29 เมษายน 2566

อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ จัดงานฉลองครบรอบโรงแรม 29 ปี

พร้อมกับครบรอบ 1 ปีของห้องอาหารเปรโก้ กรุงเทพฯ และเปิดตัวบาร์แห่งใหม่ บาร์ มิลาโน่

โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ ในฐานะโรงแรมแฟล็กชิพของแบรนด์อมารีจากทั่วทั้งเอเชีย จัดงานฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 29 ปี พร้อมกับวันครบรอบ 1 ปีของห้องอาหารอิตาเลียนเปรโก้ กรุงเทพฯ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสสำคัญนี้ ทางโรงแรมได้จัดงานเฉลิมฉลองอันน่าตื่นเต้น เพื่อเป็นไฮไลท์สำคัญแก่งานนี้ นำโดย คุณสุขมาล มอนเดล ผู้จัดการทั่วไปภาคพื้นกรุงเทพ (ที่ 1 จากซ้าย), ฯพณฯ ซีบิลล์ เดอ การ์ทิเย่ร์ ดีฟส์ เอกอัครราชทูตเบลเยี่ยมประจำประเทศไทย (ที่ 2 จากซ้าย), คุณมีมี่ เทา นางแบบแฟชั่นระดับนานาชาติ (ที่ 3 จากซ้าย), คุณสรัญญา วัฒนศิริสุข รองประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคล ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (ที่ 2 จากขวา) และเชฟมาร์โค บอสกาอินี หัวหน้าเชฟอิตาเลียน ประจำห้องอาหารเปรโก้ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (ที่ 1 จากขวา)

ห้องอาหารเปรโก้ กรุงเทพฯ เปิดให้บริการเมื่อปีที่แล้ว ถือเป็นสถานที่แห่งใหม่ในกรุงเทพตลอดระยะเวลา 1 ปี สำหรับลูกค้าที่หลงรักในอาหารจากอิตาลี ภายใต้การดูแลของเชฟมาร์โค บอสกาอินี จึงเป็นที่มาให้เปรโก้ กรุงเทพฯ นำเสนอเมนูที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารอิตาเลียนคลาสสิก เมนูจากสูตรของเชฟมาร์โคโดยเฉพาะ รวมถึงตัวเลือกที่ปราศจากกลูเตน และเมนูที่คัดสรรมาเป็นพิเศษสำหรับคุณหนูๆ

ในงานเฉลิมฉลองนี้ยังเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของ บาร์ มิลาโน่ (Bar Milano) บาร์ดีไซน์สุดชิค ที่ตั้งอยู่ในล็อบบี้ของโรงแรม ให้บริการค็อกเทลที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเฉพาะสำหรับที่นี่เท่านั้นโดยมิกซ์โซโลจิสต์มากฝีมือประจำโรงแรม บาร์ มิลาโน่ นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมืองหลวงและสไตล์ของประเทศอิตาลี ถือเป็นจุดนัดพบและรวมตัว ไม่ว่าจะเป็นโอกาสพิเศษหรือการนัดพบกับคนสนิท สำหรับการเริ่มต้นมื้ออาหารค่ำหรือเครื่องดื่มยามดึกในค่ำคืนที่แสนวิเศษของคุณ บาร์ มิลาโน่ จะเป็นหนึ่งในสถานสุดพิเศษที่สำหรับทุกคน



งานเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 17.30 น. ในการเปิดตัวครั้งใหญ่ของ บาร์ มิลาโน่ และการเฉลิมฉลองวันครบรอบ 1 ปีของห้องอาหารเปรโก้ กรุงเทพฯ ในครั้งนี้ มีคนดังในแวดวงสังคม สื่อ และแขกผู้เข้าร่วมอีกมากมาย หนึ่งในประเด็นที่ถูกพูดคุยมากที่สุดในค่ำคืนนี้คือ “มินิ

