18 กรกฎาคม 2568

อีตั้น อิเล็คทริค เปิดตัวเครื่องสำรองไฟ ยกระดับการสำรองไฟด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ

 อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (Eaton) เปิดตัวเครื่องสำรองไฟ Eaton 9PX และ 9SX Gen2 รุ่นใหม่ มุ่งยกระดับการสำรองไฟด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ

กรุงเทพมหานคร –  บริษัท อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำระดับโลกด้านการบริหารจัดการพลังงาน ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) รุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ Eaton 9PX และ 9SX Gen2 ที่ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานยุคใหม่ โดยมุ่งเน้นทั้งประสิทธิภาพทางพลังงาน เทคโนโลยีขั้นสูง และความชาญฉลาดในการดูแลระบบ




สำหรับเครื่องสำรองไฟรุ่น Eaton 9PX และ 9SX Gen2 นั้นโดดเด่นด้วยประสิทธิภาพการแปลงพลังงานสูงสุดถึง 97.2% ซึ่งนับว่าเป็นระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ทั้งยังสามารถจ่ายพลังงานได้มากขึ้นถึง 11% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยกว่าคู่แข่งถึง 33% สำหรับรุ่น 11kW ซึ่งมีขนาดเพียง 4U เท่านั้น

นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับ เทคโนโลยี ABM+ อันล้ำสมัยที่พัฒนาโดยอีตั้น โดยใช้ Machine Learning ในการวิเคราะห์และคาดการณ์อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้อย่างแม่นยำ พร้อมระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าเมื่อต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ เพิ่มความมั่นใจและความน่าเชื่อถือในการดำเนินงานของระบบสำรองไฟในองค์กรเครื่องสำรองไฟ Eaton 9PX และ 9SX Gen2 ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ อาทิ:

ศูนย์ข้อมูล (Data Centers)

ระบบ IT แบบกระจายสาขา (Distributed IT)

เครือข่าย Edge (Edge Networks)

ตู้เครือข่าย (Network Closets)

ห้องเซิร์ฟเวอร์ (Server Rooms)

นางสาวสุภัทรา รามสูต ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่า "เราภูมิใจที่ได้เปิดตัวเครื่องสำรองไฟรุ่น Eaton 9PX และ 9SX Gen2 ในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเทียบกับในตลาด แต่ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับองค์กรผู้ใช้งาน เราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับองค์กรที่ต้องการความเชื่อมั่นและประสิทธิภาพในการสำรองไฟสำหรับอุปกณ์ที่สำคัญของคุณ"

การเปิดตัวในครั้งนี้สะท้อนถึงพันธกิจของอีตั้นในการส่งมอบโซลูชันด้านการสำรองไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง ชาญฉลาด และยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรในยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งสองรุ่นสามารถติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายของอีตั้น ทั่วประเทศ” คุณสุภัทรากล่าวทิ้งท้าย

Eaton เป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการพลังงานอย่างชาญฉลาด โดยมุ่งมั่นในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก เราผลิตสินค้าสำหรับศูนย์ข้อมูล (Data Center), ระบบสาธารณูปโภค, อุตสาหกรรม, พาณิชยกรรม, การสร้างเครื่องจักร, ที่อยู่อาศัย, อวกาศ และตลาดการขนส่งเราได้รับแรงบันดาลใจจากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง ดำเนินงานอย่างยั่งยืน และช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ด้วยการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตระดับโลกด้านการใช้ไฟฟ้าและการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล เรากำลังมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาท้าทายด้านการจัดการพลังงานที่เร่งด่วนที่สุดของโลก และสร้างสังคมที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้คนในวันนี้และคนรุ่นต่อไปก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1911 Eaton ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงและเพิ่มขึ้นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา ด้วยรายได้เกือบ 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 บริษัทให้บริการลูกค้าในกว่า 160 ประเทศดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.eaton.com/th และติดตามเราได้ทาง LinkedIn


นิทรรศการศิลปะเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ และการประกาศผลการประกวดวาดภาพบนพัดจีบ สะท้อนสังคมยั่งยืนด้วย “พลังบวร”


กลุ่มศิลปาศรี ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดงาน บวร ๑๐ นิทรรศการศิลปะเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และการประกวดวาดภาพบนพัดจีบครั้งที่ 2/2568 ในโครงการ



