30 เมษายน 2563

ธนชาตเปิดประมูลหนี้สินเชื่อไม่มีหลักประกัน ไตรมาส 2 กว่า 177 ล้านบาท



ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดประมูลซื้อสิทธิเรียกร้องในหนี้สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน สินเชื่อบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต และบัตรสินเชื่อบุคคลของธนาคาร ไตรมาสที่ 2/2563 จำนวนรวม 4,314 
บัญชี ยอดหนี้เงินต้นรวม 177,701,638.21 บาท รูปแบบการประมูลแบบรายกลุ่ม โดยระบุราคาแต่ละรายลูกหนี้ ตามแบบฟอร์มการยื่นซองประมูลราคาโดยวิธีปิดซอง ณ ที่ทำการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดจำหน่ายเอกสารประกอบการประมูลและซีดีรอม

ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน ถึง 12 พฤษภาคม 2563 และยื่นซองประมูลเสนอราคาซื้อ
ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2563

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายกลยุทธ์และแผนงาน ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) อาคารเพชรบุรี ชั้น 9 หมายเลขโทรศัพท์ 0-2208-6296 และ 0-2208-5751

เอสซีจี เซรามิกส์ แถลงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563

กำไรเทียบปีลด 4% 
เตรียมรับมือตลาดหลังโควิด ลุยออนไลน์ เน้นสุขอนามัย ระบบติดตั้ง DIY 

เอสซีจี เซรามิกส์ แถลงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 เทียบปีก่อนกำไรลด 4% เร่งปรับเปลี่ยนรูปแบบการขายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้า ชูจุดแข็งด้านเทคโนโลยีพัฒนาผลิตภัณฑ์  ส่งกระเบื้อง “ไฮจีนิค” ตอบโจทย์สุขอนามัย พร้อมแผ่นปูพื้นและระบบติดตั้งอย่างง่ายทำได้เอง

นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยถึงงบการ เงินรวมก่อนสอบทาน ของ COTTO ในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ว่าบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,523 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการขายลดลง
และรายได้จากการขายที่ดินลดลง

โดยบริษัท มีกำไรสำหรับงวด 125 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 ทั้งนี้ หากไม่รวมกำไรจากการขายที่ดินใน
ปีก่อน กำไรจะเพิ่มขึ้นร้อยละ128 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและการผลิตได้ดีขึ้น จากการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรและลงทุนขยายช่องทางการจัดจำหน่าย   ประกอบกับต้นทุนพลังงานที่ลดลงจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง

“รายได้จากการขายในไตรมาสนี้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เกิดจากยอดขายในประเทศที่ลดลงตามความต้องการของตลาดในประเทศโดยรวม ในช่วงต้นไตรมาส ปัจจัยลบต่าง ๆ มาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ และสิ่งก่อสร้างหดตัวลงตามกำลังซื้อซึ่งเป็นผลของมาตรการ LTV และความเข้มงวดในการปล่อย สินเชื่อของสถาบันการเงิน ตลอดจนสถานการณ์ภัยแล้ง ฝุ่น ควัน ส่วนในช่วงท้ายไตรมาส เกิดจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและปัญหาโควิด-19 อย่างไรก็ตาม  ยอดขายสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLM โดยรวมสามารถรักษาระดับปริมาณขายได้ใกล้เคียงกับปีก่อน” นายนำพล กล่าว

นายนำพล เปิดเผยว่า ในช่วงภาวะวิกฤติโควิด-19 ซึ่งทางภาครัฐได้มีการประกาศใช้นโยบายต่าง ๆ
เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดในประเทศ มีผลกระทบกับ ผู้บริโภคและบริษัทฯ ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารออนไลน์เข้ามาช่วยในการทำงานให้มากขึ้น โดยเฉพาะการขายสินค้าผ่าน ช่องทางออนไลน์ เวปไซต์ www.cottolife.com เฟซบุ๊กเพจสินค้า ทั้งแบรนด์คอตโต้ คัมพานา และโสสุโก้ รวมถึง คลังเซรามิค ตลอดจนปรับตัวและ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้า โดยบริหารจัดการพนักงานที่ขายหน้าร้านมาเสริมทีมขายออนไลน์ เพื่อให้ทันกับความ ต้องการของลูกค้าด้วย

“ช่องทางขายออนไลน์ได้กลายเป็นช่องทางหลักในการขายสินค้าให้กับคอตโต้ไลฟ์ โดยเฉพาะช่วงที่มีการล็อคดาวน์ ยอดขายส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้มาจาก การขายสินค้าออนไลน์โดยตรง และจาก Omni-Channel คือ เริ่ม จากออนไลน์นำไปสู่การติดต่อพูดคุย ขายสินค้ากับลูกค้าทางโทรศัพท์ 
นอกจากนี้ การ Live ขายสินค้าทางเฟซบุ๊กเพจ ของ คลังเซรามิค ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากลูกค้ามีการ
สั่งซื้อเข้ามาทุกครั้ง ถือได้ว่ายอดขายจากทุกช่องทาง  ออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็น New High เห็นได้ชัดว่ากลุ่มลูกค้าของเราที่มีพฤติกรรมการใช้ดิจิทัล เทคโนโลยี มีเป็นจำนวนไม่น้อย” นายนำพล กล่าว

นอกจากนี้ บริษัท ฯ ยังได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปและเร่งพัฒนาตอบสนอง
ให้สอดคล้องและรวดเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์เรื่อง “สุขอนามัย” ที่จะเป็นเรื่องสำคัญต่อไปในอนาคต หรือเทรนด์ “การใช้ ชีวิตติดบ้าน”  บริษัทฯ ได้พัฒนาสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ที่ต้องการปรับแต่งพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านแบบง่ายและสะดวก ได้ด้วยตนเอง



“คอตโต้ (COTTO) ได้ใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีพัฒนาผลิตภัณฑ์ กระเบื้อง Hygienic Tile
(ไฮจีนิก ไทล์) มาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศญี่ปุ่น  JIS Z-2801 ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียเพื่อตอบรับเทรนด์ของผู้บริโภคที่มีความกังวลและต้องการความปลอดภัยทางด้านสุขภาพ อนามัย  ที่สำคัญ การที่ลูกค้าต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เราจึงได้พัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ในการปรับแต่งพื้นที่แบบง่ายและสะดวกได้ด้วยตนเอง คือ “COTTO Quick” ซึ่งเป็นระบบพื้นกระเบื้องที่ติดตั้งไวและง่าย  ซึ่งลูกค้าสามารถปูเองได้ โดยไม่ต้องใช้กาวซีเมนต์ 


ล่าสุด ยังได้ออกสินค้าใหม่ คือ แผ่นปูพื้น Smart Flexible by COTTO ที่มาพร้อมระบบคลิกล็อกจากประเทศสวีเดนซึ่งติดตั้งง่ายและสะดวก ลูกค้าสามารถ ติดตั้งด้วยตนเองได้โดยใช้เวลาเพียง 1-2 วันเท่านั้นสำหรับพื้นที่อยู่อาศัย” นายนำพล กล่าว

“ในส่วนของการบริหารต้นทุน บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามแผนงานเพื่อลดต้นทุนด้านพลังงานซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิต ควบคู่ไปกับการปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพ แม้ว่าในภาวะที่บริษัทจะต้องควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่าย แต่บริษัท ฯ ยังคงมุ่งเน้นการรักษาคุณภาพสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐานโดยมั่นใจว่าจะสามารถปรับตัวรับมือกับสถานการณ์หลังจากนี้และยังสามารถรักษาความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจในประเทศ ไว้ได้”  นายนำพล กล่าวสรุป

บริษัทเอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO
 ก่อตั้งเมื่อเดือน สิงหาคม 2561 จากการควบ 5 บริษัทย่อยภายในเครือ SCG (The Siam Cement Group) ได้แก่ (1) บริษัทเซรามิคอุตสาหกรรมไทย จำกัด
(“TCC”) (2) บริษัทเดอะ สยาม เซรามิค กรุ๊ป อินดัสทรี่ส์ จำกัด (“SGI”) (3) บริษัทโสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด (“SSG”) (4)  บริษัทไทย-เยอรมัน เซรามิค อินดัสทรี่ จำกัด (มหาชน) และ (5) บริษัทเจมาโก จำกัด (“GMG”) ส่งผลให้เอสซีจี เซรามิกส์ กลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมกระเบื้องปูพื้นและ
บุผนังของประเทศ โดยมีฐานการผลิต ทั้งหมด 4 แห่งตั้งอยู่ที่จังหวัดสระบุรี มีกำลังการผลิตกระเบื้องสูงสุดรวมกันถึงปีละ 94 ล้านตารางเมตร  ภายใต้ 3 แบรนด์หลัก คือ แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA)

วิริยะประกันภัย ร่วมใจสู้ภัยโควิด มอบชุด PPE บุคลากรแพทย์ โรงพยาบาลในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันตก



นายภาณุตร์ เหรียญประยูร ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 4 (ภาคกลางและภาคตะวันตก) บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมผู้บริหารและพนักงานในสังกัดฝ่ายปฏิบัติการภาค 4 ร่วมมอบชุดอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยส่วนบุคคล (
Personal Protective Equipment : PPE) รวมถึงอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา และเพิ่มความปลอดภัยแก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ให้แก่โรงพยาบาลในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันตก จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลนครปฐม จังหวัดนครปฐม โรงพยาบาลสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร และโรงพยาบาลมะการักษ์  จังหวัดกาญจนบุรี
สำหรับการดำเนินการมอบชุดอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย
PPE ด้วยบริษัทฯ มีความตระหนักถึงความสำคัญในการปฏิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ของบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ เสียสละชีวิตของตนเองเพื่อรักษาผู้ป่วย ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของไทย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้สังคมก้าวผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปด้วยกัน

ผู้ว่าฯ นนทบุรี จับมือกับ บ.อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด

หนุนปลูกผักสวนครัวทั่วเมืองนนท์  รับมือ COVID-19

วันที่ 30 เมษายน 2563 เวลา 11.30น. ณ ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วยนางนิศากร วิศิษฎ์สรอรรถ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี  และนางรักใจ กาญจนะวีระ พัฒนาการจังหวัดนนทบุรี รับมอบเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัว(ตราศรแดง) จากบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด  โดยมีนายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ผู้จัดการทั่วไป และนายอิสระ วงศ์อินทร์ ผู้จัดการ ฝ่ายขายและการตลาด เป็นตัวแทนส่งมอบเมล็ดพันธุ์ผัก เพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการ 90 วัน “ปลูกผัก สวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร” และช่วยลดรายจ่ายในการดำรงชีวิตของประชาชน หากมีเหลือ     ก็แบ่งปันกัน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด ได้มอบเมล็ดพันธุ์ผักหลากหลายชนิดให้กับจังหวัดนนทบุรี อาทิ ผักบุ้ง คะน้า กวางตุ้ง แตงกวา มะเขือแทศ กะเพรา  และพริก จำนวน 3,000 ซอง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชนชาวนนทบุรี ที่จะได้ใช้ชีวิตในช่วงอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ มาทำการปลูกผักเพื่อเป็นอาหารไว้สำหรับบริโภคในครัวเรือน โดยในช่วงนี้หัวหน้าส่วนราชการทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนชาวจังหวัดนนทบุรีมีความตื่นตัวในการปลูกพืชผักสวนครัวกันเป็นอย่างมาก หลังจากที่กรมการพัฒนาชุมชน และจังหวัดนนทบุรีได้ดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการ 90 วัน “ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร” โดยจังหวัดนนทบุรี มีครัวเรือนเป้าหมายที่อยู่ในแผนปฏิบัติการทั้งสิ้น 132,209 ครัวเรือน ขณะนี้จังหวัดนนทบุรีมีครัวเรือนที่เข้าร่วมกิจกรรมแล้วจำนวน 41,719 ครัวเรือน ซึ่งจังหวัดได้กำหนดให้เป็นแผนมาตรการในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จึงได้ระดมทุกภาคส่วนรณรงค์ให้ครัวเรือนปลูกผักสวนครัวให้ครบตามจำนวนเป้าหมาย จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดนนทบุรีมาร่วมปลูกผักสวนครัว ซึ่งจะช่วยสร้างความรักความอบอุ่น ความสามัคคี ให้เกิดขึ้นในครอบครัว และยังจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของครอบครัวและมีผักปลอดภัยไว้ทำอาหารอีกด้วย


นายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่เป็นตัวแทนบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด มอบเมล็ดพันธุ์ผักตราศรแดง แก่จังหวัดนนทบุรี เพื่อแจกจ่ายให้กับชาวจังหวัดนนทบุรี ในแผนปฏิบัติการ 90 วัน      “ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร” เนื่องจากทางบริษัทได้ดำเนินธุรกิจด้านปัจจัยการเกษตร หนึ่งในธุรกิจหลัก คือธุรกิจเมล็ดพันธุ์ตราศรแดง ที่มียอดขายอับดับหนึ่งในไทยและเอเชีย อยู่ในตลาดเมล็ดพันธุ์มามากกว่า 30 ปี มีมาตรฐานสินค้าที่ดีที่สุด เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกร ตลอดจนการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประชาชน ดังนั้นบริษัทอีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด จึงพร้อมให้การสนับสนุนและขอเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมตามแผนปฏิบัติการนี้



มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ Quick win 90 วัน ปลูกผักสวนครัว  เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร แล้วเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน  สถานีข่าว พช.CNS  นนทบุรี รายงาน

29 เมษายน 2563

จุรินทร์ จับ มือ 7 แพลตฟอร์มดัง ขายผลไม้ออนไลน์ไปทั่วไทย-ทั่วโลก

เน้นลุยหนัก 2 เดือนทองผลไม้ จัดโครงการใหญ่
"ไทยช่วยไทย ชาวสวนอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด" 



นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิด “โครงการ Thailand Fruits Golden Months : ไทยช่วยไทย ชาวสวนอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด”
ซึ่งเป็นโครงการที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมพัฒนาธุรกิจ
การค้า ร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ ได้แก่ Thailandpostmart, Shopee, Lazada, JD Central, Jatujakmall, Cloudmall, The Hub Thailand และ Octorocket.asia สนับสนุนและช่วยเหลือเกษตรกร
ไทยผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 โดยส่งเสริมช่องทางออนไลน์สำหรับจำหน่ายสินค้าการเกษตรเพื่อการส่งออก ผลไม้สดเกรดพรีเมียม คุณภาพส่งออก ได้แก่ มะม่วง
ทุเรียน มังคุด และผลไม้ไทยอื่นๆ ที่จะทะยอยออกสู่ตลาด เช่น ลำไย และลิ้นจี่ ซึ่งหลายสวนไม่
สามารถส่งออกไปขายยังตลาดในต่างประเทศได้เต็มที่ดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ กรมการค้าภายในได้มอบกล่องใส่ผลไม้จำนวน 200,000 กล่อง เพื่อช่วยเกษตรกรที่ต้องการจำหน่ายผลไม้ผ่าน
ช่องทางออนไลน์


