02 กันยายน 2565

อินฟอร์มาฯ ผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชน เดินหน้าจัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week และ Electric Vehicle Asia 2022

ปักหมุดดันไทยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน 

งาน ASEAN SUSTAINABLE ENERGY WEEK (ASEW) และ Electric Vehicle Asia (EVA) 2022 มหกรรมอุตสาหกรรมด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุมที่สุดในภูมิภาค ผนึกกำลังพันธมิตรภาครัฐและเอกชน เดินหน้าจัดงาน ชูแนวคิดผสานพลังร่วมกันสร้างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน 

        อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ พร้อมด้วยภาครัฐและเอกชน เดินหน้าจัดงาน  ASEAN Sustainable Energy Week และ Electric Vehicle Asia 2022 งานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม การจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Enhancing Energy Transition to Carbon Neutrality for a Sustainable Future” เพื่อร่วมกันขานรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนตลอดจนขานรับอุปสงค์การเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของผู้บริโภคในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการปักหมุดให้ไทยให้เป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค (EV Hub)  

       ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เราเดินหน้าตามแผนพลังงานแห่งชาติ 2022 (NEP2022) เพื่อเป้าหมายมุ่งสู่ Carbon Neutrality ในปี 2050 ไม่ว่าจะเป็น นโยบาย 30@30 การตั้งเป้าการผลิตรถ ZEV ให้ได้อย่างน้อย 30% หรือจะเป็นการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนในอนาคต รวมทั้งผลักดันนโยบาย 4D1E ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การผลิตไฟฟ้าแบบกระจายตัว เปิดเสรีภาคพลังงาน รวมถึงการใช้พลังงานไฟฟ้าสีเขียว ซึ่งในปีนี้ทางกระทรวงฯ ได้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งมอบองค์ความรู้และนำเสนอนโยบายที่สำคัญต่างๆเพื่อกำหนดทิศทางพลังงานของไทยในอนาคตผ่านการจัดงาน ASEW และ EVA 2022 เราเชื่อว่าเวทีนี้เป็นหนึ่งโอกาสสำคัญที่จะประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่า ประเทศไทยเรามีความพร้อมที่จะก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน 

ด้าน นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) กล่าวว่า ทางสมาคมฯ ทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความรู้อันจะนำไปสู่การสร้างความพร้อมอย่างรอบด้านในการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามาปรับใช้ในประเทศไทย รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงาน Electric Vehicle Asia (EVA) ในทุกปี และสำหรับปีนี้เรายังคงขับเคลื่อนอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการส่งมอบประสบการณ์และความรู้ใหม่ผ่านหัวข้อสัมมนาและส่วนจัดแสดงพิเศษจากทางสมาคมฯ และไฮไลท์ที่ สำคัญคือการจัดประชุมนานาชาติ International Electric Vehicle Technology Conference and Exhibition (iEVTech 2022) โดยจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 7 ภายใต้แนวคิด “Future Mobility Aspiration through Bio-Circular-Green Economy within APEC” ซึ่งเราเชื่อมั่นว่างาน EVA ครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทย 

            นายทรงพล เทพนำโสมนัสส์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจเอนเนอร์ยี่โซลูชัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หนึ่งในพันธกิจของ OR คือการสร้าง Seamless Mobility มุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะต้องการพลังงานชนิดใดสำหรับการเดินทาง รวมถึงมุ่งให้การเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ จึงมุ่งผลักดันการใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับการเดินทางและการขนส่งให้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในประเทศ ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญสู่การเป็นผู้นำในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) โดยปัจจุบัน  OR ได้เปิดให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Station PluZ 114 แห่ง ครอบคลุมเส้นทางหลักทั่วประเทศ และมีแผนขยายเป็น 450 แห่งภายในปี 2565 นี้ การร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงาน EVA ในปี้นี้ OR มีเป้าหมายที่สำคัญในการนำองค์ความรู้ต่างๆ มาจัดแสดง โดย OR พร้อมที่จะร่วมผลักดันและขานรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตอบสนองความต้องการในการเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของผู้บริโภคในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค (EV Hub) ต่อไปในอนาคต สอดคล้องกับเป้าหมายในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) โดยจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ครอบคลุมตลอดทั้งการดำเนินธุรกิจ รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด และตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon-neutrality) ภายในปี 2030 ซึ่งจะเป็นรากฐานที่นำไปสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Carbon Zero) ในปี 2050 

            นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับการจัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week และ Electric Vehicle Asia 2022 ในครั้งนี้เรากลับมาจัดงานในรูปแบบปกติ Next Normal โดยได้ชูแนวคิด “Enhancing Energy Transition to Carbon Neutrality for a Sustainable Future” หรือ การร่วมกันสร้างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน อย่างไรก็ดีงาน EVA ได้ชูแนวคิด “Driving Towards A Sustainable Low Carbon Society With E-Mobility” หรือขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืนด้วยยานยนต์พลังงานสะอาด ซึ่งไฮไลท์ที่สำคัญของการจัดงานในครั้งนี้ ได้รวบรวมงานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ครอบคลุมพลังงานทางเลือกในรูปแบบต่างๆ ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ การบริหารจัดการพลังงานด้วยเทคโนโลยี 5G และ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน และการจัดการสิ่งแวดล้อมและมลพิษ “ 



การจัดงานในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือที่ดีจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งผู้ประกอบการในด้านพลังงาน มีผู้จัดแสดงงานกว่า 1,200 แบรนด์ชั้นนำจาก 25 ประเทศ และรวมผู้เชี่ยวชาญจากทั้งประเทศและต่างประเทศร่วมจัดการประชุมระดับนานาชาติด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม อาทิ Renewable Energy Asia International Conference, iEVTech Conference, Asia Urban Energy Assembly, ASEAN Bioenergy and Bioeconomy Conference, Thailand Connext เป็นต้น คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 25,000 ราย จากทั่วภูมิภาคอาเซียน เราเชื่อมั่นว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ ได้รับความรู้เชิงลึก และเตรียมความพร้อมแก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมด้านพลังงานสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดหลังเศรษฐกิจเข้าสู่การฟื้นตัวและสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายในอนาคต“ นายสรรชาย กล่าวเสริม 

เตรียมพบกับงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2022 นิทรรศการเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านพลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และงาน Electric Vehicle Asia 2022 หรือ งานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติเฉพาะทางด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า โดยปีนี้จัดควบคู่กับงาน Boilex Asia และ Pumps & Valves Asia 2022

งานแสดงเทคโนโลยีเฉพาะทางด้านหม้อไอน้ำ ภาชนะรับแรงดัน ปั๊ม วาล์ว ท่อ ข้อต่อและฮาร์ดแวร์ระดับภูมิภาค และงาน Thai Water Expo 2022 งานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านเทคโนโลยีการจัดการน้ำและน้ำเสียงานเดียวในประเทศไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-16 กันยายน 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.asew-expo.com หรือโทร 02-036-0500

ปลดปล่อยตัวตนความเป็น QUEER POP ในบ้านหลังใหม่ ของ ต้น ธนษิต ผ่านเพลง“ขอบคุณที่เคยใจร้ายกับฉัน”

 TON THANASIT (ต้น ธนษิต) เปิดตัวอย่างเป็นทางการภายใต้บ้านใหม่ LOVEIS ENTERTAINMENT พร้อมนำเสนอตัวตนความเป็น “QUEER POP”  ทั้งด้านทัศนคติที่มีความเชื่อมั่นในการเป็นตัวเอง การใช้ชีวิตให้มีความสุขและตั้งใจส่งเพลงใหม่ล่าสุดเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้เห็นคุณค่าของ ตนเอง

“ขอบคุณที่เคยใจร้ายกับฉัน”-Thanks To You เพลงนี้เล่าถึงการที่เราได้พบเจอประสบการณ์ ความรักมาหลายรูปแบบ มีทั้งสุข และเศร้าเสียใจ แต่ทุกๆ ประสบการณ์ต่างมีคุณค่า ที่สอนให้เรา เรียนรู้และเติบโตขึ้น เนื้อเพลงมีความหมายบวก โดย ต้น นำเรื่องราวความรักของตัวเองที่ผ่านมา ส่งต่อให้ ข้าว Fellow Fellow เขียนออกมาเป็นเพลงและได้ เมฆ Machina รับหน้าที่โปรดิวซ์เซอร์ เกิดเป็นเพลง Pop จังหวะสนุก มีกลิ่นอายของดนตรี Electronic และ House อยู่ด้วย ทำให้เพลงนี้มีความเปรี้ยวขึ้น ฟังแล้วสนุกตามคอนเซปต์ใหม่ของ TON THANASIT  ความพิเศษของเพลงนี้ คือความสดใสที่มากขึ้น ในหลากหลายมิติ ทั้งการร้องและเต้นที่ ต้น นำเสนอมุมของความเป็นศิลปินและตัวตน ที่แตกต่างไปจากเดิม มีสีสันและความสนุกสนานมากขึ้น และนอกจากความสนุกสนานแล้ว ต้น ยังต้องการที่จะนำเสนอในเรื่องของ LGBTQIA+ Community ใน MV ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เพศอะไร เราจะผ่านเรื่องแย่ ๆ ไปด้วยกัน เราจะขอบคุณทุกสิ่งที่เคยใจร้ายกับเรา ปล่อยมันทิ้งไป เพื่อพบสิ่งใหม่ที่ดีกว่า


