29 พฤษภาคม 2562

ไรส์แลนด์ ประเทศไทย เดินหน้ารุกตลาดไทยเต็มสูบ

ผุด คลาวด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี คอนโดมิเนียมไฮไรส์ มูลค่า 3,600 ล้านบาท นิยามใหม่ของ Attainable Luxury กับการ
ใช้ชีวิตเหนือระดับในราคาที่เอื้อมถึง



ไรส์แลนด์ ประเทศไทย กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกสัญชาติฮ่องกง รุกตลาดแอทเทนเนเบิล ลักชัวรี่ (Attainable Luxury) เปิดตัว คลาวด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี (CLOUD Thonglor-Phetchaburi) มูลค่า 3,600 ล้านบาท คอนโดมิเนียมไฮไรส์ สไตล์ โมเดิร์น คอนเทมโพลารี่ (Modern Contemporary) บนทำเลศักยภาพใหม่ใจกลางเมืองที่คุ้มค่าเกินราคา ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมือง โดดเด่นด้วยการรังสรรค์พื้นที่ส่วนกลางแบบ ‘Triple Facilities’ แบบที่ไม่เคยมีมาก่อนมากกว่า 4,000 ตารางเมตร! รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ตกแต่งพร้อมอยู่ ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.5 ล้านบาท



นาย เนี่ย ซงเชี่ยน ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด ประจำภูมิภาคไทย บริษัท ไรส์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไรส์แลนด์ เป็นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก ก่อตั้งขึ้นในประเทศฮ่องกง ดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ และการบริหารจัดการอาคาร
มีโครงการอสังหาริมทรัพย์อยู่ใน 5 ประเทศ รวม 9 โครงการ ในประเทศสหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ อินเดีย อินโดนีเซีย และประเทศไทย รวมมูลค่าโครงการทั่วโลกร่วมแสนล้านบาท ไรส์แลนด์ มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติครบวงจรของไทยและมีแผนการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าขยายโครงการใหม่ๆ ให้ครบทุกเซกเมนต์ทั้ง ระดับแมส กลาง บน ลักชัวรี่ ซุปเปอร์ลักชัวรี่ มิกซ์ยูส อาคารพาณิชย์ และโรงแรม ภายใน 3 ปี เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เพราะมั่นใจว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเติบโตอย่างมั่นคง และยังคงสามารถขยายตัวและเติบโตไปได้อีกมาก มีความพร้อมทั้งด้านโลจิสติกส์ สาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวก ผนวกกับความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในหลายประเทศ ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2560 บริษัทฯ เติบโตแบบก้าวกระโดด และตั้งเป้าหมายเติบโตอย่างน้อย 50% ในตลาดไทยทุกปี

โครงการ คลาวด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี นับเป็นโครงการที่ 3 ของไรส์แลนด์ ประเทศไทย ออกแบบในสไตล์ โมเดิร์น คอนเทมโพลารี่ เป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ตกแต่งพร้อมอยู่ 1 อาคาร สูง 55 ชั้น มีห้องชุดรวม 661 ยูนิต พิถีพิถันในการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ และการออกแบบที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในประเทศไทย โดยมีไฮไลท์อยู่ที่การจัดพื้นที่ส่วนกลางในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘Triple Facilities’ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ในส่วนล่าง ส่วนกลาง และส่วนลอยฟ้า มากกว่า 4,000 ตารางเมตร มาพร้อมอินฟินิตี้ พูล ที่เห็นวิวรอบเมืองที่ความสูง 202 เมตรเหนือพื้น ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ห้องครัวส่วนกลาง ห้องกิจกรรมสำหรับเด็ก พื้นที่ทำงานรวม ห้องสมุด ห้องประชุม ห้องฟิตเนส ห้องโยคะ จากุซชี่ ห้องชมภาพยนตร์ และสระเด็ก เป็นต้น ห้องพัก ประกอบด้วย 5 ประเภท ได้แก่ ห้องสตูดิโอ ขนาด 24 ตารางเมตร, 1 ห้องนอนขนาด 31.5 – 32.5 ตารางเมตร, 1 ห้องนอนพลัส ขนาด 37.5 - 38 ตารางเมตร, 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 54.5 ตารางเมตร และเพนท์เฮ้าส์ ขนาด 80.5 – 102.5 ตารางเมตร

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัทซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าในสภาวะตลาดคอนโดมิเนียมปัจจุบัน ดีมานด์ที่ยังมีอยู่แต่ไม่ได้รับการตอบโจทย์กลุ่มผู้ซื้อที่ต้องการอยู่ในทำเลใจกลางเมืองแต่มีกำลังซื้อที่จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีฐานผู้ซื้อที่กว้างมาก ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานที่ต้องการการเดินทางที่สะดวกประหยัดเวลา และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับไลฟ์สไตล์ในเมือง

ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองหาที่ดินที่เป็นทำเลทางเลือกในใจกลางเมืองที่มีราคาถูกกว่าราคาที่ดินติดรถไฟฟ้า เพื่อพัฒนาสินค้าที่มีราคาเฉลี่ยราวๆ 150,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งมีเพียง 2 ทางเลือกคือ อาคารโลว์ไรส์ในซอยต่างๆ ของสุขุมวิท หรืออาคารไฮไรส์ริมถนนใหญ่ แต่อยู่บริเวณรอบๆ ใจกลางสุขุมวิท (Outer Sukhumvit) ซึ่งรวมถึงถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ด้วยราคาที่ดินที่ถูกกว่าสามารถพัฒนาสินค้าให้มีดีไซน์ที่โดดเด่น ทันสมัย มีวัสดุอุปกรณ์เกรดพรีเมี่ยมพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ในราคาที่จับต้องได้ และยังสามารถใช้ชีวิตในไลฟ์สไตล์ที่ต้องการในย่านใจกลางเมืองได้ โดยเฉพาะทำเล ของ คลาวด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี อยู่ในระหว่างแยกทองหล่อและพร้อมพงษ์ บนที่ดิน 3 ไร่ ซึ่งสามารถเดินทางเข้าออกได้ผ่านทางซอยสุขุมวิท55 สุขุมวิท39 สุขุมวิท33 สุขุมวิท31 ทะลุไปยังแยกอโศกและสุขุมวิทได้อย่างสะดวกสบายและมี shuttle van ไปส่งยัง MRT เพชรบุรี และ BTS พร้อมพงษ์อีกด้วย