นายจุรินทร์ เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ทั้งรับฟังและร่วมคิดร่วมวางแผนล่วงหน้ามาก่อนทุกระยะและพอมีสถานการณ์ก็ปรับแผนงานรองรับเพิ่มทั้งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ วันนี้มาเปิดเดือนทองของผลไม้ 2 เดือน เพื่อส่งเสริมการค้าผลไม้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ 7 แพลตฟอร์ม เพื่อให้คนไทยสามารถซื้อผลไม้คุณภาพดี เกรดส่งออก เพื่อบริโภคได้สะดวก ในราคาถูก และสามารถช่วยเหลือชาวสวนผลไม้ทุกชนิด สอดคล้องกับสถานการณ์โควิดในขณะนี้ เพื่อพลิกวิกฤติโควิดเป็นโอกาส รวม
ทั้งได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มต่างประเทศ เพื่อช่วยการส่งออกผลไม้ไทยไปสู่ผู้บริโภคต่างประเทศ สำหรับโครงการตั้งเป้าหมายผู้เข้าร่วมโครงการจากกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ตลอดจน
ผู้ส่งออก รวม 50 ราย ขณะนี้มีจำนวนสินค้าขึ้นจำหน่ายแล้วกว่า 60 รายการบนแพลตฟอร์มต่างๆ

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับบริษัทไปรษณีย์ไทย นำร่องจำหน่ายมะม่วงน้ำดอกไม้ ผ่านช่องทางออนไลน์ ได้แก่ เว็บไซต์ไทยแลนด์โพสต์มาร์ต ซึ่งร้านค้าออนไลน์ภายใต้การดูแลของบริษัทไปรษณีย์ไทย โดยไม่คิดค่าขนส่งกระทรวงพาณิชย์ และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ขยายวงกว้างและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ทุกหน่วยงานในสังกัดปรับแผนภารกิจ เพื่อรองรับและแก้ไขปัญหาให้ผู้ประกอบการ เกษตรกร และประชาชนในทุกมิติ โดยแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรประกอบด้วย การผลักดันการกระจายผลไม้เกรดพรีเมี่ยมผ่านช่องทางตลาดออนไลน์ในและต่างประเทศ การตรวจติดตามการรับซื้อผลไม้จากเกษตรกรในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การรับซื้อผลไม้และดูแลเกษตรกรให้ได้รับราคาที่เป็นธรรม การเชื่อมโยงซื้อขายผลไม้และทำสัญญาข้อตกลงมาตรฐานของกรมการค้าภายในระหว่างเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตร กับ ห้างโมเดิร์นเทรด ผู้ค้าส่งในตลาดไท
ผู้ส่งออก ซึ่งดำเนินการแล้วจำนวน 40 สัญญา การเชื่อมโยงซื้อขายผลไม้ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ผ่านศูนย์รวบรวมผลไม้ของจังหวัดแหล่งผลิตกับผู้ซื้อจังหวัดนอกแหล่งผลิต เพื่อระบายผลผลิตออกสู่ตลาดให้กับผู้บริโภคโดยตรง


ขณะเดียวกันได้มีการเพิ่มช่องทางและจัดพื้นที่การจำหน่ายให้กับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร รวมถึงการรณรงค์การบริโภคผลไม้ โดยประสานและได้รับความร่วมมือจากห้างโมเดิร์นเทรด ตลาดกลางสินค้าเกษตร และตลาดสดขนาดใหญ่ ตลอดจนเชื่อมโยงและกระจายผลผลิตสู่ผู้บริโภคผ่านเครือข่ายความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและเอกชน หอการค้า สภาอุตสาหกรรม Biz Club เป็นต้น

ในส่วนของการส่งออก ให้กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับแผนและภารกิจในการกระจายผลไม้สู่ตลาดต่างประเทศ โดยได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศปรับรูปแบบกิจกรรมต่างๆ จากรูปแบบเดิมเป็นรูปแบบออนไลน์ เพื่อเร่งรัดจัดกิจกรรมผลักดันการส่งออกเชิงรุก ได้แก่ การขยายตลาดสินค้าไทยในต่างประเทศผ่านร้าน TOPTHAI Flagship Store บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในตลาดเป้าหมาย อาทิ อเมซอนในตลาดสหรัฐฯ ทีมอลในตลาดจีน คลังไทยในตลาดกัมพูชา และบิ๊กบาสเก็ตในตลาดอินเดีย การจัดทำ Online Instore Promotion ร่วมกับเว็บไซต์พันธมิตรชั้นนำในตลาดเป้าหมาย อาทิ อาเซียน จีน และภูมิภาคยุโรป จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผลไม้ไทย เพื่อให้เกิดความต้องการสินค้า
ไทยมากขึ้น โดยได้ดำเนินการแล้วบนแพลตฟอร์ม Redmart สิงคโปร์ เมื่อวันที่ 15 – 28 เมษายนที่ผ่านมา และจัดโปรโมชั่นจำหน่ายผลไม้ไทยทั้ง Online และ Offline ร่วมกับ AEON Retail ของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 24-26 เมษายน 2563

นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้จัดกิจกรรมเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ระหว่าง
ผู้ซื้อต่างประเทศกับผู้ส่งออกไทย หรือ Online Business Matching อย่างต่อเนื่อง โดยปรับพื้นที่ของกรมให้เกิดความพร้อมทั้ง อุปกรณ์ และเจ้าหน้าที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ส่งออกในการเจรจาการค้าออนไลน์ รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมผ่านระบบซูม (Zoom) และเว็บบินาร์ (Webinar) เพิ่มเติมด้วย ซึ่งล่าสุดได้จัดให้มีการเจรจาการค้ากับผู้นำเข้ามะม่วง จากประเทศเกาหลี

โดยผลจากการเจรจาคาดว่าจะมียอดนำเข้าภายใน 1 ปี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 15 ล้านเหรียญฯ หรือ
คิดเป็นปริมาณไม่น้อยกว่า 3,200 ตัน

ฟิตสโตน ฟิตเนส (FITSTONE FITNESS) สถานที่ ออกกำลังกาย



แบ่งปัน...นายวรกร วงศกรเมือง ผู้ก่อตั้ง ตัวแทนฟิตสโตน ฟิตเนส (
FITSTONE FITNESS) สถานที่
ออกกำลังกายมากกว่าการออกกำลังกายคือไลฟ์สไตล์และความสนุก
เป็นตัวแทนนำเงินจากสมาชิกฯ
ที่ร่วมบริจาคสมทบทุน และส่วนหนึ่งนำไปซื้อเจลแอลกอฮอล์มอบให้แก่วัดทัศนารุณสุนทริการาม (วัดตะพาน)
และสถาบันราชานุกูล เพื่อนำไปใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส
COVID-19 เมื่อเร็วๆ นี้