แฟชั่นโชว์” ที่นำเสนอถึงความเป็นมิลานสไตล์ในกรุงเทพฯ เพื่อสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของร้านอาหารและบาร์ โดยทางโรงแรมได้ร่วมมือกับแบรนด์ “ชากะ (Shaka)” เสื้อผ้าแบรนด์ไทยที่ใส่ใจทั้งดีไซน์ ทั้งสิ่งแวดล้อม นำเสนอคอลเลคชั่นล่าสุด ถือเป็นอีกหนึ่งความคิดริเริ่มจากโครงการ “การมีจิตสำนึกเพื่อความยั่งยืน” ที่โรงแรมยึดถือมาโดยตลอด

โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ ห้องอาหารเปรโก้ กรุงเทพฯ และ บาร์ มิลาโน่ จะยังคงสนับสนุนชุมชน ผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่นและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนตลอดไป

“BIG DEBATE” ลุยต่อ 2 สมรภูมิเลือกตั้ง พิษณุโลก-สุพรรณบุรี

“ทิน-สุคนธ์เพชร-ณิชารีย์” นำทีม “หลุยส์-แชป-เบน-บิว” เจาะวิสัยทัศน์

ลั่นกลองรบ !  พรรคการเมืองแถวหน้าส่งขุนพลร่วมถกวิสัยทัศน์เวที “BIG DEBATE” 1-2 พฤษภาคมนี้ เจาะสมรภูมิเลือกตั้ง จ.พิษณุโลก และ จ.สุพรรณบุรี “ทิน-สุคนธ์เพชร-ณิชารีย์” รับหน้าที่ดำเนินรายการ พร้อมทีมนักแสดงช่อง 7HD



ช่อง 7HD และ เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ เขย่าเวทีดีเบต 2 สัปดาห์สุดท้าย ส่งรายการ “เลือกตั้ง 66 #วาระคนไทย BIG DEBATE” เกาะติดสนามเลือกตั้งทั่วไทย ชมสดทุกคืน วันจันทร์-อังคาร ตั้งแต่เวลา 20.30 น. เป็นต้นไป อัปเดตสถานการณ์การเมืองพร้อมเปิดเวทีให้แต่ละพรรคการเมืองนำเสนอนโยบาย แสดงวิสัยทัศน์ ผ่านหัวหน้าพรรค ตัวแทนพรรค หรือผู้สมัคร สัปดาห์นี้บุกไปเยือน 2 สมรภูมิเลือกตั้งจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดสุพรรณบุรี

วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันแรงงานแห่งชาติ เวทีดีเบตครั้งนี้จัดขึ้นที่ จังหวัดพิษณุโลก โดยมี ทิน โชคกมลกิจ เพชรหอม-สุคนธ์เพชร ผลประดิษฐานนท์ ดำเนินรายการ ร่วมด้วย 2 นักแสดงหนุ่ม เบน-สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ และ บิว-ณัฐพล ไรยวงค์ เป็นตัวแทนเสียงของประชาชน เข้าร่วมซักถามและรับฟังนโยบายพร้อมการประชันวิสัยทัศน์ของเหล่าผู้สมัคร สส. และตัวแทนพรรคการเมือง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย และ พรรคก้าวไกลและในวันอังคารที่ 2 พฤษภาคม พ่อแม่พี่น้องเลือดสุพรรณ สามารถร่วมรับฟังการดีเบตแบบสด ๆ ได้ที่ อุทยานมังกรสวรรค์ จังหวัดสุพรรณบุรี ผู้ประกาศข่าว ทิน โชคกมลกิจ รับหน้าที่ดำเนินรายการร่วมกับ จินนี่-ณิชารีย์ พัดทอง   โดยมี 2 พระเอกสุดฮอต หลุยส์ เฮส และ แชป-วรากร ศวัสกร ที่เคยเข้าร่วมฟังการดีเบตที่สนามเลือกตั้งจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมเป็นอีกหนึ่งเสียงประชาชนที่เข้ารับฟังการประชันวิสัยทัศน์ของผู้สมัครจาก พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย และ พรรคก้าวไกล