โครงการ คลาวด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี เป็นโครงการที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในปัจจุบัน โดยซีบีอาร์อีเข้าใจถึงความต้องการเหล่านี้ได้ร่วมกับบริษัทไรส์แลนด์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศ โดยซีบีอาร์อีผู้มีประสบการณ์ยาวนานในตลาดคอนโดลักชัวรี่ร่วมให้คำปรึกษาการพัฒนาโปรดักซ์ให้เหมาะสมในด้านการวางคอนเซปต์ ดีไซน์ วัสดุอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้สอดคล้องกับรสนิยมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และเป็นตัวแทนขายให้กับโครงการ

“เราจึงมั่นใจว่า คลาวด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี เป็นโครงการที่คุ้มค่ากับราคาที่สุดสำหรับในย่านสุขุมวิท-เพชรบุรี ซึ่งการเปิดพรีเซลจะมีราคาเริ่มต้นที่ตารางเมตรละ 135,000 บาท”

ปัจจุบันไรส์แลนด์ ประเทศไทย เปิดตัวไปแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการ อาร์ติซาน รัชดา (Artisan Ratchada) โครงการมิกซ์ยูส สูง 34 ชั้น จำนวน 4 อาคาร รวม 1,337 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท ปัจจุบัน ปิดการขายไปแล้ว 80% และมีพื้นที่เชิงพาณิชย์ 6,000 ตารางเมตร มียอดจองมากกว่า 4,000 ตารางเมตรแล้ว 2. โครงการ เลค ซีรีน พระราม2 (Lake Serene Rama2) บ้านเดี่ยวลักชัวรี่ริมทะเลสาบ มูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท โดยในปีนี้ นอกจากคลาวด์ ทองหล่อ-เพชรบุรีแล้ว บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวอีกหนึ่งโครงการ ในไตรมาสที่ 4 มูลค่าโครงการ ราว 3,400 ล้านบาท รวมเงินลงทุนทั้งสิ้นในปีนี้ 7,000 ล้านบาท

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ไรส์แลนด์ ประเทศไทย ได้รับอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ จากฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) เป็น AA ซึ่งเป็นอันดับเครดิตในระดับประเทศที่สูงที่สุดในกลุ่มบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย

ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ ตอกย้ำแบรนด์อันดับหนึ่งตลาดนมอัลมอนด์

ชวนสัมผัสประสบการณ์ชิมนมทางเลือกเพื่อสุขภาพในงาน THAIFEX -World of Food ASIA 2019

ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มสุขภาพ แบรนด์ 137 ดีกรี  ผู้บุกเบิก ผู้ผลิตและจำหน่ายนมจากถั่วอัลมอนด์ นมวอลนัท และนมพิสตาชิโอระดับพรีเมี่ยมรายแรก ที่มียอดขายอันดับหนึ่งในประเทศไทย และส่งออกกว่า 30 ประเทศทั่วโลก  จัดกิจกรรมชวนชิมนมทางเลือกเพื่อสุขภาพ พร้อมขนสินค้าร่วมงาน      THAIFEX – World of Food ASIA 2019 

ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2562  ณ บูธหมายเลข FF45 ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี

อริสา กุลปิยะวาจา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู่ดส์ จำกัด กล่าวว่า ปีนี้บูธของบริษัทฯ ได้ออกแบบเป็นรูปถั่วอัลมอนด์ขนาด 7 เมตร เพื่อตอกย้ำความโดดเด่นและขยายการรับรู้ผลิตภัณฑ์นมแบรนด์ 137 ดีกรี ซึ่งเป็นนมอัลมอนด์ นมวอลนัท และนมพิสตาชิโอ คั้นสดจากถั่วเต็มเมล็ด ผ่านกรรมวิธีผลิตที่ได้มาตรฐานสากล รสชาติอร่อย ให้คุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย สามารถทดแทนการดื่มนมวัว ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ เนื่องจากไม่มี น้ำตาล โซเดียมต่ำ ไม่ใส่คาราจีแนน เหมาะสำหรับผู้รักสุขภาพ ผู้แพ้นมวัว         กลูเตน หรือ ควบคุมน้ำตาลและไขมัน   พร้อมการจัดกิจกรรมท้าชิมหลากหลายรูปแบบ อาทิ  การสาธิตทำลาเต้อาร์ตและชิมเครื่องดื่มสูตรพิเศษโดยบาริสต้าชื่อดัง, กิจกรรมแชะชวนแชร์  และเกมส์อื่น ๆ อีกมากมาย  ซึ่งได้รับความสนใจจากนักธุรกิจและผู้เข้าร่วมงานที่ร่วมงานเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ในวันที่ 1 มิถุนายน บริษัทฯ ได้นำผลิตภัณฑ์นมอัลมอนด์ นมวอลนัทและนมพิสตาชิโอ มาร่วมจัดโปรโมชั่นลดราคาพิเศษ 50-70 % พร้อมของแถมพิเศษ อาทิ
โปรโมชั่นพิเศษที่ 1 : ซื้อ  1 แถม 1 สำหรับลูกค้าที่ซื้อนมวอลนัท และพิสตาชิโอขนาดลิตรทุกรสชาติ แถมฟรี นมวอลนัทชาเขียว มูลค่า 105 บาท
โปรโมชั่นพิเศษที่ 2  : ซื้อ 2 แถม 1 สำหรับลูกค้าที่ซื้อนมวอลนัท และพิสตาชิโอขนาดแพ็ค ทุกรสชาติ แถมฟรี  นมวอลนัท ออริจินอล มูลค่า 70 บาท
โปรโมชั่นพิเศษที่ 3  : ซื้อสินค้าครบ 1000 บาทขึ้นไป รับฟรีหนังสือคู่มืออาหาร 37 Ways To Go Dairy Free : 37 สุตรอาหารอร่อย ปราศจากนมวัว  เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ ลดน้ำหนัก หรือแพ้นมวัว มูลค่าเล่มละ 249 บาท

โปรโมชั่นพิเศษที่ 4  : เมื่อซื้อสินค้าครบ 500 บาท และลูกค้าที่ มียอดซื้อ  500 บาท สามารถนำไปแลกเครื่องดื่มได้ฟรีที่บูธ K2 หมายเลข C1-MM29

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/137degrees

เคที ออฟติก รุกตลาดเข้ม มุ่งเน้นบริการ “ใส่ใจ” และ “เต็มใจ”