“โยโกฮามา”เปิดแผนสู้วิกฤติโควิด-19

ส่งยางรถยนต์ 2 รุ่นดันยอดขายไตรมาส2-สิ้นปี63


โยโกฮามา เดินหน้าปั้นยอดขายไตรมาส 2 หลังเจอพิษโควิด-19 ทำยอดขายป่วน ส่งยางพรีเมียม 2 รุ่นซ้อน รุ่น BluEarth – XT AE61 และรุ่น GEOLANDAR CV GO58 เข้ามาทำตลาด เจาะรถ Premium SUV ขนาดกลางและขนาดเล็ก หวัง 2 รุ่นขายกระหึ่มแตะ 60,000 เส้นในสิ้นปี 2563 และช่วยผลักดันยอดขายรวมยางรถยนต์สมรรถนะสูงแบรนด์ “YOKOHAMA” สิ้นปีได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้


นาย ทาเคฮิโกะ อิโนอูเอะ ( Mr. Takehiko Inoue) กรรมการผู้จัดการ บริษัท โยโกฮามา ไทร์ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายยางรถยนต์สมรรถนะสูงแบรนด์”YOKOHAMA” เปิดเผยว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจประเทศไทย และเศรษฐกิจทั่วโลกจะอยู่ในช่วงขาลง จากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังมีต่อเนื่อง แต่การทำธุรกิจก็ยังต้องดำเนินต่อไป เพื่อสร้างรายได้และประคองธุรกิจให้อยู่รอด

ดังนั้นไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทฯ จึงเดินหน้าเปิดตัวยางรถยนต์รุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดพร้อมกันถึง 2 รุ่น ประกอบด้วย รุ่น BluEarth – XT AE61 และรุ่น GEOLANDAR CV GO58 โดย Yokohama รุ่น BluEarth – XT AE61 ใช้สำหรับรถ Premium SUV ขนาดกลาง – ขนาดเล็ก ที่เพิ่มสมรรถนะใหม่ ทั้งในเรื่องของการบังคับควบคุมที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น ลดการสั่นสะเทือน และเพิ่มความนุ่มเงียบ ไร้เสียงรบกวนด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการออกแบบลายดอกยางของ YOKOHAMA  โดยเฉพาะ

ทั้งนี้ รถ Premium SUV ที่สามารถใช้ยางรุ่นนี้ได้มีหลากหลายยี่ห้อและหลากหลายรุ่นด้วยกัน อาทิ LEXUS NX, BMW X3, MAZDA CX-5 / CX-3 , TOYOTA C-HR, NISSAN JUKE, MAZDA CX8, HONDA HR-V และ ALPHARD VELLFIRE เพราะบริษัทฯได้นำเข้ามาทำตลาด 16 ขนาด ราคาเริ่มต้น 3,900 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤกษภาคม 2563 นี้เป็นต้นไป ที่ YOKOHAMA CLUB NETWORK ทุกสาขา หรือร้านยางชั้นนำทั่วประเทศ คาดว่าจะขายได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 เส้น ในสิ้นปี 2563




“ที่มั่นใจว่ายาง  YOKOHAMA รุ่น BluEarth – XT AE61 จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพราะบริษัทฯได้พัฒนาและปรับโครงสร้างของยาง รวมถึงส่วนผสมเนื้อยางแบบ Nano-blend rubber และ แบบ A.R.T. MIXING ให้มีประสิทธิภาพสูงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะลายดอกยางเทคโนโลยีใหม่ ที่ผลิตเฉพาะรุ่นนี้เท่านั้น ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะการบังคับควบคุมได้แม่นยำ โดยเฉพาะรถ SUV ช่วยให้การบังคับควบคุมง่ายขึ้น ทรงตัวได้ดี ยึดเกาะถนนได้ดีบนถนนเปียก และช่วยประหยัดน้ำมัน”


นายทาเคฮิโกะ กล่าวว่า สำหรับ Yokohama รุ่น GEOLANDAR CV GO58 ยางสมรรถนะเยี่ยมสำหรับรถ Crossover SUV ที่สามารถใช้ได้กับรถ Crossover SUV หลากหลายรุ่น อาทิ NISSAN X-TRAIL, SUBARU XV, SUBARU FORESTER, HONDA CR-V, MAZDA CX-8, MAZDA CX-3,MAZDA CX-5, TOYOTA C-HR, HONDA HR-V และHONDA CR-V ตอบโจทย์ทุกการใช้งานของผู้ขับขี่ ที่ต้องการความนุ่มเงียบ ลดเสียงรบกวนขณะเดินทาง และยึดเกาะถนนได้ดีบนถนนเปียก ลื่น หรือดินโคลน เป็นผลจากการพัฒนาสูตรการผสมยางใหม่ระหว่าง Micro Silica กับ Silica Disperosant และลายดอกยางแบบพิเศษ ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเฉพาะของโยโกฮามา Sipe based symmetric pattern ช่วยเพิ่มสมรรถนะของยาง เพิ่มความมั่นคงและการยึดเกาะถนน ตอบโจทย์ทุกการขับขี่มากขึ้น มีให้เลือก 19 ขนาด ตั้งแต่ 15 - 20 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 3,150 บาท

ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤกษภาคม 2563 นี้เป็นต้นไป ที่ YOKOHAMA CLUB NETWORK ทุกสาขาหรือร้านยางชั้นนำทั่วประเทศ หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/YokohamaClubNetworkThailand/ และ http://yokohamathailand.com ตั้งเป้ามียอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 เส้น รวม 2 รุ่นมียอดขายแตะ 60,000 เส้น ในสิ้นปี 2563  และช่วยผลักดันยอดขายรวมยางรถยนต์สมรรถนะสูง แบรนด์”YOKOHAMA”สิ้นปี 2563 ให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

พม. ย้ำเงินช่วยเหลือเยียวยาคนพิการทุกคนคนละ 1,000 บาท ไม่ต้องลงทะเบียน


วันนี้ (29 เม.ย.63) เวลา 15.00 น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
จัดแถลงข่าวการดำเนินงานตามภารกิจสำคัญของกระทรวง พม. ดังนี้ 1. มาตรการเงินช่วยเหลือเยียวยาคนพิการ 1,000 บาท เพื่อช่วยเหลือคนพิการที่มีความเดือดร้อนและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และ 2. การเพิ่มเบี้ยความพิการจาก 800 บาท เป็น 1,000 บาท ให้กับเด็กพิการทั่วประเทศที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี และมีบัตรประจำตัวคนพิการ โดยมี นางธนาภรณ์ พรมสุวรรณ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นผู้แถลงข่าว ณ บริเวณโถงชั้น 1 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กรุงเทพฯ




นางธนาภรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางและมีความเสี่ยงจากผลกระทบดังกล่าว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) จึงได้เร่งออกมาตรการการช่วยเหลือเยียวยาคนพิการในช่วงภาวะวิกฤตินี้

โดยเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2563 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวง พม. เสนอมาตรการเงินช่วยเหลือเยียวยาคนพิการ 1,000 บาท เพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นให้กับคนพิการทุกคนที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ จำนวน 2 ล้านคน คนละ 1,000 บาท จ่ายครั้งเดียว โดยใช้งบประมาณจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ สำหรับการจ่ายเงิน พก. ได้ประสานงานกับกระทรวงการคลัง เพื่อเร่งจ่ายเงินให้คนพิการโดยเร็ว และไม่ต้องลงทะเบียนใดๆ



