรือ อัตลักษณ์ของเมืองเชียงราย และยังให้การสนับสนุนการประชุมเครือข่ายชาและกาแฟ ปี 2566 ที่ดำเนินการโดยสถาบันชาและกาแฟแห่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ทีเส็บภาคเหนือให้ความสำคัญกับการทำงานบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมศักยภาพของเมืองผ่านกลไกของไมซ์ ซึ่งเป็นพันธกิจหลักของทีเส็บที่จะใช้ไมซ์ในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกระจายรายได้แก่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน 

6.6 รับโปรบุฟเฟต์นานาชาติมื้อเย็นราคาพิเศษ

 6.6 รับโปรบุฟเฟต์นานาชาติมื้อเย็นราคาพิเศษ                                  

                                                                                           
มีข่าวดีมาบอก!! เตรียมช้อปโปร 6.6 ที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ จัดขึ้นเพื่อคุณอีกครั้ง กับบุฟเฟต์ดินเนอร์ที่รวมซีฟู้ดและซูชิพรีเมียมไว้กับอาหารนานาชาติมากมายให้คุณทานได้ไม่อั้นเฉพาะมื้อเย็น เมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดคือ ขาปูอลาสก้า หอยปีกนก ข้าวหน้าเป๋าฮื้อซอสมันปูญี่ปุ่น ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวากิว แซลมอนและกุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี และ เทปปันยากิกุ้งแม่น้ำ ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ ราคาท่านละ 1,299 บาท (จากปกติ 1,700 บาท) เหลือเพียง 890 บาทเท่านั้น                                                                                                        
ช้อปได้วันที่ 6 มิถุนายน 2566 เพียงวันเดียวเท่านั้น ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น.
หรือจนกว่าบัตรบุฟเฟต์หมด สามารถนำบัตรมาใช้บริการได้ถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2566  

                                                                                                                                         

บุฟเฟต์มื้อเย็นเปิดบริการเวลา 18.00 – 22.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2276-4567 ต่อ 8429-30 หรือ ไลน์ @theemeraldhotel  และ www.facebook.com/theemeraldcoffeeshop

3 ผู้นำธุรกิจประกัน ทีคิวเอ็ม อัลฟา, ที คิว อาร์ และไทยศรีประกันภัย ร่วมเซ็น MOU ความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจร่วมกัน


บมจ. ทีคิวเอ็ม อัลฟา หรือ TQMalpha โดย ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบมจ. ที คิว อาร์ หรือ TQR โดยนายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ บมจ.ไทยศรีประกันภัย หรือ Thaisri โดย Dr.Till Boehmer ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทั้ง 3 บริษัทได้ร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจร่วมกัน เพื่อรองรับการเติบโตของทั้ง 3 บริษัท และปรับพอร์ทการรับประกัน โดยเน้นกระจายงานไปในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาโปรดักต์และการหา Reinsurance รองรับ ที่ TQR มีความชำนาญอยู่แล้ว


Bar B Q Plaza Go Green 1 มิ.ย. 66 เร่งขยาย 10 สาขาในเครือเซ็นทรัลพัฒนา เตรียมมุ่งสู่ Green Restaurant

Bar B Q Plaza พร้อมกับ เซ็นทรัลพัฒนา เตรียมเปลี่ยนเพื่อโลก 1 มิ.ย. 66 นี้ สานต่อเพื่อเป็น Green Restaurant มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Friendly System) โดย Kick Off โปรเจ็กต์ความยั่งยืนไปเมื่อเร็ว ๆ นี้กับบาร์บีคิวพลาซ่าสาขาล่าสุด Green Store
ที่ Central Village Luxury นอกจากการตกแต่งที่ผลิตจากวัสดุ Upcycle ครั้งนี้มาพร้อมกิจกรรมส่งเสริมสิ่งแวดล้อมอีกมากมาย อาทิเช่น