“กล้า ๙ ท่องกรุง” เพื่อร่วมถวายพระเกียรติ พระอัจฉริยภาพ และพระราชกรณียกิจด้วยศิลปะ เนื่องในวโรกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และแสดงถึงอุดมการณ์แห่งความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบันกษัตริย์ของปวงชนชาวไทยที่มุ่งสร้างสรรค์สังคมน่าอยู่อย่างยั่งยืนด้วย “พลังบวร” รายได้จากการจัดงานหลังหักค่าใช้จ่ายสมทบสร้างอาคารเรียนศูนย์การเรียนปลูกรากแก้วศาสนทายาท (รร.สามเณร) ภายในธรรมสถานเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ กาญจนาภิเษก



นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “การประกวดในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และเพื่อแสดงความจงรักภักดี รวมถึงอนุรักษ์ สืบสาน และต่อยอดให้เห็นถึงคุณค่าความเป็นไทย อีกทั้งกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านศิลปะบนพัดจีบจากโครงการในพระราชดําริที่มีอยู่ทั่วประเทศ


การจัดงานในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมส่งผลงานเข้าประกวดกว่า 400 คน  ในนามของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เราขอชื่นชมในความตั้งใจของทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย ซึ่งสอดคล้องกับการดําเนินงานของ ททท.ที่ได้ให้ความสําคัญในการเผยแพร่และสร้างการรับรู้วัฒนธรรมประเพณีของไทย



ถือเป็น Soft Power ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ททท. หวังเป็นอย่างยิ่งว่างานในครั้งนี้ จะเป็นแรงสนับสนุนให้เกิดการสืบทอด อนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมไทย ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างต่อไป”


การจัดงานครั้งนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงอุดมการณ์แห่งความจงรักภักดี อันเป็นวิถีแห่งการสร้างสังคมที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนด้วย “พลังบวร” ที่มีการเกื้อกูล ส่งเสริม ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างเป็นรูปธรรม สำหรับการประกวดครั้งนี้ ชิงรางวัลในโครงการ “กล้า ๙ ท่องกรุง” นี้เปิดโอกาสให้โรงเรียนระดับต่าง ๆ เข้าร่วมแข่งขัน ได้แก่ โรงเรียนพระปริยัติธรรม โรงเรียนประถมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนมัธยมศึกษา ตอนต้น และโรงเรียนมัธยมศึกษา ตอนปลาย รวม 34 โรงเรียน และมีนักเรียนที่สนใจเข้าประกวดร่วม 300 คน


เพื่อเข้าชิงรางวัลกว่า 20 รางวัล ส่วนผู้ชนะเลิศจะได้รางวัลถ้วยรางวัลเกียรติยศ, โล่รางวัลเกียรติยศ, ประกาศนียบัตรสำหรับผู้เข้าร่วมการประกวด และอาจารย์ที่ปรึกษาทุกท่าน อีกทั้งได้รับทุนการศึกษาจำนวน 20 รางวัล รวมทั้งสิ้น 80,000 บาท ได้แก่ รางวัลชนะเลิศสำหรับโรงเรียนทุกประเภท รวม 4 รางวัล ๆ ละ 10,000บาท, รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 สำหรับโรงเรียนทุกประเภท รวม 4 รางวัล ๆ ละ 5,000 บาท, รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 สำหรับโรงเรียนทุกประเภท รวม 4 รางวัล ๆ ละ 3,000 บาท และรางวัลชมเชย สำหรับโรงเรียนทุกประเภท รวม 8 รางวัล ๆ ละ 1,000 บาท


ผลประกวดผู้ชนะคือดังนี้

1.โรงเรียนพระปริยัติธรรม ผู้ชนะเลิศการแข่งขันได้รับถ้วยประทานจากสมเด็จพระสังฆราช และโล่เกียรติยศสำหรับรางวัลรองชนะเลิศ

ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศได้แก่ สามเณรคณพศ ผุดผ่อง โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดธรรมมงคล

2.โรงเรียนระดับประถมศึกษาตอนปลาย ผู้ชนะเลิศการแข่งขันรับถ้วยเกียรติยศจากผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร และโล่เกียรติยศสำหรับรางวัลรองชนะเลิศ

ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประถมศึกษาตอนปลายได้แก่ ด.ญ.วรชยา นักเรียนชั้นป.4 โรงเรียนวัดภาษี

3.โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ผู้ชนะเลิศการแข่งขันรับถ้วยเกียรติยศจากกระทรวงวัฒนธรรม และโล่เกียรติยศสำหรับรางวัลรองชนะเลิศ







ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับมัธยมศึกษาตอนต้นได้แก่ ด.ช.ณิฐิพงศ์  ลักขษร

โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย

4.โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน รับถ้วยเกียรติยศจากผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และโล่เกียรติยศสำหรับรางวัลรองชนะเลิศ

ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับมัธยมศึกษาตอนปลายได้แก่ นางสาวศุภาณิน  เสริมสุขโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร

16 กรกฎาคม 2568

รพ.พญาไท 2 ฉลอง 38 ปี พลิกโฉมสู่ Well-Life Ecosystem

โรงพยาบาลพญาไท 2 ในเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล  ฉลองครบรอบ 38 ปี ปรับกลยุทธ์การดูแลสุขภาพ ด้วยการพัฒนาการบริการรูปแบบใหม่คลินิกเฉพาะทางหลากมิติ ภายใต้แนวคิด Lifestyle Medicine & Preventive Clinic ที่มุ่งเน้นการดูแลแบบองค์รวม ครอบคลุมสุขภาพกาย-ใจ และไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคใหม่ ที่ต้องการ “Work-Life-Health Balance” อย่างแท้จริง โดยผสานการแพทย์เฉพาะทางเข้ากับการดูแลแบบรายบุคคล (Personalized Care) เพื่อสร้าง Well-Life Ecosystem ที่เข้าใจทุกบริบทของชีวิต

"เราไม่เพียงรักษาโรค แต่เราสร้างทางเลือกเพื่อการใช้ชีวิตที่สมดุล เป็นพาร์ตเนอร์สุขภาพของคนเมืองในทุกช่วงวัย" นพ.อนันตศักดิ์ อภัยรัตน์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายแพทย์เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล และผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 2 กล่าว

‘Big Change’ ที่ขับเคลื่อนโดยทีมแพทย์ เพื่อสร้างการดูแลสุขภาพที่เข้าใจชีวิตจริง

นพ.อนันตศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการปรับบริการให้ทันสมัย แต่คือการยกระดับแนวคิดด้านสุขภาพ สู่การ “ออกแบบชีวิตร่วมกับผู้รับบริการ” โดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการจากหลากหลายสาขา ที่ล้วนเข้าใจบริบทของชีวิตคนเมืองอย่างลึกซึ้ง ทั้งความเครียดจากการทำงาน ปัญหาการนอนหลับ ภาวะฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง โรคเรื้อรัง ตลอดจนปัญหาสุขภาพเพศและรูปร่างที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว ทุกการดูแลถูกออกแบบด้วยแนวทาง “Personalized Medicine” ที่คำนึงถึงความต้องการเฉพาะบุคคล เพื่อให้การรักษาไม่ใช่เพียงการตอบโจทย์ด้านร่างกาย แต่เชื่อมโยงถึงจิตใจและบริบทของชีวิตแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง

6 คลินิกเฉพาะทางไฮไลต์ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิตเมือง

1. Finn Clinic – คลินิกสุขภาพเพศแบบองค์รวม ด้วยการดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ โดยแพทย์สหสาขาวิชาชีพ เช่น สูตินรีแพทย์ เวชศาสตร์ทางเพศ ศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ และจิตแพทย์ ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ ความเครียดในชีวิตคู่ ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนช่วงวัยทอง ไปจนถึงการฟื้นคืนความมั่นใจและคุณภาพชีวิตทางเพศอย่างยั่งยืน

“สุขภาพเพศไม่ใช่เรื่องที่ต้องเก็บไว้คนเดียวอีกต่อไป แต่คือคุณภาพชีวิตที่ทุกคนควรเข้าถึง” — นพ.วันฉัตร โกมล สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์เชิงกรานสตรีและศัลยกรรมซ่อมเสริม

2. Weight Wellness Clinic – ลดน้ำหนักแบบ Holistic ดูแลแบบเจาะลึกทุกมิติ ให้บริการโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านต่อมไร้ท่อ โภชนาการ และเวชศาสตร์การนอนหลับ พร้อมทางเลือกการรักษาทั้งการออกกำลังกาย การใช้ยา การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร การผ่าตัด และโปรแกรมติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน และช่วยเสริมโอกาสในการมีบุตรของผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนัก

“การลดน้ำหนักที่ยั่งยืน เริ่มจากเข้าใจร่างกาย ไม่ใช่การเร่งผลลัพธ์” — พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี จึงประเสริฐศรี ผู้อำนวยการศูนย์พรีเมียร์ไลฟ์