นางธนาภรณ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือดังกล่าวแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) คนพิการที่เคยได้รับเบี้ยความพิการ กรณีมีบัญชีธนาคาร จะโอนเงินเข้าบัญชี และกรณีรับเป็นเงินสด จะได้รับเงินสด และ 2) คนพิการที่ไม่ได้รับเบี้ยความพิการ พม. จะส่งเจ้าหน้าที่ลงเยี่ยมบ้านและจ่ายเงินให้คนพิการโดยเร็ว ทั้งนี้ หากคนพิการที่ไม่ได้รับเบี้ยความพิการหรือประสงค์รับเงินช่วยเหลือผ่านบัญชีธนาคารสามารถแจ้งข้อมูลมายังศูนย์บริการคนพิการจังหวัดทั่วประเทศ


นางธนาภรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2563 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบการปรับเพิ่มเบี้ยความพิการจาก 800 บาท เป็น 1,000 บาท ให้กับเด็กพิการทั่วประเทศที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ จำนวนกว่า 120,000 คน ทั้งนี้ จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป ทั้งนี้ หากมีปัญหาข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โทร 0 2354 3388 ต่อ 307 หรือ กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โทร 0 2106 9307 หรือ ศูนย์ช่วยเหลือสังคม โทร. 1300 และ สายด่วนคนพิการ โทร. 1479 รวมทั้ง ศูนย์บริการคนพิการจังหวัดทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ต่างๆ ของ พก.




Shakira Bubble Milk Tea "ชาไข่มุก" เครื่องดื่มสุดฮิต


Shakira Bubble Milk Tea สุดยอดชาไข่มุกพรีเมี่ยม
อยู่บ้านปลอดภัย...Wefiethailand แนะนำร้านชาไข่มุกคุณภาพราคาประหยัดมาดื่มคลายร้อนกันคะ
สั่งชาไข่มุก Shakira Bubble Milk Tea มากินดีกว่ามีเมนูให้เลือกอีกเพียบเลย โทรไปสั่งพ่อค้าบอก
พร้อมมาก และที่สำคัญเจ้าของร้านออกมารับประกันความสะอาด 100%


ชอบคุณภาพชานมไข่มุกบราวน์ชูการ์ สูตรไต้หวันแท้ของที่ร้าน  ที่นี่่พร้อมเสริฟ์ ด้วยอกที่ลักษณ์โดดเด่นเป็นของตนเอง ของ Shakira Bubble Milk Tea ถือว่าเป็นแบรนด์ชาไข่มุกสูตรดั้งเดิมจากไต้หวัน น้องใหม่ที่ครองใจคนย่านนั้นมาก่อน และรสชาติถือว่าเป็นชาไข่มุก ที่ชงออกมาได้ชาสีน้ำตาลสวย  คุณบอล (เจ้าของร้าน)  บอกว่า ที่ร้านร ต้มชาสดใหม่ทุกๆ 4 ชั่วโมง รสชาจึงออกมาเข้มข้น หอมกรุ่น ส่วนเนื้อไข่มุก เนื้อเหนียวหนึบ ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี

แนะนำ!!   ชานมไข่มุกสูตรคลาสสิกที่มีให้เลือกทั้งชาเขียว ชาอู่หลง หรือชาดำเน้นความเข้มข้น  เกินต้านทานจริงๆ  เพราะรสชาติเข้มข้นของไข่มุกเคี่ยวและรสนมที่กลมกล่อมเข้ากันไม่มีที่ติอย่างนี้แหละที่ใครๆ ก็สั่งมาทาน เลือกเมนูเครื่องดื่มที่ชอบแล้วกดสั่งได้เลย

หอมหวานไม่เหมือนใคร ต้องห้ามพลาด สั่งได้ทางนี้เลยคะ
- lineman​ (ค่าส่ง เริ่มต้น 10 บาท)
- Foodpanda 
- Gradfood
หรือเบอร์ 064 289 7823


#shakirabubblemilktea #shakirahostel #shakira #foodpanda #linefood #lineman #gradfood 
#milktea #coffee #italiansoda #greentea #lemontea #icedcocoa #icedchocolate #Espresso #Americano #Cappuccino #Latte #Mocha #ชากีร่าโฮสเทล #ชากีร่าคาเฟ่ #อ่อนนุช #ศรีนครินทร์ #ตลาดเอี่ยมสมบัติ #ชานม #กาแฟ


นอกจากร้านชาไข่มุก Shakira Bubble Milk สถานที่นี้ยังเป็นโฮสเทลคุณภาพสุดหรู 
สัมผัสบรรยากาศ โฮสเทลคุณภาพสุดหรู แต่ราคาสุดคุ้ม  “Shakira Hostel”
มอบส่วนลดห้องพักสุดพิเศษ ให้กับลูกค้าที่น่ารักทุกท่าน ด้วยโปรโมชั่น
ซื้อ 3 คืน แถม 1 คืน สำหรับห้องพักรวม (Dormitory Room) 280.-/คน/คืน

สามารถเข้าพักได้เรื่อยๆ ถึง 30 Dec 2020
ซื้อห้องพักได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน นี้เท่านั้น
Buy 3 nights, get 1 night for FREE
A great deal for Dormitory Room
Get this limited time offer from today until 30 June 2020.

ราคาพิเศษนี้สำหรับการจองตรงกับโรงแรมเท่านั้น
ใช้ได้ทุกวันไม่ชาร์ตเพิ่มปีใหม่ เรามีมาตรการรับมือไวรัสอย่างดีเเละได้มาตรฐาน ไม่ต้องกังวลใจ
Call: + 66 95 892 0754
ID LINE: https://line.me/ti/p/nZrSK22FeZ
Facebook: Shakirahostel
Instagram: hostelshakira

28 เมษายน 2563

การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศเปิดเดินขบวนรถชานเมือง


การรถไฟฯ ประกาศเปิดเดินขบวนรถชานเมือง จำนวน 8 ขบวน หลังจากที่งดเดินชั่วคราว จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด–19) เริ่มให้บริการ 28 เมษายน 2563 เป็นต้นไป

การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศเปิดเดินขบวนรถชานเมือง หลังจากที่ได้ยกเลิกให้บริการชั่วคราว จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด–19) เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้โดยสารและลดความหนาแน่นของจำนวนผู้โดยสารในขบวนรถที่มีเดินปัจจุบัน เริ่มเปิดเดินขบวนรถ ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2563 เป็นต้นไป ++

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย  เปิดเผยว่า ตามที่การรถไฟฯ ได้ประกาศงดเดินขบวนรถชานเมืองเป็นกรณีชั่วคราว ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 นั้น สืบเนื่องจากปัจจุบันมีขบวนรถชานเมืองในเส้นทางสายเหนือ สายตะวันออก และ
สายกรุงเทพ – สุพรรณบุรี ที่มีให้บริการเพียง 12 ขบวนต่อวัน ทำให้มีผู้ใช้บริการหนาแน่น ซึ่งส่งผลกระทบต่อตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) บนขบวนรถ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19  ดังนั้น เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการโดยสารบนขบวนรถชานเมืองที่หนาแน่นขึ้น และเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้โดยสาร การรถไฟฯ จึงได้ประกาศเปิดเดินขบวนรถชานเมือง เป็นการเพิ่มเติม จำนวน 8 ขบวน เริ่มให้บริการ ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2563 เป็นต้นไป โดยมีขบวนรถที่ให้บริการในเส้นทางต่าง ๆ ดังนี้

1. ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2563 เป็นต้นไป
- ขบวนรถชานเมืองที่ 317 (กรุงเทพ – ลพบุรี)

2. ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2563 เป็นต้นไป
- ขบวนรถชานเมืองที่ 318 (ลพบุรี – กรุงเทพ)
- ขบวนรถชานเมืองที่ 339 (กรุงเทพ – แก่งคอย)
- ขบวนรถชานเมืองที่ 340 (แก่งคอย - กรุงเทพ)
- ขบวนรถชานเมืองที่ 379 (กรุงเทพ – หัวตะเข้)
- ขบวนรถชานเมืองที่ 380 (หัวตะเข้ – กรุงเทพ)
- ขบวนรถชานเมืองที่ 389 (กรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา)
- ขบวนรถชานเมืองที่ 390 (ฉะเชิงเทรา - กรุงเทพ)

สำหรับผู้โดยสารที่ประสงค์จะเดินทางสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
หรือสถานีรถไฟทุกแห่ง

https://www.facebook.com/129946050353608/posts/3456895524325294/?d=n...