เปลี่ยนผักที่หัวจาน เพื่อลด Food Waste แต่ลูกค้ายังได้รับประทานเมนูในสิ่งที่ชื่นชอบ โดยให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนผักหัวจานได้ เลือกเปลี่ยนได้ถึง 4 เมนู ได้แก่ ผักห่อซอสโคชูจัง สลัดมันฝรั่งไข่กุ้ง กิมจิเกาหลี หรือ ยำสาหร่ายไข่กุ้ง

เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ภายในร้านให้เป็น Biodegradable Cleaner ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ ใช้แทนสารเคมีอันตราย และเป็น Food Grade ที่ผู้บริโภคสามารถสบายใจหายห่วง อีกทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ซึ่งข้อดีนอกเหนือจากนั้นยังใช้ปริมาณน้ำที่ผสมกับน้ำยาน้อยกว่าเดิม และปริมาณน้ำเสียที่ปล่อยน้อยลง ทำให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย

การประหยัดพลังงานภายในร้าน การเปิด-ปิดแอร์ตามโซนที่ต้อนรับลูกค้า และเปิด-ปิดไฟแสงสว่างตามช่วงเวลาที่กำหนด โดยจะไม่กระทบกับลูกค้าที่มาใช้บริการ



รวมไปถึงโปรเจ็กต์ล่าสุด Zero Waste to Landfill หรือการจัดการขยะฝั่งกลบกลายเป็นศูนย์ ยึดตามแนวทางการบริหารกำจัดของเสีย 4Rs (Reduce, Reuse, Recycle, Re-think) ที่เริ่มนำร่องไปแล้วกับ Central Village Luxury และขยายต่อเนื่องอีก 10 สาขาในเครือของเซ็นทรัลพัฒนา ให้ลูกค้าได้รับประสบกาณ์ Green Experience ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำอย่างแท้จริง 

จรูญโรจน์ เทพที ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานซัพพลายเชน บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด กล่าวเสริมว่า “บาร์บีคิวพลาซ่าเราจริงจังในเรื่องนี้มาก จะเห็นได้จากในทุกสาขาของบาร์บีคิวพลาซ่า เราลด Food Waste โดยให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนผักหัวจานได้ พร้อมกับเร็ว ๆ นี้ เราเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ ที่เป็น Food Grade นำมาใช้แทนสารเคมีอันตราย และการประหยัดพลังงานในการเปิด-ปิดแอร์ในช่วงเวลาที่กำหนดตามโซนที่ต้อนรับลูกค้า เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดโปรเจ็กต์ใหญ่ อย่าง Zero Waste to Landfill เป็นการร่วมมือกับทางเซ็นทรัลพัฒนา เบอร์หนึ่งองค์กรอสังหาริมทรัพย์เพื่อความยั่งยืน ในการบริหารและจัดการกับขยะ ตามแนวทางการบริหารกำจัดของเสีย 4Rs (Reduce, Reuse, Recycle, Re-think) ซึ่งปกติแล้วขยะที่ได้มาส่วนมากจะกำจัดโดยการฝังกลบ แต่หากเรามีการจัดการขยะที่ดี เราจะสามารถคัดแยกขยะที่เกิดขึ้น ให้สามารถ Upcycle ได้ รวมถึง Food Waste ก็สามารถไปทำเป็นปุ๋ยหมักชีวภาพ หรือแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ได้ โดยเราจะเริ่มใน 10 สาขาของบาร์บีคิวพลาซ่า ที่อยู่ในเครือ CPN ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เซ็นทรัล รามอินทรา, เซ็นทรัล พระราม 2, เซ็นทรัล พระราม 3, เซ็นทรัล บางนา, เซ็นทรัลพระราม 9 และเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสวิลล์ โดยคาดการณ์ว่าโปรเจ็กต์ Zero Waste to Landfill จะสามารถขยายไปทุกสาขาในกรุงเทพฯ ได้ภายใน Q3 นี้”


ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนาเป็นองค์กร Purpose-Driven และการขยายโครงการทั่วประเทศทำให้เราสร้าง impact ทั้งการ Drive Partnership และเข้าถึงภาคประชาชน โดยจากวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนขององค์กร เราได้ริเริ่มโครงการและแคมเปญต่างๆ ให้เรื่อง Sustainability เป็นเรื่องที่ใกล้ตัว เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้คน และศูนย์การค้าเซ็นทรัลมีบทบาทที่ชัดเจนทั้ง Educate-Enable-Engage ในการร่วมสร้าง Green Citizens หรือคนที่มี Eco-Conscious Lifestyle ให้กับโลกใบนี้ผ่านการริเริ่ม Green Initiatives ต่างๆ เราเป็นองค์กรอสังหาฯรายแรกที่ริเริ่ม Green Partnership เตรียมผนึกกำลังร่วมกับร้านค้าและพันธมิตรทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ ตั้งเป้าไว้กว่า 100 ราย ร่วมกันส่งเสริมการประหยัดพลังงาน และส่งเสริม Waste Management กับร้านค้า โดยเมื่อเร็วๆ นี้ Bar B Q Plaza ได้มีการเปิดร้านอาหาร Low Carbon แห่งแรกในไทยที่เซ็นทรัล วิลเลจ และเรายินดีอย่างยิ่งที่จะได้ต่อยอดความร่วมมือนี้ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลครบ 10 สาขา”

มาร่วมกัน “ทำมื้อนี้ให้ดีที่สุด” ที่ Bar B Q Plaza ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

Facebook : https://www.facebook.com/BarBQPlazaThailand  

Instagram : https://www.instagram.com/barbqplaza_th  

Tiktok : https://www.tiktok.com/@barbqplaza_official 

Twitter : https://twitter.com/barbqplazathai 

#BarBQPlaza #บาร์บีคิวพลาซ่า #BarBQPlazaGreenRestaurant

'ชัชชาติ' ร่วมกับ CP LAND เปิดงาน WONDERLAND FLORA 2023@ FORTUNE TOWN

สัมผัสดินแดนแห่งดอกไม้หลากสีสันบานสะพรั่ง ใจกลางรัชดา - พระราม 9


1 มิถุนายน 2566, กรุงเทพฯ -  นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ (คนกลาง) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ
นายกีรติ  ศตะสุข (คนที่3ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน)  หรือ CP LAND ผู้บริหารศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์  พร้อมคณะผู้บริหาร ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน WONDERLAND FLORA 2023 @ FORTUNE TOWN สัมผัสเสน่ห์ของ “มะกอกโอลิฟยักษ์”
ต้นไม้มงคลฉบับสายมู  




นิทรรศการงานศิลปะ และกิจกรรมอีกมากมาย ตั้งแต่วันนี้ - 3 มิถุนายน 2566 ลานฟอร์จูนสตรีท ฟอร์จูนทาวน์ (Fortune Town)
ศูนย์รวมไอทีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำย่าน รัชดา-พระราม 9 


พม. โดย ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค กรมกิจการผู้สูงอายุ

จัดงาน 70 ปี บ้านบางแค 70 ปี แห่งการให้ เพื่อผู้สูงอายุ


วันที่ 1 มิถุนายน 2566 เวลา 10.00 น. นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ เปิดงาน 70 ปี
บ้านบางแค 70 ปี แห่งการให้ เพื่อผู้สูงอายุ นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กล่าวว่า ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ  บ้านบางแค กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ บ้านบางแค เดิมใช้ชื่อว่า สถานสงเคราะห์คนชราบ้านบางแค ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2496 ในสมัยจอมพล ป.  พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี นับเป็นสถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุแห่งแรกของประเทศไทย มีจุดประสงค์เพื่อให้การสงเคราะห์ผู้สูงอายุตามนโยบายสวัสดิการสังคมของรัฐภายใต้แนวคิด “แก่แล้ว ต้องไม่ลำบาก” เป็นการตอบแทนบุญคุณผู้สูงอายุที่ทำงานและทำคุณประโยชน์มากมายแก่ประเทศ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2  สถานสงเคราะห์คนชราบ้านบางแค เริ่มเปิดดำเนินการในสมัยของนายปกรณ์ อังศุสิงห์ เป็นอธิบดี            กรมประชาสงเคราะห์ สังกัดกระทรวงมหาดไทย จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2546 บ้านบางแค            ได้ปรับบทบาทจากหน่วยงานปฏิบัติการดูแลผู้สูงอายุ มาเป็นงานส่งเสริม สนับสนุน การดำเนินงาน 
  