3. Midnight Clinic – สถาบันกระดูกและข้อที่เปิดถึงเที่ยงคืน เพื่อรองรับผู้ที่ประสบอุบัติเหตุหรือต้องการพบแพทย์หลังเลิกงาน โดยให้บริการครอบคลุมด้านกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ ทุกวันถึงเที่ยงคืน ช่วยให้ผู้รับบริการไม่ต้องเสียวันลา หรือรอเวลาทำการอีกต่อไป

“ออฟฟิศซินโดรมหรืออุบัติเหตุยามค่ำคืน ไม่ควรต้องรอพบแพทย์ในวันถัดไป” — ศ.นพ.ธไนนิธย์ โชตนภูติ ผู้อำนวยการสถาบันกระดูกและข้อ

4. Respiratory & Allergy Immunology Center – ดูแลทางเดินหายใจเชิงลึก ดูแลตั้งแต่โรคทั่วไป เช่น ไอเรื้อรัง ภูมิแพ้ ผลกระทบจาก PM 2.5 จนถึงโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งปอด โดยมีการวางแผนการรักษาเชิงรุกร่วมกับบริการวัคซีน เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ รวมถึงการให้คำปรึกษาการเลิกบุหรี่

“สุขภาพปอดต้องดูแลเชิงรุก เพื่อให้ชีวิตหายใจได้อย่างไร้กังวล” — นพ.ชนทัต ไตรทอง อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤต

5. Sleep Clinic – นิทราเวชแบบครบวงจรเพื่อชีวิตที่มีคุณภาพ บริการตรวจวินิจฉัยด้วย Sleep Test ร่วมกับการใช้เครื่อง CPAP ในการผ่าตัด การปรับพฤติกรรม และให้คำปรึกษาโดยแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การนอนหลับ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกลับมานอนหลับได้อย่างมีคุณภาพอีกครั้ง

“การนอนที่ดีคือพื้นฐานของสุขภาพทุกด้าน”— ผศ.นพ.กิติ ขนบธรรมชัย แพทย์หัวหน้าศูนย์ หู คอ จมูก

6. Advanced Wound Care – ศูนย์ดูแลแผลเรื้อรังและซับซ้อนขั้นสูง เช่น แผลเบาหวาน แผลกดทับ แผลติดเชื้อ และแผลจากอุบัติเหตุรุนแรง ด้วยแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ผสานเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น การบำบัดด้วยแรงดันลบ การใช้อุปกรณ์สมานแผลโดยทีมศัลยแพทย์และพยาบาลเฉพาะทาง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและฟื้นฟูบาดแผล กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ

“การดูแลแผลที่ดี คือการป้องกันการลุกลาม และคืนคุณภาพชีวิตอย่างแท้จริง” — นพ.ศุภชัย จันทร์วิทัน แพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยศาสตร์หลอดเลือด

จาก 38 ปี...สู่ปีที่ 39 กับบทบาท “Partner for Life”.            โรงพยาบาลพญาไท 2 เดินหน้าสู่ปีที่ 39 ด้วยจุดยืนในฐานะ “Partner for Life” ที่เข้าใจผู้รับบริการในทุกมิติของชีวิต พร้อมออกแบบแนวทางการดูแลสุขภาพให้เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพ ในแบบที่เป็นตัวเองที่สุด

เปิดประสบการณ์รสชาติระดับไฮเอนด์ที่ REIGNWOOD PARK

REIGNWOOD PARK กับสองจุดหมายปลายทางใหม่ของนักชิม “SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO ” และ “THECHAMPIONSHIP RESTAURANT” ที่ผสานศิลปะการกินกับไลฟ์สไตล์เหนือระดับ




REIGNWOOD PARK แลนด์มาร์กใหม่ของการใช้ชีวิตคุณภาพระดับเวิล์ดคลาส ชวนสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยจาก 2 ร้าน SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO คาเฟ่และอาหารนานาชาติสุดสร้างสรรค์ที่โดดเด่นด้วยเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ และ THE CHAMPIONSHIP RESTAURANT ร้านอาหารที่สะท้อนความพิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบจากหลายวัฒนธรรมทั่วโลก เพื่อรังสรรค์เมนูหลากหลายทั้งอาหารไทย อาหารจีน และนานาชาติ ผสานการนำเสนอในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกที่ตอบโจทย์นักชิมสายลักชัวรี ภายใต้แนวคิด “ REIGNWOOD LIFE ” ที่ออกแบบ “วิถีชีวิต” ที่ให้ได้ใช้เวลาได้อย่างมีคุณภาพในทุกวัน ผ่านหลากหลายมิติ ทั้งธรรมชาติ กีฬา สุขภาพ ศิลปะ และอาหารพร้อมเครื่องดื่มที่สะท้อนอัตลักษณ์ระดับโลก