“ฝากแฟนๆ ติดตามผลงานเพลงนี้กันเยอะ ๆ มันเป็นเพลงที่ต้นชอบมากๆ และหวังว่าทุกคนจะชอบเหมือนกัน MV นี้มันอ้างอิงมาจากส่วนหนึ่งในชีวิตของต้น และอยากให้มีพื้นที่ สำหรับศิลปิน LGBT ในบ้านเราเยอะ ๆ ต้นอยากแสดงความเป็นตัวแทนของ LGBT community ผ่าน MV เพลงนี้ และที่สำคัญทุกคนจะได้เห็นต้นในลุคใหม่ ได้ฟัง sound ใหม่แบบที่ทุกคนไม่เคยเห็นไม่เคยฟัง จากต้นมาก่อนฝากเพลง “ขอบคุณที่เคยใจร้ายกับฉัน” ไว้ด้วยนะครับ” ต้นกล่าว




ติดตามชมมิวสิควิดีโอสนุกๆ “ขอบคุณที่เคยใจร้ายกับฉัน” - Thanks To You ได้ตั้งแต่วันนี้ที่ Youtube/LOVEiS และติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆได้ทาง Facebook: Ton Thanasit , Instagram : Ton Thanasit, Twitter : Ton Thanasit, TikTok : Ton Thanasit, Facebook : LOVEiS /Twitter/Instagram : @LOVEiS_ent 


ลิงค์ MV:https://www.youtube.com/watch?v=aHaqjVLG5kc


The Grand Opening Event! The Coral First Class Lounge and The Coral Finest Business Class Lounge.

Sep 2, 2022 The Grand Opening Event!

With The Coral First Class Lounge and Finest Business Class Lounge are inspired by the unique charm of Thai culture, joined with the innovation culminates into our latest Coral Lounge branch. It is the perfect harmony between a timeless classic piece of art and elegance.

The Lounges are fulfilled with a wide range of facilities such as private roomy space with ultimate comfortable seats, wellness spa, comfy bedroom with the best mattress from pure organic sources by Omazz, Omazz Gallery Thailand and shower rooms with bathtubs and sinks provided by Trusol. Trusol Bathware อ่างอาบน้ำอ่างล้างหน้าหินสังเคราะห์


Moreover, you can indulge in a delicious variety of Thai and international fine dining, a wide range of drinks, aroma Drury English tea, premium Nestle coffee NESCAFÉ, 4700 premium popcorn , organic dry fruites and more. 

The Coral First Class Lounge and The Coral Finest Business Class Lounge located at Concorde D1 Suvarnabhumi International Airport.  


Find out more about The Coral Lounge by visiting its https://www.coralthailand.com/ 

A journey of a thousand miles must begin with a “single step” 

#ThecoralfirstclassloungeBKK #ThecoralfinessclassloungeBKK

#ilovecoral #Thecorallounge

#Thebestairportlounge

พาราไดซ์ พาร์ค และ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดงาน GI Fest เดินงานเดียว ช้อปได้ทั่วไทย

พาราไดซ์ พาร์ค ศูนย์การค้าในเครือเอ็ม บี เค  ร่วมกับ  กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ จัด “งาน GI Fest เดินงานเดียว ช้อปได้ทั่วไทย”   โดยมี นางสาวจรูญรัตน์ สาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท พาราไดซ์ พาร์ค จำกัด (ที่ 6 จากซ้าย) พร้อมด้วย นางสาวศตกมล วรกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (ที่ 7 จากซ้าย) ให้การต้อนรับ นางสาวกนิษฐา กังสวนิช รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา (ที่ 5 จากซ้าย) ที่ให้เกียรติมาร่วมเป็นประธานในพิธีเปิด

ณ บริเวณ ชั้น 1 ลานรอยัล พาร์ค พลาซ่า ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค เมื่อเร็ว ๆ นี้

เปิดอาณาจักรเส้นผม MCIC และแบรนด์ Dcash กับกลยุทธ์ยุคใหม่รุกตลาด B2C เต็มตัว ปั้นรายได้ 1,500 ล้าน