ด้านการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2548 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค และในวันที่ 6 มีนาคม 2558 ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค ได้เปลี่ยนมาอยู่ในความรับผิดชอบภายใต้สังกัดกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมา บ้านบางแค ได้พัฒนาจากบทบาทเชิงรับซึ่งเน้นการให้บริการแก่ผู้สูงอายุในเชิงรุก เพื่อกระจายบริการให้ทั่วถึงและตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริงของผู้สูงอายุ   ที่อยู่ร่วมกับครอบครัวในชุมชนต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น การให้บริการเป็นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ  การอยู่ร่วมกันของบุคคลต่างวัย ผ่านกิจกรรมในหลายรูปแบบ โดยบูรณาการทำงานร่วมกับเครือข่ายทางสังคม เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ก่อให้เกิดพลังในการดูแลตนเองอย่างยั่งยืน          




นอกจากนี้ บ้านบางแค ยังเป็นศูนย์การเรียนรู้และฝึกอบรมด้านผู้สูงอายุในทุกมิติ รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้บริการด้านวิชาการแก่ องค์กรภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และกลุ่มบุคคลที่มีความสนใจ  หรือต้องการศึกษางานด้านการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ โดยมีศูนย์เรียนรู้ด้านผู้สูงอายุสำหรับให้บริการข้อมูล พร้อมให้บริการกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับผู้สูงอายุ และบุคคลทั่วไป ซึ่งมีความครอบคลุม ทั้ง 4 มิติ ได้แก่ สุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อม รวมทั้งช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาทางสังคมในชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งการดำเนินงานของบ้านบางแค ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล ส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิบ้านบางแค ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และเครือข่ายประชาชนที่มีจิตศรัทธา ก็ได้มาร่วมสนับสนุน  











บ้านบางแค 70 ปี แห่งการให้ เพื่อผู้สูงอายุ

นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ยังกล่าวต่อไปว่าการจัดงาน 70 ปี บ้านบางแค 70 ปี  แห่งการให้ เพื่อผู้สูงอายุในวันนี้ มีกิจกรรมมากมาย อาทิ การรับชมการแสดงจากชมรมผู้สูงอายุบางแค              การรับชมการขับบทกลอนระลึกถึง “บ้านบางแค” โดย อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2563 การรับฟังเสวนา หัวข้อ “การให้เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของผู้สูงอายุยากไร้” โดยนางธิดา ศรีไพพรรณ์ ประธานมูลนิธิบ้านบางแค นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ นายกัณฐัศว์ พงษ์ไพบูลย์เวชย์  (กัน จอมพลัง) นายกัลป์ชัย อารีสินพิทักษ์ นักเพาะกายอาวุโสและนักธุรกิจ นางสาวอนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ประจำปี 2558 นางแบบ นักแสดง นางสาวอัญธิญาน์ เนติระพีศักดิ์ การรับชมวีดีทัศน์ 70 ปี บ้านบางแค 70 ปี แห่งการให้ เพื่อผู้สูงอายุ การมอบโล่รางวัลแก่ผู้มีอุปการคุณให้บ้านบางแค 16 ราย เป่าเค้กวันครบรอบ 70 ปี บ้านบางแค และบูธกิจกรรมเครือข่ายผู้สูงอายุ เป็นต้น 