หนึ่งในประสบการณ์ที่โดดเด่นที่สุดของ REIGNWOOD LIFE คือการได้ใช้เวลากับอาหารที่ไม่เพียงแต่รสชาติดี แต่ยังเต็มไปด้วยความหมาย ทั้งในเรื่องวัตถุดิบ เรื่องเล่า และแรงบันดาลใจที่ใส่ลงไปในทุกจานทุกแก้ว โดยมี SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO และ THE CHAMPIONSHIP RESTAURANT เป็นตัวแทนของแนวคิดนี้อย่างชัดเจน



SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO คาเฟ่และร้านอาหารที่หอมกรุ่นไปด้วยความใส่ใจ ที่ SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO ทุกเมนูคือการบอกเล่าเรื่องราว ผ่านวัตถุดิบท้องถิ่นที่ถูกนำมาแปรรูปด้วยความคิดสร้างสรรค์ อาทิ BAITOIE BREWED น้ำใบเตยหอม GI จากปทุมธานีที่มีกลิ่นกาแฟอ่อน ๆ โดยไร้คาเฟอีน และ MATCHA BAITOIE ที่กลมกล่อมละมุนระหว่างมัทฉะและกลิ่นใบเตยอย่างพอดี นอกจากนี้ยังมี SILVERSKIN’S COPY-CHAM เครื่องดื่มที่หอมละมุนด้วยชาไทยผสมกาแฟแบบโบราณ,YUZU LYCHEEและ YUZU COLD BREW ที่สดชื่นด้วยผลไม้จริง รสเปรี้ยวหวานละมุนซ่อนกลิ่นน้ำผึ้งและกาแฟสกัดเย็น  




สำหรับใครที่รักอาหารสไตล์โฮมเมด พลาดไม่ได้กับ HOMEMADE NEAPOLITAN PIZZA พิซซ่าสูตรดั้งเดิมจากอิตาลี แป้งสดใหม่อบในเตาไฟแรง แป้งบางฟู ขอบนุ่ม มาพร้อมกลิ่นหอมแบบต้นตำรับที่สัมผัสได้ตั้งแคำแรก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรสชาติที่หาที่ไหนไม่ได้


THE CHAMPIONSHIP RESTAURANT เมนูอาหารที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจสุดประณีตจากครัวโลกสู่ครัวไทย  หาก SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO คือบทกวี THE CHAMPIONSHIP RESTAURANT คือบทละครของรสชาติที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องเล่า จากครัวไทยสู่ยุโรป จากกลิ่นเครื่องเทศสู่ไวน์แดง ทุกจานล้วนถูกออกแบบมาเพื่อให้คนที่ได้ลิ้มลอง รู้สึกถึงความหมาย THE CHAMPIONSHIP RESTAURANT นิยามใหม่ของการรังสรรค์อาหารที่ส่งมอบทั้งรสชาติและสุนทรียแห่งอารมณ์ที่รังสรรค์จากแนวคิด  WORLD-INSPIRED CUISINE  ที่นำวัฒนธรรมอาหารจากทั่วโลกมาสร้างสรรค์อย่างมีเอกลักษณ์ เริ่มด้วย สลัดปูนิ่มทอดกรอบ สะท้อนความลงตัวของผักหลากสี ผลไม้สด และน้ำสลัดรสจัดจ้านแกงเขียวหวานพริกแกงตำสด เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของพริกแกง สมุนไพร และกะทิที่คล้ายพาเราย้อนกลับไปในครัวของบ้านในวัยเด็ก ซุปกระเพาะปลา บทพิสูจน์ของความเรียบหรูในแบบจีนคลาสสิก และซี่โครงแกะย่าง หรือ สเต็กเนื้อวากิวเกรดพรีเมียม ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของมื้อค่ำที่ต้องการให้รสชาติอยู่ในความทรงจำไปแสนนาน ทุกจานถูกเสิร์ฟด้วยความตั้งใจในรายละเอียด ตั้งแต่วัตถุดิบ การย่าง ไปจนถึงการพักเนื้อและการเลือกซอสคู่จาน อย่างลงตัว












