21 ตุลาคม 2564

GC Group ประกาศแผนงานสู่เป้าหมาย “Together To Net Zero”

เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่นยืน ไปพร้อมกับการดูแลลูกค้า

• GC Group ประกาศแผนงานที่ชัดเจนในการยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านการปรับเปลี่ยนสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็น เคมี..ที่เข้าถึงทุกความสุข

• ด้วยกรอบการดำเนินงาน 3 เสาหลัก ในการมุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ (Three-Pillar Low Carbon Transition Framework) โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์การขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพ (Efficiency-driven) การขับเคลื่อนด้วยการบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ (Portfolio-driven) และการขับเคลื่อนการชดเชยคาร์บอน (Compensation-Driven) เพื่อบรรลุเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 20% ภายในปี 2573 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางธุรกิจ

• GC Group เตรียมเงินลงทุนสูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐสำหรับการดำเนินการเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการลดคาร์บอน (Decarbonization) ภายในปี 2573

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC และ GC Group  GC Group ประกาศเป้าหมายสู่ "Together To Net Zero” ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ร่วมกันเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยเป้าหมายระยะกลางในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดลง 20% ภายในปี 2573 และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593

ในฐานะผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต การประกาศแผนการดำเนินงานในครั้งนี้ จะเสริมความแข็งแกร่งของ GC Group ด้วยการผสานนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูง นับเป็นอีกหนึ่งก้าวใหญ่ที่สุดของ GC ในการขับเคลื่อนความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนระดับสากล ตอกย้ำการเป็น “เคมี..ที่เข้าถึงทุกความสุข” GC Group มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) พร้อมกับการบูรณาการหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนตามกรอบเป้าหมายการพัฒนาแบบยั่งยืน (SDGs)



GC วางแผนในการลงทุนสูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 และจะลงทุนเพิ่มขึ้นในทศวรรษต่อไป เพื่อการบรรลุเป้าหมายโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจ ผ่านกรอบการดำเนินงานเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำด้วย 3 เสาหลัก (Three-Pillar Low Carbon Transition Framework)


“ผมมีความภูมิใจที่จะประกาศความมุ่งมั่น 'Together To Net Zero' ซึ่งให้ความสำคัญต่อการสร้างความสมดุลระหว่างกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจและผลลัพธ์ที่ยั่งยืน โดยได้กำหนดแผนงานที่ชัดเจนและตั้งเป้าหมายระยะกลางในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 20% ภายในปี 2573 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 ตามข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ เราวางแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ลดลง 50% เพื่อให้คู่ค้าและลูกค้าของเรา เข้ามามีส่วนในความมุ่งมั่นนี้ร่วมกัน ในฐานะพลเมืองโลกเราต้องการส่งต่อโลกใบนี้ ที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไป และแน่นอนว่าเราไม่สามารถทำคนเดียวได้ ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องหันหน้ามาร่วมมือกัน Together To Net Zero” ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GC กล่าว

“GC ตระหนักดีว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่สุดในปัจจุบัน และได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานที่มีอยู่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ได้จัดอันดับให้ GC เป็นอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ด้านความยั่งยืนถึงสองปีต่อเนื่อง สะท้อนถึงความพร้อมในการบรรลุเป้าหมายใหม่ในครั้งนี้ ด้วยการดำเนินการตามกรอบนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ จะทำให้เราสามารถลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในพอร์ตโฟลิโอและห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของ GC Group รวมทั้งสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในธุรกิจของลูกค้าของเราด้วย”

GC ขับเคลื่อนสู่คาร์บอนต่ำ ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย การดำเนินธุรกิจ และการชดเชยคาร์บอน

กรอบนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการเปลี่ยนแปลงในระดับสากลของ GC Group เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero   ภายในปี 2593 โดยขับเคลื่อนด้วยเสาหลัก 3 ประการ ได้แก่

1. Efficiency-driven การเพิ่มประสิทธิภาพในทุกกระบวนการ โดยใช้หลัก "5R" และเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งเทคโนโลยีที่มีอยู่และเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ เพื่อลดการใช้ทรัพยากร และลดการใช้พลังงาน นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ และแสวงหาเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำรูปแบบใหม่เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของเทคโนโลยีในปัจจุบัน

2. Portfolio-driven การบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของ GC Group ผ่านนวัตกรรมและการลงทุน โดยการปรับเปลี่ยนพอร์ตโฟลิโอไปสู่ธุรกิจและผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ อาทิเช่น การลงทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษมูลค่าสูง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม และผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุหมุนเวียน 

GC ได้เข้าซื้อกิจการของ allnex ผู้นำระดับโลกในธุรกิจผลิตภัณฑ์ Coating Resins ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มสารเคลือบและสารเติมแต่งสำหรับใช้กับวัสดุทุกประเภท รวมถึงเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชั่นการพัฒนาแอพพลิเคชันการเคลือบต่างๆ   โดย allnex ยึดถือนโยบายในการปล่อยคาร์บอนต่ำ และเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรม Coating มานานกว่า 70 ปี โดยได้รับการจัดอันดับในระดับ Gold Ratings ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนจาก EcoVadis อีกหนึ่งตัวอย่าง คือ NatureWorks ผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ GC โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ NatureWorks ได้ประกาศการก่อสร้างโรงงานผลิตไบโอโพลีเมอร์แบบครบวงจรแห่งใหม่ในประเทศไทย ส่งผลให้ GC เป็นบริษัทเดียวในโลกที่ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจพลาสติกชีวภาพ รวมถึงการดำเนินโครงการบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร

GC คาดว่า การปรับเปลี่ยนเพื่อมุ่งสู่ Net Zero จะส่งผลต่อเนื่องไปยังลูกค้า ซึ่งการบริหารพอร์ตโฟลิโอ มุ่งเน้นไปที่การยกระดับคุณภาพชีวิต การปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เพื่อสิ่งที่ดีกว่า รวมไปถึงการดูแลโลกด้วยผลิตภัณฑ์ที่จะส่งผลดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำการเป็น เคมีที่เข้าถึงทุกความสุข นอกจากนี้ การปรับพอร์ตโฟลิโอยังนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ การบริหารจัดการผลิตภัณฑ์แบบครบวงจร เพื่อร่วมกันสร้างห่วงโซ่คุณค่าและการลดปริมาณขยะพลาสติก

3. Compensation-drivenเป็นเสาหลักสุดท้ายของกรอบนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ด้วยทางแก้ปัญหาที่มีธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (Nature-Based Solutions) รวมทั้งการจัดหาและลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการดักจับคาร์บอน ผ่านแนวทางต่าง ๆ ได้แก่ Corporate Venture Capitals การสร้างพันธมิตร และการร่วมทุนทางธุรกิจ เพื่อให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ

ดร.คงกระพัน กล่าวว่า "เราตระหนักถึงความสำคัญในบทบาทของ GC Groupในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ เรามุ่งเน้นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ชั้นนำให้กับลูกค้าตลอดห่วงโซ่คุณค่า ควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การประกาศในวันนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นและความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของ GC ด้วยกรอบนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ จะทำให้เราสามารถพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพให้แก่ลูกค้าของเราที่มีอยู่ทั่วโลก”

“เราเชื่อว่า เป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 จะสามารถสำเร็จลุล่วงได้ ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และผู้บริโภค โดยการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจะมีความสำคัญต่อการจัดการผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราพร้อมที่จะร่วมมือกับพันธมิตรในระดับสากล และพร้อมที่จะสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อช่วยให้โลกของเรา สามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ไปด้วยกัน”

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Together To Net Zero
https://sustainability.pttgcgroup.com/en/net-zero
https://youtu.be/uAkYQS0ImM4

#GCGroup #GCChemistryForBetterLiving #TogetherToNetZero

UBE เปิดตัวกาแฟออร์แกนิคจากดินภูเขาไฟครั้งแรกในงาน ‘FABB COFFEE FAIR 2021’

ตอบโจทย์เทรนด์รักกาแฟและดูแลสุขภาพ พร้อมอัพเดตวัฒนธรรมกาแฟยุคโควิด-19

FABB ACADEMY OF COFFEE 2021 งานแฟร์สำหรับคนรักกาแฟตัวจริง รวบรวมผู้ผลิตเมล็ดกาแฟคุณภาพ ผู้นำเข้าเครื่องคั่วกาแฟ เครื่องเอสเปรสโซ่ และอุปกรณ์การคั่วกาแฟที่มีชื่อเสียงระดับโลก พร้อมเปิดตัวเทคโนโลยีล่าสุดของวงการกาแฟทั้งจากเมืองไทยและต่างประเทศ รวมถึงอัพเดตวัฒนธรรมการดื่มกาแฟที่เปลี่ยนไปของคนไทยในยุคโควิด-19 เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เปิดโลกทัศน์ที่มีต่อวงการกาแฟให้กว้างขึ้น 

อีกหนึ่งไฮไลท์พิเศษของงานแฟร์ในครั้งนี้ คือการเปิดตัว “กาแฟออร์แกนิคแท้ 100% จากดินภูเขาไฟ” ครั้งแรกของ ‘อุบลไบโอเกษตร’ บริษัทในเครือฯ อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) (UBE) หนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายแป้งมันออร์แกนิครายใหญ่ของโลก ที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและทวีปยุโรปกว่า 20,000 ตันต่อปี 

“ด้วยศักยภาพ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาแป้งมันออร์แกนิคมากว่า 10 ปี ทำให้เราเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าทั่วโลก ที่ให้ความสำคัญกับวงการออร์แกนิคและหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ที่ผ่านมาเรายังจัดทำโครงการเสริมสร้างความรู้พัฒนาชาวไร่แบบมีส่วนร่วม เพื่อการผลิตมันสำปะหลังยั่งยืน หรือ ‘อุบลโมเดล’ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเกษตรกร โดยมุ่งเน้นด้านการวิจัยพัฒนาแปลงสาธิตเพื่อเพิ่มมูลค่าของวัตถุดิบ ตลอดจนมุ่งหวังให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 





“เราจึงมีความพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านกาแฟออร์แกนิคของเมืองไทย ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากลทั้ง USDA Organic และ EU Organic รวมถึงอยู่ระหว่างขอรับรอง Fair Trade เพื่อให้ผู้ที่หลงใหลกาแฟได้สัมผัสกับรสชาติกลมกล่อมของกาแฟออร์แกนิคแท้ที่ดีต่อสุขภาพ และส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน” คุณเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) กล่าว

ความพิเศษที่ทำให้ ‘กาแฟออร์แกนิคแท้ 100%’ จากสาละวัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แตกต่างจากกาแฟทั่วไป อยู่ที่ความเข้มข้นของรสชาติ ความหวาน นุ่ม ชุ่มฉ่ำ และกลิ่นหอมแบบ Roasted Walnut, Dark Chocolate เทคนิคการคั่วพิเศษที่ดึงเสน่ห์ของกาแฟออร์แกนิคออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ การเพาะปลูก

บนพื้นที่ราบสูงที่อุดมด้วยแร่ธาตุจากดินภูเขาไฟ แหล่งน้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ ในเรื่องนี้ คุณบุณณดา
คูหากาญจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบลไบโอเกษตร จำกัด กล่าวเสริมว่า 

“เรามุ่งมั่นที่จะยกระดับการเพาะปลูกกาแฟออร์แกนิคมาตรฐานระดับสากล และพัฒนารสชาติของกาแฟออร์แกนิคให้ถูกใจคอกาแฟมากขึ้น โดยเราวางแผนที่จะโปรโมท Green Bean Organic ให้มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เน้นตลาดที่มีการนำเข้ากาแฟออร์แกนิคขนาดใหญ่ ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและยุโรป อีกทั้งกาแฟออร์แกนิคจากสาละวันมีศักยภาพในการแข่งขันสูงเมื่อเทียบกับประเทศผู้ผลิตรายอื่น ทั้งยังพัฒนาเป็น Premium Organic ไปยังประเทศเป้าหมายของเราได้ด้วย การที่บริษัทเลือกประเทศลาวเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของการเพาะปลูกกาแฟออร์แกนิค นับว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กาแฟและโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจที่ดีในอนาคต”

นอกจากจะได้สัมผัสกับเมล็ดพันธุ์กาแฟออร์แกนิคแท้จากอุบลไบโอเกษตรแล้ว ภายในงานยังจัดให้มีบูธผู้ประกอบการชั้นนำมากมาย พิเศษ! เอ็กซ์คลูซีฟไลฟ์ส่งตรงจากอิสราเอลโดย Mr. Ram Evgi ผู้ก่อตั้งและ CEO, Coffee-Tech Engineering เปิดตัวเครื่องคั่วกาแฟรุ่นใหม่เอาใจสาย Roaster และไลฟ์สดของผู้บริหาร Dalla Corte ส่งตรงจากอิตาลี เปิดตัวและเปิดโอกาสให้ทดลองใช้ ZERO Perfect Extraction เครื่องเอสเปรสโซ่ปี 2021 รวมถึงอุปกรณ์คั่วกาแฟจาก Coffee Tools และ Toper จากกรีซ รวมถึงการประมูล Coffee Machine จากผู้ผลิตระดับโลกผ่านระบบออนไลน์ (ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย) พร้อมร่วมแลกเปลี่ยนเรื่องราวน่าสนใจจากผู้คนในแวดวงกาแฟตัวจริงตลอด 32 วัน ลงทะเบียนร่วมงานได้ที่ https://bit.ly/3zsG9y3  หรือแอดไลน์อัตโนมัติ https://lin.ee/n82obcA 

ติดตามไฮต์ไลท์ต่างๆ ภายในงานได้ทุกช่องทางออนไลน์ FABB ACADEMY OF COFFEE
Website : www.fabbaoc.com
Facebook : www.facebook.com/FABBAOC
Instagram : www.instagram.com/fabbaoc/   


สถานที่ในการจัดงาน FABB ACADEMY OF COFFEE 259/313
ซ.ปรีดีพนมยงค์ 15 (สุดซอย) ถ. สุขุมวิท 71 พระโขนงเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ 10110
Location : https://goo.gl/maps/62Ab7tDjGsi5eY3T7

20 ตุลาคม 2564

สังสรรค์วันคล้ายวันเกิด เอิร์ธ สายสว่าง สไตล์อินเดีย

เอิร์ธ สายสว่าง  จัดงาน วันคล้ายวันเกิด  โดยมี คุณสิธ เซกาล  (Sid  Sehgal) เจ้าของร้านอาหารอินเดียอิสดัส (สุขุมวิทซอย 26 )  มาให้การต้อนรับ

เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิด โดยมีศิลปินดารานักแสดง อาทิ ชรัส เฟื่องอารมย์, ชนานา นุตาคม โดยมี Mr. Yashpal Thakur ผู้จัดการร้าน ให้การต้อนรับ พร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารอินเดียจาก ลุ่มน้ำสินธุประเทศอินเดียถูกปากคนไทย 




ริ่มจาก เมนูเรียกน้ำย่อย สไตล์ปิ้งย่าง แบบอินเดีย ที่เรียกว่า อาหารทันดูรี ไปจนถึงเมนูอาหาร main course ยอดนิยม เช่น  ข้าวหอมมาบาสมาติไก่, ผักโขมสับไส้ครีม, แกงกระหรี่เนื้อแพะรสเข้มข้น เสิร์ฟมาพร้อมกับแป้งนานหลากชนิดที่รังสรรค์มาจาก Ganesh Yadav-( Executive Sous Chef ) ท่ามกลางบรรยากาศหรูสไตล์อินเดีย ร้านอาหารอินดัส ซอยสุขุมวิท 26




ร้านอาหารอินดัส ซอยสุขุมวิท 26

Reservations:  indusbangkok.com
Tel 086-339-8582

Mon - Fri 11:30am - 21:00 pm
Deliveries/Pick-Up:  indusdelivery.com  

LINE: @indus




ชวนร่วมงาน “สืบสาน สีสัน สายเส้น เบญจรงค์ดอนไก่ดี ครั้งที่ 11”

เปิดมิติใหม่ด้วยเบญจรงค์พาสเทล 

เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 19 ตุลาคม 2564 นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร
เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน “สืบสาน สีสัน สายเส้น เบญจรงค์ดอนไก่ดี ครั้งที่ 11” ณ หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยมีผู้มีเกียรติและผู้มีส่วนร่วมในการจัดงาน ตลอดจนสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน  

 นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า การจัดงาน “สืบสาน สีสัน สายเส้น เบญจรงค์ดอนไก่ดี ครั้งที่ 11” นี้ กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 22 -24  ตุลาคม 2564 ณ โฮมสเตย์อุไรเบญจรงค์ หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นย่านธุรกิจสร้างสรรค์ที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริม เศรษฐกิจชุมชนเชื่อมโยงการท่องเที่ยว โดยเมื่อปี พ.ศ.2550 หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดีได้รับการคัดเลือกจาก กระทรวงพาณิชย์ให้เป็นย่านธุรกิจสร้างสรรค์ของจังหวัดสมุทรสาคร และในปี พ.ศ. 2560 กรมการค้าภายในเปิดตัวหมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดีเป็นหมู่บ้านทำมาค้าขายต้นแบบภาคกลาง 

โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้แก่วิสาหกิจชุมชนในการประกอบธุรกิจในทุกด้านอย่างแท้จริง ทั้งด้านการตลาด การพัฒนาสินค้า การบริหารจัดการและขยายช่องทาง การตลาด จนประสบความสำเร็จในการยกระดับชุมชนจนสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเข้มแข็ง ยั่งยืน ในการนี้ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรสาคร 



จึงได้มีการจัดงานเพื่อส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์เบญจรงค์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 |ถึงปี 2564 โดยได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี อีกทั้งปัจจุบันกระแสการท่องเที่ยววิถีไทยกำลังได้รับความนิยมจาก ทั้งนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ทางจังหวัดสมุทรสาครเล็งเห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการส่งเสริมเศรษฐกิจของชุมชน และการส่งเสริมการท่องเที่ยวของหมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี ได้จัดงานนี้ขึ้นเพื่อผลักดันและพัฒนาเศรษฐกิจการค้าการท่องเที่ยวให้เติบโต ผู้ประกอบการค้ามีการรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็ง และเสริมสร้างความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในจังหวัด 

ภายใต้ความร่วมมือและการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันทั้งจังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรสาคร อำเภอกระทุ่มแบน เทศบาลตำบลดอนไก่ดี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคเอกชน ภาคท้องถิ่น โดยเฉพาะหมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี และอื่น ๆ อีกหลายหน่วยงาน

ด้านนางสาวสุนันทา น้อยพิทักษ์ พาณิชย์จังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า การจัดงาน “สืบสาน สีสัน สายเส้น เบญจรงค์ดอนไก่ดี ครั้งที่ 11” ณ หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดีปีนี้  ผู้ที่มาท่องเที่ยวภายในงานจะได้พบกับ กิจกรรมแสดง/จำหน่าย เบญจรงค์ ซึ่งลายที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะ คือ ด้านการใช้สีเป็นสีละมุน โทนอ่อน (สีพาสเทล) มีลวดลาย ที่เน้นรูปแบบสมัยใหม่ เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกวัย 

ด้านนางสาวสุนันทา น้อยพิทักษ์ พาณิชย์จังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า การจัดงาน “สืบสาน สีสัน สายเส้น เบญจรงค์ดอนไก่ดี ครั้งที่ 11” ณ หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดีปีนี้  ผู้ที่มาท่องเที่ยวภายในงานจะได้พบกับ กิจกรรมแสดง/จำหน่าย เบญจรงค์ ซึ่งลายที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะ คือ ด้านการใช้สีเป็นสีละมุน โทนอ่อน (สีพาสเทล) มีลวดลาย ที่เน้นรูปแบบสมัยใหม่ เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกวัย 


นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมสาธิตการเขียนลายเบญจรงค์ บนแก้วกาแฟ ลายจักรี อีกด้วย ,กิจกรรมจำหน่ายสินค้า OTOP/SMEs/วิสาหกิจชุมชน/GI/สินค้าเกษตรของ จังหวัดสมุทรสาคร และสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน และ ชมดนตรีสด (folk song) ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้ได้ดำเนินการภายใต้มาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา  2019   

นายวิชัย แตงเอี่ยม นายก ทต.ดอนไก่ดี กล่าวอีกด้วยว่า สำหรับการจัดงานทุก ๆ ปี ก็มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชม เลือกซื้อสินค้าภายในงานมากขึ้นเป็นลำดับ จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมา เที่ยวชมงาน “สืบสาน..สีสัน.. สายเส้น เบญจรงค์ดอนไก่ดี ครั้งที่ 11” ระหว่างวันที่ 22 - 24 ตุลาคม 2564
ณ หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อให้กำลังใจแก่ผู้จัดงานและผู้สืบสานมรดกทางวัฒนธรรมของจังหวัดสมุทรสาคร รวมถึงการท่องเที่ยวแบบวิถีไทย ที่ยังคงอนุรักษ์
และคงคุณค่าไว้ได้อย่างยั่งยืน

19 ตุลาคม 2564

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมดั้งเดิม ต่อยอดความอร่อยร่วมสมัย ถูกใจไลฟสไตล์คนรุ่นใหม่

