29 เมษายน 2565

มิติใหม่การท่องเที่ยวเชิงเกษตร กรมการท่องเที่ยวจัดอบรมพัฒนาต้นแบบที่พักแบบฟาร์มสเตย์เชิงสุขภาพ ผ่านระบบออนไลน์ ฟรี!!

ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับฟังการเสวนาในหัวข้อ “Farm stay for Health มิติใหม่การท่องเที่ยวยกระดับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร” และการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์คุณภาพที่พักแบบฟาร์มสเตย์เชิงสุขภาพ” (Farm stay for Health) มิติใหม่การท่องเที่ยวที่ช่วยยกระดับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร”

การสร้างจุดขายและรายได้จากฟาร์มสเตย์เชิงสุขภาพ และโมเดลเศรษฐกิจ BCG Economy สู่ฟาร์มสเตย์เพื่อสุขภาพ




#FarmstayForHealth #กรมการท่องเที่ยว #ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย
#การท่องเที่ยวเชิงเกษตร #มาตรฐานฟาร์มสเตย์เชิงสุขภาพ

บีเอนเนสต้าร์ ทีแอนด์เอ็น ลงนามสัญญาร่วมกับ แคนนาบิสต้า เนเธอร์แลนด์

เดินหน้าพัฒนาระบบอุตสาหกรรมการปลูกกัญชาทางการแพทย์แบบครบวงจร
ดันไทยสู่ฐานการผลิต ‘กัญชา ฟาร์มาซูติคอล เกรด’ แห่งแรกในเอเชีย

บีเอนเนสต้าร์ ทีแอนด์เอ็น ผู้นำด้านการปลูกกัญชาทางการแพทย์ของไทย ประกาศความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ร่วมกับ แคนนาบิสต้า เนเธอร์แลนด์ ผู้นำแบบครบวงจรด้านการปลูกกัญชาทางการแพทย์ระดับโลก พร้อมด้วยพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำของเนเธอร์แลนด์ ประกอบด้วย บอสแมน แวน เซล, เดลฟี่ และ พาราไดส์ ซีดส์ ผนึกพลังเพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านการปลูกและพัฒนาสายพันธุ์แบบบูรณาการ เพื่อให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านกัญชาเพื่อการแพทย์ในภูมิภาคเอเชียอย่างแท้จริง โดยการลงนามสัญญาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายชาตรี   อรรจนานันท์  เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ และ นพ. สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน ณ กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ 

นายนิพนธ์ พันธเกียรติไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอนเนสต้าร์ ทีแอนด์เอ็น จำกัด เปิดเผยถึงความร่วมมือระหว่างไทยและเนเธอร์แลนด์ ในครั้งนี้ว่า  ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาระบบการปลูกกัญชาทางการแพทย์ระดับ ฟาร์มาซูติคอล เกรด แห่งเดียวในประเทศไทยและแห่งแรกในเอเชีย โดยได้นำข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของไทยที่ทั่วโลกต่างยอมรับว่าเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการเพาะปลูกกัญชา มาผสานกับองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่เนเธอร์แลนด์สั่งสมมาจนเป็นผู้นำระดับโลกอย่างครบวงจร
นายนิพนธ์ พันธเกียรติไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอนเนสต้าร์ ทีแอนด์เอ็น จำกัด 

“ความร่วมมือในครั้งนี้ เริ่มจากการคัดสรรเมล็ดพันธุ์คุณภาพจาก พาราไดส์ ซีดส์ ธนาคารเมล็ดพันธ์กัญชาที่ใหญ่ที่สุดและเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์เมล็ดกัญชาทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานด้านคุณภาพสูงสุดของโลก เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยาอย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการรักษาที่มีความเฉพาะเจาะจงของกลุ่มโรค เสริมด้วยการนำระบบ Automated Agricultural System ซึ่งใช้ระบบ Logistics and Robotics ที่พัฒนาเพื่อการปลูกระดับอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐานด้านคุณภาพสูงสุดในโลก เพื่อนำกัญชาที่ได้ไปใช้ในอุตสาหกรรมยา อาหาร และเครื่องดื่ม และระบบ Vertical Farming ที่เป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกโดยประหยัดพื้นที่ ประหยัดพลังงาน และน้ำ รวมทั้งระบบ Data & Business Intelligence ที่สามารถควบคุมระบบอากาศ ความชื้น และระบบรดน้ำที่แม่นยำ เพื่อการเจริญเติบโตของพืชผลอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นนวัตกรรมของบอสแมน แวน เซล มาใช้ในประเทศไทย และการนำ Mechanization, Automation และ ICT ในการควบคุมระบบการปลูกทางไกลผ่านระบบออนไลน์ของ เดลฟี่ ผู้พัฒนาความรู้ทางการเกษตรและสร้างระบบการปลูกมาพัฒนาใช้ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่สูงที่สุดและมีมาตรฐานคุณภาพระดับโลก” นายนิพนธ์ พันธเกียรติไพศาล กล่าวสรุป

เปรโก้ ห้องอาหารอิตาเลี่ยน โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ

ห้องอาหารเปรโก้ ให้บริการอาหารแสนอร่อยและบรรยากาศสุดหรู พิซซ่าเตาถ่าน พาสต้าโฮมเมดและอาหารทะเลสดใหม่ เป็นไฮไลท์ของเมนูที่สร้างสรรค์โดยเชฟชื่อดัง Marco Boscaini โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ






ในค่ำคืนของวันที่ 28 เดือนเมษายน นี้  ที่โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ เปรโก้ ห้องอาหารอิตาเลี่ยน เปิดให้บริการแล้วเชิญมาสัมผัสบรรยากาศสบายๆ  ชมฝีมือการประกอบอาหารอย่างใกล้ชิดโดยเชฟมาร์โค่ เชฟชื่อดังจากอิตาลี เชฟมาร์โค่เป็นเชฟหนึ่งเดียวจากประเทศไทย  เน้นการทำแบบอิตาเลี่ยนต้นตำรับเปิดเมื่อปี 2003 ที่โรงแรมอมารี เกาะสมุย และได้รับการยกย่องว่าเป็น “ห้องอาหารที่ดีที่สุดบนเกาะสมุย”  ลองลิ้มรสชาติอาหารอิตาเลียนแสนอร่อยสูตรต้นตำรับกับเมนูพาสต้าแฮนด์เมดและไวน์ที่คัดสรรมาอย่างดีส่งตรงจากอิตาลี





ห้องอาหารอิตาเลี่ยน  ”เปรโก้” สัมผัสบรรยากาศสบายๆ  ชมฝีมือการประกอบอาหารอย่างใกล้ชิด โดย เชฟมาร์โค่เชฟ ชื่อดังจากอิตาลีลองลิ้มรสชาติอาหารอิตาเลียนแสนอร่อยสูตรต้นตำหรับกับเมนูพาสต้าแฮนด์เมดและไวน์ที่คัดสรรมาอย่างดีส่งตรงจากอิตาลี ที่ห้องอาหารเปรโก้ ที่โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ เป็นร้านอาหารที่พร้อมเสริฟคุณด้วยอาหารอาหารอิตาเลียน แสนอร่อยสูตรต้นตำหรับ  ”เปรโก้” ซึ่งจะเป็น จุดนัดพบสังสรรค์รับประทานอาหาร หรือเป็นแหล่งแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนๆ ด้วยการผสมผสานของร้านอาหารอิตาเลียน ระดับพรีเมี่ยมดั้งเดิม และบาร์ได้อย่างกลมกลืน จุดประกายความสนุกสนานด้วยเสียงเพลงในราคาที่เป็นมิตร



เมนูแนะนำ : เชฟมาร์โค่เป็นเชฟหนึ่งเดียวจากประเทศไทย !รีซอตโต มอนทานาร่า จะดีแค่ไหนหากทุกท่านได้ลองลิ้มรส รีซอตโตมอนทานาร่า อาหารจานขึ้นชื่อที่รังสรรโคยเชฟมาร์โค่ ในปี 2018 รีซอตโตมอนทานาร่าของเชฟมาร์โค่ได้รับรางวัล 100 รีซอตโตที่ดีที่สุดจาก TheGalloGuideที่รวมลิสต์Risottoดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก

รีซอตโตมอนทานาร่า
สัมผัสประสบการณ์อาหารอิตาเลียนสุดหรูที่อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ Prego Bangkok เปิด 26 เมษายน 2565


เปรโก้ ห้องอาหารอิตาเลี่ยน โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ

📞 Tel: 02-653-9000​

📩 Email: reservations.watergate@amari.com​

📱 LINE: @amariwatergatebkk OR https://lin.ee/lBHz2rL​

28 เมษายน 2565

พ่อเมืองนนทบุรี ผนึกทุกภาคส่วนลุยแก้ไขปัญหาขจัดความยากจนอย่างยั่งยืน พร้อมเน้นย้ำ“ไม่เหวี่ยงแห แก้ปัญหา”

วันที่ 28 เมษายน 2565  เวลา 14.00 น. นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนศูนย์ขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วยวัยตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จังหวัดนนทบุรี ครั้งที่ 2/2565  โดยมี นายราชันย์ ซุ้นหั้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายอภิชัย อร่ามศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี  หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด  นายอำเภอ  ผู้แทนส่วนราชการทั้งในระดับจังหวัด และระดับพื้นที่ และผู้ทรงคุณวุฒิในมิติด้านต่างๆ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมมหาเจษฏาบดินทร์ ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี  โดยประชุมแบบ Hybrid ในการนี้ นางรักใจ กาญจนะวีระ พัฒนาการจังหวัดนนทบุรี เป็นผู้กล่าวนำเสนอวาระการประชุมในวันนี้ 

        สืบเนื่องจากที่จังหวัดนนทบุรี ได้มีคำสั่งจัดตั้งศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดนนทบุรี (ศจพ.จ.)  จัดตั้งศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนฯ ในระดับพื้นที่อำเภอ จัดตั้งทีมปฏิบัติการระดับอำเภอ และแต่งตั้งทีมพี่เลี้ยงในพื้นที่ เพื่อร่วมกันดำเนินการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย พร้อมทั้งจังหวัดนนทบุรีได้ประกาศวาระจังหวัดนนทบุรี เพื่อกำหนดให้การขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ธีม "คนนนท์ร่วมใจ สร้างยิ้มชุมชน" เพื่อมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ ตลอดถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในจังหวัดนนทบุรี โดยในการขับเคลื่อนได้กำหนดกลไก โดยแต่งตั้งคณะทำงานติดตามและสนับสนุนการขจัดความยากจนฯ โดยมอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดแบ่งสายในการกำกับรายอำเภอ และแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการขจัดความยากจนฯ เป็นรายมิติ เพื่อให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหาสามารถแก้ไขได้ตรงตามสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง



 สำหรับการดำเนินงานขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ถือเป็นนโยบายที่สำคัญ ที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้กับครัวเรือนที่ได้รับความเดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งการดำเนินงานมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกลไกเชิงนโยบายในการดำเนินการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างบูรณาการเป็นรูป

ธรรมและยั่งยืนได้ในทุกพื้นที่

      สำหรับดัชนีความยากจน สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้กำหนดมิติความยากจนไว้ 5 มิติ ได้แก่  ด้านสุขภาพ ด้านความเป็นอยู่ ด้านการศึกษา ด้านรายได้ และ ด้านการเข้าถึงบริการภาครัฐ  โดยจังหวัดนนทบุรีได้ประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ในการผนึกกำลังร่วมกันแก้ไขปัญหา ผ่านการดำเนินการโครงการ “คนนนท์ร่วมใจ สร้างยิ้มชุมชน Give it Try, Smile Together”  

       ในโอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ได้เน้นย้ำและมอบหมายภารกิจให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลที่ต้องร่วมมือกันขับเคลื่อน โดยขอให้ทุกคณะทำงานร่วมกันทำงาน ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นวัน D-Day ร่วมกันผนึกกำลังแก้ไขปัญหาเป็นรายครัวเรือนแบบพุ่งเป้า เปรียบเสมือนการตัดเสื้อพอดีตัว โดยพร้อมเพรียงกัน  พร้อมเน้นย้ำขอให้ “ไม่เหวี่ยงแห แก้ปัญหา” และคำนึงถึงประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อให้พี่น้องประชาชนของจังหวัดนนทบุรีมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและสามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืนต่อไป. 


สถานีข่าว พช. CNS  นนทบุรี รายงาน

ดร.คฑา ชินบัญชร พรีเซนเตอร์ เที่ยวไทยรับพลังบวก เที่ยวแก้ชงเสริมมงคลปีขาล

นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทย และศูนย์ประสานงานสื่อมวลชน ให้การต้อนรับ ดร.คฑา ชินบัญชร พรีเซนเตอร์ เที่ยวไทยรับพลังบวก เที่ยวแก้ชงเสริมมงคลปีขาล การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และคณะนักท่องเที่ยว จากโครงการ "#เบตง หรอยแรง แหล่งใต้ สไตล์นกแอร์" จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในโอกาสเปิดเส้นทาง บินตรง เบตง กับนกแอร์  โดยบินทุกวันอาทิตย์ วันอังคาร และวันศุกร์  เริ่มแรกระหว่าง 29 เมษายน - 29 กรกฎาคม 2565    ไฟล์ทบินแรกเพื่อการพาณิชย์  วันที่ 29 เมษายน 2565


หรอยแรงแหล่งใต้ (Savory South) กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เที่ยวภาคใต้ โดยการออกแบบประสบการณ์การท่องเที่ยวจากเสน่ห์วันวาน ผสานกับความทันสมัย ความสวยงามของทัศนียภาพความสบายกายสบายใจและ อาหารถิ่นของเบตง ที่มีศักยภาพในการจูงใจให้นักท่องเท่ียวชาวไทย ทั้งกลุ่มครอบครัว กลุ่มคู่รักกลุ่มเพื่อน กลุ่มผู้เกษียณ กลุ่ม GenX, GenY หรือ GenZ ออกเดินทางช่ืนชมความสวยงามของประเทศไทย ทางใต้สุดแดนสยาม แลก เปลี่ยนความเป็นอยู่วิถีชีวิตชาวไทย ให้วิถีแห่งความเป็นไทยยังคงอัตลักษณ์ท่ีเพียบพร้อมและงดงาม ควรค่า แก่การสืบสานให้ยังคงอยู่ ตลอดท้ังส่งเสริมให้เกิดคุณค่ากลับคืนสู่ท้องถิ่นโดยใชการท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการพัฒนาและส่งเสริมวิถีความเป็นไทย ให้ยั่งยืนสืบไป

การท่องเที่ยวแห่วประเทศไทย (ททท.) ขอเชิญชวนคนไทยทุกคน ร่วมสัมผัสวิถีชาวไทยแดนใต้ ออกเดินทางไปสัมผัส ประเทศไทยให้ Amazing ยิ่งกว่าเดิม

Mango Art Festival 2022 ตอบโจทย์คนยุคใหม่ผู้มีศิลปะอยู่ในทุกจังหวะการใช้ชีวิต

การรอคอยของคนรักงานศิลปะกำลังจะสิ้นสุดลง เตรียมตัวให้พร้อมพบกับ Mango Art Festival 2022ในธีม “A Vision for A Better Tomorrow” เทศกาลที่ครบเครื่องและตอบโจทย์คนยุคปัจจุบันซึ่งมีศิลปะอยู่ในทุกจังหวะการใช้ชีวิต

6 วัน ระหว่างวันที่ 3-8 พฤษภาคม 2565 นี้ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ถูกจับจองพื้นที่โดยผู้เข้าร่วมเทศกาลซึ่งล้วนน่าสนใจ ทั้ง 4 โซน คือ Gallery, Independent Artist, Design และ Craft Accessories Food & Beverageจัดเต็มด้วยผลงานศิลปะหลากหลายรูปแบบจากแกลเลอรีชั้นนำ งานดีไซน์หลากหลายประเภท คัดสรรแบรนด์ชั้นนำผลงานจากศิลปินอิสระหลายรุ่นหลากสไตล์มารวมไว้ด้วยกันในเทศกาลศิลปะครั้งนี้ 


หนึ่งในไฮไลต์ของงานคือ การสัมมนาหลากหลายหัวข้อเกี่ยวกับงานศิลปะที่น่าสนใจการพบปะจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างศิลปินไทยกับแกลอรี่ต่างประเทศเพื่อนำศักยภาพศิลปินไทยไปสู่ระดับนานาชาติโดยMango Art Festival 2022ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) อาทิ

HOW TO PURSUE AN ART CAREER? : สำหรับนักศึกษาที่สนใจจะประกอบอาชีพด้านศิลปะในอนาคต ไม่ควรพลาด

ASIA RISING: THE RISE OF ASIAN CONTEMPORARY ARTISTS : การพูดคุยกับหอศิลป์ที่มีชื่อเสียงจากทั่วเอเชียต่อมุมมองเกี่ยวกับศิลปินร่วมสมัยในภูมิภาคซึ่งจะมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการศิลปะระดับนานาชาติ

ART THAT MAKES MONEY : นักสะสมงานศิลปะชั้นนำมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ซึ่งรวมถึงการลงทุนและทำกำไรจากงานศิลปะ

OLD MASTERS UNVEILED, AN INTIMATE LOOK AT THAILAND’S ARTISTIC AND NATIONAL TREASURE : พูดคุยถึงคุณค่าของผลงานชิ้นเอก อันเป็นสมบัติของชาติโดยศิลปินระดับปรมาจารย์เช่น อังคาร กัลยาณพงศ์, ชลูด นิ่มเสมอ, เหม เวชกร ฯลฯ 

GOING GLOBAL: HOW TO TAKE YOUR DESIGN BUSINESS OVERSEAS : พบกับเคล็ดไม่ลับการเรียนรู้สู่ความสำเร็จและสิ่งที่สตาร์ทอัพสามารถทำได้เพื่อบรรลุเป้าหมายการนำธุรกิจออกแบบไปสู่ต่างประเทศ



ตลอดเทศกาลพบกับศิลปะการแสดงสด ดนตรี และศิลปินอีกมากมาย เช่น ซาวด์อาร์ทสุดล้ำ โดยเมธี น้อยจินดาท่องโลกเมตาเวิส กับ NFT  Exhibitionงานสื่อผสมขนาดใหญ่ร่วม 20 เมตรOVERLOAD ทำจากเศษผ้าและชุดชั้นใน โดย วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ ผู้แปลง 'ขยะ' เป็นงานศิลปะแฟชั่นเพอฟอร์มแมนซ์สุดขบถ โดย เอกทองประเสริฐอินเตอร์แอคทีฟที่ได้แรงบันดาลใจจากโลกอนาคตโดย ไทเลอร์ เจมส์

ถ้าคุณกำลังมองหากิจกรรมทางศิลปะเพื่อเติมเต็มสีสันให้กับชีวิตMango Art Festival 2022 เป็นงานที่ห้ามพลาด … แล้วพบกัน ! 

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ 

Website : www.mangoartfestival.com

Facebook : Mango Art Festival

Instagram : mangoartfestival

Twitter : MangoArtFest


พม. ร่วมกับ เอสซีจี โดย บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับถุงปูนซีเมนต์

ส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้ให้กับคนไร้ที่พึ่ง 

วันนี้ (28 เม.ย. 65) เวลา 09.30 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือ (MOU) การดำเนินโครงการส่งเสริมอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับผู้ใช้บริการในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง และศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาทักษะชีวิต ภายใต้โครงการ “ปฏิบัติการ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ระหว่างกระทรวง พม. โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กับ เอสซีจี โดยบริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และนายสยามรัฐ สุทธานุกูล Chief Marketing Office - Cement and Green Solution Business ในเอสซีจี ร่วมลงนาม อีกทั้งมีนางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมปกรณ์ อังศุสิงห์ ชั้น 2 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. สะพานขาว กรุงเทพฯ