นางธิดา ศรีไพพรรณ์ ประธานมูลนิธิบ้านบางแค ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า มูลนิธิบ้านบางแค ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทำหน้าที่ในการสนับสนุน ให้ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค ช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาทางสังคม ได้รับความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งการสนับสนุนหน่วยงานอื่น ๆ ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งในโอกาสครบรอบ 70 ปี บ้านบางแค 70 ปี แห่งการให้ เพื่อผู้สูงอายุ มูลนิธิฯ 


จึงขอเชิญชวนให้องค์กร เครือข่าย ประชาชน ร่วมบริจาคเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบ้านบางแค
ที่มูลนิธิบ้านบางแค ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 155-8-32371-6 ซึ่งสามารถลดหย่อนภาษีได้ 
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2455 1592 , 0 2455 1594

ออฟฟิศเมท ฉลองครบรอบ 28 ปี ลดสูงสุด 70%

พร้อมแจกจัดหนัก iPhone 14 รวม 10 เครื่อง และของแถมน่าใช้อีกเพียบตลอดเดือนมิถุนายน 2566

ออฟฟิศเมท และ ออฟฟิศเมท พลัส ในเครือเซ็นทรัล รีเทล จัดโปรโมชั่นใหญ่แห่งปี  ฉลองออฟฟิศเมทครบรอบ 28 ปี มอบความคุ้มเกินคุ้มให้ SME และจัดซื้อทุกธุรกิจแฮปปี้ขั้นสุด พลาดไม่ได้กับโปรโมชั่นพิเศษทุกวัน เซอร์ไพรส์ทุกวีค ตลอดเดือนมิถุนายน 2566

ลดจัดใหญ่!...ขนขบวนสินค้าเฟอร์นิเจอร์ลดสูงสุด 70% มีโต๊ะทำงาน เก้าอี้ทำงาน เก้าอี้ Ergonomic รุ่นยอดนิยมและรุ่นใหม่ๆ ให้เลือกช้อปได้เพียบ อุปกรณ์ไอที จอมอนิเตอร์ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ปริ้นเตอร์รุ่นขายดีลดสูงสุดถึง 40% และอุปกรณ์สำนักงาน เครื่องใช้ในธุรกิจราคาสุดพิเศษรวมกว่า 20,000 รายการ นอกจากนี้ยังมีโค้ดส่วนลดจากแบรนด์ชั้นนำให้คุณประหยัดเพิ่มได้อีก และเตรียมพบกับเซอร์ไพรส์ดีลเด็ดที่รอให้คุณช้อปคุ้มทุกวีคตลอดเดือน

แถมจัดเต็ม!...พลาดไม่ได้กับสินค้าแบรนด์ดังที่จัดเต็มของแถม On Top ให้คุณรับเพิ่มแบบฟรีๆ เมื่อช้อปครบตามกำหนด รีบช้อปด่วน! ของแถมดีมากๆ และมีจำนวนจำกัด อาทิเช่น โต๊ะวางLaptop, พัดลมตั้งโต๊ะ, หม้ออเนกประสงค์, กล้องวงจรปิด, หมอนแอบงีบ, หมอนผ้าห่ม, ตะกร้าเฮง เฮง เฮง, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และของน่าใช้อีกเพียบ 

แจกจัดหนัก!...1 มิ.ย. 66 – 30 มิ.ย. 66 ช้อปสินค้าครบทุกๆ 800 บาท/ใบเสร็จ รับสิทธิ์ลุ้น iPhone 14 (128GB) จำนวน 10 เครื่อง มูลค่ารวม 329,000 บาท เพียงลงทะเบียนง่ายๆ ผ่าน Line: @OfficeMate
และ Line สาขาออฟฟิศเมท พลัส พิเศษ!...หลังลงทะเบียนเสร็จรับทันทีคูปองส่วนลดสูงสุด 230 บาท สำหรับช้อปครั้งถัดไปได้เลย

คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม…รับสิทธิ์ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน กับบัตรเครดิตชั้นนำที่ร่วมรายการ และเครดิตเทอม 30 วันสำหรับนิติบุคคล ช้อปสะดวกได้ทุกช่องทางการขาย ทั้งที่ร้านออฟฟิศเมท และออฟฟิศเมท พลัส ทุกสาขา หรือช้อปออนไลน์ที่ OFM Mobile App เว็บไซต์ www.ofm.co.th หรือ Chat & Shop ที่ Line: @OfficeMate และ Contact Center 1281 ออฟฟิศเมทบริการจัดส่งฟรีเมื่อช้อป 499.- ตามกำหนด

กรมโรงงานอุตสาหกรรม สานต่อความร่วมมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์

จัดสัมมนาสัญจร "ยกระดับโรงงานสู่อุตสาหกรรมสีเขียวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน" เสริมแกร่งผู้ประกอบการไทยในพื้นที่ EEC


กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม จับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย จัดสัมมนาสัญจรในหัวข้อ “ยกระดับโรงงานสู่อุตสาหกรรมสีเขียวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน” สานต่อนโยบาย BCG วางเป้าเดินหน้าเสริมแกร่งผู้ประกอบการในพื้นที่ EEC

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2566 ที่โรงแรมโนโวเทล ระยอง สตาร์ คอนเวชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดระยอง นายศุภกิจ บุญศิริ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนาสัญจร ภายใต้หัวข้อ "ยกระดับโรงงานสู่อุตสาหกรรมสีเขียวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน"เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และองค์ความรู้ที่สำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยให้มีความปลอดภัยและยั่งยืนอาทิกฎหมายมาตรฐานความปลอดภัยเกี่ยวกับการจัดการสารเคมีในโรงงาน การจัดการความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น


นายศุภกิจ บุญศิริ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจBCGซึ่งเป็นโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ให้เกิดการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม  กรมโรงงานอุตสาหกรรม ในฐานะหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ในภาคอุตสาหกรรม จึงได้มีการดำเนินการต่างๆ เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมมีการดำเนินการตามโมเดลเศรษฐกิจดังกล่าวเช่นการส่งเสริมให้โรงงานและสถานประกอบการพัฒนาสู่“อุตสาหกรรมสีเขียว”เป็นต้นและในครั้งนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการส่งเสริมความปลอดภัยเพื่อการพัฒนาสู่อุตสาหกรรมสีเขียวที่ยั่งยืนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC)ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอุตสาหกรรมต่างๆ จำนวนมาก และมีศักยภาพที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง  จึงได้จับมือกับ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Pumps and Valves Asia (PVA) และ Thai Water Expo (THW) รวมถึงงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASEW)  ร่วมกันจัดงานสัมมนาสัญจรในครั้งนี้ เพื่อทำการประชาสัมพันธ์กฎระเบียบด้านความปลอดภัยต่างๆ ที่ได้ประกาศขึ้นใหม่  รวมถึงถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยต่างๆ แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงอุตสาหกรรมให้ได้รับทราบ และนำไปปรับใช้ในการยกระดับภาคธุรกิจให้มีความปลอดภัยและเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป   

เพื่อเป็นการสานต่อความรู้จากสัมมนาสัญจรในครั้งนี้กรมโรงงานฯก็ได้มีความร่วมมือในการจัดสัมมนาให้ความรู้ในเรื่อง “ยกระดับโรงงานสู่อุตสาหกรรมสีเขียวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน” ภายในงาน Pumps and Valves Asia 2023 (PVA) งาน Thai Water Expo 2023 (THW) และงาน  ASEAN Sustainable Energy Week 2023 (ASEW)  อีกด้วย  ซึ่งที่ผ่านมากรมโรงงานฯถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักที่ให้การสนับสนุนการจัดงานข้างต้นเนื่องจากเล็งเห็นว่าจะเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจะได้เรียนรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงแนวทางในการดำเนินการเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการมุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียวในอนาคต 