โมเดิรน์คาส อินเตอร์เนชั่นแนล คอสเมติคส์ (MCIC) เปิดกลยุทธ์แบรนด์ Dcash Professional เตรียมรุกตลาด B2C หลังจับโอกาสผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมเทรนด์ผมพุ่งแรง มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์เส้นผมแนวคิดใหม่ตอบโจทย์ end-consumer พร้อมเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ครอบคลุมลูกค้าในและต่างประเทศ ขยายไลน์ OEM อาหารเสริมและบรรจุภัณฑ์ สร้างรายได้หลังฟื้นโควิด ตั้งเป้า 1,500 ล้านบาทในปี 2566 พร้อมเตรียมบุกตลาดโลกร่วมโชว์ผลิตภัณฑ์ในงาน “Cosmoprof CBE ASEAN 2022” วันที่ 15-17 กันยายน 2565 นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อีกด้วย

นางสาวประภาวรินทร์ สฤษฏ์เลิศธรสิน OEM Manager บริษัท โมเดิรน์คาส อินเตอร์เนชั่นแนล คอสเมติคส์ จำกัด กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของ MCIC Group อาณาจักรความงามด้านเส้นผมรายใหญ่ของประเทศ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2525 หัวหน้าครอบครัวสฤษฏ์เลิศธรสิน เริ่มทำธุรกิจขายน้ำยาดัดผมในซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 และขยายไปถึงแขวงคลองตัน จนเป็นที่รู้จักของร้านค้าและร้านเสริมสวยในย่านนั้น ก่อนจะก่อตั้งเป็นบริษัท พร้อมกับการสร้างแบรนด์ Dcash Professional ขึ้นมาในปี 2538




 “ตอนนั้นแบรนด์ Dcash จะเน้นทำผลิตภัณฑ์สีผมส่งตามซาลอนเป็นหลัก ดังนั้นในยุคสมัยนี้บางคนอาจไม่รู้จัก Dcash ในแบบสินค้าที่ใช้กันได้เอง แต่จะมองว่าสินค้าอย่าง ครีมย้อม ครีมยืด ครีมดัด เป็นของที่ใช้ตามร้านทำผมเสียส่วนมาก ตอนนี้เราจึงพยายามปรับภาพลักษณ์ และสร้างกลยุทธ์ต่าง ๆ ในการเข้าหาลูกค้า end-consumer มากขึ้น ซึ่งไทม์มิ่งหลังสถานการณ์โควิดมีการเปลี่ยนแปลงที่สร้างผลบวกให้กับเราอย่างมาก ทั้งด้านเทรนด์ผมและพฤติกรรมของผู้บริโภค”

 แม้โรคระบาดโควิดระลอกแรก จะทำให้ธุรกิจของ MCIC ชะงักไปบ้างจากร้านซาลอนที่เป็น margin ใหญ่ถูกสั่งปิดชั่วคราว แต่ผู้บริหารหญิงเผยว่าบริษัทยังมีโชคอยู่บ้าง จากการที่เริ่มมีสินค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์บ้างแล้ว รวมถึงจุดแข็งของสินค้าบนเชลฟ์ convenience store ที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศไม่ได้รับผลกระทบตามไปด้วย ทำให้บริษัทสามารถประคองตัวและพลิกสถานการณ์กลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมในโควิดระลอก 2-3-4

 “ปัจจัยที่ทำให้เทรนด์เรื่องผมกลับมาอยู่ในโฟกัส คือการที่คนใส่หน้ากากมีการดูแลใบหน้าน้อยลง และหันมาดูแลเรื่องเส้นผมกันมากขึ้น บวกกับคนยุคใหม่เปิดรับเทรนด์สีผมที่ต่างไปจากเดิม มีการทำสีแฟชั่น มีการเสิร์จหาวิธีทำสีด้วยตัวเองที่บ้าน ซึ่งพอเรื่องสีผมเข้ามาอยู่ในความสนใจของคน อีกผลิตภัณฑ์ที่เติบโตตามกันไปคือกลุ่ม hair care ที่ช่วยบำรุงเส้นผมในขณะทำสี” นางสาวประภาวรินทร์ กล่าวพร้อมให้ความมั่นใจเสริมว่าผลิตภัณฑ์ที่ MCIC วิจัยและพัฒนามาเป็นอย่างดี จะตอบความต้องการของผู้บริโภคได้แน่นอน

โดยในหัวข้อนี้ นางสาวนาฏสินี เชมนะสิริ International Business Development Manager บริษัท โมเดิรน์คาส อินเตอร์เนชั่นแนล คอสเมติคส์ จำกัด ได้ให้ข้อมูลว่า Dcash เป็นแบรนด์ที่อยู่ในวงการแฟชั่นสีผมมานานกว่า 40 ปี และเติบโตควบคู่กับการที่มีทีม R&D ที่เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ที่สร้างเส้นผมสุขภาพดีเหมาะกับคนเอเชีย รวมถึงมีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่แบ่งกลุ่มชัดเจน สำหรับการขายในกลุ่ม end-consumer และกลุ่ม salon shop

แบรนด์ Dcash Professional จะแบ่งหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์เป็น 6 ประเภท คือ ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม กลุ่มครีมย้อมและแชมพูเปลี่ยนสีผม, ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม กลุ่มทรีตเมนต์ เซรั่ม เนื้อโลชั่น สเปรย์ป้องกันความร้อน, ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม แบบมูสจัดแต่งทรง สเปรย์เซตผม แว็กซ์-เจลสำหรับผู้ชาย, ผลิตภัณฑ์น้ำยายืดและดัดผม, อุปกรณ์ทำผม ภายใต้แบรนด์ Dcash Next Power ในกลุ่มไดร์เป่าผม ที่หนีบผม และ อุปกรณ์ภายใต้แบรนด์ Dcash Tapas กลุ่มของแบตตาเลี่ยน หวี สเปรย์ต่าง ๆ สำหรับร้านบาร์เบอร์

  “จุดแข็งของบริษัทคือความพร้อมด้านการผลิต แต่ละไลน์ผลิตภัณฑ์จะมีทีม R&D ที่เชี่ยวชาญเฉพาะคอยดูแล มีความปลอดภัยในโรงงานที่ได้มาตรฐานสากล GMP ซึ่งนอกจากการพัฒนาสินค้ากันภายในแล้ว เรายังคอยพูดคุยกับ supplier ผู้ผลิต raw material รวมไปถึงทีม packaging ในลักษณะ Co project เพื่อให้ได้สินค้าคุณภาพดี ใช้งานง่าย และแตกต่างจากในตลาด ตอบโจทย์ครอบคลุมตลาด B2B และ B2C ทั้งในและต่างประเทศ” นางสาวนาฏสินี กล่าว

ปัจจุบัน MCIC Group มีรายได้ต่อปีประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับมูลค่าของตลาดความงามด้านเส้นผมในไทย 40,000 ล้านบาท MCIC ต้องแข่งขันกับแบรนด์เกิดใหม่ ทั้งผู้ขายในประเทศและแบรนด์สินค้านำเข้า โดยนอกจากตลาดในประเทศแล้ว MCIC ยังต้องมองโอกาสการทำตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่ม CLMV รวมถึงตลาด OEM ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งหากรวมกับธุรกิจเครื่องสำอางที่กำลังกลับมา OEM Manager คาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถทำรายได้ถึง 1,500 ล้านบาท ในปี 2566

 โดย นางสาวประภาวรินทร์ ให้ข้อมูลว่า MCIC มีสัดส่วนรับทำ OEM คิดเป็น 30% ของการผลิต โดยนอกจากด้านสีผมที่เป็น specialized อยู่แล้ว ในปี 2565 บริษัทจะขยับตัวด้านธุรกิจ OEM มากขึ้นทั้งการขยายกำลังรับผลิตอาหารเสริมในกลุ่มผงชงดื่ม กาแฟ โปรตีน คอลลาเจน แคปซูล รวมถึง ready to drink ซึ่งเป็นข้อแตกต่างที่โรงงานอื่นไม่มี และยังมีการเปิดโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แบบขวดและกระปุกที่ขึ้นจากพลาสติก ซึ่งถือเป็นไลน์ผลิตใหม่ที่สามารถ customization ได้ตามความต้องการของลูกค้า

 ฝั่ง นางสาวนาฏสินี ได้เสริมถึงด้านตลาดต่างประเทศ โดย MCIC มีการขยายไปประมาณ 7 ประเทศทั่วโลก และเป็นผู้นำทางตลาดกัมพูชา พม่า และลาว โดยเน้นผลิตภัณฑ์เส้นผม รวมถึงผลิตภัณฑ์กลุ่มฟอกขนในส่วนสินค้าแบรนด์ X-Cute Me Simply ซึ่งหลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายและประเทศเริ่มเปิด MCIC จะมุ่งเน้นขยายตลาดเพิ่มไปที่ประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมถึงมุ่งเน้นทางกลุ่มตะวันออกกลางมากขึ้นภายใน 3-5 ปี