สำหรับท่านใดที่สนใจอยากไปลิ้มลองความอร่อย ในโครงการ Reignwood Park ขนาดโครงการจำนวน 2,000 ไร่ ลำลูกกาคลอง11  เพียงแจ้งชื่อช่อง www.wefiethailand.com รับฟรี HOMEMADE NEAPOLITAN PIZZA หน้า HAWAIIAN 1 ถาด *เมื่อใช้บริการครบ 500 บาท ขึ้นไป ที่ร้าน SILVERSKIN CAFÉ AND BISTRO ระยะเวลาโปรโมชั่น 15/07/2568 – 30/09/2568


“ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025” ส่งต่อเงินบริจาค 2,149,000 บาท แก่ศิริราชมูลนิธิ

(กรุงเทพฯ – 16 กรกฎาคม 2568) การแข่งขันกอล์ฟสตรีระดับโลก “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025” สานต่อเจตนารมณ์แห่งการให้ สนับสนุนและส่งต่อความช่วยเหลือสู่สังคมไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมอบเงินบริจาคจากกิจกรรมประมูลไอเทมสุดพิเศษและของรักจากนักกอล์ฟระดับโลกในงาน “Honda LPGA Thailand 2025 Charity Night” รวมกับเงินสมทบอื่น ๆ ทั้งสิ้น 2,149,000 บาท ให้แก่ศิริราชมูลนิธิ เพื่อสมทบกองทุนเพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส ฯ ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวาระ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ของโรงพยาบาลศิริราช และเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข เช่น การจัดหาเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็น การส่งเสริมงานวิจัยทางการแพทย์ การมอบทุนการศึกษาแก่นักศึกษาแพทย์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข และการยกระดับศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง 



กิจกรรม Honda LPGA Thailand 2025 Charity Night จัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โรงแรมเมอเวนพิค สยาม นาจอมเทียน พัทยา จังหวัดชลบุรี โดย ไฮไลต์ของงาน คือ การประมูลของที่ระลึกสุดพิเศษจากนักกอล์ฟระดับโลกที่เข้าร่วมการแข่งขัน อาทิ  ถุงกอล์ฟรุ่นพิเศษจากฮอนด้าพร้อมลายเซ็นจากนักกอล์ฟทั้ง 72 คนที่เข้าร่วมการแข่งขัน, พัตเตอร์และเสื้อกอล์ฟของ แพตตี้–ปภังกร ธวัชธนกิจ, ธงพร้อมลายเซ็นของนักกอล์ฟหญิงไทยทั้ง 12 คนที่ร่วมแข่งขัน, ภาพวาดโปสเตอร์การแข่งขันที่มีลายเซ็นของนักกอล์ฟระดับโลก 5 คน ได้แก่ จีโน่–อาฒยา ฐิติกุล, แพตตี้–ปภังกร ธวัชธนกิจ, รัวหนิง หยิน, ยูกะ ซาโสะ และบรู๊ค เอ็ม เฮนเดอร์สัน รวมถึงเหล็ก 3 ของจอร์เจีย ฮอลล์,  เวดจ์ของพี่น้องฝาแฝดจากญี่ปุ่น ชิซาโตะ และ อากิเอะ อิวาอิ และรองเท้ากอล์ฟของซีลีน บูติเยร์ กิจกรรมนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเพื่อสังคมที่จัดควบคู่กับการแข่งขันมาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้จัดการแข่งขันได้ร่วมมือกับนักกอล์ฟและพันธมิตรในการระดมทุนเพื่อมอบให้แก่ศิริราชมูลนิธิ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รวมถึงการบริจาคในปีนี้ มีมูลค่ายอดเงินบริจาคสะสมกว่า 8 ปี จากกิจกรรมดังกล่าว รวม 13,171,730 บาทการแข่งขัน “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์” เป็นรายการกอล์ฟสตรีระดับโลกที่จัดขึ้นในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องถึง 18 ครั้ง ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามทั้งจากนักกอล์ฟระดับโลกและแฟนกีฬาทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ 

โดยมุ่งมั่นในการยกระดับวงการกอล์ฟไทย เปิดโอกาสให้นักกอล์ฟไทยได้ร่วมแข่งขันในเวทีระดับโลก พร้อมส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความตั้งใจของฮอนด้าและพันธมิตรในการสนับสนุนและส่งเสริมกีฬา เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมไทยสู่อนาคตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน