เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์
ช่อง 3 และมูลนิธิครอบครัวข่าว ชวนคนไทยร่วมบริจาคเงินสมทบทุนช่วยเหลือ จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้หน่วยแพทย์ พยาบาล และโรงพยาบาล ในโครงการ “ช่อง 3 เคียงข้างคนไทย ฝ่าภัย
โควิด-19” เพื่อสู้กับวิกฤตภัยไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในเวลานี้ โดยอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรักษา และตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ที่ส่งผลต่อเนื่องไปสู่คนใกล้ตัว รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องทำการรักษาอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วย
เพื่อช่วยกันบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นดังกล่าว ช่อง 3 และมูลนิธิครอบครัวข่าว ขอเป็นส่วนหนึ่งในการรวมพลังสมทบทุน โดยการเชิญชวนคนไทยให้มาช่วยกันซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์มอบให้โรงพยาบาลที่มีความจำเป็นโดยสามารถร่วมบริจาคสมทบทุนได้ทาง บัญชีกระแสรายวัน เลขที่ 014-3-00459-6 ธนาคารกรุงเทพ สาขาอาคารมาลีนนท์ ชื่อบัญชี มูลนิธิครอบครัวข่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.02-262-3277 และ 02-687-5085
ช่อง 3 จะอยู่เคียงข้างคนไทยฝ่าภัยโควิด-19 ไปด้วยกัน
31 มีนาคม 2563
ช่อง 7HD บริจาค 7 ล้าน มอบให้ 10 โรงพยาบาลรัฐฯ สู้ภัยโควิด-19
เชิญชวนคนไทยร่วมสมทบทุน ถึง 7 เมษายนนี้
ช่อง 7HD บริจาค 7 ล้านบาท พร้อมอาสาเป็นสื่อกลาง ให้ประชาชน ร่วมบริจาคสมทบทุน ผ่านบัญชี “ช่อง 7 รวมใจสู้ภัยโควิด-19” ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักเพลินจิต เลขที่บัญชี 001-0-1-8355-8 (กระแสรายวัน) ตั้งแต่วันนี้ถึง 7 เมษายน 2563 รายได้ทั้งหมดมอบให้ 10 โรงพยาบาลรัฐฯ ที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19
ผู้ชมสามารถอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับโรคโควิด -19 และการรับบริจาค เป็นประจำทุกวันในรายการสนามข่าว 7 สี เวลา 07.30 น. และสรุปยอดเงินบริจาคแต่ละวัน ในช่วงรายการข่าวภาคค่ำ เวลา 20.00 น.ทางช่อง 7HD กด 35 ตั้งแต่วันนี้ถึง 7 เมษายน 2563 เงินบริจาคทั้งหมดถูกจัดสรรให้กับโรงพยาบาล 10 แห่ง ดังนี้ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย,โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ, สถาบันบำราศนราดูร, โรงพยาบาลราชวิถี และ โรงพยาบาลศูนย์ทุกภาค 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่, โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี, โรงพยาบาลชลบุรี จ.ชลบุรี และโรงพยาบาลหาดใหญ่ จ.สงขลา
ผู้บริจาคที่ต้องการใบเสร็จลดหย่อนภาษี สามารถส่งหลักฐานการโอนเงิน ชื่อ-นามสกุล และที่อยู่มาทาง Line @ch7hdfightcovid19
ผู้ชมสามารถรับชม ช่อง 7HD กด 35 หรือทางออนไลน์ Facebook, instagram,
YouTube : Ch7HD หรือรับชมย้อนหลังได้ทางแอพลิเคชั่น BUGABOO.TV
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ช่อง 7HD โทร 02-495-7777
ช่อง 7HD บริจาค 7 ล้านบาท พร้อมอาสาเป็นสื่อกลาง ให้ประชาชน ร่วมบริจาคสมทบทุน ผ่านบัญชี “ช่อง 7 รวมใจสู้ภัยโควิด-19” ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักเพลินจิต เลขที่บัญชี 001-0-1-8355-8 (กระแสรายวัน) ตั้งแต่วันนี้ถึง 7 เมษายน 2563 รายได้ทั้งหมดมอบให้ 10 โรงพยาบาลรัฐฯ ที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19
ผู้ชมสามารถอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับโรคโควิด -19 และการรับบริจาค เป็นประจำทุกวันในรายการสนามข่าว 7 สี เวลา 07.30 น. และสรุปยอดเงินบริจาคแต่ละวัน ในช่วงรายการข่าวภาคค่ำ เวลา 20.00 น.ทางช่อง 7HD กด 35 ตั้งแต่วันนี้ถึง 7 เมษายน 2563 เงินบริจาคทั้งหมดถูกจัดสรรให้กับโรงพยาบาล 10 แห่ง ดังนี้ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย,โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ, สถาบันบำราศนราดูร, โรงพยาบาลราชวิถี และ โรงพยาบาลศูนย์ทุกภาค 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่, โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี, โรงพยาบาลชลบุรี จ.ชลบุรี และโรงพยาบาลหาดใหญ่ จ.สงขลา
ผู้บริจาคที่ต้องการใบเสร็จลดหย่อนภาษี สามารถส่งหลักฐานการโอนเงิน ชื่อ-นามสกุล และที่อยู่มาทาง Line @ch7hdfightcovid19
ผู้ชมสามารถรับชม ช่อง 7HD กด 35 หรือทางออนไลน์ Facebook, instagram,
YouTube : Ch7HD หรือรับชมย้อนหลังได้ทางแอพลิเคชั่น BUGABOO.TV
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ช่อง 7HD โทร 02-495-7777
Tags:
ข่าวประชาสัมพันธ์,
สุขภาพ
นักวิชาการติงห้ามขายแอลกอฮอล์ทั้งจังหวัด
ไม่ช่วยลดการะบาดโควิด-19 ชี้อาจสวนทางให้คนเคลื่อนที่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้หลายหน่วยงานเริ่มตื่นตระหนก เนื่องจาก พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ผู้ว่าราชการบางจังหวัด สั่งห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ถึง 16 เมษายน 2563 เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ขณะที่หลายฝ่ายเห็นว่า การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 เพราะหากผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้วสามารถซื้อข้ามจังหวัดได้ ที่สำคัญยังเป็นการเคลื่อนไหวจากที่ควรอยู่กับที่ สวนทางนโยบายห้ามเคลื่อนที่ ชี้อาจเลวร้ายเกินคาด
แม้ว่าจังหวัดสกลนคร จะยังไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ก็ยังไม่ไว้วางใจได้ว่าอนาคตจะไม่มีการติดเชื้อโควิด-19 จึงทำให้นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ได้มีคำสั่งให้ร้านค้าหรือสถานประกอบการขายสุรา “ห้ามจำหน่ายสุรา” เป็นการชั่วคราว ในระหว่างวันที่ 31 มีนาคม ถึง 16 เมษายน 2563 นี้เพื่อป้องกันการรวมกลุ่มสังสรรค์ เนื่องจาก เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของ
โควิด-19 สูง รวมทั้งสถานบันเทิงต่างๆ ที่ถูกสั่งปิดไป จนถึงวันที่ 2 เมษายน ให้ขยายเวลาเพิ่มไปจนถึง
16 เมษายนอีก และหากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี - ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ ปี 2558