โครงการไทยดิชคัฟเวอรี่ (Thai Dishcovery) อาหารไทยที่ออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จับมือเชฟจากร้านอาหารชื่อดัง ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคน
รุ่นใหม่ ร่วมสร้างสรรค์เมนู 20 อาหารไทยโบราณ เพื่อฟู๊ดดี้นักกินรุ่นใหม่
ภายใต้แคมเปญ Thai Dishcovery : New Thai Dish for New Gen

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จับมือร้านอาหารชื่อดังของคนรุ่นใหม่ ร่วมกับเชฟจากร้านอาหารชื่อดังกว่า 28 ร้าน ได้แก่ ร้าน Greyhound cafe ร้าน Audrey ร้าน On the Table , Tokyo Cafe ร้านแหลมเจริญ ซีฟู้ด ร้าน Sood Kua by Supanniga / สุดคั่ว by สุพรรณิการ์ ร้านบ้านหญิง ร้านแก้วแกงใต้ KAEW KANG TAI ร้านไทยนิยม ร้านหลงโถวคาเฟ่  ร้านแสนสําราญที่แสนแสบ ร้าน Ari Café & Bistro ร้าน Club Anda ร้าน My dining chef  ร้าน Whispering Cafe ร้าน Lamour cafe ร้าน Wild Coffee & Bistro ร้านทองหยิบทองหยอด ร้านน้องโจ๊ก ร้านคาราเมล ร้านเขาทองเทอเรสต์ ร้านแลเลกริล ร้านเสน่ห์ย่า ร้านอาหารญี่ปุ่นโทบิโกะ ร้านอาหารอัญชลี ร้านหนํา ร้านอาหารชายทะเล ร้านตะโกลา ร้านอรุณดิน่า และ เว็บไซต์ไทยดิชคัฟเวอรี่ด็อทคอม เปิดตัวโครงการ “Thai Dishcovery : New Thai Dish for New Gen” นําเสนอ 20 เมนูอาหารไทยตํารับโบราณที่ได้รับการสร้างสรรค์ใหม่ โดยเชฟคนรุ่นใหม่ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักอาหารไทยโบราณ โดยมี Robinhood foodpanda ร่วมส่งต่อความอร่อยของเมนูอาหารไทย “Thai Dishcovery ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ลิ้มลอง



“อาหารไทย หนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ แขกใครมาเยือนก็ติดในในรสชาติ จนได้รับการจัดอันดับ ว่าเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมที่อร่อยติดอันดับโลก เรามีเรื่องเล่า ตํารับสํารับอาหารมากมาย แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่  ซึ่งล้วนแล้วแต่สั่งสมประสบการณ์ถ่ายทอดรสมือ และสูตรเด็ดเคล็ดลับจากรุ่นสู่ฅรุ่น บ้างก็เป็นเป็นอาหารที่แสดงถึงภูมิปัญญาวัฒนธรรมท้องถิ่น ท้ังการเลือกใช้วัตถุดิบ ขั้นตอนการปรุงอาหารที่พิถีพิถัน บ้างก็นําวัฒนธรรมจากต่างชาติเข้ามาผสมผสาน ออกมาเป็นเมนูใหม่ที่มี รสอร่อยเป็นเอกลักษณ์ และในปี 2564 นี้ ทางกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม มีความประสงค์ที่จะยกระดับอาหาร ไทย ให้มีความทันสมัย เหมาะแก่คนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น ภายใต้โครงการ Thai Dishcovery : New Dish for New Gen ที่ได้รับ ความร่วมมือกับเชฟจากร้านอาหารชื่อดัง ที่กําลังได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ นํา 20 เมนูอาหารไทย ด้ังเดิม คือ เถ้าคั่วสงขลา จอแหร้ง หมูย่างเมืองตรัง น้ำพริกกากหมูหมูฮ้อง
ไก่กอและ ช่อม่วง หมูโสร่ง ม้าฮ่อ แสร้งว่า แกงเผ็ด(ฉู่ฉี่) ข้าวยํา เมี่ยงคํา หมี่ฮกเกี้ยน โอวต้าว ข้าวหลาม ข้าวต้มมัด ขนมฝรั่งกุฎีจีน (ขนมไข่) ขนมหม้อแกง กาละแม กระยาสารท และมังคุดคัด มาสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ พัฒนารูปลักษณ์ รูปแบบการนําเสนอ และรสชาติให้ตอบโจทย์ของกระแสทางวัฒนธรรม ที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ยังคงไว้ซึ่งความอร่อยแบบไทยดั้งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

นางสาวอัจฉราพร พงษ์ฉวี อดีตรองอธิบดีกรมส่งเสริม วัฒนธรรม และที่ปรึกษากรมส่งเสริมวัฒนธรรม

คุณชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้มอบหมายให้ นางสาวอัจฉราพร พงษ์ฉวี อดีตรองอธิบดีกรมส่งเสริม วัฒนธรรม และที่ปรึกษากรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในปี 2564 นี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม มีความตั้งใจที่จะนํา เมนูอาหารไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ และเมนูไทยดั้งเดิมที่หารับประทานได้ยากใน ปัจจุบัน ทั้งสิ้น 20 รายการ อาทิ ข้าวยํา ข้าวหลาม เมี่ยงคํา กระยาสารท มังคุดคัด สร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ เพื่อให้เข้ากับกลุ่ม คนรุ่นใหม่

สืบเนื่องจากทางกรมฯ ได้เล็งเห็นถึงกระแสวัฒนธรรมการบริโภคน้ันได้เปลี่ยนแปลงไป การสืบสานวัฒนธรรมดั้งเดิมให้ คงอยู่อย่างยั่งยืนน้ัน จําเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้เป็นส่วนหนึ่งในการเป็นเจ้าของมรดก ได้เห็นคุณค่า มีความรู้สึกหวงแหน อยากที่จะอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยสืบไป ทางกรม ฯ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาคเอกชน โดยเฉพาะธุรกิจจัดส่งอาหารประเภทเดลิเวอรี่ จัดส่งบริการอาหาร จากห้องครัวส่งตรงถึงบ้านซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกคนทํางานอยู่กับบ้าน และหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ผมเชื่อมั่นว่าโครงการไทยดิชคัฟเวอรี่ (Thai Dishcovery) เป็นมิติใหม่ของการสร้างสรรค์ และยกระดับวงการอาหารไทยให้มีความร่วมสมัย และเป็นจุดเริ่มต้นอันสําคัญที่จะผลักดัน และสร้างโอกาสการเข้าถึงให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมรับประทานอาหาร ต่างประเทศ ให้หันกลับมารับประทานอาหารไทยมากยิ่งขึ้น เพราะคือ  “อาหารไทยที่ออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่”  

นางนันทิยา นาควัชระ ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ Foodpanda Thailand กล่าวว่า “foodpanda ขอขอบคุณ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ให้โอกาส foodpanda ได้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ Thai Dishcovery ในฐานะ ที่เราเป็นผู้นําด้านการให้บริการสั่งซื้อและจัดส่งอาหารเดลิเวอรี่ ผ่านแอปพลิเคชันในภูมิภาคเอเชียและดําเนินธุรกิจในประเทศไทย มากว่า 9 ปี foodpanda มีความคุ้นเคยกับวัฒนธรรมอาหารไทย  เราจึงขอสนับสนุนแคมเปญนี้อย่างเต็มความสามารถ โดยใช้เทคโนโลยีและบริการของเราช่วยโปรโมทอาหารไทยในกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ 