โดยเวทีที่จังหวัดพิษณุโลก บิว-ณัฐพล คือหนึ่งในนักแสดงที่เข้าร่วมฟังการดีเบต ฝากเชิญชวนให้มาร่วมติดตามชมว่า “ผมเองได้ติดตามเรื่องการเมืองมาโดยตลอด เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคน มีความเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของประชาชน เรียกว่าเป็น

จุดศูนย์กลางในการพัฒนาประเทศ ครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ไปร่วมฟังการดีเบต เพราะมีส่วนที่ทำให้เราสามารถตัดสินใจได้ว่า

จะเลือกพรรคไหน การได้ไปเข้าร่วมฟังจะทำให้เราได้รู้ว่าพรรคไหนมีนโยบายที่ตรงใจและตรงกับความต้องการของเรา จริง ๆ ผมเองมีคำถามเตรียมไว้เหมือนกัน เช่น ปัญหาผลผลิตของเกษตรกรที่ล้นตลาด อยากจะทราบนโยบายในการแก้ไข ช่วยเหลือ และพัฒนา 

เพราะครอบครัวผมเองก็เป็นครอบครัวเกษตรกร ซึ่งตอนนี้ที่บ้านทำสวนยาง รวมไปถึงเรื่องยาเสพติด ซึ่งเป็นต้นตอของการเกิดปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ซึ่งหวังว่าการดีเบตครั้งนี้จะทำให้ประชาชนได้รับฟังแนวทางในการดูแลช่วยเหลือประชาชนครับ สุดท้ายนี้อยาก

เชิญชวนชาวจังหวัดพิษณุโลกหรือจังหวัดใกล้เคียง มาฟังการแสดงวิสัยทัศน์ของแต่ละพรรคการเมืองกันนะครับ ว่าพรรคไหนจะตรงกับอุดมการณ์ของเรา เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกตั้งครั้งนี้ สำหรับใครที่ไม่ได้มาฟังสด ๆ ถึงขอบเวที สามารถชมผ่านทางช่อง 7HD 

กด 35 เวลา 20.30 น. เป็นต้นไปนะครับ”    

สำหรับบรรยากาศสนามเลือกตั้งภาคใต้ ที่จัดขึ้นที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ผ่านมา เหล่าตัวแทนจากพรรคการเมืองต่าง ๆ ได้ขึ้นนำเสนอนโยบาย พร้อมแสดงวิสัยทัศน์กันอย่างดุเดือดเข้มข้น ได้ใจพี่น้องชาวใต้ที่เข้าร่วมฟังการดีเบตครั้งนี้

ไปเต็ม ๆ เช่นเดียวกับผู้ชมทางบ้านที่ร่วมแสดงความคิดเห็นทางหน้าจอ และลงคะแนนให้กับพรรคที่ชื่นชอบผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ด ซึ่งครั้งนี้เหล่าขุนพลภาคใต้ต่างนำเสนอนโยบาย รวมทั้งแนวทางการจัดการกับปัญหาต่าง ๆ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจให้กับพ่อแม่พี่น้อง โดยมีเหล่านักแสดงจากช่อง 7HD นำโดย แอมป์-พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์, จาด้า อินโตร์เร, เจนนี่-ชยิสรา วัฒนะนาวิน  และ แบมแบม-ณศมน นิยมเดชา ทำหน้าที่ตัวแทนเสียงของประชาชน ร่วมซักถามประเด็นปัญหาการคมนาคม ราคายางพาราตกต่ำ การปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

เกาะติดทุกความเคลื่อนไหวเรื่องการเมือง ได้ที่ www.ch7.com/election2566 
ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวรายการต่าง ๆ 