ในเรื่องนี้ นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ นักวิชาการและผู้อำนวยการบริหารสมาคมผู้ค้าปลีกไทย บอกว่า การงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น อาจจะไม่ช่วยลดปัญหาการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจาก วินัยของนักดื่มที่ดื่มสังสรรค์เป็นประจำอยู่แล้ว ก็ต้องออกไปหาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในซุปเปอร์มาร์เก็ต ในจังหวัดอื่นๆ ได้ เนื่องจาก จังหวัดใกล้เคียงยังไม่มีการห้ามจำหน่าย
ดังนั้น อยากให้ทางภาครัฐได้ทบทวนการจำหน่ายแอลกอฮอล์ว่า ยังสามารถจำหน่ายได้เหมือนเดิมตามเวลาที่ภาครัฐได้กำหนดไว้ คือ สามารถซื้อได้ในเวลา 11.00-14.00 น. และ เวลา 17.00-00.00 น. แต่ต้องเน้นเรื่องให้ประชาชนมีวินัยในการดื่มแอลกอฮอล์ภายในบ้าน ไม่มีการจัดกลุ่มสังสรรค์ หรือมั่วสุ่ม เพื่อเป็นการหยุดเชื้อ-ช่วยชาติ และหากมีการฝ่าฝืนมีก็ควรมีการลงโทษเป็นแบบอย่าง เพื่อป้องกันการลักลอบการซื้อ รวมถึงการลักลอบการผลิตเหล้าเถื่อนในช่วงนี้ด้วย
โควิด-19 สูง รวมทั้งสถานบันเทิงต่างๆ ที่ถูกสั่งปิดไป จนถึงวันที่ 2 เมษายน ให้ขยายเวลาเพิ่มไปจนถึง
16 เมษายนอีก และหากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี - ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ ปี 2558
ในเรื่องนี้ นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ นักวิชาการและผู้อำนวยการบริหารสมาคมผู้ค้าปลีกไทย บอกว่า การงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น อาจจะไม่ช่วยลดปัญหาการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจาก วินัยของนักดื่มที่ดื่มสังสรรค์เป็นประจำอยู่แล้ว ก็ต้องออกไปหาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในซุปเปอร์มาร์เก็ต ในจังหวัดอื่นๆ ได้ เนื่องจาก จังหวัดใกล้เคียงยังไม่มีการห้ามจำหน่าย
ดังนั้น อยากให้ทางภาครัฐได้ทบทวนการจำหน่ายแอลกอฮอล์ว่า ยังสามารถจำหน่ายได้เหมือนเดิมตามเวลาที่ภาครัฐได้กำหนดไว้ คือ สามารถซื้อได้ในเวลา 11.00-14.00 น. และ เวลา 17.00-00.00 น. แต่ต้องเน้นเรื่องให้ประชาชนมีวินัยในการดื่มแอลกอฮอล์ภายในบ้าน ไม่มีการจัดกลุ่มสังสรรค์ หรือมั่วสุ่ม เพื่อเป็นการหยุดเชื้อ-ช่วยชาติ และหากมีการฝ่าฝืนมีก็ควรมีการลงโทษเป็นแบบอย่าง เพื่อป้องกันการลักลอบการซื้อ รวมถึงการลักลอบการผลิตเหล้าเถื่อนในช่วงนี้ด้วย
ด้านนายสมบูรณ์ แก้วเกรียงไกร นายกสมาคมสุราชุมชน ได้ออกมาระบุว่า มีความกังวลในกรณีที่มีการห้ามขายสุราทั้งร้านขายส่งและร้านขายปลีกทั่วไปนั้น น่าจะทำได้ยาก เพราะอาจมีการแอบไปซื้อที่โรงผลิตเหล้า หรือถ้ามีมาตรการสั่งปิดโรงผลิตเหล้าเบียร์ หรือห้ามนำเข้าจากต่างประเทศมาขายด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดกลุ่มผลประโยชน์ที่พยายามจะเข้ามาหากินกับ “สุราเถื่อน”
ดังนั้น จึงยังไม่แน่ใจว่าการห้ามร้านค้าทั่วไป หรือยี่ปั๊วขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะช่วยลดการชุมชมหรือพบปะกันได้จริง เนื่องจาก คนที่อยากเจอกัน สังสรรค์กัน ก็มีวิธีหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ตัวเองชอบมาได้อยู่ดี ขณะที่พวกคนในเมืองก็อาจจะใช้วิธีไปแอบซื้อเหล้า เบียร์ ไวน์ ในตลาดมืด หรือโรงเหล้ามาแอบปล่อยขายได้กำไรเพิ่มขึ้น หรือกลุ่มคนหาผลประโยชน์กักตุนสินค้าจากจุดตรงนี้ด้วย รวมถึงอาจจะมีผลกระทบในเรื่องการตั้งราคาขายแพงขึ้น ส่วนคนต่างจังหวัดในหมู่บ้าน อาจจะหันไปหาซื้อในโรงผลิตเหล้าชุมชนได้
ขณะที่นายธนากร คุปตจิตต์ นายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย แสดงความเห็นด้วยกับมาตรการของภาครัฐที่ให้สถานบันเทิงมีการปิดให้บริการชั่วคราว เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ โควิด-19 แต่ในกรณีการห้ามขายแอลกอฮอล์ทั้งร้านขายส่งและร้านขายปลีกทั่วไปนั้น น่าจะทำได้ยาก เพราะอาจจะมีการเดินทางหาซื้อเพื่อมาดื่มกิน
“กลายเป็นว่าจากที่ควรอยู่ในบ้านหรือในพื้นที่ใกล้บ้านเช่นร้านขายของชำ และดื่มกินในบ้านตามวิถีชีวิต กลับกลายเป็นต้องเคลื่อนไหวเดินทางไปหาซื้อเครื่องดื่มข้ามจังหวัดถ้ามีเหตุการณ์เลวร้ายคือติดโควิด-19 มาจากพื้นที่จังหวัดอื่นที่เดินทางออกไปซื้อมาแล้วยังมาติดคนในชุมชนอีก ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งๆ ที่ควรจะอยู่ในพื้นที่บ้านที่ไม่มีคนติดเชื้อ ยังไม่นับรวมกรณีเกิดการลักลอบซื้อที่โรงผลิตเหล้าเช่นกัน รวมไปถึงการลักลอบซื้อแอลกอฮอล์แบบหนีภาษีมาดื่มกินด้วย ซึ่งนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งจุดที่จะทำให้เกิดปัญหา “สุราเถื่อน” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ภาครัฐต้องเข้ามาควบคุมเพิ่มด้วย”
นายธนากรกล่าว
ขณะที่นายธนากร คุปตจิตต์ นายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย แสดงความเห็นด้วยกับมาตรการของภาครัฐที่ให้สถานบันเทิงมีการปิดให้บริการชั่วคราว เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ โควิด-19 แต่ในกรณีการห้ามขายแอลกอฮอล์ทั้งร้านขายส่งและร้านขายปลีกทั่วไปนั้น น่าจะทำได้ยาก เพราะอาจจะมีการเดินทางหาซื้อเพื่อมาดื่มกิน
“กลายเป็นว่าจากที่ควรอยู่ในบ้านหรือในพื้นที่ใกล้บ้านเช่นร้านขายของชำ และดื่มกินในบ้านตามวิถีชีวิต กลับกลายเป็นต้องเคลื่อนไหวเดินทางไปหาซื้อเครื่องดื่มข้ามจังหวัดถ้ามีเหตุการณ์เลวร้ายคือติดโควิด-19 มาจากพื้นที่จังหวัดอื่นที่เดินทางออกไปซื้อมาแล้วยังมาติดคนในชุมชนอีก ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งๆ ที่ควรจะอยู่ในพื้นที่บ้านที่ไม่มีคนติดเชื้อ ยังไม่นับรวมกรณีเกิดการลักลอบซื้อที่โรงผลิตเหล้าเช่นกัน รวมไปถึงการลักลอบซื้อแอลกอฮอล์แบบหนีภาษีมาดื่มกินด้วย ซึ่งนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งจุดที่จะทำให้เกิดปัญหา “สุราเถื่อน” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ภาครัฐต้องเข้ามาควบคุมเพิ่มด้วย”
นายธนากรกล่าว
Tags:
ข่าวประชาสัมพันธ์
30 มีนาคม 2563
‘ไขข้อสงสัย Work from Home อย่างไร ให้มีประสิทธิภาพ พร้อมก้าวไปด้วยกัน สู่การทำงานยุคใหม่’
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 30 มีนาคม 2563 – ปัจจุบัน เทรนด์การทำงานแบบใหม่อย่างการทำงานจากบ้าน (Work from home) หรือทำงานจากข้างนอกในระยะไกล (Remote working) เริ่มเป็นที่แพร่หลายและมีบทบาทในองค์กรหรือบริษัทฯต่างๆเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะทั้งในต่างประเทศหรือในประเทศไทยเองก็ตาม โดยการทำงานอย่างยืดหยุ่น ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่จะช่วยให้พนักงานสามารถใช้ความคิดได้อย่างเต็มที่ ตลอดจนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานไห้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
Work from Home คืออะไร?