เพื่อตอบเป้าหมาย แคมเปญ Thai Dishcovery : New Thai Dish for New Gen” โดยขอมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าใหม่ของ foodpanda เมื่อสั่งอาหารเมนู Thai Dishcovery จะได้รับส่วนลด 100 บาท จํานวน 1 ครั้ง เพียงกรอกโค้ด DISHNEW21 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2564

ร้านแสนสําราญที่แสนแสบ : น้ำพริกกากหมูพริกไทยอ่อน

ร้านแสนสําราญที่แสนแสบ : แสร้งว่า ยําไข่เต่ามังคุด



ร้าน Whispering Cafe : เมนู ข้าวหลามสามหน้า

คุณวัชรพงษ์ พจนีย์นนท์  Head of food ผู้พัฒนาและให้บริการ “โรบินฮู้ด” แพลตฟอร์ม ฟู้ดดิลิเวอรี กล่าวว่า เพราะอาหารหนึ่งจานมีเรื่องราวมากมายซ่อนอยู่ โรบินฮู้ดได้เล็งเห็นถึงโอกาสอันดี ในการได้เป็นส่วน หนึ่งในการส่งเสริม สนับสนุนร้านค้าร้านอาหาร ให้นําเอามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมดั้งเดิม มาต่อยอดความอร่อย มีความร่วม สมัย เป็นที่รู้จัก และถูกใจไลฟสไตล์คนรุ่นใหม่ เราต้องการให้ลูกค้าเดลิเวอรี่ของเรามีความสุขจากการได้รับประทานอาหารอร่อยที่ มีคุณภาพ เทียบเท่ากับการรับประทานอาหารท่ีร้าน สําหรับผู้ท่ีหลงรักการรับประทานอาหารไทย หรือต้องการสัมผัสประสบการณ์ ความอร่อยถึงที่บ้าน สามารถส่ังหลากหลายเมนูอร่อยได้ที่ แอปพลิเคชั่น Robinhood พร้อมโปรโมชันพิเศษจากร้านอาหารท่ีเข้า ร่วมโครงการอีกด้วย โรบินฮู้ดตระหนักถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังคงยืดเยื้อ เราพร้อมยืนหยัดเป็นตัวกลาง สนับสนุนร้านค้าโดยเฉพาะร้านเล็ก ๆ ด้วยการยึดม่ันในหลักการของแพลตฟอร์มที่ไม่เก็บค่า GP มงุ่ ช่วยลดต้นทุนในการทําธุรกิจ เพื่อให้ร้านค้าพอมีแรงที่จะฮึดสู้พยุงกิจการให้ผ่านพ้นช่วงนี้
ไปได้ และเพื่อให้การช่วยเหลือมีพลังมากขึ้น

ร้าน Sood Kua by Supanniga / สุดคั่ว by สุพรรณิการ์ :หมูทอดสุดขั้วราดซอสฉู่ฉี่ไข่เค็มแดง

คุณจิราพร ถนอมกิตติ Senior Marketing Strategy and Analysis กล่าวว่า “หนึ่งในความสุขของการท่องเที่ยว นอกจากไปสัมผัสความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว เรื่องของอาหารการกินก็มีส่วนสําคัญไม่แพ้กัน สายการบินไทยสมายล์ ขอเชิญนักท่องเที่ยวสายกินทุกท่าน ร่วมเดินทางตามล่าของอร่อย เมนู Thai Dishcovery ในเส้นทางเชียงใหม่ และกระบี่ ลิ้มรสความ อร่อยของอาหารไทยรูปแบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ  นอกจากสิทธิพิเศษ (WE Privilege) และบัตรโดยสาร ราคาพิเศษแล้ว สายการบินไทยสมายล์ สนับสนุนโครงการโดยการเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์บนเครื่องบินทุกเส้นทาง ภายในประเทศ กระตุ้นการรับรู้โครงการฯ  และสร้างบรรยากาศประสบการณ์แห่งรอยยิ้มให้กับกลุ่มผู้โดยสารโดยตรง พิเศษสําหรับผู้โดยสารสายการบินไทยสมายล์และการบินไทย รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพียงแสดงบอร์ดดิงพาส ณ ร้านค้าที่ร่วมโครงการ ตลอดระยะเวลาโครงการ สําหรับผู้ที่สนใจอยากเดินทางตามรอย สามารถติดตามข่าวสาร หรือโปรโมชั่นพิเศษได้ที่  www.thaismileair.com

ร้าน Ari Café & Bistro : เมนู ข้าวตังยําเมี่ยงคํา, ข้าวผัดหมูฮ้องซอสคาราเมล

ร้านแก้วแกงใต้ KAEW KANG TAI : เมนู ข้าวยําทอด

ร้าน Whispering Cafe : เมนู ข้าวยําดอกไม้ใบไม้ในสวน

นายธนพล ชีวรัตนพร กรรมการ ผู้จัดการบริษัท ควอลิตี้ เอ็กซ์เพรส จํากัด กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดกระบี่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมอยู่แล้ว การจัดทําเป็นเส้นทางสายกิน จะเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่อยากออกเดินทาง มากยิ่งขึ้น การนําเมนูอาหารไทยมาสร้างสรรค์ใหม่ เป็นเมนู Thai Dishcovery นอกจากจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาหาร และวัฒนธรรมแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นให้กับผู้ประกอบการได้เกิดการพัฒนา ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย และทางบริษัท ควอลิตี้ เอ็กซ์เพรส จํากัด ได้มอบโปรโมชั่นให้กับลูกค้าโครงการ Thai Dishcovery ซื้อแพ็กเกจการท่องเที่ยวเส้นทางสายกิน กินพุงแตก ที่จังหวัดเชียงใหม่ และกระบี่แล้ว ราคารวมที่พักและบัตรโดยสารสายการบินราคาพิเศษ จะได้รับบัตรกํานัล รับประทานอาหารเมนู Thai Dishcovery ฟรี จํานวน 3 เมนู เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางตามรอยสัมผัสความอร่อยของอาหาร ไทยในรูปแบบใหม่

นายอธิป บุญญนันท์กิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสที. เดอลุกซ์ทัวร์ กล่าวว่า เทรนด์การท่องเที่ยวสายกินเป็นวิถีใหม่ ที่จะให้เหล่านักชิมได้ตามรอยร้านอร่อย ร้านดัง ร้านท้องถิ่นในจังหวัดต่าง ๆ คนรุ่นใหม่นิยมการรับข้อมูลข่าวสารผ่านทาง สื่อออนไลน์ และโครงการ Thai Dishcovery ได้สร้างแปลกใหม่ให้กับวงการอาหารไทย การนําเมนูที่คุ้นหน้า คุ้นลิ้น หรือเมนูที่ หาทานได้ยาก มาจับแปลงโฉมเสียใหม่ ทําให้มีความน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น 

เอสที. เดอลุกซ์ทัวร์ มีความยินดีที่จะแนะนํา เมนูอาหารไทยที่สร้างสรรค์ใหม่เหล่านี้ให้กับกลุ่มลูกค้า ที่ซื้อแพ็คเกจไปท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆ ที่ร้านค้าในโครงการตั้งอยู่ พร้อมทั้งจัดทําแพ็คเกจพิเศษ ลิ้มรสเมนูอาหาร Thai Dishcovery  ฝีมือเชฟรางวัลมิชลิน “เดวิด ทอมป์สัน”  ณ ร้านอรุณดิน่า โรงแรมเดอะ ทับแขก บูทีค รีสอร์ท พร้อมรับบัตรกํานัล 500 บาท เพื่อไปอิ่มอร่อยเมนูอื่นๆ เพิ่มเติม

นาง ภัธฒณี สถิติรัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทล ออฟ เอเชีย จํากัด กล่าวว่า เพราะร้านอาหาร ไม่ใช่เป็นแค่เพียงสถานที่ที่เราจะแวะไปเยือนให้อิ่มท้องอย่างเดียวอีกต่อไป ร้านอาหารกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวยุคใหม่ให้ความสนใจ อาหารไทยแบบฉบับดั้งเดิมนั้น มีชื่อเสียงด้านรสชาติอยู่แล้ว แต่การนําอาหารไทยมาใส่ความคิดสร้างสรรค์ ดัดแปลงให้เข้ากับ ยุคสมัย นั้นตอบโจทย์ไลฟสไตล์นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี นับเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับอาหารไทยมากยิ่งขึ้น และยิ่งด้วยเมนูใหม่ ต่าง ๆ เหล่านี้ได้ไปปรากฎตามร้านอาหาร ในจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างจังหวัดกระบี่ นับเป็นโอกาสอันดีที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสลิ้มลอง ทาง บริษัท เทล ออฟ เอเชีย จํากัด ได้จัดทําเส้นทางท่องเที่ยวสายกิน นําร้าน และเมนู Thai Dishcovery จัดเป็นแพ็คเกจราคาพิเศษ รวมราคาบัตรโดยสารสายการบิน และโรงแรมที่พัก พร้อมมอบบัตรรับประทานอาหารเมนูใหม่ จํานวน 3 ใบ ต่อการซื้อหนึ่งแพ็คเกจให้เหล่านักชิมรุ่นใหม่ได้ไปตระเวนสัมผัสลิ้มลอง

คุณ อนิวรรณ อรุโณรัตน์ ผู้สร้างสรรค์ โครงการ Thai Dishcovery ให้ข้อมูลเสริมว่า โครงการ Thai Dishcovery ได้เชิญ เชฟที่มีชื่อเสียง อย่างเชฟเดวิด ทอมป์สันที่การันตีความอร่อยด้วยรางวัลมิชลินสตาร์ สร้างสรรค์เมนูจากมังคุดคัด และกระยาสารท พร้อมเสิร์ฟความอร่อยที่ ห้องอาหารอรุณดิน่า โรงแรม เดอะ ทับแขก บูทีค รีสอร์ท, เชฟจาก My Dinning Chef ที่รับรางวัลจากการประกวดแข่งขันทําอาหารที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ มาสร้างสรรค์อาหารไทยในรูปแบบ Fine dining สําหรับ โครงการ Thai Dishcovery โดยเฉพาะ สามารถสํารองที่นั่งได้ที่ 093-656-1744 และเชฟจากร้านอาหารที่ได้รับความนิยมจาก กลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมกว่า 28 ร้าน เปิดขายเมนู Thai Dishcovery สําหรับผู้ที่สนใจสามารถอิ่มอร่อยที่ร้าน หรือ
สั่งกลับมา รับประทานที่บ้านได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงเดือนธันวาคม 2564 

 ร้าน Club Anda : เมนู ยูกิ กาละแม

สามารถติดตามตัวอย่างการปรุงอาหารไทยรูปแบบใหม่ผ่านช่องทาง ออนไลน์ ได้ที่ www.Thaidishcovery.com


โปรโมชั่นร้านอาหารพันธมิตรในโครงการ

1. ร้าน Greyhound cafe : เมนู สปาเก๊ตตี้ผัดหมูย่างเมืองตรัง

โปรโมชั่น ส่วนลดพิเศษสําหรับเมนูสปาเก็ตตี้ผัดหมูย่างเมืองตรัง จากราคาปกติ 320 บาท
เหลือเพียง 280 บาท   

2. ร้าน Audrey : เมนู โอวต้าวต้มยํากุ้ง Audrey
 โปรโมชั่น ส่วนลดพิเศษสําหรับเมนูโอวต้าวต้มยํากุ้ง Audrey เมื่อรับประทานที่ร้าน หรือสั่งผ่านช่องทาง Robinhood จากราคาปกติ 204 บาท เหลือเพียง 159 บาท

3. ร้าน On the Table , Tokyo Café : เมนู หมี่ฮกเกี้ยนครีมซอสต้มยํากุ้ง

โปรโมชั่น

 - รับส่วนลด 20% เมื่อสั่งผ่าน Robinhood หมี่ฮกเกี้ยนครีมซอสต้มยํากุ้ง จากราคาปกติ 250 บาท เหลือเพียง 200 บาท

 - Set 1 : หมี่ฮกเกี้ยนครีมซอสต้มยํากุ้ง + หมี่ฮกเกี้ยนเบคอนไส้กรอกอาราบิกิผัดพริก
กระเทียม + วาฟเฟิลฟรุตตี้ จากราคาปกติ 620 บาท เหลือเพียง 499 บาท

 - Set 2 : หมี่ฮกเกี้ยนเบคอนไส้กรอกอาราบิกัดพริกกระเทียม + เรดเบอร์รี่สมูทตี้ หรือ
สตอเบอร์รี่โยเกิร์ตสมูทตี้ จากราคาปกติ 310 บาท เหลือเพียง 259 บาท

- Set 3 : หมี่ฮกเกี้ยนครีมซอสต้มยํากุ้ง+สลัดซีซ่าร์+เรดเบอร์รี่พานาคอตต้า จากราคาปกติ 590 บาท
เหลือเพียง 469 บาท

- Set 4 : หมี่ฮกเกี้ยนเบคอนไส้กรอกอาราบิกิผัดพริกกระเทียม+สลัดซีซ่าร์+เรดเบอรรี่พานาคอตต้า
จากราคาปกติ 530 บาท เหลือเพียง 399 บาท

4. ร้าน แหลมเจริญ ซีฟู้ด : เมนู จอแหร้งกุ้งแม่น้ําแหลมเจริญ
โปรโมชั่น- ซื้อ 1 แถม 1 เมนูจอแหร้งกุ้งแม่น้ําแหลมเจริญ ราคา 295 บาท แถมข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม ไซส์ Sมูลค่า 130 บาท
- ชุดสุดคุ้ม 399 บาท จากราคาปกติ 464 บาท เมนูจอแหร้งกุ้งแม่น้ําแหลมเจริญ และข้าวกล่องปลากะพงทอดราดน้ําปลา คู่ทอดมันปลา 

5.  ร้าน Sood Kua by Supanniga / สุดคั่ว by สุพรรณิการ์ :หมูทอดสุดขั้วราดซอสฉู่ฉี่ไข่เค็มแดง