สื่อสารผ่านกลยุทธ์ FREE SERVICE



เคที ออฟติก มุ่งก้าวสู่ผู้นำตลาด “แว่นตา” เตรียมแผนรุกตลาดอย่างเข้มข้น ชูจุดเด่นด้านการให้บริการ “ใส่ใจ” และ “จริงใจ” นำร่องด้วยกลยุทธ์ FREE SERVICE จำนวน 5 อย่าง ทำความสะอาด ปรับแต่งทรง เปลี่ยนอะไหล่ ชุดบำรุงรักษาแว่นตา และ ตรวจเช็คสุขภาพตา ด้วยระบบ KTAC 15 ขั้นตอน เปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้ามาสัมผัสการบริการในระดับมืออาชีพ ด้วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน “สายตา” ปีนี้ ตั้งเป้า ยอดขาย หนึ่งพันล้านบาท ล่าสุดเปิดสาขา เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต และเตรียมขยายสาขาเพิ่มอีก 5 แห่ง ทั่วประเทศ
นายชัชวาล วณิชไพสิฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทย ออพติค จำกัด หรือ KT OPTIC เปิดเผยว่า “ ในครึ่งปีหลังนี้ เคที ออฟติก มีแผนที่จะรุกตลาด โดยจะมุ่งเน้นด้านการให้บริการ เริ่มจากความต้องการที่จำเป็นพื้นฐานของผู้มีปัญหาด้าน “สายตา” ด้วยบริการ FREE SERVICE จำนวน 5 อย่าง ทำความสะอาด ปรับแต่งทรง เปลี่ยนอะไหล่ ชุดบำรุงรักษาแว่นตา และ ตรวจเช็คสุขภาพตา ด้วยระบบ KTAC 15 ขั้นตอน ซึ่งภายใต้การให้บริการนี้ จะให้บริการด้วยการ “ใส่ใจ” และ “เต็มใจ” ด้วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสายตา รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ทันสมัย โดยให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดในการ ตรวจวัดแว่นตาและประกอบแว่น เพื่อมอบคุณภาพชีวิตที่ดี ในการมองเห็นในชีวิตประจำวันได้อย่างชัดเจน 

“จุดแข็งของ เคที ออฟติก คือ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสายตา ที่สามารถให้คำแนะนำ และ ตรวจวัดสายตาประกอบแว่น ได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณภาพการมองเห็นมีความ ชัดเจน สบายตา โดยวัดสายตาด้วยระบบ KTAC 15 ขั้นตอน ที่มีความละเอียดและแม่นยำสูงสุด และ จับพฤติกรรมการใช้แว่นตาเฉพาะบุคคล อันเป็นหัวใจหลักของการให้บริการด้านสายตา ยิ่งไปกว่านั้น ยังเน้นการบริการภายใต้บรรยากาศที่ดูอบอุ่น สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพ โดยมีโซลูชั่นให้กับผู้มีปัญหาสายตาได้เลือก อีกทั้ง ยังเป็นศูนย์รวมของแว่นตาแบรนด์ระดับชั้นนำ อาทิChristian Dior, Eyewear & Tom Ford Eyewear ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้น มีกรอบแว่นรูปทรงต่างๆ ให้เลือกเสริมบุคลิกที่มีความหลากหลาย เพื่อเสริมลุคให้ดี รวมไปถึงโปรโมชั่น ส่วนลดสูงสุดถึง 50% สำหรับ ตลาดร้านรวมร้านแว่นตา นับว่ามีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง แต่ก็มีโอกาสในการทำตลาดที่ดี เนื่องจากคนรุ่นใหม่ มีแนวโน้มเกี่ยวกับปัญหาด้านสายตาเพิ่มมากเป็นจำนวนมาก เหตุเกิดจากไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตประจำวัน ที่ต้องใช้สายตาจ้องมองจอคอมพิวเตอร์ และ สมาร์ทโฟน เป็นระยะเวลานาน ทำให้ในปัจจุบัน มีผู้ประกอบการร้านแว่นประมาณ 8,000 ร้านค้า แบ่งเป็นร้านของ เคที ออฟติก จำนวน 14% โดยมีจำนวน 200 สาขา รวมสาขา เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ที่เปิดล่าสุด ซึ่งปีนี้ มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มอีก 5 แห่ง ทั่วประเทศ พร้อมกับตั้งเป้ายอดขายไว้ปีนี้ หนึ่งพันล้านบาท


ทั้งนี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/KTopticFanPage/
โทรศัพท์ 021942794

แบงก์กรุงไทยมอบรางวัลแก่ศิลปินรุ่นใหม่

 พร้อมโชว์ผลงานสร้างสรรค์จากการประกวด
ศิลปกรรมกรุงไทย


ธนาคารกรุงไทย จัดพิธีมอบรางวัลแก่ศิลปินผู้ชนะการประกวดศิลปกรรมกรุงไทยครั้งที่4 พร้อมแสดงนิทรรศการของศิลปินจำนวน 17 ชิ้น เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์ผลงานศิลปกรรมที่สะท้อนความเป็น
ไทยควบคู่กับการสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิด “กรุงไทย” แผ่นดินที่รุ่มรวยด้วยสุนทรียศิลป์

อันทรงคุณค่า นำเสนอแง่งามของสังคมแห่งคุณธรรม จริยธรรม และขนบประเพณี นำพาเศรษฐกิจฟูเฟื่องด้วยความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมอย่างยั่งยืน



บรรยากาศพิธีมอบรางวัลการประกวดศิลปกรรมกรุงไทย ครั้งที่ 4 เป็นไปอย่างอบอุ่น ท่ามกลางศิลปินแห่งชาติในฐานะคณะกรรมการตัดสิน กรรมการธนาคาร และผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกรุงไทย ตลอดจนกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ ที่มาร่วมแสดงความยินดีกับผู้ชนะการประกวด โดยมี นายนนทิกร กาญจนะจิตรากรรมการบรรษัทภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคมธนาคารกรุงไทยเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล พร้อมกล่าวเปิดงานและแสดงความยินดีกับศิลปินที่ได้รับรางวัล








ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน 53 ปี ธนาคารกรุงไทยยึดมั่นในปณิธานการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม การกำกับดูแลกิจการที่ดี ตลอดจนให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืนของทุกภาคส่วน พร้อมส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแก่สังคมและมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และศิลปวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเชื่อมั่นว่า การพัฒนาเศรษฐกิจที่ดีเกิดขึ้นได้จากการมีรากฐานทางสิ่งแวดล้อม สังคม และวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง


ปี 2557 ธนาคารได้ขยายโอกาสและสร้างกำลังใจแก่ศิลปินรุ่นใหม่ ผ่านโครงการประกวดศิลปกรรมกรุงไทยหรือ “Krungthai Art Awards” เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างงานศิลปกรรมเพราะเล็งเห็นว่างานสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมสามารถสร้างบุคลากรที่ดีแก่สังคมได้ด้วยความประณีตลึกซึ้งจะช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้มุ่งมั่นสู่การทำความดี ความงาม และความเป็นปราชญ์


นายนนทิกร กาญจนะจิตรา  กล่าวว่า การประกวดศิลปกรรมกรุงไทย ครั้งที่ 4 เป็นหนึ่งในโครงการที่ธนาคารจัดทำด้วยตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมด้านศิลปวัฒนธรรม โดยเปิดกว้างสำหรับบุคคลทั่วไป และได้รับความสนใจจากศิลปินรุ่นใหม่ทั่วประเทศที่ส่งผลงานเข้าร่วมประกวด 211 คน จำนวนผลงานรวม 309 ชิ้น แบ่งเป็นประเภทจิตรกรรม 227 ชิ้น ภาพพิมพ์ 53 ชิ้น และประติมากรรม 29 ชิ้น คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้ตัดสินผลงานตามเกณฑ์คุณภาพงานโดยไม่แบ่งแยกประเภท มีผลงานที่ได้รับรางวัลรวม 17 ชิ้น และผลงานที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อร่วมแสดงในนิทรรศการ 55 ชิ้น”

นายปฐมพงศ์ บูชาบุตร เจ้าของผลงาน “แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง 2”

ผู้ชนะการประกวดรางวัลศิลปกรรมกรุงไทย ครั้งที่ 4 จำนวน 14 รางวัล รวมมูลค่า 2,400,000 บาทได้แก่

รางวัลชนะเลิศ รับโล่พระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล 500,000 บาท ได้แก่ นายปฐมพงศ์ บูชาบุตร เจ้าของผลงาน
“แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง 2”

รองชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 2 รางวัลเงินรางวัล 300,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
ได้แก่นายศักชัย อุทธิโท เจ้าของผลงาน “ความสงบสุขและความดีงาม 1”
และ นางสาวสุกัญญา สอนบุญ เจ้าของผลงาน “นวัตกรรมจากงานช่างไม้ หมายเลข 2”

รองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 2 รางวัลเงินรางวัล 200,000 บาทพร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ นายบุญเสริม วัฒนกิจ เจ้าของผลงาน “ชุมนุม” และ นายนัฐพล แสงทอง เจ้าของผลงาน “สัมพันธภาพแห่งเส้น”
รองชนะเลิศอันดับ 3 จำนวน 9 รางวัลเงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่
1. นายพีรพล อินทร์ตุ้ม เจ้าของผลงาน “หลง”
2. นางสาวมนัชญา กิจประเสิรฐ เจ้าของผลงาน “วิถีชีวิต”
3. นายวีระพงศ์ แสนสมพร เจ้าของผลงาน “น้ำค้าง...ชีวิต”
4. นายกิตติพันธุ์ ชิณวรรณโชติ เจ้าของผลงาน “ความสัมพันธ์”
5. นายสุรศักดิ์ แสนโหน่ง เจ้าของผลงาน “ความงดงามของความอุดมสมบูรณ์”
6. นายกรณิศ พ่วงพันสี เจ้าของผลงาน “สนามเด็กเล่นบททางช้างเผือก หมายเลข 2”
7. นายเดโช โกมาลา เจ้าของผลงาน “บ้านเรา”
8. นางสาวรัตติยา แหละหมัน เจ้าของผลงาน “สัจจะความจริงจากใบบัว”9. นายสุริยา ฟ้อนรำดี เจ้าของผลงาน “มีงานมีการหลังบ้านงาน”


ในปีนี้ คณะกรรมการได้เพิ่มรางวัลพิเศษใน  สาขา Collector’s Choice จำนวน 3 รางวัล
รวมมูลค่า 300,000 บาท โดยผู้ชนะการประกวด ได้แก่

รางวัลที่ 1 นางศรีพัชรินทร์ จนาศิลป์ เจ้าของผลงาน “ราชรถ ทศกัณฐ์”
เงินรางวัล 120,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร

รองวัลที่ 2 นายพายุ เกิดพุฒ เจ้าของผลงาน “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา”
เงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร

รางวัลที่ 3นายเทพพงษ์ หงษ์ศรีเมือง เจ้าของผลงาน “สุนทรียะของวัฒนธรรม”
เงินรางวัล 80,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร









นิทรรศการศิลปกรรมกรุงไทยครั้งที่ 4 เปิดให้ประชาชนเข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ
ระหว่างวันที่ 29 พ.ค. - 4 มิ.ย.2562 ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 7  เซ็นทรัลพลาซ่าแกรนด์ พระราม 9
โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ และติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.ktb.co.th

28 พฤษภาคม 2562

พรีเซิร์ฟ ฟู้ด สเปเชียลตี้ เผยกลยุทธ์ลุยเจาะกลุ่มลูกค้า OEM ผลิตภัณฑ์ใหม่ เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ

 

กรุงเทพ — 28 พฤษภาคม 2562 — บริษัท พรีเซิร์ฟ ฟู้ด สเปเชียลตี้ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ “คอฟฟี่ ดรีมมี่”, ผู้นำในการผลิตอาหารแห้งแบบครบวงจร “เทสตี้ ท็อป”         

“ไทยเชฟ” ตอกย้ำศักยภาพผู้นำการผลิตอาหารอบแห้งแบบครบวงจรของไทย ร่วมโชว์สินค้าหลากหลายประเภท พร้อมในงานมหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับภูมิภาคอาเซียน THAIFEX World of Food Asia 2019 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “100% Welcome for OEM” เดินหน้าต่อยอดกลยุทธ์การตลาด เจาะกลุ่มลูกค้า OEM ครอบคลุมตลาดในประเทศและส่งออก โดยเน้นการทำ R&D เสริมแกร่งพันธมิตรธุรกิจ อีกทั้งทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาท เปิดตัวภาพยนต์โฆษณา “คอฟฟี่ ดรีมมี่”   พร้อมออก 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ ตั้งเป้ายอดขายรวมแตะ 5,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2562 นี้