Work from Home หากแปลตรงตัวนั่นก็คือการทำงานจากบ้าน โดยที่ไม่ต้องเดินทางเข้าออฟฟิศ ซึ่งอันที่จริงแล้ว การ Work from Home ไม่จำเป็นจะต้องทำงานจากที่บ้านเท่านั้น แต่ยังสามารถรวมไปถึงการทำงานจากที่คุณอยู่ที่ใดก็ได้ในรูปแบบของ Remote Working หรือการทำงานทางไกลที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับการทำงานในออฟฟิศ
จากผลสำรวจปลายปี 2019 ที่ผ่านมาของ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ในหัวข้อ เทรนด์คนออฟฟิศในยุคปัจจุบัน[2] พบว่าไลฟสไตล์การทำงานของคนไทยในปี 2020 เป็นแบบ ‘นินจา’ ชี้ให้เห็นว่าคนปัจจุบันมีความสามารถในการทำงานให้เสร็จได้ด้วยตนเอง และยังสามารถให้เพื่อนร่วมงานมาช่วยกันทำผลงานให้เสร็จสมบูรณ์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นผ่านระบบการทำงานแบบดิจิทัล ในขณะเดียวกัน ผู้คนเริ่มหันมาใส่ใจพื้นที่ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในการทำงานมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องการการเข้าถึงไฟล์งานส่วนตัวอันไม่พึงประสงค์จากบุคคลอื่น ซึ่งสอดคล้องไปกับเทรนด์การทำงานแบบ Work from Home ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าขณะนี้ผู้คนจะแยกกันทำงานจากคนละที่ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมายังคงมีประสิทธิภาพ และมีแนวโน้มว่าจะดียิ่งกว่าการนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศทั้งวัน
เทคนิคสู่หนทางความสำเร็จในหน้าที่การงานของ ‘นินจา’
ขยายผลจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถาม ผู้ที่มีไลฟสไตล์การทำงานแบบนินจา ส่วนใหญ่มักจะชอบทำงานในพื้นที่ส่วนตัวของตนเอง ชอบใช้ความคิดอย่างระมัดระวังและมีความรอบคอบ รวมไปถึงมักจะวางแผนล่วงหน้าและคาดการณ์ผลลัพธ์ออกมาในแง่บวกเสมอ ยิ่งในยุคปัจจุบัน กระบวนการทำงานต่าง ๆ เริ่มแปรผันเข้าสู่โลกแห่งยุคดิจิทัลมากขึ้น นินจาจึงยิ่งชอบที่จะซุ่มเงียบทำงานในที่ของตนเอง แต่ก็ไม่ปฏิเสธที่จะติดต่อกับโลกภายนอกเพื่อนำเสนอผลงานที่ดีที่สุด
Microsoft Teams (ไมโครซอฟท์ ทีมส์) เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่เป็นอาวุธลับในการสื่อสารของนินจาในองค์กรสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นนินจาในองค์กรขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ หรือกระทั่งบริษัทสตาร์ทอัพทั่วไป โดย ทีมส์ เป็นเครื่องมือการทำงานร่วมกันทั้งสำหรับทั้งคนในองค์กรและคนนอกองค์กร เน้นความปลอดภัย คล่องตัว และปรับใช้ได้อย่างเฉพาะตัวตามวิถีการใช้งานของแต่ละบุคคล อาจกล่าวได้ว่า ทีมส์ เกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองชีวิตการทำงานในยุคนี้อย่างแท้จริง ไม่ว่าผู้ใช้จะอยู่ที่ไหนบนโลก เพียงแค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็สามารถสื่อสารได้กับทุกส่วนที่เดี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านฟีเจอร์ต่างๆ ดังนี้
- แชท วีดีโอคอล แชร์ไฟล์ และแก้ไขงานพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้แบบเรียลไทม์ ถึงแม้ว่าจะอยู่บ้านก็ตาม
- สามารถทำห้องประชุมให้เป็นห้องประชุมออนไลน์ได้โดยไม่ต้องนัดพบนอกสถานที่ พร้อมโชว์ผลงาน ผนวกกับการเปิดรับความคิดในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การเขียนบน whiteboard ร่วมกัน การพิมพ์ text การแชร์ลิงค์ แชร์ไฟล์ เพื่อดึงข้อมูลเฉพาะในกลุ่ม รวมไปถึงยังสามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวด้วยการเบลอฉากหลังขณะประชุมได้อีกด้วย
- เมื่อเข้าประชุมออนไลน์ ไม่ต้องจดให้เมื่อยมือ เพราะทีมส์มีเครื่องมือในการบันทึกการประชุมแบบเรียลไทม์ขณะวีดีโอคอล และยังสามารถเก็บ Minute แบบ VDO record ได้ เพื่อให้ผู้ที่ต้องออกจากห้องประชุมก่อนหรือมาทีหลังสามารถเปิดทบทวนได้
- ทีมส์ สามารถสร้าง Form หรือ BOT ไว้ตอบคำถามที่เกิดขึ้นบ่อยๆได้โดยไม่ต้องพิมพ์ซ้ำหลายๆรอบ
- สามารถเช็คตารางงานของเพื่อนได้ผ่านฟีเจอร์ Calendar ให้ข้อดีตรงที่ไม่ต้องสอบถามโดยตรง
- หัวหน้างานสามารถสั่งงานคนในทีมได้จากฟีเจอร์ Assignment และสามารถกำหนดเดดไลน์วันส่งงานและตรวจสอบสถานะความคืบหน้าของ task นั้นๆได้อีกด้วย
- ให้การปกป้องและความปลอดภัยของข้อมูลบนคลาวด์ได้ในระดับสูงที่สุด และเป็นที่รองรับทางกฎหมาย
- ตอบทุกโจทย์การใช้งานด้วยความสามารถที่ใช้ร่วมกันกับแอปฯ พื้นฐานที่มีอยู่บน Office 365 หรือ แอปฯเสริม เช่น OneNote หรือ แอปฯ เฉพาะสำหรับองค์กรนั้นๆ
- ทีมส์ สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายบนหลากหลายดีไวซ์ ไม่ว่าจะเป็น โน๊ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ Wearable ต่างๆ เป็นต้น
ทั้งนี้ จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นไม่เพียงแต่การทำงานรูปแบบเดิม ๆ ที่จะสามารถสร้างความสำเร็จในหน้าที่การงานให้ทุกคนได้ แต่การที่จะกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งใหม่ๆรอบตัว รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อต่อยอดความสามารถให้ไปถึงจุดสูงสุดก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรละเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่เทรนด์การทำงานจากบ้านกำลังมาแรง แพลตฟอร์ม ไมโครซอฟท์ ทีมส์ จึงถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะมาช่วยซัพพอร์ตการทำงานของคุณให้ลื่นไหลไปได้โดยไม่มีสะดุด
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ http://aka.ms/ContactMSFTTH และสามารถดาวน์โหลดเพื่อเริ่มใช้งาน ไมโครซอฟท์ ทีมส์ ได้เลยที่ https://teams.microsoft.com/downloads
Tags:
ข่าวประชาสัมพันธ์,
it
ไวตามิ้ลค์ ร่วมรณรงค์ชวนทุกคน #อยู่บ้านเพื่อชาติ
ไวตามิ้ลค์ ส่งแมสเสจชวนทุกคนให้อยู่บ้าน ผ่านโลโก้แบรนด์เป็นภาพโลโก้หลักอยู่ในบ้าน พร้อมติดแฮชแท็ก #StayAtHome เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรณรงค์ให้คนอยู่บ้านลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมส่งความห่วงใยชวนทุกคนดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายทุกวัน #กายพร้อม ใจพร้อม เราทำได้
#ไวตามิ้ลค์ #เติมโปรตีนเพิ่มความแข็งแรง
#กายพร้อมใจพร้อมเราทำได้
#อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ
#StayAtHome
#กายพร้อมใจพร้อมเราทำได้
#อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ
#StayAtHome
Tags:
lifestyle
ธ.ออมสิน เดินเครื่อง GSB Smart Homestay
โฮมสเตย์มีสไตล์ นำทีมผู้บริหารพร้อม 6 ดาราบัดดี้ ลุยเสริมแกร่งชุมชนมุ่งพัฒนามาตรฐานโฮมสเตย์ไทยสู่สากลนำทีมผู้บริหารพร้อม 6 ดาราบัดดี้ ลุยเสริมแกร่งชุมชนมุ่งพัฒนามาตรฐานโฮมสเตย์ไทยสู่สากล
ธนาคารออมสิน ในฐานะสถาบันการเงินที่ให้การสนับสนุนชุมชนอย่างใกล้ชิดเสมอมา เดินหน้าสานต่อ โครงการชุมชนประชารัฐสีชมพู ภายใต้แนวคิด “GSB Smart Homestay โฮมสเตย์มีสไตล์” จัดกิจกรรมติวเข้มเพื่อให้ผู้นำพร้อมด้วยสมาชิกของทั้ง 6 ชุมชน ได้เตรียมความพร้อมก่อนลงมือพัฒนาชุมชนของตัวเอง ด้วยการส่งตัวแทนของทุกชุมชนเดินทางไปศึกษาดูงานโฮมสเตย์ต้นแบบประชารัฐสีชมพู
ณ บ้านท่าขันทอง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เพื่อเติมเต็มองค์ความรู้ที่จะสามารถนำไปปรับใช้เพื่อการพัฒนาต่อไป
คุณวินัย สิทธิไวทยาภรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม ธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า กิจกรรมการศึกษาดูงานโฮมสเตย์ต้นแบบในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญซึ่งสืบเนื่องจากโครงการชุมชนประชารัฐสีชมพู ปีที่ 4 GSB Smart Homestay โฮมสเตย์มีสไตล์ โดยธนาคารออมสิน มีความ
ตั้งใจที่จะส่งเสริมการพัฒนาทุกชุมชนที่เข้าร่วมโครงการได้มีโอกาสเรียนรู้การบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนให้มีศักยภาพที่เข้มแข็งในทุกด้าน ทั้งด้านสังคม สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรม วัฒนธรรม ขนบประเพณีและวิถีชุมชน จึงได้ประสานความร่วมมือกับผู้นำชุมชนบ้านท่าขันทอง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ซึ่งเป็น 1 ใน 10 โฮมสเตย์ที่คว้ารางวัลโครงการประชารัฐสีชมพู ปีที่ 3 "GSB Smart Homestay" เมื่อปี 2561 มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ แบ่งปันองค์ความรู้ ซึ่งทั้ง 6 ชุมชนที่ผ่านการคัดเลือกสามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดให้สอดคล้องกับบริบทของโฮมสเตย์และแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนของตนได้
สำหรับตัวแทนจากทั้ง 6 ชุมชนที่ผ่านการคัดเลือกในโครงการชุมชนประชารัฐสีชมพู ปีที่ 4 GSB Smart Homestay โฮมสเตย์มีสไตล์ ได้แก่ ชมรมท่องเที่ยวบ้านมุงเหนือ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก วิสาหกิจชุมชนโฮมสเตย์บ้านปรางค์นคร อ.คง จ.นครราชสีมา ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและโฮมสเตย์บ้านวังมน อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น ชมรมท่องเที่ยวโดยชุมชนและโฮมสเตย์บ้านป่าหนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี วิสาหกิจชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี กลุ่มตลาดน้อยโฮมสเตย์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ต่างก็ได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ
สถานที่จริงของโฮมสเตย์ต้นแบบ พร้อมร่วมทำกิจกรรมเวิร์คช็อปกับวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งได้รับคำชี้แนะอันเป็นประโยชน์อย่างมาก
นายเศรษฐศักดิ์ พรหมมา ปลัดเทศบาล ต.บ้านแซว และที่ปรึกษาโฮมสเตย์บ้านท่าขันทอง กล่าวว่า การพัฒนาโฮมสเตย์และแหล่งท่องเที่ยวในแต่ละท้องถิ่นมีหลักการไม่แตกต่างกันนัก เพียงแต่ต้องปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของชุมชนที่มีพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ประเพณีที่ต่างกันออกไป ใจความสำคัญของการพัฒนาคือการยกระดับโฮมสเตย์ให้ได้มาตรฐาน ที่จะนำไปสู่ความไว้วางใจของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นความสะอาด ความปลอดภัย ศักยภาพด้านการบริการ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วคงไม่ต่างจากมาตรฐานที่พักอย่างที่โรงแรมทั่วไปพึงมี แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการจะเป็นโฮมสเตย์ก็คือการสื่อสารที่เด่นชัดในอัตลักษณ์ชุมชน ที่จะเป็นมนต์เสน่ห์ที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยว จะด้วยกิจกรรมที่สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนในท้องถิ่นกับนักท่องเที่ยวก็ดี สินค้า และบริการก็ดี สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะของชุมชนและทำให้เกิดการบอกต่อได้
นายเศรษฐศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ความท้าทายอีกด้านที่ชุมชนส่วนใหญ่ต้องพบแน่นอน คือทักษะด้านการบริหารจัดการที่เป็นระบบ ส่วนนี้ธนาคารออมสินจะมีส่วนช่วยอย่างมากในการเติมเต็มองค์ความรู้ให้แก่ผู้นำและสมาชิกชุมชนทุกแห่งที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งด้านการตลาด การประชาสัมพันธ์ เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างสม่ำเสมอและสอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งการจัดสรรงบประมาณที่โปร่งใส่ กระจายรายได้สู่สมาชิกในชุมชนอย่างเป็นธรรม สิ่งเหล่านี้เป็นการพัฒนาความเข้มแข็งและรักษาความยั่งยืนให้ชุมชนพึ่งพาตนเองต่อไปได้
Facebook Fanpage : ชุมชนประชารัฐออมสินสีชมพูหรือสื่อประชาสัมพันธ์ของธนาคารออมสิน เว็บไซต์ www.gsb.or.th Facebook : GSB Society
พร้อมด้วยช่องทาง Youtube : GSB SMART HOMESTAY โฮมสเตย์มีสไตล์
ทาง Official Line : GSB ธนาคารออมสิน และรายการ “GSB SMART HOMESTAY โฮมสเตย์มีสไตล์” ทุกวันเสาร์ เวลา 08.30 - 09.00 น.ออกอากาศทางช่อง PPTV HD ช่อง 36
เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป ขยายเวลาปิดให้บริการเป็นการชั่วคราว
ยกเว้นเก็บค่าเช่าและค่าบริการ ในช่วงที่ศูนย์การค้าฯ ปิดชั่วคราวตามประกาศรัฐบาล ร่วมมือร่วมใจก้าวผ่านวิกฤติ COVID-19สืบเนื่องจากประกาศของกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 4) ลงวันที่ 27 มีนาคม 2563 โดยระบุว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม – 30 เมษายน 2563 นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมขยายคำสั่งประกาศ ที่จะมีผลถึง 12 เมษายน 2563 จึงกำหนดให้ปิดสถานที่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้งห้างสรรพสินค้า เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. – 30 เม.ย.นี้
บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้า เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ , เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ราชประสงค์ ,เดอะ นีออน ไนท์ บาซาร์ จึงขอขยายเวลาปิดให้บริการ จนถึง 30 เมษายน 2563 โดยยกเว้นพื้นที่และบริการในส่วนของ ร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ หรือสินค้าเบ็ดเตล็ด ที่จำเป็น ต่อการดำรงชีวิต ยังเปิดให้บริการตามปกติ โดยในส่วนของร้านอาหารเปิดเฉพาะการจำหน่ายอาหารเพื่อนำกลับไปบริโภคที่อื่นเท่านั้น
สำหรับร้านค้าที่ต้องปิดให้บริการเป็นการชั่วคราวระหว่างวันที่ 22 มีนาคม ถึง 30 เมษายน 2563 ตามประกาศภาครัฐนั้น ทางบริษัท ได้พิจารณาช่วยเหลือแบ่งเบาภาระด้วยการยกเว้นการเรียกเก็บค่าเช่าและค่าบริการ
ทั้งนี้บริษัท ยังคงยืนยัน ในการจัดการมาตรการอันเข้มงวดเพื่อการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19
ในทุกธุรกิจศูนย์การค้าเพื่อพนักงาน ร้านค้า และลูกค้า ได้รับความปลอดภัยอย่างสูงสุด นอกจากนี้ยังได้เตรียมแผนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยภายหลังจากสถานการณ์นี้ผ่านพ้นไป พร้อมขอขอบพระคุณทุกท่าน ที่ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจกันมาโดยตลอด
ทรู ช้อปปิ้ง ชวนช้อปที่บ้านลดเสี่ยง
เปิดแคมเปญ “ทรู ช้อปปิ้ง พลัส” ยิ่งช้อป ยิ่งคุ้ม
ฉลองสู่ปีที่ 9 คืนเงินสะสมให้ช้อปสนุกทุกแพลตฟอร์มทีวีและออนไลน์
ตอกย้ำ Beauty Channel อันดับ 1 โฮมช้อปปิ้งของไทย จัดเต็มสินค้าช้อปที่ใช่ รู้ใจคุณ
ชูโมเดลใหม่ “โททัล โซลูชั่น” จัดการสินค้าบริการแบบครบวงจร
สนับสนุนสู้ภัยโควิด-19
นายอานนท์ ฐานวิชชานนท์ กรรมการผู้จัดการ และพนักงานบริษัท โรงสีเอกไรซ์ จำกัด ส่งมอบข้าวสารหอมมะลิปิ่นเพชร จำนวน 200 ถุง มูลค่า 50,000 บาท และร่วมบริจาคเงินมูลค่า 100,000 บาท ให้แก่ พลตรี ผศ.นพ.ดุสิต จันทยานนท์ ผู้แทน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อสนับสนุนสู้ภัยโควิด-19 ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันก่อน
นายอานนท์ ฐานวิชชานนท์ กรรมการผู้จัดการ และพนักงานบริษัท โรงสีเอกไรซ์ จำกัด ส่งมอบข้าวสารหอมมะลิปิ่นเพชร จำนวน 200 ถุง มูลค่า 50,000 บาท และร่วมบริจาคเงินมูลค่า 100,000 บาท ให้แก่ พลตรี ผศ.นพ.ดุสิต จันทยานนท์ ผู้แทน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อสนับสนุนสู้ภัยโควิด-19 ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันก่อนฅ
Tags:
ข่าวประชาสัมพันธ์,
สุขภาพ
ททท.สำนักงานลพบุรี ร่วมสู้ภัย COVID-19
เช้าวันนี้ (30 มีนาคม 2563) นางจิรารัตน์ มีงาม ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานลพบุรี พร้อมคณะฯ ได้เดินทางให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมสนับสนุนอาหาร
และชุดป้องกันการติดเชื้อสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ณ โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช
จังหวัดลพบุรี
โดยมี นายแพทย์สมศักดิ์ สุทธิพงศ์เกียรติ์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ให้เกียรติต้อนรับ และเป็นผู้รับมอบฯ
Tags:
การท่องเที่ยว,
ข่าวประชาสัมพันธ์
เอสซีลอร์ชูนวัตกรรมเลนส์ระดับโลก “Crizal” และ “Optifog”
ใส่แว่นตาช่วยลดการสัมผัสเพื่อสุขอนามัยของคนไทยกรุงเทพฯ – บริษัท เอสซีลอร์ ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำระดับโลกด้านการออกแบบ