โปรโมชั่น สั่งเมนูหมูทอดสุดขั้วราดซอสฉู่ฉ่ีไข่เค็มแดง ผ่าน Robinhood ราคาพิเศษ 181 บาท
(เมนูนี้มีบริการ เฉพาะสาขาทองหล่อเท่านั้น) รับส่วนลด 15% เม่ือสั่งเมนู Set 3 จาน (หมูทอดสุดคั่วราดซอสฉู่ฉ่ีไข่แดงเค็ม + ไข่เป็ดต้มยางมะตูม ราดข้าว, ซีฟู้ดคั่วพริก เกลือราดข้าว 1 และข้าวหน้าหมูทอด) ราคา 470 บาท

6. ร้านบ้านหญิง : เมนู ข้าวไข่ข้นฉู่ฉี่กุ้ง

โปรโมชั่น เมื่อสั่งเมนูข้าวไข่ข้นฉู่ฉี่กุ้ง ราคาพิเศษ 219 บาท แถมฟรีน้ําสมุนไพรเย็น (ตะไคร้/ ใบเตย/เก๊กฮวย / มะตูม)

7. ร้านแก้วแกงใต้ KAEW KANG TAI : เมนู ข้าวยําทอด

โปรโมชั่น เมื่อสั่งเมนูข้าวยําทอด ราคาพิเศษ 250 บาท แลกรับสิทธิแลกซื้อผลไม้ลอยแก้ว
ในราคา 35 บาท

8. ร้านไทยนิยม : เมนู ข้าวผัดน้ำพริกกากหมูเสิร์ฟพร้อมไข่ต้ม

โปรโมชั่น เมนขู ข้าวผัดน้ำพริกกากหมูเสิร์ฟพร้อมไข่ต้ม จากราคาปกติกล่องละ 177 บาท
ซื้อ 1 กล่องราคา 160 บาท, 2 กล่องราคา 300 บาท สามารถสั่งทางไลน์ของร้าน @thainiyombkk  

9.ร้านแสนสําราญที่แสนแสบ : แสร้งว่า ยําไข่เต่ามังคุด, น้ำพริกกากหมูพริกไทยอ่อน

โปรโมชั่น แสร้งว่ายําไข่เต่ามังคุด ราคาพิเศษ 280 บาท , น้ําพริกกากหมูพริกไทยอ่อน (น้ําพริก+ไข่เจียว+ปลาดุก) ราคาพิเศษ 320 บาท

10. My dining chef : เมนู รุ่งอรุณที่ซิงกอรา, สายใยแห่งอโยธยา, ระกาอําพัน, ปฐพีสัมพันธ์รัก, ม้าฮ่อ 2021, ทาร์ตหม้อแกงเผือก, ขนมฝรั่งกุฎีจีนอย่างฝรั่ง

โปรโมชั่น คอร์สอาหาร Thai Dishcovery แบบฉบับ Fine Dining จํานวน 5 คอร์ส ฟรีเมนูพิเศษ

- เชฟแมกซ์ : จํานวนขั้นต่ํา 8 คน/ คนละ 2,900 บาท แถมฟรี ซุปทรัฟเฟิล (ตามจํานวนลูกค้า)

- เชฟนุ้ย :  จํานวนขั้นต่ํา 6 คน / คนละ 2,700 บาท แถมฟรี ขนม Chef’s Surprise (ตามจํานวนลูกค้า)

- เชฟราม : จํานวนขั้นต่ํา 5 คน / คนละ 2,850 บาท แถมฟรี ขนม Chef’s Surprise (ตามจํานวนลูกค้า)

 หมายเหตุ ราคานี้ยังไม่รวม service charge 10% + Vat 7%  

11. ร้าน Ari Café & Bistro : เมนู ข้าวตังยําเมี่ยงคํา, ข้าวผัดหมูฮ้องซอสคาราเมล

โปรโมชั่น ข้าวผัดหมูฮ้องซอสคาราเมล ราคาพิเศษ 150 บาท แถมฟรี น้ําอัดลม 1 กระป๋อง   

12. ร้าน Club Anda : เมนู ยูกิ กาละแม

โปรโมชั่น  ยูกิ กาละแม ราคาต่อ 1 ชิ้น 145 บาท
โปรโมชั่นพิเศษเฉพาะหน้าร้านสาขา The Nine Center Tiwanon เมื่อซื้อยูกิกาละแม ตั้งแต่ 1 ชิ้นขึ้นไป
จับคู่กับเครื่องดื่มของคลับอันดาเมนูใดก็ได้ รับฟรี! เพลนครัวซองเนยสดพรีเมียม 1 ชิ้น
(ราคาปกติ 65 บาท) 

13. ร้าน หลงโถวคาเฟ่ : เมนู ข้าวต้มแห้งหมูฮอ้ งสูตรหลงโถว

โปรโมชั่น

- ข้าวต้มแห้งหมูฮ้อง สูตรหลงโถว ราคาพิเศษ 159 บาท
- เมื่อสั่งชุดเช็ดข้าวต้มแห้งหมูฮ้อง สูตรหลงโถว 2 ชุด แถมฟรี ไก่ทอดหมาล่า 1 ชุด มูลค่า 79 บาท

 

14. ร้าน Whispering Cafe : เมนู ข้าวยําดอกไม้ใบไม้ในสวน, ข้าวหลามสามหน้า
โปรโมชั่น ส่วนลด 10% สําหรับเมนูข้าวยําดอกไม้ใบไม้ในสวน ราคา 150 บาท, ข้าวหลามสามหน้าราคา 150 บาท


15. ร้าน Lamour cafe : เมนู ขนมฝรั่งกุฎีจีนมิกซ์เบอรี่

โปรโมชั่น ส่วนลด 15% สําหรับเมนูขนมฝรั่งกุฎีจีนมิกซ์เบอรี่ ราคา 150 บาท  

16. ร้าน Wild Garden : เมนู เม่ียงพล่ากุ้งดอกบัว

โปรโมชั่น

- เมี่ยงพล่ากุ้งดอกบัว ราคาพิเศษ195 บาท

- เมื่อรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่ม ร่วมกับเมนู Thai Dishcovery ครบ 500 บาท รับส่วนลดเพิ่มอีก 10%

 17. ร้าน ทองหยิบทองหยอด : เมนู หมูโสร่งคูโรบุตะออเจ้า, มังกรคาบแก้ว, ช่อม่วงพวงคราม 

โปรโมชั่น ส่วนลดพิเศษสําหรับเมนู หมูโสรง่ ออเจ้า, มังกรคาบแก้ว, ช่อม่วงพวงคราม จากราคาปกติ 149 บาท เหลือเพียง 129 บาท

18. ร้าน น้องโจ๊ก : เมนู ฉู่ฉี่กะหรี่กุ้ง

โปรโมชั่น ส่วนลดพิเศษสําหรับเมนู ฉู่ฉี่กะหรี่กุ้ง จากราคาปกติ 350 บาท เหลือเพียง 300 บาท 19. ร้าน คาราเมล : เมนู เบอร์เกอร์ไก่กอและ

โปรโมชั่น ส่วนลดพิเศษสําหรับเมนู เบอร์เกอร์ไก่กอและ จากราคาปกติ 190 บาท

เหลือเพียง 175 บาท

20. ร้าน เขาทองเทอเรสต์ : เมนู ยําเมี่ยงใบชะพลู

โปรโมชั่น ส่วนลดพิเศษสําหรับเมนูยําเมี่ยงใบชะพลู จากราคาปกติ 180 บาท เหลือเพียง 150 บาท