อันนี้เจ๋ง! เครื่องผลิตน้ำดื่มจากโมเลกุลอากาศ

จุดเริ่มต้นของสินค้าตัวแรกของบริษัท  EcoloTech 

สวัสดีครับ ภาคภูมิ มะหะสิทธิ์ เพื่อนๆ สมัยเรียนเรียกว่า ไอ้ปุ้ม พอไปอยู่ปารีส 20 ปี  กลับมาชื่อ Bobby เพราะฝรั่งมันบอกจำง่าย เออๆ ก็ได้ครับ

Bobby อดีตหนุ่มปารีเซี่ยง เคยเป็น stylish อยู่ Polo Ralph Lauren เป็น Global strategist ของ L’Oreal Paris จบที่ตำแหน่งเป็น Reginal Manager ของ Clarins Paris มีหน้าที่ทำผู้หญิง 6 พันล้านคนทั่วโลก
ให้รู้สึกว่าตัวเองสวยได้ในแบบของตัวเอง



วันหนึ่งมีเหตุอันต้องกลับมาอยู่เมืองไทย เพราะต้องทำหน้าที่ลูก กลับมาดูแลพ่อแม่เลยต้องหาธุรกิจทำด้วยวันนึงเห็นกองขยะอยู่ริมถนนด้วยความอยากรู้เลยเปิดวิจัยดู พบว่าคนไทยมีขยะในชีวิตประจำวันเยอะมาก แทบจะท่วมโลกได้ เลยเป็นที่มาการตั้งบริษัทฯ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งหลายทั้งปวงชื่อว่า EcoloTech 


EcoloTech  บริษัท เริ่มต้น..จากปัญหาน้ำดื่มของคนไทย  เพราะเราผลิตขวดปีละกวา 5 หมื่นล้านขวด
แต่เก็บได้แค่ 20% ที่เหลือถูกเอาไปฝังใต้ดินย่อยสลายเป็นอาหารของกุ้ง หอย ปู ปลา กำไรนายทุนได้ไป ค่าเก็บขยะใช้ภาษีเราจ่าย ข้อมูลนี้ทำให้ อดีตหนุ่มปารีเซี่ยง เกิดอาการโกรธพลุ่งพล่านเลยอยากพัฒนาระบบน้ำดื่มที่ทุกคนเข้าถึงได้ ที่ดีกว่าน้ำที่บรรจุในขวดพลาสติกที่นิยมกันในปัจจุบัน

ภาคภูมิ มะหะสิทธิ์ กรรมการบริหาร EcoloTech 
แล้ววันหนึ่ง Bobby  ก็ได้ยินมาว่าในองค์การ NASA กำลังทำงานวิจัยเรื่องน้ำบริสุทธิ์ในชั้นบรรยากาศ และทดลองสร้างระบบออกมาเป็นสินค้าแล้ว จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสินค้าตัวแรกของบริษัท  EcoloTech เครื่องผลิตน้ำดื่มจากโมเลกุลอากาศ

EcoloTech นำเข้าเครื่องรุ่นแรกจากอเมริกามาขายให้ลูกค้า ขณะเดียวกันก็ทำงานเผยแพร่ความรู้ให้สาธารณะชนไปพร้อมๆกันจน ดร.สุเมธเรียกเข้าไปขอความเห็นเรื่องแก้ภัยแล้ง CEO CP คุณกอปศักดิ์ อยากทำธุรกิจด้วย คุณมีชัย วีระไวทยะ เชิญ Bobby  ไปช่วยสอนเด็กๆ ที่โรงเรียน ที่ปรึกษานายกฯ
เชิญไปปรึกษา ตอนนี้เลยมีอีกจ๊อบกลายเป็นวิทยากรพิเศษ เรื่องสิ่งแวดล้อมสอนนิสิตจุฬา ธรรมศาสตร์ และ ม.แม่ฟ้าหลวง ฯลฯ



หลังจาก ภาคภูมิ มะหะสิทธิ์ เครื่องผลิตน้ำดื่มจากโมเลกุลอากาศ มาระยะหนึ่ง รู้สึกเครื่องมีไม่พอตอบโจทย์ทุก กลุ่ม จึงได้พัฒนาเครื่องรุ่นที่ 2 ขึ้น  เพื่อให้คนที่มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงได้  โดยได้รับทุนการสนับสนุนจากสถาบันนวัตกรรมแห่งชาติ  พอทำเสร็จรัฐบาลเกาหลีใต้มาขอแจมร่วมพัฒนาด้วย เพระทางเกาหลี เริ่มขาดน้ำ จนท้ายสุดมี Designer ของ Bang & Olufen จากเดนมารค์ ได้ยินเรื่องราวของเราเลยเสนอตัวมาขอเป็นคนดีไซน์เครื่องใหม่  ให้เพราะชอบแนวคิดทะเยอทะยานของบริษัทฯ ที่จะตีกลองรบกับบริษัทผลิตน้ำขวดพลาสติก สินค้ารุ่นแรกจะเข้าสู่ตลาดทั่วโลกพร้อมกันในปีหน้า "ทุกวันนี้ยังงงอยู่ว่าเรามาไกลขนาดนี้แล้วเหรอ....." 


Bobby
 ไม่ได้ตั้งใจมาขายของ ( จริงจริ๊งง ) แต่อยากให้ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องชาวปพ.ทราบว่ายังคงมีเลือดสีเขียวหยดหนึ่ง  ที่ยังคงเดินตามทางอุดมการณ์ของโรงเรียนอย่างมั่นคง  และอยากให้ทุกคนมาเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการทำงานของ  EcoloTech  ที่มุ่งมั่นกับสิ่งที่เรากำลังทำจนผู้บริหาร  ของ ปตท.ท่านหนึ่งมาถามว่า....อะไรสร้างเราให้เป็นคนแบบนี้ได้ คำตอบคือ คุณพลาดแล้วล่ะ  ที่ไม่ได้มาเรียนที่โรงเรียนปานะพันธุ์ เพราะเราอยู่บนแผ่นดินเดียวกันและท้ายสุดเราใฝ่ฝันว่าจะได้เป็นคนไทยคนแรกที่
ได้รางวัล Nobel

การสนับสนุนสินค้าของเราจะทำให้เด็กยากจนบนดอยมีน้ำดื่มสะอาดดื่มไปอีกหลายๆ ปีและช่วยลดขยะขวดพลาสติก ถึงแม้ว่าบางท่านจะยังไม่สะดวกสนับสนุนสินค้า ก็มีสินค้าเล็กๆน้อยๆสวยงามออกแบบตามสไตล์ปารีเซี่ยง ลงพู่กันด้วยระดับยอดฝีมืออย่าง ครูปาน สมนึก คลังนอก เราผลิตขายเพื่อหาทุนไปสนับสนุนโครงการน้ำดื่มดีๆเพื่อเด็กๆยากจน ติดตามงานของเราได้ที่ https://www.facebook.com/ELTxaufu/ 