การผลิต และการจัดจำหน่ายเลนส์แว่นตาจากประเทศฝรั่งเศส ตระหนักถึงสถานการณ์ไวรัสโควิด19 (Covid-19) ที่กำลังแพร่กระจายเป็นวงกว้างในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งนอกจากการสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค การสวมแว่นตาซึ่งนอกจากช่วยแก้ไขปัญหาการมอง
เห็นและปกป้องดวงตาแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการป้องกันไวรัสโควิด 19 ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากแว่นตาช่วยป้องกันฝอยละอองจากการไอ จาม รวมถึงสารคัดหลั่งไม่ให้ฟุ้งกระจายเข้าดวงตาโดยตรง ทั้งยังช่วยลดการสัมผัสดวงตาหรือใบหน้าซึ่งเป็นบริเวณจุดเสี่ยงในการติดเชื้อ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ในสื่อต่างประเทศก็ได้มีการแนะนำเรื่องการสวมใส่แว่นตาเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการสัมผัสดวงตาในช่วงที่มีแนวโน้มการระบาดที่สูงขึ้นนี้ หรือแม้ผู้ที่ไม่มีค่าสายตาก็สามารถใส่แว่นที่ใช้
เลนส์ไม่มีค่าสายตาหรือแว่นกันแดดเพื่อเป็นการป้องกันได้
ทว่า การสวมหน้ากากอนามัยพร้อมกับการใส่แว่นตานั้น ทำให้ผู้สวมแว่นตาต้องพบปัญหาคราบไอน้ำและรอยนิ้วมือบนผิวเลนส์เป็นประจำ เอสซีลอร์ได้พัฒนาโค้ทติ้งเคลือบผิวเลนส์ เป็นที่รู้จักกันในชื่อเลนส์มัลติโค้ท “ครีซอล (Crizal)” ซึ่งสามารถคงความสะอาด เลนส์เคลียร์ใสได้ตลอดวันเพื่อการมองเห็นที่คมชัดที่สุด ลดคราบรอยนิ้วมือ ฝุ่นและไอน้ำเกาะ นอกจากนั้น ยังมีเลนส์เฉพาะทางอีกหนึ่งนวัตกรรม คือเลนส์ “อ็อปติฟ็อก (Optifog)” ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ทำงานในที่เย็นจัด ซึ่งมักพบปัญหาฝ้าเกาะผิวเลนส์บ่อยครั้ง ซึ่งนวัตกรรมเลนส์ชนิดนี้ช่วยให้เลนส์แว่นเคลียร์ใสไร้ฝ้าไอน้ำเกาะ คุณจึงไม่ต้อง
หยิบจับแว่นตาเพื่อทำความสะอาดบ่อยๆ และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนจากการสัมผัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกหนึ่งเคล็ดลับที่ใครหลายคนอาจยังไม่ทราบว่า เลนส์มัลติโค้ทของเอสซีลอร์สามารถเช็ดทำความสะอาดผิวเลนส์ได้ด้วยแอลกอฮอล์ โดยไม่ทำให้โค้ทเคลือบผิวเลนส์เสียหายเหมือนเลนส์ปกติทั่วไป
จึงทำให้มั่นใจเรื่องความปลอดเชื้อมากยิ่งขึ้น
เอสซีลอร์มีความห่วงใยผู้บริโภคและขอรณรงค์ให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานรัฐบาลอย่างเคร่งครัดในการฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ร่วมกัน เพื่อให้เราทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง พร้อมวิสัยทัศน์การมองเห็นที่คมชัดสดใสตามแนวคิดของเอสซีลอร์ “See More. Do More.”
การผลิต และการจัดจำหน่ายเลนส์แว่นตาจากประเทศฝรั่งเศส ตระหนักถึงสถานการณ์ไวรัสโควิด19 (Covid-19) ที่กำลังแพร่กระจายเป็นวงกว้างในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งนอกจากการสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค การสวมแว่นตาซึ่งนอกจากช่วยแก้ไขปัญหาการมอง
เห็นและปกป้องดวงตาแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการป้องกันไวรัสโควิด 19 ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากแว่นตาช่วยป้องกันฝอยละอองจากการไอ จาม รวมถึงสารคัดหลั่งไม่ให้ฟุ้งกระจายเข้าดวงตาโดยตรง ทั้งยังช่วยลดการสัมผัสดวงตาหรือใบหน้าซึ่งเป็นบริเวณจุดเสี่ยงในการติดเชื้อ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ในสื่อต่างประเทศก็ได้มีการแนะนำเรื่องการสวมใส่แว่นตาเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการสัมผัสดวงตาในช่วงที่มีแนวโน้มการระบาดที่สูงขึ้นนี้ หรือแม้ผู้ที่ไม่มีค่าสายตาก็สามารถใส่แว่นที่ใช้
เลนส์ไม่มีค่าสายตาหรือแว่นกันแดดเพื่อเป็นการป้องกันได้
ทว่า การสวมหน้ากากอนามัยพร้อมกับการใส่แว่นตานั้น ทำให้ผู้สวมแว่นตาต้องพบปัญหาคราบไอน้ำและรอยนิ้วมือบนผิวเลนส์เป็นประจำ เอสซีลอร์ได้พัฒนาโค้ทติ้งเคลือบผิวเลนส์ เป็นที่รู้จักกันในชื่อเลนส์มัลติโค้ท “ครีซอล (Crizal)” ซึ่งสามารถคงความสะอาด เลนส์เคลียร์ใสได้ตลอดวันเพื่อการมองเห็นที่คมชัดที่สุด ลดคราบรอยนิ้วมือ ฝุ่นและไอน้ำเกาะ นอกจากนั้น ยังมีเลนส์เฉพาะทางอีกหนึ่งนวัตกรรม คือเลนส์ “อ็อปติฟ็อก (Optifog)” ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ทำงานในที่เย็นจัด ซึ่งมักพบปัญหาฝ้าเกาะผิวเลนส์บ่อยครั้ง ซึ่งนวัตกรรมเลนส์ชนิดนี้ช่วยให้เลนส์แว่นเคลียร์ใสไร้ฝ้าไอน้ำเกาะ คุณจึงไม่ต้อง
หยิบจับแว่นตาเพื่อทำความสะอาดบ่อยๆ และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนจากการสัมผัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกหนึ่งเคล็ดลับที่ใครหลายคนอาจยังไม่ทราบว่า เลนส์มัลติโค้ทของเอสซีลอร์สามารถเช็ดทำความสะอาดผิวเลนส์ได้ด้วยแอลกอฮอล์ โดยไม่ทำให้โค้ทเคลือบผิวเลนส์เสียหายเหมือนเลนส์ปกติทั่วไป
จึงทำให้มั่นใจเรื่องความปลอดเชื้อมากยิ่งขึ้น
เอสซีลอร์มีความห่วงใยผู้บริโภคและขอรณรงค์ให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานรัฐบาลอย่างเคร่งครัดในการฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ร่วมกัน เพื่อให้เราทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง พร้อมวิสัยทัศน์การมองเห็นที่คมชัดสดใสตามแนวคิดของเอสซีลอร์ “See More. Do More.”