           
นายภาณุ มหัทธโนบล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท พรีเซิร์ฟ ฟู้ด สเปเชียลตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำ
การผลิตอาหารอบแห้งแบบครบวงจรของประเทศไทย โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งการอบแห้งแบบระเหิด (Freeze Dried) การทำแห้งอาหารผง (Spray Dried) การอบแห้งด้วยลมร้อน (Air Dried) การทำแห้งด้วยลูกกลิ้งร้อน (Drum Dried) การสกัดและทำเข้มข้น (Extraction) รวมถึงกระบวนการแช่เยือกแข็ง(Frozen Dried) พร้อมเจาะกลุ่มตลาดทั้งระดับอุตสาหกรรมและสินค้าคอนซูเมอร์  ปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยมีนโยบายมุ่งมั่นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ส่งมอบตรงเวลา ตอบสนองลูกค้า และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้วิสัยทัศน์ ที่เราเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารแห้ง ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล ด้วยเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง
เพื่อตอบสนองผู้บริโภคให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี


สำหรับกลยุทธ์การตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
(Customer Relationship Management: CRM)  ในการจัดแคมเปญสำหรับผู้ประกอบการขึ้น ซึ่งเป็นแคมเปญเชิงรุกที่ต้องการสื่อสารตรงกับลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ และต้องการสร้างความต่อเนื่องกับลูกค้าในเชิงการให้ข้อมูลความรู้ ต่อยอดในการทำธุรกิจของลูกค้า ผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
รวมถึงการมุ่งเน้นจาะกลุ่มลูกค้า OEM มากขึ้น กำหนดจุดแข็งที่การทำ R&D (Research and Development) ร่วมกับคู่ค้าอย่างใกล้ชิด เตรียมพร้อมทีมงานในการหาข้อมูลและรายละเอียดสนับสนุนการพัฒนาร่วมกับคู่ค้า เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองกับความต้องการทางตลาดอย่างแท้จริง
พร้อมต่อยอความสัมพันธ์กับคู่ค้าในระยะยาว โดยปัจจุบันมีลูกค้าจากหลากหลายประเทศให้ความสนใจในการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับเรา เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอเมริกา เป็นต้น

           
“ทั้งนี้ นอกเหนือจากการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดกับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมเดิมแล้ว  บริษัทฯยังให้ความสำคัญกับการมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพ โดยทีม R&D ทำการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ “ดรีมมี่” คือ ครีมเทียมน้ำมันรำข้าว ช่วยเรื่องการต่อต้านอนุมูลอิสระ และ ครีมเทียมน้ำมันมะพร้าว ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย  หวังเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพโดยตรง  พร้อมวางจำหน่ายสินค้าช่วงไตรมาสที่ 3   ในส่วนของผลิตภัณฑ์ “คอฟฟี่ ดรีมมี่” ยังคงทำ
การตลาดอย่างต่อเนื่อง เตรียมปล่อยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ 2 เวอร์ชั่น ภายใต้สโลแกน “มัน เข้มข้นถึงใจ” เวอร์ชั่นแรก “Awaken” คอนเซ็ปท์สื่อออกมาทางด้าน Functional ชูความโดดเด่นของตัวสินค้า  ส่วนเวอร์ชั่นที่สอง “5 Senses” คอนเซ็ปท์สื่อออกมาทางด้าน Emotional การสัมผัสของรสชาติความอร่อย ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง5  ซึ่งภาพยนต์โฆษณาแต่ละเรื่องช่วยสร้างการรับรู้ต่อกลุ่มเป้าหมายโดยเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้กว้างขึ้น พร้อมทุ่มงบด้านการสื่อสารทางการตลาดกว่า 50 ล้านบาท   

 

           
อีกทั้งยังมีแผนจัดโรดโชว์นำเสนอสินค้าในต่างจังหวัดทั่วประเทศ หลังจากปีที่ผ่านมาได้มีการมุ่งสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ รวมทั้งทำกิจกรรมต่างๆ เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายโรงงานโดยใช้งบลงทุนอีกกว่า 500 ล้านบาท สำหรับก่อสร้างและซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายไลน์ผลิต ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 100% รองรับการขยายตลาดใหม่ไปสู่ AEC ตะวันออกกลางและแอฟริกา ซึ่งมีความต้องการใช้ครีมเทียมเพิ่มมากขึ้น สำหรับยอดขายครีมเทียมในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวม 1,500 ล้านบาทเติบโตขึ้น 15% แบ่งออกเป็นยอดส่งออก 55% และขายในประเทศ 45% ขณะที่รายได้โดยรวมของบริษัทในปีนี้จะมียอดขายกว่า 5,000 ล้านบาท” นายภาณุ กล่าว



         
“การมาร่วมมหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับภูมิภาคอาเซียน THAIFEX World of Food Asia 2019 ในครั้งนี้ เหมือนเราได้ยกโรงงานมาไว้ที่นี่ ทุกคนที่เข้ามาชมบูธจะได้เห็นภาพรวมของโรงงานว่าเรามีเครื่องจักรที่มีมาตรฐานสากล สะอาด ปลอดภัย มีสินค้าหลากหลายประเภท อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม "คอฟฟี่ ดรีมมี่", กลุ่มผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้งพร้อมรับประทาน "เทสตี้ท็อป" และผลิตภัณฑ์กลุ่มข้าวต้ม ซุปและแกงกึ่งสำเร็จรูป "ไทยเชฟ" คุณภาพดีราคาย่อมเยาว์  มานำเสนอให้พันธมิตร คู่ค้า ลูกค้า ตลอดจนผู้บริโภคทั่วไปทั้งในและต่างประเทศได้สัมผัสและลิ้มลองรสชาติกันที่บูธฯ ในงาน นอกจากจะได้ร่วมแลกเปลี่ยนทัศนะ ประสบการณ์และพูดคุยเกี่ยวกับการขยายธุรกิจกับพันธมิตรคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำไปสู่การขยายเครือข่ายธุรกิจให้กว้างไกลออกไปครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายแล้ว สำหรับวันสุดท้ายเรายังได้มีกิจกรรมพิเศษจัดเตรียมไว้ในงานที่นี่ที่เดียวอีกด้วย   ” นายภาณุ กล่าวทิ้งท้าย


พบกับผลิตภัณฑ์ชั้นนำของ บริษัท พรีเซิร์ฟ ฟู้ด สเปเชียลตี้ จำกัด 
ที่งานมหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับภูมิภาคอาเซียน THAIFEX World of Food Asia 2019
จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พ.ค. – 1 มิ.ย. 2562 เวลา 10.00 – 18.00 น.
ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 10 บูธ HH01