21. ร้าน แลเลกริล : เมนู หมูฮ้องแล เล

โปรโมชั่น ส่วนลดพิเศษสําหรับเมนู หมูฮ้องแล เล จากราคาปกติ ราคา 320 บาท เหลือเพียง 280 บาท

22. ร้านอรุณดิน่า โรงแรม The Tubkaak krabi boutique resort

เมนู กระยาสารท, แกงกะทิมังคุดคัด และน้ํามังคุดคัดโซดา

โปรโมชั่น เซ็ทอาหาร Thai Dishcovery ราคาพิเศษ 720 บาท (เมนูแกงมัดคุด 400 บาท,
น้ํามังคุดคัด 170 บาท และกระยาสารท 150 บาท)


23. ร้านเสน่ห์ย่า : เมนู นาซิกาบูไข่ต้มกรือโป๊ะกรอบ

โปรโมชั่น เมื่อสั่งเมนูนาชิกาบูไข่ต้มกรือโป๊ะกรอบ ราคา 89 บาท แถมฟรี เครื่องดื่มเสน่ห์ชา 1 แก้ว มู
ลค่า 45 บาท  


24. ร้านอาหารญี่ปุ่นโทบิโกะ : เมนู ข้าวหน้าหมูย่างเมืองตรังเทริยากิไข่ออนเซ็น

โปรโมชั่น ส่วนลดพิเศษสําหรับเมนู ข้าวหน้าหมูย่างเมืองตรังเทริยากิไข่ออนเซ็นจากราคาปกติ ราคา 250 บาท เหลือเพียง 220 บาท


25. ร้านอาหารอัญชลี : เมนู น้ำพริกกากหมู

โปรโมชั่น ส่วนลดพิเศษสําหรับเมนูน้ําพริกกากหมู (พร้อมผักสด ผักลวก ไข่ต้ม) จากราคาปกติชุดละ150 บาท เหลือเพียง 120 บาท

26. ร้าน หนํา: กินแบบคนกระบี่ : เมนู หมี่ฮกเกี้ยนหนําใจ

โปรโมชั่น ส่วนลดพิเศษสําหรับเมนูหมี่ฮกเกี้ยนหนําใจ จากราคาปกติ 129 บาท เหลือเพียง 99 บาท

27. ร้านอาหารชายทะเล : เมนู ปอเปี้ยะโอวต้าว

โปรโมชั่น ส่วนลดพิเศษสําหรับเมนูปอเปี้ยะโอวต้าว จากราคาปกติ 140 บาท เหลือเพียง 120 บาท

28. ร้าน ตะโกลา : เมนู หมูฮ้องตะโกลา โปรโมชั่น เมื่อสั่งเมนูหมูฮ้องตะโกลา ในราคา 160 บาท
รับฟรีน้ําสมุนไพร 1 แก้ว


สามารถติดตามตัวอย่างการปรุงอาหารไทยรูปแบบใหม่ผ่านช่องทาง ออนไลน์ได้ที่
www.Thaidishcovery.com

#ThaiDishcovery #NewThaiDishForNewGen
#กระทรวงวัฒนธรรม #กรมส่งเสริมวัฒนธรรม



18 ตุลาคม 2564

พม. เร่งสำรวจผู้พิการติดเตียง/ตกหล่น ให้เข้าถึงสิทธิสวัสดิการอย่างเท่าเทียม เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ “สมเด็จย่า” และวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ

วันนี้ (19 ต.ต. 64) เวลา 10.00 น. นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เปิดเผยว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ดำเนินการจัดทำ “กิจกรรมสำรวจคนพิการติดเตียงและตกหล่น ให้เข้าถึงสิทธิสวัสดิการอย่างเท่าเทียม เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี" ในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ ในวันที่ 21 ตุลาคม ของทุกปี 

นางพัชรี กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบัน จำนวนคนพิการที่ขึ้นทะเบียนคนพิการกับกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวง พม. (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 64) มีจำนวน 2,094,210 คน หรือร้อยละ 3.09 ทั้งนี้ อาจมีคนพิการจำนวนหนึ่งที่ยังตกหล่นและเข้าไม่ถึงการขึ้นทะเบียนคนพิการ เนื่องจากความยากลำบากในการเดินทางหรือเข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่พบว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยติดเตียงทั่วประเทศ จำนวนกว่า 200,000 คน ซึ่งส่งผลให้กลุ่มคนเหล่านี้ที่เป็นคนพิการไม่สามารถได้รับสิทธิสวัสดิการจากรัฐได้อย่างทั่วถึง  

ดังนั้น กระทรวง พม. ได้เล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิ สวัสดิการของคนพิการอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม จึงได้จัด “กิจกรรมสำรวจคนพิการติดเตียงและตกหล่น เพื่อการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการอย่างเท่าเทียม” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกิจกรรมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ รวมทั้งส่งเสริมให้คนพิการสามารถเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โดยดำเนินการสำรวจข้อมูลคนพิการติดเตียงผ่านระบบออนไลน์ 

 นางพัชรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการสำรวจดังกล่าว กระทรวง พม. จะรวบรวมและจัดทำเป็นฐานข้อมูล เพื่อประสานส่งต่อให้อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ซึ่งเป็นเครือข่ายสำคัญของกระทรวง พม.  ในการลงพื้นที่เพื่อสอบถาม และดำเนินการให้ความช่วยเหลือในด้านสิทธิและสวัสดิการต่อไป ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยคนพิการและผู้ดูแลคนพิการสามารถกรอกแบบฟอร์มตาม QR Code หรือทางเว็บไซต์ของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ได้ที่ www.dep.go.th

15 ตุลาคม 2564

เกรซ นรินทร ชฎาภัทรวรโชติ

Miss Thailand World 2019 ทูตกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ควงรุ่นพี่นางงามครอบครัว MTW
เข้าร่วมมอบกระเช้าแสดงความยินดีในโอกาสที่สำนักข่าว “คม ชัด ลึก” ครบรอบ 20 ปี

โดยมี รณชัย หาญสุวานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เป็นผู้รับมอบ  ณ อาคารอินเตอร์ลิงค์ทาวเวอร์ 1 เขตบางนา กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564


รมว.พม. ลงพื้นที่เยี่ยม 7 ครอบครัวอุปถัมภ์ ที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

วันนี้ (15 ต.ค. 64) เวลา 10.00 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ลงพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ ณ บ้านนาหึก ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม เพื่อเยี่ยมครอบครัวอุปถัมภ์ที่รับดูแลเด็กจากสถานสงเคราะห์เด็กบ้านเวียงพิงค์และสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านเชียงใหม่ จำนวน 7 ครอบครัว  พร้อมทั้งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น นมกล่อง ขนม และของเล่น ทั้งนี้ ได้ขอบคุณครอบครัวอุปถัมภ์และแสดงความห่วงใยในการดูแลเด็กในสถานการณ์โควิด-19  การป้องกันเด็กจากปัญหาติดเกมส์ และการสนับสนุนการศึกษาของเด็กอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวง พม. พร้อมให้การช่วยเหลือเด็กและครอบครัวอุปถัมภ์ผ่านสถานสงเคราะห์ทั้งสองแห่ง