 นอกจากนี้ สำหรับความเคลื่อนไหวด้านตลาดความงามในประเทศ MCIC จะเข้าร่วมงานแสดงสินค้า เพื่อธุรกิจความงามระดับโลก “Cosmoprof CBE ASEAN 2022” วันที่ 15-17 กันยายน 2565 นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีการขึ้นเวทีสาธิตผลิตภัณฑ์แชมพูย้อมสีผมสีแฟชั่นจาก Dcash ซึ่งถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภค รวมถึงมีการสาธิตเทคนิคการย้อมสีผมด้วยตัวเอง และจัดแสดงบรรจุภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสีย้อมผมจากสารสกัดธรรมชาติที่ใช้แล้วสบายหัวไม่คันหนังศีรษะ โดยเน้นตอบโจทย์ end-consumer มากขึ้น

01 กันยายน 2565

GO ให้สุด !! “ทรู เวิลด์ ทราเวล” ทัวร์เกาหลี หนึ่งเดียวในงาน “ไทยเที่ยวไทย” ครั้งที่ 63

 “ทรู เวิลด์ ทราเวล” จัดโปรตาแตก แจกกระจาย ตอกย้ำกระแสเรียกร้องจากสาวกแดนกิมจิ 

เริ่มแล้ว งาน ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 63 วันที่ 1-4 กย.นี้ที่ศูนย์ประชุมไบเทค บางนา เวลา 10.00 น. – 21.00 น. งานนี้จัดเต็มกว่า 700 บูธ ขนโปรกระหน่ำ ทั้งโรงแรม ที่พัก รถเช่า สปา ทัวร์  ร้านอาหาร อุปกรณ์ดำน้ำ สินค้าและบริการท่องเที่ยว ครั้งนี้ผู้บริหารบริษัท True World Travel ผู้นำด้านการท่องเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ เจ้าแรกและเจ้าเดียวของไทยที่เช่าเหมาลำเครื่องบิน บินตรงจากกรุงเทพฯ ถึงเกาะเจจู เกาหลีใต้ พร้อมโปรแกรมทัวร์กรุงโซล ปูซานและเส้นทางอื่นๆ ในเกาหลีใต้ ร่วมออกบูธให้โดนใจนักเที่ยว จัดแพคเกจ “โปรตาแตก แจกกระจาย” พิเศษสุดจริงๆ 

งานไทยเที่ยวไทย งานแสดงสินค้าด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศ เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2545 ต่อเนื่องมาทุกปี จนถึงปัจจุบัน โดยบริษัท พี.เค.เอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นท์ จำกัด ด้วยความหลากหลายและครอบคลุมธุรกิจด้านการท่องเที่ยวของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานออกบูธจำนวนมากหลายร้อยคูหา ทำให้มีผู้สนใจเข้ามาเยี่ยมชมงานจำนวนมากหลายแสนคนต่อครั้ง และได้รับการยอมรับจากภาคธุรกิจท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี 

โดยนอกจากจะนำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศร่วมออกบูธ ยังนำบริษัททัวร์ต่างประเทศเข้ามานำเสนอให้กับลูกค้าที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวยังต่างประเทศด้วย หนึ่งในบริษัทนำเที่ยวชั้นนำที่ได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่นร่วมเดินทางจากนักท่องเที่ยว คือ True World Travel ซึ่งได้นำโปรแพคเกจที่น่าสนใจมาร่วมออกบูธในครั้งนี้ได้รับกระแสตอบรับล้นหลาม 

คุณพธู ณ สงขลา ผู้บริหาร True World Travel ผู้นำด้านการท่องเที่ยวประเทศเกาหลีใต้  เผยว่า บริษัท ทรู เวิลด์ ทราเวล นำแพคเกจดีดีมาออกบูธอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ไม่ได้ออกบูธกันนานมากๆ  ตอนนี้เกาหลีใต้เปิดประเทศให้เราเที่ยวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโซล ปูซาน เจจู และเมื่อทรู เวิลด์ ทราเวลมาออกบูธทั้งที เราก็มีโปรตาแตก แจกกระจาย มาให้กับลูกค้า ลูกทัวร์หรือว่าใครที่อยากจะไปท่องเที่ยวเกาหลีกัน นั่นคือ โปร มา 3 จ่าย 2 หารอออกมาแล้วเหลือคนละ 5,999 บาทเท่านั้น อยากไปเที่ยวเจจูต้องรีบตัดสินใจเลย ตอนนี้ท่านใดต้องการไปเที่ยวเกาะเจจูในเดือนกันยายน เราลงทะเบียน RT-PCR ให้ฟรี 