ถ้าพ่อแม่พี่น้องสนใจ เรื่องราวอื่นๆคุณจะสามารถเข้าไปดูเวปไซต์ได้ที่
www.ecolotech.co.th





ฝากร้านส่งออก

DITP ขอเชิญชาว STYLE Bangkok และชาว BGJF มาเป็นสมาชิกกลุ่ม “ฝากร้านส่งออกสินค้าไทย กับ DITP” เพื่อเพิ่มช่องทางขายของออนไลน์ 
     

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้ส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นประสบปัญหาการส่งออกไปยังต่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ DITP โดยสำนักส่งเสริมการค้าสินค้าไลฟ์สไตล์ จึงเปิดตัวเฟซบุ๊คเพจ “สไตล์ ดีไอทีพี” เพื่อเป็นช่องทางให้กับผู้ส่งออกกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่น อัญมณีและเครื่องประดับ ที่เป็นสมาชิก DITP และเคยเข้าร่วมกิจกรรมกับ DITP ประชาสัมพันธ์ขายสินค้าของตนเองต่อผู้บริโภคทั่วไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นมาตรการเยียวยาให้กับผู้ส่งออกไทย

 เฟซบุ๊ค “สไตล์ ดีไอทีพี” ขอเชิญชาว STYLE Bangkok และ ชาว Bangkok Gems and Jewelry Fair (BGJF) ก้าวผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน โดยการสมัครเป็นสมาชิกกลุ่ม “ฝากร้านส่งออกสินค้าไทย กับ DITP” เพื่อเพิ่มช่องทางขายของออนไลน์ง่ายๆ ดังนี้
ขั้นตอนการสมัครเข้าเป็นสมาชิก

1. Add Friend ในเพจ Facebook : สไตล์ ดีไอทีพี
2. แอดมินจะกดรับ Add จากนั้นจะเชิญให้กดถูกใจเพจ : ฝากร้านขายสินค้าส่งออกไทยกับ DITP
3. กดขอเข้าร่วมกลุ่ม ‘ฝากร้านขายสินค้าส่งออกไทย กับ DITP’ ตามลิงค์ด้านล่าง และรอแอดมินอนุมัติ
4. หลังได้รับการอนุมัติก็สามารถฝากร้านหรือซื้อขายในกลุ่มได้ทันที

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่ https://www.facebook.com/groups/2568939693327846/?ref=share

27 เมษายน 2563

เอ็ม บี เค ร่วมกับ โรงพยาบาลนวมินทร์ จัดกิจกรรมตรวจคัดกรองโควิด-19 ฟรี!



นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน)  (ที่ 5
จากซ้าย) ร่วมกับ นายแพทย์ประจักษ์ บุญจิตต์พิมล กรรมการผู้จัดการ (ที่ 4 จากซ้าย) และนายแพทย์
วรพงศ์ จูตะวิริยะ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาคุณภาพ (ที่ 3 จากซ้าย) โรงพยาบาลนวมินทร์  นำคณะบุคลากรทางการแพทย์  ลงพื้นที่ตรวจคัดกรองโควิด-19 ให้กับสมาชิก MBK Application  ที่ลง
ทะเบียนเข้ารับการตรวจคัดกรอง โควิด-19 ฟรี
ระหว่างวันที่ 27 -30 เมษายน 2563 เวลา 13.30 น.– 16.00 น. 

เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับลูกค้าทุกคน   โดยมีนางสาวจรูญรัตน์ สาลี และ
นางสาวศตกมล วรกุล ร่วมให้การต้อนรับคณะบุคลากรทางแพทย์ ณ ศูนย์การค้าเดอะไนน์
เซ็นเตอร์ พระราม 9  เมื่อเร็ว ๆ นี้

โครงการ “ตามรอยพ่อฯ” ปี 8 รุกจัดกิจกรรมออนไลน์

จัดเสวนาแนะทางรอด
“ตามรอยพ่อฯ สู้วิกฤตโควิด-19 รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา”


ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่และแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบสามล้านคนและสูญเสียชีวิตกว่าสองแสนคน ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน รัฐบาลได้ประกาศมาตรการรับมือกับการระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เพื่อหยุดการระบาดให้ได้เร็วที่สุดและประชาชนสูญเสียชีวิตน้อยที่สุด โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” (ตามรอยพ่อฯ) ที่เกิดจากความร่วมมือของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิตจำกัด สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 ของการดำเนินงาน จึงจัดกิจกรรมพิเศษการสนทนาสดออนไลน์ผ่านทางเฟซบุ๊กโครงการ www.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking ในหัวข้อ “ตามรอยพ่อฯ สู้วิกฤตโควิด-19 รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจว่าศาสตร์พระราชาคือแนวปฏิบัติที่เป็นทางรอดในทุกวิกฤต ตลอดจนแนวทางการใช้ศาสตร์พระราชาเพื่อรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้ โดยหลังจากนี้ โครงการฯ จะเดินหน้าถ่ายทอดองค์ความรู้และ ตัวอย่างความสำเร็จของผู้ที่นำศาสตร์พระราชาไปปฏิบัติ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจอย่างต่อเนื่อง


โดย นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิตจำกัด กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า “สิ่งที่โครงการตามรอยพ่อฯ ดำเนินการมาโดยตลอดจนเข้าสู่ปีที่ 8 ในปีนี้ คือการสื่อสารเพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และน้อมนำศาสตร์พระราชาด้านการบริหารจัดการ ดิน น้ำ ป่า และพัฒนาคน มาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ เกิดความตระหนัก และนำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวมแล้วกว่า 20,000 คน ทั้งนี้ การระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เตือนเราทุกคนว่าต้องลงมือทำตามศาสตร์พระราชาอย่างจริงจัง เพราะเป็นทางรอดจากทุกวิกฤต รวมถึงวิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้

 วิกฤตโควิด-19 เป็นวาระเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อให้ประเทศไทยของเราฟันฝ่าสถานการณ์นี้ไปได้ ในช่วง 3 เดือนนี้ คือ เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน โครงการตามรอยพ่อฯ จะมุ่งเน้นผลิตสื่อต่าง ๆ ที่เป็นองค์ความรู้ เป็นแรงบันดาลใจเพื่อให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้ เอาตัวรอดได้ในภาวะวิกฤต COVID-19 นี้ และพร้อมรับมือกับวิกฤตอื่น ๆ ที่จะตามมาทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจ ภาวะความยากจน การขาดแคลนอาหาร ภัยแล้ง และน้ำท่วม โดยเผยแพร่ทางช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียของโครงการ ได้แก่ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ไลน์ ยูทูป และอินสตาแกรม”