Tags:
ข่าวประชาสัมพันธ์,
สุขภาพ
29 มีนาคม 2563
แจก สมุนไพรฟ้าทะลายโจร 1 ห่อ เจลแอลกอฮอล์ 1 หลอด ท่านละ 1 ชุด
สรรพคุณ ‘ฟ้าทะลายโจร’
สารสกัด "ฟ้าทะลายโจร" ของประเทศไทย สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัสในหลอดทดลองได้ ซึ่งทางกรมการแพทย์แผนไทยฯ จะนำไปพัฒนาต่อยอดสู่ยาฆ่าเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ Covid-19 ในผู้ป่วยองพจนกรโกศล ดร. (พิสิฐษ์ เถี่ยนบ๊าว) ผู้ช่วยปลัดซ้ายอนัมนิกาย ประชาสัมพันธ์คณะสงฆ์อนัมนิกาย เจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญารามบางม่วง พร้อมด้วยพระภิกษุสามเณร เจริญพระพุทธมนต์ อธิษฐานจิตน้ำพระพุทธมนต์ สมุนไพร เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เพื่อแจกจ่ายให้กับสาธุชน ให้รอดพ้นจากภัยอันตราย ด้วยโครงการพระยูไลต้านภัย โควิด-19
แจก สมุนไพรฟ้าทะลายโจร 1 ห่อ เจลแอลกอฮอล์ 1 หลอด ท่านละ 1 ชุด
ติดต่อสอบถามได้ที่ 099-7131891 องสมุห์ณัฐกิจ
Line ID : @MAHAYUAN
Tags:
lifestyle
28 มีนาคม 2563
อธิบดี พส. งัดมาตรการดูแลคนไร้ที่พึ่ง คนไร้บ้าน และผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ สู้ภัยโควิด-19
วันที่ 28 มีนาคม 2563 เวลา 14.00 น. นายสุทธิ จันทรวงษ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (อพส.) กล่าวถึง สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย และการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนในทุกระดับ ซึ่งกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ได้กำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเป้าหมายในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดต่อจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) เป็น 3 ระยะ ดังนี้
ระยะแรก กรมพัฒนาสังคม ฯ ได้ดำเนินมาตรการป้องกันในพื้นที่กรุงเทพ ฯ ที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง ได้มอบหมายให้ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ให้ข้อมูลความรู้ และวิธีปฏิบัติตนแก่กลุ่มเป้าหมาย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ทั้งนี้ได้ประสานความร่วมมือกับนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกวุฒิสภา ในการขับเคลื่อนโครงการ "จิตอาสา เพื่อสังคมวุฒิสภา" ในการนำหน้ากากอนามัยแบบผ้ากว่า 5,000 ชิ้น ไปแจกให้กับประชาชนทั่วไป คนไร้บ้าน และผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ในจุดที่เป็นจุดศูนย์กลางการเดินทาง ที่มีนักท่องเที่ยวและประชาชนคนทั่วไป รวมตัวอยู่จำนวนมาก ซึ่งถือเป็นจุดเสี่ยงที่จำเป็นต้องมีการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส ดังนี้
บริเวณ สถานีรถไฟกรุงเทพ ฯ (หัวลำโพง) บริเวณ สถานีขนส่งโดยสารกรุงเทพ ฯ (จตุจักร) บริเวณตรอกสาเก ถนนราชดำเนิน นอกจากนี้ กรมพัฒนาสังคม ฯ ได้จัดกิจกรรม “Give Masks Get More” (หน้ากากอนามัยจากใจเพื่อน) หน้ากากผ้า ตัดเย็บโดยเจ้าหน้าที่สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 11 แห่ง และศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งทั่วประเทศ รวมทั้งอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) โดยส่งมอบผ่านองค์กร ภาคีเครือข่ายในการทำงานกับคนไร้บ้าน ได้แก่ “มูลนิธิกระจกเงา” “มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย” และ“มูลนิธิอิสระชน” นำไปแจกจ่ายให้กับคนไร้บ้าน และผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ เพื่อให้มีหน้ากากที่สามารถนำไปซัก แล้วกลับมาใช้ใหม่อีกได้ เป็นการลดขยะ ลดภาระค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ได้วางมาตรการเผชิญและรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โดยคำนึงถึงหลักการปฏิบัติ การจัดเตรียมสถานที่ ทีมงาน การป้องกันเฝ้าระวัง และคำนึงถึงสวัสดิภาพของผู้ใช้บริการ
ระยะที่ 2 ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ ซึ่งเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา กรมพัฒนาสังคม ฯ ได้เปิดศูนย์บริการสำหรับพี่น้องคนไร้บ้านที่เข้ารับบริการรายใหม่ ซึ่งเข้ามาภายหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา (COVID-19) เข้ามาพักอาศัย เพื่อไม่ให้ไปใช้ชีวิตร่วมกับผู้ใช้บริการรายเดิม ศูนย์บริการดังกล่าว ถือเป็นจุดคัดกรองเบื้องต้นลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของโรค ให้บริการด้านปัจจัยสี่ และที่พักกักตัวสังเกตอาการ 14 วัน พร้อมกันนี้ได้จัดชุดปฏิบัติการ ปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับแผนรองรับด้านสถานที่ในภาวะวิกฤติ กรณีที่สถานที่คัดกรองในการลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของโรคไม่เพียงพอรองรับ ได้จัดสถานที่ เจ้าหน้าที่ และบริการต่าง ๆ เป็นสถานที่รองรับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวแล้ว
ระยะที่ 3 การเยียวยาหลังภาวะวิกฤติแก่กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบ กรมพัฒนาสังคม ฯ ได้กำหนดแผนการเยียวยาพัฒนาศักยภาพด้านทักษะอาชีพและการช่วยเหลือในลักษณะทุนประกอบอาชีพตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสร้างช่องทางและโอกาส เพื่อการระดมทรัพยากรการช่วยเหลือจากภาคส่วนต่าง ๆ ส่งมอบต่อผู้ประสบปัญหาเดือดร้อน โดยได้มอบหมายให้ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัด ทั่วประเทศ บูรณาการทำงานร่วมกับอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ประสานภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมบริจาคผ้า และอุปกรณ์สำหรับตัดเย็บหน้ากากผ้า หรือร่วมบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภค กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมเป็นสื่อกลางในการส่งต่อความช่วยเหลือไปยังผู้ที่อยู่ในสภาวะยากลำบากต่อไป ทั้งนี้ ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร 02 659 6273 ในวัน เวลาราชการ หรือ สายด่วน ศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง นายสุทธิ กล่าวในตอนท้าย
Tags:
ข่าวสังคม
27 มีนาคม 2563
ออมสิน จับมือ สำนักสลากกินแบ่งรัฐบาล
รับขึ้นเงินรางวัลสลากฯ เริ่มงวดแรก 16 พ.ค. นี้
ธนาคารออมสิน ร่วมกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้บริการรับขึ้นเงินรางวัลสลากฯ ให้กับประชาชนและผู้รับซื้อ ทุกรางวัล ยกเว้นรางวัลที่ 1 คิดค่าธรรมเนียมร้อยละ 1 ผ่านธนาคารออมสิน 1,062 สาขาทั่วประเทศ เริ่มงวดแรก 16 พฤษภาคมนี้