หากมาที่งาน เข้า ประตู EH 102 จะพบกับบูธของทรู เวิลด์ ทราเวลเลย เราจัดงานวันที่ 1-4 กันยายนนี้ มารับโปรดีดีกันที่บูธนะคะ 

คุณพธู ณ สงขลา ผู้บริหาร True World Travel ผู้นำด้านการท่องเที่ยวประเทศเกาหลีใต้








และครั้งนี้ มีพิเศษตรงที่ เรานำสินค้าจากฝั่งเจจูมาจำหน่ายที่บูธด้วย รวมถึงลูกค้าที่จองทัวร์ที่งาน จะพบกับโปรโมชั่นของบัตรเครดิตในงาน รูดฟรีไม่มีชาร์ทและสามารถรับของรางวัลมากมายจากบริษัทอีกด้วย 

และถ้าอยากจองตั๋วเครื่องบินอย่างเดียว เรามีตั๋วเครื่องบินราคาถูก  จากสายการบิน จินแอร์ เป็นตั๋วเครื่องบินไปและกลับราคาเริ่มต้นที่ 12,900 บาท นอกจากนี้เดือนตุลาคมเข้าสู่ช่วงฤดู AUTUMM  เป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ไปเที่ยวเกาหลีสวยงามแน่นอน”

สำหรับโปรแกรมต่างๆ ดังนี้ Special Package Autumm เที่ยวครบ อาหารครบ พิเศษล่องเรือ Sanbangsan Cruise ชมกังหันยักษ์ Windmill เริ่มเดินทาง 25 กันยายน ถึง 30 ตุลาคม 2565 ออกเดินทางทุกวันเสาร์และอาทิตย์ 

สำหรับลูกค้าที่เคยท่องเที่ยวเชจูแล้ว มีแพคเกจ JEJU ONE MORE TIME แบบ Autumm 4 วัน 2 คืน และแบบ JEJU GOLD PACKAGE 4 วัน 2 คืน เดินทาง 22-25 กันยายน 2565 เดินทาง 29-2 ตุลาคม 2565 และเดินทางทุกวันพุธและพฤหัส 6 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2565 

สอบถามรายละเอียดและดูข้อมูลต่างๆ ได้ที่
www.gotrueworld.com line:@gotrueworld Hotline:084 147 0875

นันทิการ์รีสอร์ท รีสอร์ทในฝันอยู่ใกล้ทะเลแค่เอื้อม


ปักหมุดทิ้งตัวที่ไหนกันดี 📍 ให้เหมือนได้พักผ่อนบ้านพักส่วนตัวริมทะเลสุดคลาดสิก ในราคาหลักร้อย  สูดอากาศบริสุทธิ์ มีชีวิตชีวาอยู่ริมหาดทราย

ถ้ากำลังฝันถึงชีวิตอันเรียบง่าย หลบหนีความวุ่นวายมาพักที่นี่ แค่ก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ ก็เหมือนได้หลุดไปอยู่ท่ามกลางเสน่ห์ของทะเลสวย ชายหาดสะอาดชุมพร ชายหาดสวย สงบและเรียบง่าย ติดทะเล ที่ที่ทุกมุมของมี่พักสอดแทรกไว้ด้วยบรรยากาศบ้านพักส่วนตัวราวกับถูกหยุดเวลาไว้ในอดีต บ้านพักแต่งแต้มด้วยสีคลาสสิก เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงทะเลสวย

ชวนหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวง มุ่งหน้าสู่ความเงียบสงบที่ นันทิการ์รีสอร์ท : Nuntikar Resort บรรยากาศดีมาก เหมาะแก่การพักผ่อน  ติดทะเล น้ำใส ริมหาด บรรยากาศดี ออกแบบเรียบง่ายมีกลิ่นอายของความเป็นท้องถิ่น เน้นความเป็นธรรมชาติ  มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง


มาดูกันว่า แรงบันดาลใจ นันทิการ์รีสอร์ท จากความตั้งใจอยากให้นักท่องเที่ยว เกมือนได้กลับมานอนพักผ่อน ในบรรยากาศบ้านตากอากาศส่วนตัวที่มีความเงียบ สะดวก สะบาย ก้องพักขนาดกระทัดรัด และคลาสสิคซึ่งการออกแบบโดดเด่น ลงตัว และงดงามบนความเรียบง่าย สนามหญ้าเล็กหน้าห้อง พื้นที่ส่วนกลางและจุดชมวิวชั้นลอย ยอกเลยว่าที่สุดของสีสันแห่งความสุข สนุก ที่ อ.สะพลี จ. ชุมพร