นอกจากนั้น นายศุภกิจ ยังได้เผยถึงแผนงานในการยกระดับอุตสาหกรรมสีเขียว หรือ Green Industry  โดย ปัจจุบันมีโรงงานเข้าร่วมแล้วกว่า 72%  กล่าวคือมีโรงงานเข้าร่วมถึง 46,487 โรงงาน จาก 64,265 โรงงาน  และมีแผนที่จะส่งเสริมให้โรงงานเข้าร่วม 100% ภายในปี 2568  อีกด้วย  ซึ่งโครงการนี้เป็นหมุดหมายที่สำคัญในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการโรงงานใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการดำเนินธุรกิจสู่การเป็นอุตสาหกรรมสีเขียวและสร้างคุณค่าร่วมกับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล ซึ่ง “กรมโรงงานฯพร้อมเดินหน้าพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรมสีเขียวอย่างยั่งยืน” นายศุภกิจฯ กล่าวปิดท้าย


นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า อินฟอร์มาฯทำงานร่วมกับทางกรมโรงอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งต่อองค์ความรู้ในมิติต่างๆที่เกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ซึ่งในวันนี้กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย การจัดสัมมนาสัญจรถือเป็นหนึ่งกลไกที่สำคัญในการผลักดันและเสริมแกร่งให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ นอกจากนี้ เรายังเป็นหนึ่งในองค์กรที่ใส่ใจแนวคิดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จึงร่วมกับ จังหวัดระยอง เทศบาลนครระยอง กรมประมง บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ชาวบ้านกลุ่มประมงและวิสาหกิจชุมชนแหลมรุ่งเรือง จัดกิจกรรม CSR ภายใต้  “โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลชายฝั่ง แหลมรุ่งเรือง จ.ระยอง” มีเป้าหมายในการเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสร้างความสมดุล อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเล

ในปีนี้ Pumps and Valves Asia 2023 (PVA) งานแสดงเทคโนโลยีเฉพาะทางด้านปั้ม วาล์ว ท่อ ข้อต่อและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องชั้นนำของภูมิภาค และ Thai Water Expo 2023 (THW) งานแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีการจัดการทรัพยากรน้ำและน้ำเสียที่ครบวงจรที่สุดงานเดียวในประเทศไทย จะเป็นจุดเชื่อมโยงโอกาสที่สำคัญในการเรียนรู้ อัปเดตและชมนวัตกรรมด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม จากผู้จัดแสดงงานกว่า 350 แบรนด์ชั้นนำ และพาวิเลียนจากต่างประเทศกว่า 6 ประเทศ เพื่อตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม พร้อมพบสัมมนาสำคัญจากกรมโรงงานฯ ในการขับเคลื่อนสู่อุตสาหกรรมสีเขียวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน

“ทั้งนี้ 2 งานดังกล่าว จัดคู่ขนานกับงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2023 (ASEW) งานแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติ ด้านพลังงานทดแทน การจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และสิ่งแวดล้อมที่ครบครันที่สุดของอาเซียน อีกหนึ่งเวทีทางธุรกิจที่ร่วมจัดแสดงเทคโนโลยี นวัตกรรม และโซลูชั่นที่ครบครัน พร้อมตอบสนองทุกความต้องการทางธุรกิจ โดยในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Powering The Clean Energy Transition Toward Carbon Neutrality Goal” หรือ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งภายในงานได้รวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ล่าสุดแก่ผู้เข้าชมงานจากทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 1,500 แบรนด์ชั้นนำ และพาวิเลียนนานาชาติ รวมถึงการประชุมนานาชาติด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ถือเป็นอีกเวทีระดับภูมิภาคที่สร้างประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการและภาคอุตสาหกรรมไทยในอนาคต” นายสรรชาย กล่าวทิ้งท้าย


งาน Pumps and Valves Asia 2023 และ Thai Water Expo 2023
จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน 2566 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ ประเทศไทย

โดยติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02- 036- 0500  ต่อ 736
อีเมล pumpsandvalves-th@informa.com, thaiwater-th@informa.com

ลงทะเบียนเข้าชมงานได้ทันทีที่ www.pumpsandvalves-asia.com และ www.thai-water.com