วันนี้ (27 มีนาคม 2563) ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานกรรมการธนาคารออมสิน และประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการให้บริการขึ้นรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ระหว่าง ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งธนาคารออมสินจะเป็นตัวแทนในการให้บริการรับขึ้นเงินรางวัล ผ่านธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มทางเลือกและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ถูกรางวัลสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารฯ พร้อมเป็นตัวแทนสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในการให้บริการรับขึ้นเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ผ่านช่องทางธนาคารออมสินสาขาทั่วประเทศ ที่มีอยู่กว่า 1,062 แห่ง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนผู้ถูกรางวัล และผู้รับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล/สลากการกุศล สามารถขึ้นเงินรางวัลได้ง่าย และสะดวกสบายขึ้น นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยสูง เพราะสามารถฝากเงินเข้าบัญชี เพื่อทำธุรกรรมอื่นๆ ของธนาคารได้ทันที รวมถึงสาขาของธนาคารออมสินทุกแห่ง สามารถตรวจสอบสลากฯ ด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัยได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันปัญหาการปลอมแปลง
ทั้งนี้ การขอรับขึ้นเงินรางวัล ผู้ถูกรางวัลจะต้องนำสลากกินแบ่งรัฐบาล/สลากการกุศล ฉบับจริง มาติดต่อด้วยตนเองที่ธนาคารออมสินสาขา โดยธนาคารจะรับขึ้นเงินทุกรางวัล ยกเว้นรางวัลที่ 1 และรับเฉพาะสลากงวดปัจจุบันเท่านั้น ซึ่งสามารถขึ้นรางวัลได้ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันออกรางวัลในงวดนั้น ไปจนถึงเวลา 12.00 น. ของวันออกรางวัลในงวดถัดไป โดยจะคิดค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 1 ของมูลค่ารางวัลแต่ละรางวัล และค่าอากรแสตมป์ ร้อยละ 0.5 – 1.0 ของมูลค่ารางวัล ตามประเภทของสลาก รวมเสียค่าธรรมเนียมร้อยละ 1.5 – 2.0 ของมูลค่ารางวัล ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการขึ้นรางวัลสลากฯ ได้ตั้งแต่งวดแรกวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ตามสื่อประชาสัมพันธ์ของธนาคารออมสินทุกช่องทาง ได้แก่ Website : www.gsb.or.th, Line Official, Facebook : GSB Society
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ
ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ธนาคารออมสิน Call Center โทร.1115
พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ปัจจุบัน สำนักงานสลากฯ มีตัวแทนให้บริการรับขึ้นเงินรางวัล ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารกรุงไทย จากเดิมสามารถขึ้นเงินรางวัลได้ที่สำนักงานสลากฯ ถนนสนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี เพียงแห่งเดียว หรือตามแผงลอตเตอรี่และร้านค้าบางแห่ง ซึ่งคิดค่าธรรมเนียมสูงถึงร้อยละ 2-5 สำหรับความร่วมมือนี้ในครั้งนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ถูกรางวัลมีทางเลือกมากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าธรรมเนียมที่ถูกเรียกเก็บเมื่อนำสลากไปขึ้นเงินรางวัลที่แผงลอตเตอรี่หรือร้านค้าบางแห่ง และสามารถช่วยบรรเทาปัญหาการนำสลากฯปลอมมาขึ้นเงินรางวัลได้อีกทางหนึ่งด้วย เนื่องจากสาขาของธนาคารออมสินมีมาตรฐานในการตรวจสอบสลากฯที่ดี มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัย และมีเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการอบรมเป็นอย่างดี
ธนาคารออมสิน ร่วมกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้บริการรับขึ้นเงินรางวัลสลากฯ ให้กับประชาชนและผู้รับซื้อ ทุกรางวัล ยกเว้นรางวัลที่ 1 คิดค่าธรรมเนียมร้อยละ 1 ผ่านธนาคารออมสิน 1,062 สาขาทั่วประเทศ เริ่มงวดแรก 16 พฤษภาคมนี้
วันนี้ (27 มีนาคม 2563) ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานกรรมการธนาคารออมสิน และประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการให้บริการขึ้นรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ระหว่าง ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งธนาคารออมสินจะเป็นตัวแทนในการให้บริการรับขึ้นเงินรางวัล ผ่านธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มทางเลือกและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ถูกรางวัลสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารฯ พร้อมเป็นตัวแทนสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในการให้บริการรับขึ้นเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ผ่านช่องทางธนาคารออมสินสาขาทั่วประเทศ ที่มีอยู่กว่า 1,062 แห่ง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนผู้ถูกรางวัล และผู้รับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล/สลากการกุศล สามารถขึ้นเงินรางวัลได้ง่าย และสะดวกสบายขึ้น นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยสูง เพราะสามารถฝากเงินเข้าบัญชี เพื่อทำธุรกรรมอื่นๆ ของธนาคารได้ทันที รวมถึงสาขาของธนาคารออมสินทุกแห่ง สามารถตรวจสอบสลากฯ ด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัยได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันปัญหาการปลอมแปลง
ทั้งนี้ การขอรับขึ้นเงินรางวัล ผู้ถูกรางวัลจะต้องนำสลากกินแบ่งรัฐบาล/สลากการกุศล ฉบับจริง มาติดต่อด้วยตนเองที่ธนาคารออมสินสาขา โดยธนาคารจะรับขึ้นเงินทุกรางวัล ยกเว้นรางวัลที่ 1 และรับเฉพาะสลากงวดปัจจุบันเท่านั้น ซึ่งสามารถขึ้นรางวัลได้ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันออกรางวัลในงวดนั้น ไปจนถึงเวลา 12.00 น. ของวันออกรางวัลในงวดถัดไป โดยจะคิดค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 1 ของมูลค่ารางวัลแต่ละรางวัล และค่าอากรแสตมป์ ร้อยละ 0.5 – 1.0 ของมูลค่ารางวัล ตามประเภทของสลาก รวมเสียค่าธรรมเนียมร้อยละ 1.5 – 2.0 ของมูลค่ารางวัล ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการขึ้นรางวัลสลากฯ ได้ตั้งแต่งวดแรกวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ตามสื่อประชาสัมพันธ์ของธนาคารออมสินทุกช่องทาง ได้แก่ Website : www.gsb.or.th, Line Official, Facebook : GSB Society
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ
ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ธนาคารออมสิน Call Center โทร.1115
พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ปัจจุบัน สำนักงานสลากฯ มีตัวแทนให้บริการรับขึ้นเงินรางวัล ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารกรุงไทย จากเดิมสามารถขึ้นเงินรางวัลได้ที่สำนักงานสลากฯ ถนนสนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี เพียงแห่งเดียว หรือตามแผงลอตเตอรี่และร้านค้าบางแห่ง ซึ่งคิดค่าธรรมเนียมสูงถึงร้อยละ 2-5 สำหรับความร่วมมือนี้ในครั้งนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ถูกรางวัลมีทางเลือกมากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าธรรมเนียมที่ถูกเรียกเก็บเมื่อนำสลากไปขึ้นเงินรางวัลที่แผงลอตเตอรี่หรือร้านค้าบางแห่ง และสามารถช่วยบรรเทาปัญหาการนำสลากฯปลอมมาขึ้นเงินรางวัลได้อีกทางหนึ่งด้วย เนื่องจากสาขาของธนาคารออมสินมีมาตรฐานในการตรวจสอบสลากฯที่ดี มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัย และมีเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการอบรมเป็นอย่างดี
Tags:
การเงินการธนาคาร,
Event
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)