เพราะการได้อยู่ในที่พักดีๆ ตกแต่งสวยๆ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยว  ใครที่กำลังหาที่พักผ่อน หรืออยากลองมาเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ แนะนำมาเที่ยวชมได้ ไม่ว่าจะมา แบบคนเดียว เป็นคู่ มากับเพื่อนหรือครอบครัว หรือจะมาแบบ งงๆ ก็ยังได้ นอกจากจุดหมายปลายทางที่ทำให้เราอยากเดินทางหลายคนอาจคิดถึงที่พักทั้งที่ตั้งใจจอง พักแล้วประทับใจจนอยากกลับไปเยือนอีกสักครั้ง

โดยรวบรวมจากรีวิวผู้เข้าพักที่ประทับใจ ราคาดี วิวสวย แถมมุมถ่ายรูปคือเยอะ ซึ่งจะช่วยเป็นตัวเลือกให้ตัดสินใจ ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ







ติดต่อห้องพัก
นันทิการ์รีสอร์ท : Nuntikar Resort
149 ตำบล สะพลี อำเภอปะทิว ชุมพร 86230
โทร. 081 365 7770

แผนที่การเดินทาง
https://goo.gl/maps/8pHox87k416QSYuj6

สถาปนา 20 ปี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

วันนี้ (1 ก.ย. 65) เวลา 07.30 น. นายอนุกูล ปีดแก้ว อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นประธานในการประกอบพิธีสงฆ์ พิธีบวงสรวง พิธีพราหมณ์และพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ แก่ข้าราชการ หน่วยงาน องค์กร ที่สร้างคุณงามความดีและประโยชน์แก่สังคม เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการครบรอบ 20 ปี ณ ห้องประชุมชั้น 2 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะพานขาว กรุงเทพฯ

นายอนุกูล กล่าวว่า วันที่ 1 กันยายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนากรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) หรือเดิม “กรมประชาสงเคราะห์” ซึ่งปีนี้ครบรอบ 82 ปี กรมประชาสงเคราะห์ 20 ปี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พส. ขับเคลื่อนภารกิจด้วยความมุ่งมั่น ภายใต้แนวคิด “โลกเปลี่ยน ไทยปรับ พส. พร้อมรับ รุก รวดเร็ว” แม้ประเทศไทยจะเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) แต่เรายังคงรวมพลังเดินหน้าช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างสังคมคุณภาพร่วมกัน



นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า สำหรับพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการในปีนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และภาคีเครือข่ายด้านการจัดสวัสดิการสังคม ซึ่งมีกิจกรรมที่สำคัญประกอบด้วย 1) การมอบโล่เกียรติคุณให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างประจำดีเด่น ประจำปี 2563 และปี 2564 จำนวน 15 รางวัล 2) การมอบรางวัล “คนดี  ศรี พส.” ประจำปี 2564 และปี 2565 ให้แก่บุคลากรสังกัดกรมฯ ซึ่งเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม และมีความซื่อสัตย์สุจริตจนเป็นที่ประจักษ์ จำนวน 6 รางวัล 3) การมอบโล่เกียรติคุณและใบประกาศแก่พนักงานกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมดีเด่น ประจำปี 2565 จำนวน 9 รางวัล 4) การมอบโล่และใบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้แทนองค์กรสวัสดิการสังคม ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคม จำนวน 5 องค์กร ได้แก่  1. ชมรมส่งเสริมศักยภาพบุคคลบกพร่องทางการเรียนรู้ จังหวัดสระบุรี 2. ศูนย์พัฒนากาจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวศม์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 3. สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 4. สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา 5. กองทุนสวัสดิการชุมชนเทศบาลเมืองตะพานหิน จังหวัดพิจิตร และ 5) การมอบใบประกาศเกียรติคุณแก่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งและสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ที่ได้รับการประเมินมาตรฐานการจัดสวัสดิการสังคมจำนวน 17 หน่วยงาน


กว่า 20 ปีของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ยังคงเดินหน้ามุ่งมั่นตั้งใจอุทิศตน สานต่อเจตนารมณ์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ให้เข้าถึงสิทธิสวัสดิการจนสามารถพึ่งพาตนเองได้ พร้อมบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อการพัฒนาสังคมให้เกิดความ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดย “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”