“โคนิก้า มินอลต้า” เขย่าวงการเครื่องถ่ายเอกสารส่ง “bizhub i-Series”

ที่สุดของเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันแห่งอนาคต


“โคนิก้า มินอลต้า บิสสิเนส โซลูชันส์ (ประเทศไทย)” ปลุกกระแสตลาดเครื่องถ่ายเอกสาร หลังเงียบมาหลายปี เปิดตัวเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันรุ่นใหม่ล่าสุด Konica Minolta “bizhub i-Series” ภายใต้คอนเซ็ปต์ Rethink it ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด หนึ่งเดียวที่มาพร้อมกับแอนติไวรัส BitDefender ช่วยปกป้องข้อมูลจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Attack) แบบเรียลไทม์ มั่นใจพร้อมเจาะตลาดกลุ่มธุรกิจ, เอสเอ็มอี ขนาดกลาง-ใหญ่, กลุ่มบริษัทออฟฟิศ และสถานประกอบการต่างๆ ชูความสะดวก เรียบง่าย ไม่กินพื้นที่มากเกินไป ลดความซ้ำซ้อน สามารถใช้ทำงานได้หลายแบบในเครื่องเดียว และคุ้มค่าต่อการใช้งาน เสริมทีมบริการหลังการขาย On Site Service ให้บริการถึงที่ทำงาน พร้อมตั้งเป้าขึ้นสู่ตำแหน่งที่ 3 ตลาดเครื่องถ่ายเอกสาร

นางสาวสุธิดา แจ่มฤกษ์แจ้ง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท โคนิก้า มินอลต้า บิสสิเนส โซลูชันส์ (ประเทศไทย) จำกัด
นางสาวสุธิดา แจ่มฤกษ์แจ้ง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท โคนิก้า มินอลต้า บิสสิเนส โซลูชันส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านการจัดการงานพิมพ์และข้อมูลองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพ ผลผลิต และการแบ่งปันข้อมูลผ่านโซลูชั่น และเพื่อการบริการงานพิมพ์ที่หลากหลายทั้งในระดับสำนักงาน และผู้ประกอบการ ทั้งยังเป็นผู้ให้บริการจัดจำหน่ายเครื่องมัลติฟังก์ชัน (Office Multifunction) ที่ได้รับรางวัลในเรื่องของเทคโนโลยีอันล้ำสมัย รวมถึงแท่นพิมพ์ดิจิตอล (Production Printing) แท่นพิมพ์ดิจิตอลอุตสาหกรรม (Industrial Printing) และวัสดุสิ้นเปลืองที่เกี่ยวข้อง โคนิก้า มินอลต้า ยังเป็นบริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการจัดการเอกสารภายในองค์กร ซึ่งให้บริการด้านซอฟต์แวร์โซลูชั่นต่างๆ (Software Solution) ที่ช่วยบริหารจัดการงานเอกสาร อีกด้วย



ในปี 2562 นี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัวเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันรุ่นใหม่ล่าสุด Konica Minolta “bizhub i-Series” ภายใต้คอนเซ็ปต์ Rethink it เปลี่ยนบทบาทของเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน ให้กลายเป็นศูนย์กลางของสถานที่ทำงาน เชื่อมต่อผู้คน สถานที่ และอุปกรณ์ทุกชนิดเป็นหนึ่งเดียว ทั้งยังขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่อนาคตจากแนวคิดที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Rethink Security นวัตกรรมใหม่เพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด หนึ่งเดียวที่มาพร้อมกับแอนติไวรัส BitDefender ทำงานสแกนไวรัสรวมไปถึงข้อมูลที่รับเข้าและส่งออกทั้งหมดแบบเรียลไทม์ ทั้งยังตั้งค่าการใช้งานได้ตามต้องการ สามารถตั้งเวลาสแกนข้อมูลล่วงหน้า ช่วยปกป้องข้อมูลจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Attack) พร้อมผสานกับการทำงานของ bizhub SECURE ที่จะดูแลปกป้องรวมถึงสำรองข้อมูลในหน่วยความจำ มั่นใจได้ว่าทุกข้อมูลจะปลอดภัยสูงสุด ช่วยยกระดับการทำงานพาธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงไม่มีสะดุด


Rethink Simplicity แนวคิดที่ต่อยอดการออกแบบอันเรียบง่าย มาสู่รูปแบบการใช้งานที่สะดวกปลอดภัย ใช้งานง่าย ด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว สไตล์สมาร์ทโฟน ปรับเอียงได้ถึง 90 องศา ไฟแจ้งเตือนสถานะงานแบบ LED ดีไซน์โค้งมนทันสมัย มอบการใช้งานที่สะดวกสบายแก่ผู้ใช้ทุกคน ทั้งยังปรับแต่งแอปพลิเคชันการใช้งานได้หลากหลาย จากบริการ Konica Minolta MarketPlace สามารถตั้งฟังก์ชันที่ใช้งานเป็นประจำให้ถูกแสดงเป็นอันดับแรก ช่วยตัดทอนเวลาที่ยุ่งยากเปล่าประโยชน์ ยกระดับการทำงานให้ดีขึ้นและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ, Rethink Productivity แนวคิดขยายขีดความสามารถของงานพิมพ์ จากระบบ Dispatcher Suite Solution ช่วยเพิ่มผลผลิตในระดับสูงสุด พร้อมกำจัดงานที่ซ้ำซ้อน ลดต้นทุนและการทำสำเนาลง และลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพด้วยฟังก์ชันการทำงานล่วงหน้า รวมไปถึงขั้นตอนการตรวจสอบและการกระจายเอกสารที่ตั้งค่าได้ตามต้องการ ทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล ยกระดับคอนเซ็ปต์ Rethink it สู่ศูนย์กลางควบคุมกระบวนการงานพิมพ์ขององค์กร


i-series เป็นนวัตกรรมเครื่องถ่ายเอกสารเพียงแบรนด์เดียว ที่มีหน่วยประมวลผลกลาง CPU Quad Core 1.6GHz, หน่วยความจำมาตรฐาน (RAM) 8 GB และยังมี Storage device 256 GB ที่เป็นแบบ SSD ช่วยให้ตอบสนองต่อการทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังเป็นเครื่อง MFP รุ่นแรกที่มาพร้อมกับ BitDefender ซึ่งเป็น ซอฟต์แวร์แอนติไวรัสระดับโลก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ยังไม่มีคู่แข่งรายไหนที่ทำได้ในสินค้าระดับเดียวกัน