ด้าน นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก และที่ปรึกษามูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวแนะทางรอดจากวิกฤตโควิด-19 ด้วยศาสตร์พระราชาว่า “โครงการตามรอยพ่อฯ ได้น้อมนำข้อความใน ส.ค.ส.ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานให้คนไทยเมื่อปี พ.ศ.2547 ที่ว่า ‘สามัคคีเป็นพลัง ค้ำจุนแผ่นดินไทย’ เป็นคติประจำใจในการดำเนินโครงการฯ มาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ที่กำลังเกิดวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยแต่ระบาดไปทั่วโลก เรายิ่งต้องการพลังแห่งความสามัคคีเพื่อนำพาให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้
 ขณะนี้ประเทศกำลังเผชิญวิกฤต 4 ด้าน ทั้งวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งโรคระบาด ภัยแล้ง หมอกควัน วิกฤตด้านเศรษฐกิจ วิกฤตด้านความเหลื่อมล้ำทางสังคม และวิกฤตด้านการเมือง ซึ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคือเสาหลักในการกู้วิกฤตทั้ง 4 ด้านนี้ โดยต้องปรับแนวความคิดการดำเนินชีวิตใหม่ จากการมุ่งเน้นหาเงินทองเป็นการสร้างพื้นฐานปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ให้ พอกิน พอใช้ พออยู่ และพอร่มเย็น  สำหรับข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวในภาวะวิกฤตโควิด-19 คือการอยู่ในฐานที่มั่นของตัวเอง พึ่งพาตัวเองให้ได้มากที่สุด สร้างภูมิต้านทานให้ตัวเอง ทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วยการออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีมีประโยชน์ อาหารที่เราปลูกเองโดยไม่ใช้สารเคมี สร้างแหล่งน้ำของตัวเอง หายใจอากาศบริสุทธิ์ เพียงเท่านี้ไม่เพียงตัวเองรอด สังคมก็อยู่รอด ประเทศชาติก็จะอยู่รอดด้วย
 คนเมืองและชนบทสามารถนำศาสตร์พระราชามาปฏิบัติได้ทั้งคู่ โดยคนเมืองซึ่งมีอยู่ประมาณ 30% ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่คอนโดมิเนียมอยู่หอพัก หรือคนมีที่ดิน 50 ตารางวา อาจเริ่มด้วยการพึ่งพาตัวเอง เช่น การปลูกพืชผักสวนครัว  รั้วกินได้ หรือการทำน้ำยาต่าง ๆ ใช้เอง เป็นต้น ส่วนคนอีก 70% ที่อยู่ในชนบทและเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ก็ปรับพื้นที่ทำการเกษตรตามแนวทาง ‘โคก หนอง นา’ โมเดล เพื่อให้มีน้ำกินน้ำใช้เพียงพอตลอดทั้งปี มีอาหารการกินไม่ต้องไปซื้อไปหา ซึ่งหากลงมือทำได้จะมีกินมีใช้ไม่อดอยาก สามารถผ่านทุกวิกฤตได้แน่นอน”


นายอาทิตย์ กล่าวเสริมถึงการดำเนินกิจกรรมในโครงการตามรอยพ่อฯ ปี 8 ที่เพิ่มช่องทางสื่อบุคคล
เพื่อให้การสื่อสารเข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้นว่า “ในปีที่ 8 ของโครงการฯ เราจะเดินหน้าให้ความรู้ความเข้าใจและสร้างแรงบันดาลใจ กับประชาชนในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ผ่านสื่อและกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งโครงการฯ ยินดีที่คุณฌอน บูรณะหิรัญ จะมาร่วมกิจกรรมกับโครงการฯ ตลอดทั้งปีนี้  โดยคุณฌอนได้มาเรียนรู้การใช้ศาสตร์พระราชาเพื่อแก้ปัญหาดิน น้ำ ป่า กับทางโครงการฯ ตั้งแต่ปีที่แล้ว และอยากมีส่วนร่วมในการสื่อสารองค์ความรู้นี้ ซึ่งโซเชียลมีเดียของคุณฌอน ทั้งเฟซบุ๊ก ยูทูบ และอินสตาแกรม มีผู้ติดตามรวมสูงถึง 6 ล้านคน จะเป็นช่องทางสำคัญในการเผยแพร่ศาสตร์พระราชาให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น” 


ทั้งนี้ นายฌอน บูรณะหิรัญ นักคิด นักเขียน และตัวแทนคนรุ่นใหม่ กล่าวถึงเหตุผลที่ตอบรับร่วมกิจกรรมกับโครงการ ตามรอยพ่อฯ และใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียของตัวเองร่วมเผยแพร่แนวทางศาสตร์พระราชาว่า “ผมมีเป้าหมายอยู่แล้วว่าอยากอุทิศตนทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อมเพื่อให้โลกใบนี้ดีขึ้น เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันวิกฤตมากไม่ว่าจะเป็นฝุ่น PM 2.5 น้ำท่วม ภัยแล้ง โดยผมได้ไปเรียนรู้กับโครงการเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่บ้านใหม่ภูคา จ.น่าน ไปเห็นเขาหัวโล้นด้วยตาของตนเอง ได้รู้ต้นเหตุของปัญหาว่าการรุกทำลายป่าเพื่อปลูกพืชเชิงเดี่ยว ส่งผลกระทบมากมายต่อทุกคนในทุกพื้นที่ ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เมื่อป่าถูกทำลายไม่มีต้นไม้มาซับน้ำให้ภูเขา เกิดดินถล่ม ดินตะกอนไหลไปทับถมในแม่น้ำและในเขื่อนทำให้ตื้นเขิน เก็บน้ำไม่ได้ หน้าแล้งก็ไม่มีน้ำใช้ พอฝนตกมากก็ท่วมไปถึงกรุงเทพฯ เพราะไม่มีที่เก็บน้ำ


เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาผมได้พาเพื่อน ๆ ไปเอามื้อที่ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ ก็ได้ไปช่วยขุดคลองไส้ไก่ สร้างหลุมขนมครกให้เป็นที่เก็บน้ำบนภูเขาสูง  พอขุดเสร็จเขาก็ปล่อยน้ำเข้ามา ซึ่งน่าตื่นเต้นมากที่เห็นน้ำไหลไปตามพื้นที่ที่เราขุดไว้ เราสามารถเก็บน้ำได้ บังคับน้ำให้ไหลไปตามพื้นที่ที่เราต้องการได้  ทำให้เห็นว่าไม่ว่าพื้นที่แบบไหนถ้าเรามีความรู้ และลงมือทำจริง ๆ เราก็สามารถเปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้งให้ปลูกพืชได้ สร้างความอุดมสมบูรณ์ได้ และที่สำคัญก็จะมีกิน มีใช้ พึ่งพาตัวเองได้ โดยไม่ต้องไปรุกทำลายป่าและเผาป่า ทำให้เกิดปัญหา PM 2.5 ซึ่งในภาคเหนือรุนแรงขึ้นทุกปีจนเกินกว่าที่มนุษย์จะอยู่ได้แล้ว ผมจึงเห็นว่าเราต้องช่วยกันรณรงค์อย่างจริงจัง”


ผู้ที่สนใจติดตามกิจกรรมในโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ได้ทาง www.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking
หรือดูรายละเอียดที่ https://ajourneyinspiredbytheking.org

23 เมษายน 2563

ททท. ชวนสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวเสมือนจริงผ่านเทคโนโลยี “Virtual Tours”

10 ที่ 9 จังหวัดทั่วไทย

กองสารสนเทศการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ นำเทคโนโลยีเสมือนจริงมาผนวกกับการเดินทางท่องเที่ยว (Virtual Tours) พาชมสถานที่ท่องเที่ยว 10 แห่งใน 9 จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านทางเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของ ททท. ในช่วงระหว่างกักตัว อยู่บ้านเพื่อหยุดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 (โควิด-19)

 https://www.tatnewsthai.org/news_detail.php?newsID=4942