นายจุติ กล่าวว่า กระทรวง พม. โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) มีภารกิจสำคัญในการจัดสวัสดิการสังคม ช่วยเหลือ คุ้มครอง และพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ด้อยโอกาสในสังคม รวมทั้งกลุ่มคนไร้ที่พึ่งซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง ตามนโยบายรัฐบาล "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"  โดยได้ขับเคลื่อนโครงการ “ปฏิบัติการ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ด้วยการให้ความช่วยเหลือทุกรูปแบบและขยายความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายภาคธุรกิจได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม ทั้งนี้ จึงได้มีความร่วมมือ (MOU) การดำเนินโครงการส่งเสริมอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับผู้ใช้บริการในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง และศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาทักษะชีวิต ภายใต้โครงการ “ปฏิบัติการ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” กับ เอสซีจี โดยบริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด 

นายจุติ กล่าวต่อไปว่า วันนี้ เป็นสิ่งที่ประกาศให้เห็นว่าครอบครัว เอสซีจี กับครอบครัว พม. จับมือกัน เพื่อดูแลคนไร้ที่พึ่ง เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ว่าเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง  ซึ่งสิ่งที่เราทำคือ การนำความคิดอย่างสร้างสรรค์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับคนไร้ที่พึ่ง และคนที่ไม่มีอาชีพได้สามารถสร้างอาชีพและพึ่งพาตนเองได้  สำหรับประเทศไทยเป็นประเทศมหาอำนาจทางวัฒนธรรม ปรัชญาความคิด โดยเศรษฐกิจพอเพียงเป็นสิ่งที่คนไทยนำมาถือปฎิบัติ และวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความพอเพียงคือ การแปรรูปขยะสู่ทองคำ เป็นเงินได้  และจากที่ไม่มีโอกาสก็สามารถสร้างโอกาสต่อได้ ทางเอสซีจี และ กระทรวง พม. เราได้ร่วมกันสร้างงาน อาชีพ รายได้ และสร้างบ้านให้กับผู้ที่ด้อยโอกาส และเราหวังว่าจะมีสิ่งดีๆ ให้กับประเทศไทยและให้กับผู้ที่ไม่มีโอกาสได้มีโอกาสต่อไป


นายสยามรัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า เอสซีจี มุ่งดำเนินแผนงานตามนโยบาย ESG 4 Plus ในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำและความร่วมมือ โดยการพัฒนาทักษะอาชีพ สร้างรายได้ให้กับคนไร้ที่พึ่งที่อยู่ในการดูแลของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการทั้ง 14 แห่ง ผ่านการเพิ่มมูลค่าถุงปูนซีเมนต์รอการทำลาย นำมาจัดทำเป็นสินค้า อาทิ กระเป๋าและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยกลุ่มคนไร้ที่พึ่งจะได้มีโอกาสฟื้นฟูทักษะอาชีพ สร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้มีโอกาสในการช่วยเหลือตัวเองและกลับคืนสู่สังคมได้ ทั้งนี้ เอสซีจี จะเป็นผู้ดำเนินการจัดจำหน่ายสินค้าและขยายช่องการทางการจัดจำหน่าย นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขับเคลื่อนการให้ความช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไร้ที่พึ่ง ซึ่งตอบสนองนโยบายรัฐบาล "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" ลดความเหลื่อมล้ำ และ BCG Economy

27 เมษายน 2565

เลขาธิการสภากาชาดไทย เปิดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่ สภากาชาดไทยฯ จังหวัดลพบุรี

วันที่ 27 เมษายน 2565นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทยในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีโดยมีนายนิวัฒน์ รุ่งสาครผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีพร้อมด้วยนางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลพบุรี และพลโท นายแพทย์อำนาจ บาลี ผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด โครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทยฯ ในครั้งนี้จัดขึ้น เพื่อทำการตรวจรักษาและผ่าตัดตาให้แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาสโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 25-29 เมษายน2565 ณ โรงเรียนบ้านวังเพลิง ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี

นายเตช บุนนาคกล่าวว่า หน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทยในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 27 ปีแล้ว โดยเริ่มปฏิบัติงานเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2538 เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 40 พรรษาปัจจุบันปฏิบัติงานทุกสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน เป็นประจำที่สถานีกาชาดที่ 6 อรัญประเทศเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดสระแก้ว โครงการนี้ได้รับการปรับปรุงและพัฒนางานมาเป็นลำดับ โดยปฏิบัติงานเชิงรุกด้วยการออกให้บริการสัญจร โดยออกปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลอำเภอในพื้นที่ห่างไกลและไม่มีจักษุแพทย์ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน และต่อมาในปี 2551 ได้เริ่มโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่ฯปฏิบัติงานในรูปแบบการนำรถผ่าตัดเคลื่อนที่ ลงไปปฏิบัติงานเชิงลึกระดับตำบล ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ปีละ 6 ครั้ง และอีกทั้ง เมื่อปี 2554 ยังได้จัดทำโครงการที่ตรวจรักษาและผ่าตัดตา ให้แก่พระภิกษุ แม่ชี และนักบวชทุกศาสนาอีกด้วยตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา หน่วยแพทย์จักษุฯ ให้การรักษาโดยไม่คิด ค่าใช้จ่ายไปแล้วกว่า 265,000 รายทำการผ่าตัดไปแล้วกว่า 67,000 ราย 


สำหรับการดำเนินงานโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทยฯครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 73 โดยสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ร่วมกับจังหวัดลพบุรีสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดลพบุรี โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี ส่วนราชการทุกภาคส่วน ตลอดจนภาคเอกชน มีเป้าหมายในการดำเนินงานให้บริการตรวจรักษาโรคตาผ่าตัดโรคต้อกระจก และทำผ่าตัดโรคตาอื่นๆ เช่นต้อเนื้อ ต้อหิน โรคของเปลือกตาในผู้ป่วยทุกรายที่จำเป็นต้องรักษา จำนวน 250 รายเพื่อให้ผู้ป่วยโรคตาในท้องถิ่นทุรกันดารและมีฐานะยากจนได้รับบริการที่ดีเท่าเทียมกับผู้ป่วยในเมืองโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและไม่เสียเวลาในการเดินทางมารับการรักษาในเมือง และผู้สูงอายุที่ยากไร้ในชนบทได้รับการตรวจรักษาอย่างถูกต้อง สามารถมองเห็นและช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ในโอกาสเดียวกันนี้สภากาชาดไทย มีศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านการแพทย์โรคพาร์กินสันและกลุ่มโรคความเคลื่อนไหวผิดปกติ แห่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้พัฒนาไม้เท้าเพื่อช่วยในการแก้ไขอาการเดินติดขัดของผู้ป่วยโรคพาร์กินสันหรือโรคทางระบบประสาท ที่มีปัญหาทางด้านการเดินหรือสูญเสียการทรงตัวส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยศูนย์พาร์กินสัน ได้จัดทำโครงการไม้เท้าเลเซอร์ช่วยเดินพระราชทาน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเพื่อให้ผู้ป่วยใช้อุปกรณ์ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการก้าวเดินและใช้แสงเลเซอร์ช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วยก้าวเดินได้ง่ายขึ้น ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย พระราชทานนามไม้เท้านี้ว่า“ไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน” เมื่อปี พ.ศ.2563 จึงถือโอกาสนี้ดำเนินการมอบ “ไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน” ให้แก่ผู้ที่มีปัญหาทางด้านการเดินร่วมกับการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์จักษุฯ ในครั้งนี้ด้วย


โครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทยฯดำเนินงานโดยใช้เงินบริจาค จากประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ท่านที่สนใจสนับสนุนโครงการฯ สามารถบริจาคได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย เลขที่บัญชี 045 2 88000 6 ระบุ บริจาคเข้าโครงการหน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02 251 7853