“bizhub i-SERIES” มีขั้นตอนการทำงานที่รวดเร็วและง่ายขึ้นโดยมอบความสามารถในการทำงานและสามารถสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพสูง พร้อมรองรับการทำงานที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ โดยสามารถทำงานร่วมกับซอฟท์แวร์การจัดการงานพิมพ์หรืองานสแกนได้ทันทีจากพาแนลเครื่อง สมัย
ใหม่รวมถึงอุปกรณ์ITS ในรูปแบบ (on-premise / cloud) ได้ตลอดเวลา และสร้างความมั่นคง พร้อมความปลอดภัยทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยจาก BitDefender ที่การออกแบบร่วมสมัยมีส่วนต่อประสานกับผู้ใช้สมาร์ทโฟน ผ่าน Application Konica Mobile Print และยังรองรับการยืนยันตัวตน การสั่งพิมพ์ รวมถึงการรับงานสแกนจากอุปกรณ์ที่มี NFC ได้อย่างรวดเร็วทันที



นางสาวสุธิดา กล่าวต่ออีกว่า “ I ” 
ของ bizhub i-Series มาจากคำศัพท์ทางการตลาดของ i-Generation (หรือที่เรียกว่า Generation Z ซึ่งหมายถึงยุคที่บุคคลเกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีเป็นตัวช่วยในการทำงานและการดำรงชีวิต) ซึ่งในปัจจุบันคน Gen Z ได้เริ่มเข้าสู่สังคมในการทำงานมากขึ้น ซึ่งจะมีปัจจัยในการเลือกองค์กร หรือสำนักงานที่มีความเป็นดิจิตอลที่ทันสมัย ซึ่ง โคนิก้า มินอลต้า ใช้“ I ” เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า i-Series นั้นสามารถประยุกต์ใช้กับสำนักงานยุคใหม่ที่ทันสมัย และตรงกับความต้องการรวมถึงความรู้สึกของผู้ใช้ในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของ “โคนิก้า มินอลต้า” จะเป็นกลุ่มบริษัทเอกชน และหน่วยงานภาครัฐในประเทศไทย โดย บริษัทฯ กำลังดำเนินการตามกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการเติบโตทั้งในกลุ่มธุรกิจสำนักงาน และกลุ่มธุรกิจสิ่งพิมพ์ระดับมืออาชีพ ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มผลกำไรโดยการเพิ่มยอดขายและการปฏิรูปโครงสร้างต้นทุน ซึ่ง "i-Series" Konica Minolta ต้องการที่จะมุ่งเน้นไปที่"ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” และเราต้องการเป็นหุ้นส่วนกับคุณโดยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจของคุณไปด้วยกัน


“ปัจจุบันเครื่องมัลติฟังก์ชันมีราคาถูกลงเมื่อเทียบกับ 2-3 ปีที่ผ่านมา เทรนด์การใช้เครื่องมัลติฟังก์ชันนั้นจะเพิ่มขึ้นกับกลุ่มธุรกิจ, SME ขนาดกลาง-ใหญ่, กลุ่มบริษัทออฟฟิศ, สถานประกอบการต่างๆ เพราะสะดวก เรียบง่าย ไม่กินพื้นที่มากเกินไป ลดความซ้ำซ้อน สามารถใช้ทำงานได้หลายแบบในเครื่องเดียว และด้านความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันนั้นก็คือความคุ้มค่าในการใช้งาน และบริการหลังการขาย เมื่อเกิดปัญหาต้องมี On Site Service ให้บริการถึงออฟฟิศ หรือที่ทำงาน อีกทั้งธุรกิจในปัจจุบันเริ่มตระหนักถึงความปลอดภัยในการพิมพ์มากขึ้น ผู้ให้บริการเครื่องมัลติฟังก์ชันจำเป็นที่จะต้องหาโซลูชั่นต่างๆสำหรับป้องกันภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นด้วย รวมทั้ง click charge rate ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อ ยิ่งถ้าทำ click charge rate ในราคาที่คุ้มค่า ผู้บริโภคยิ่งมีการตัดสินใจซื้อที่สูงขึ้นตามลำดับ” นางสาวสุธิดา กล่าวสรุปในตอนท้าย



สำหรับผู้ที่สนใจเครื่องมัลติฟังก์ชัน Konica Minolta “bizhub i-Series
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ โทร. 02-029-7000
ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.konicaminolta.co.th และ Facebook : konicaminoltabth

เครือเฮอริเทจย้ำความเป็นผู้นำด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในงาน THAIFEX - World of Food ASIA 2019



 กรุงเทพฯ  - เครือเฮอริเทจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ นำโดย วิชา พลไพศาล (คนกลาง)
ประธานกรรมการ เครือเฮอริเทจ ร่วมจัดแสดงสินค้าพร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ เครื่องดื่มนมพิสทาชิโอ แบรนด์ซันคิสท์
อัลมอนด์ บรีซ บาริสต้า เบลนด์ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคถุงทองแบรนด์เฮอริเทจ และอีกหลากหลายสินค้าในงาน THAIFEX - World of Food ASIA 2019 ย้ำความเป็นผู้นำด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยมี วารี พลไพศาล (ที่3จากขวา) ประธานกรรมการ เครือเฮอริเทจ และ วิทวัส พลไพศาล (ที่ จากซ้าย) รองประธานกรรมการ เครือเฮอริเทจ เข้าร่วม ณ บูธเครือเฮอริเทจ เลขที่ v01 ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2562

บุคคลในภาพจากซ้ายไปขวา
1. คุณสุริยา มูลศรี                        ผู้อำนวยการฝ่ายขายภายในประเทศ เครือเฮอริเทจ
2. คุณวริญ พลไพศาล                   ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เครือเฮอริเทจ 
3. คุณวิทวัส พลไพศาล                  รองประธานกรรมการ เครือเฮอริเทจ
4. คุณวิชา พลไพศาล                    ประธานกรรมการ เครือเฮอริเทจ
5. คุณวารี พลไพศาล                     ประธานกรรมการ เครือเฮอริเทจ
6. คุณวศธร พลไพศาล                   ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เครือเฮอริเทจ
7. คุณชัชวาลย์ ขาวฤกษ์                ผู้จัดการฝ่ายส่งออก เครือเฮอริเทจ




-- 

27 พฤษภาคม 2562

อบรม Presentation Mastery



อาจารย์เอ๋ อภัย​ลักษณ์​ ตันตระบัณฑิตย์นายกสมาคมที่ปรึกษา​ภาพลักษณ์​นานาชาติ
แห่งประเทศไทย​ ได้จัดอบรม คอร์ส "Presentation ​Mastery"

สิ่งที่ได้รับจากคอร์สนี้ คือ การนำเสนอแบบมืออาชีพ ทำให้พัฒนาศักยภาพเพื่อการสื่อสารและการนำเสนอ เพื่อจะก้าวหน้าในการทำงาน ที่มีเทคนิค ต่างๆในการนำเสนอ อย่างมีประสิทธิภาพที่ Sigha Complex.

พม. เตรียมจัดงาน “Thailand Social Expo 2019”

พม. เตรียมจัดงาน “Thailand Social Expo 2019” 
ชูผลงานด้านสังคมของรัฐบาลและงานมหกรรม
ด้านสังคมสำหรับคนทุกช่วงวัย
 

วันนี้ (27 พ.ค. 62) เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 8 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ นายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดงานแสดงผลงานด้านสังคมของรัฐบาลและงานมหกรรมด้านสังคมครั้งที่2 ของประเทศไทย “Thailand Social Expo 2019” ภายใต้แนวคิด “ร่วมมือ ร่วมใจ สังคมไทยยั่งยืน – Partnership for Sustainable” ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 7 กรกฎาคม 2562 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ของสังคมโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อ การดำเนินชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายในทุกช่วงวัย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะองค์กรด้านการพัฒนาสังคมของประเทศ จึงจำเป็นต้องดำเนินการผลักดันและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสังคม อย่างเป็นระบบ ด้วยการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคมใน การขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาสังคมไทยอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

นายปรเมธี กล่าวต่อว่า ปีที่ผ่านมา กระทรวง พม. ได้ดำเนินการจัดงาน Thailand Social Expo 2018 ระหว่างวันที่ 3 - 5 สิงหาคม 2561 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี เป็นการแสดงผลงานด้านสังคมของรัฐบาลและงานมหกรรมด้านสังคมครั้งแรกของประเทศไทย โดยมีประชาชนผู้สนใจจากทุกกลุ่มเป้าหมายใน ทุกช่วงวัยมีส่วนร่วมเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก นับว่าการจัดงานครั้งแรกประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สำหรับปี 2562 ได้กำหนดจัดงาน Thailand Social Expo 2019 ระหว่างวันที่ 5 – 7 กรกฎาคม 2562 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี เพื่อเป็นการต่อยอดและขยายผลของการรวบรวมผลงานนวัตกรรมทางสังคมและเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาสังคมและกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งผลการคิดค้น
และการดำเนินงานสำคัญในด้านสังคมของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยผนึกกำลังบนพื้นฐานการมีส่วนร่วมและการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ดำเนินงานด้านสังคมของประเทศไทย 

นายปรเมธี กล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดงาน Thailand Social Expo 2019 มีการแบ่งกิจกรรมออกเป็น 4 โซน ประกอบด้วย 1) การเสวนาทางวิชาการเกี่ยวกับประชาชนกลุ่มเป้าหมายในทุกช่วงวัย อาทิ 1.1) สมัชชาการพัฒนา เด็กและเยาวชนแห่งชาติ 1.2) วาระแห่งชาติ Active Aging สูงวัยอย่างมีคุณค่า ชราอย่างมีความสุข 1.3) สื่อสารสร้างสรรค์ป้องกันปัญหาความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก และ 1.4) การยกระดับ CSR สู่พลังจิตสาธารณะ ลดความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน เป็นต้น 2) บริการทางสังคม อาทิ 2.1) บริการตรวจวัดสายตา 2.2) ประมูลทรัพย์หลุดจำนำ 2.3) สาธิตการพัฒนาฝีมือแรงงานและการฝึกอาชีพ 2.4) ตัวอย่างแบบบ้านประหยัดพลังงาน 2.5) การทำบัตรประชาชน และ 2.6) การให้บริการ จัดหางาน เป็นต้น 3) การแสดงและนวัตกรรมทางสังคม อาทิ 3.1) Pavilion กลาง การแสดงผลงานการพัฒนาคนทุกช่วงวัย ได้แก่ ปฐมวัย วัยรุ่น วัยแรงงาน และวัยสูงอายุ 3.2) นวัตกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ 3.3) การแสดง Application งานด้านสังคม และ 3.4) การแสดงดนตรีของคนพิการ Fight for Dream เป็นต้น และ 4) การออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าและร้านอาหาร อาทิ 4.1) ผลิตภัณฑ์ ทอฝัน by พม. 4.2) ผลิตภัณฑ์ OTOP และ 4.3) ร้านค้า ร้านอาหาร เครื่องดื่ม และ
เบเกอรี่

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมงาน Thailand Social Expo 2019
เพื่อการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาสังคมไทยอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ต่อไป
ระหว่างวันที่ 5 – 7 กรกฎาคม 2562
ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2
ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี

อธิบดี พก. เปิดการประชุมสมัชชาเครือข่ายด้านคนพิการระดับภูมิภาค (กลุ่มภาคกลาง)



วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม 2562 เวลา 10.00 น. ณ โรงแรมปริ๊นซ์ พาเลซ มหานาค กรุงเทพฯ นางธนาภรณ์ พรมสุวรรณ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นประธานเปิดการประชุมสมัชชาเครือข่ายด้านคนพิการระดับภูมิภาค (กลุ่มภาคกลาง) และบรรยายพิเศษ เรื่อง “นโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนงานด้านคนพิการประจำปี 2562”




ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 - 28 พ.ค. 62 เพื่อรวบรวม รับฟังข้อเสนอแนะ และข้อคิดในระดับพื้นที่ นำมาวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาและพัฒนาเป็นมติสมัชชาระดับชาติ เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ และรวบรวมสู่การจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2565 - 2570 สำหรับขับเคลื่อนการดำเนินงานเป็นไปตามนโยบายสาธานณะด้านคนพิการ โดยมี ผู้แทนจากคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการประจำจังหวัด จำนวน 400 คน เข้าร่วมการประชุม





โดยสามารถติดตามข่าวสารของ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.)
รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ของคนพิการได้ที่ www.dep.go.th หรือ https://www.facebook.com/dep.go.th