ได้ทาง ช่อง 7HD ดูทีวีกด 35 สดออนไลน์ BUGABOO.TV
ฅและช่องทางออนไลน์ Facebook, IG, Twitter, TikTok : Ch7HD เว็บไซต์

28 เมษายน 2566

ถึงเศร้าก็เต้นได้!! “มะปราง สุนทรี” ชวนโยกออกสเต็ป

ท้ายเอ็มวีเพลง “ฉันฝันว่าเธอมีคนอื่น”

ขึ้นชื่อว่า “มะปราง สุนทรี” แล้วนั้น บอกได้คำเดียวว่าก็ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง ตั้งแต่การเป็นอินฟลูที่มียอดผู้ติดตาม 4 ล้านกว่าคน แฟนๆ อยากให้ทำอะไร มะก็จัดให้ตลอด จนมาถึงการมีซิงเกิลแรกเป็นของตัวเองกับเพลง “ฉันฝันว่าเธอมีคนอื่น” ที่ปล่อยเอ็มวีให้ทุกคนได้ติดตามรับชมและรับฟังกันไปแล้วทาง YouTube Channel : Budu Records (https://youtu.be/HXJtrOOmfTk




เนื้อเพลงที่อิงมาจากชีวิตจริงของสาวมะปราง ที่โดนผู้ชายที่เธอรักปันใจจนเกิดความระแวงแล้วเก็บเอาไปฝัน จากฝันร้ายในครั้งนั้นก็กลายเป็นลางบอกเหตุจนทำให้ต้องเลิกรากันไป และเกิดเป็นเพลง #ฉันฝันว่าเธอมีคนอื่น ขึ้นมา แต่จะให้ #มะปรางสุนทรี มาร้องเพลงเศร้าเคล้าน้ำตาอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะท้ายเอ็มวี บอกได้เลยว่าสาวมะปรางมีท่าเต้นสุดแซ่บประกอบเพลงให้ทุกคนได้ลองโยกตาม เรียกได้ว่าเศร้าแบบสตรองของจริง งานนี้แฟนๆ ของสาวมะปราง อย่ารอช้า รีบไปดูเอ็มวี และแกะท่าเต้นท้ายคลิปกันเอาไว้ให้ดีๆ ไม่แน่อาจมี Dance Challenge ออกมาให้ทุกคนได้เต้นตามกันทั่วบ้านทั่วเมืองก็เป็นได้

ส่วนใครที่ยังไม่ได้ชมเอ็มวีเพลง “ฉันฝันว่าเธอมีคนอื่น” ก็สามารถเข้าไปฟังกันได้ที่ช่องยูทูป Budu Records เพื่อเป็นกำลังใจให้กับ “มะปราง สุนทรี” กันเยอะๆ น๊าา

#มะปรางสุนทรี #มะจัดให้ #ฉันฝันว่าเธอมีคนอื่น #maprangjadhai  #BuduRecords

ช่องทางการติดตาม Budu Records 

YouTube : https://youtube.com/@budurecords

Facebook : https://www.facebook.com/BuduRecords?mibextid=LQQJ4d

Ig : https://www.instagram.com/budurecords/

TikTok : https://www.tiktok.com/@budurecords?_t=8baqNY87ICA&_r=1

โฮมโปร ร่วมกับ กฟผ. สร้างสรรค์ “ผ้าม่านประหยัดพลังงาน” เบอร์ 5

นวัตกรรมลดร้อนประหยัดไฟฟ้า เจ้าแรกในประเทศไทย

โฮมโปร ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ สร้างสรรค์นวัตกรรม “ผ้าม่านประหยัดพลังงาน” ผ้าม่านเบอร์ 5 ขึ้นเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ช่วยลดความร้อนในบ้าน พร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันการบริหารจัดการพลังงานภาคประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

นางสาวอิษฏพร ศรีสุขวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ - กลุ่มงาน Design & Product Development บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หนึ่งในเป้าหมายของบริษัทคือการทำธุรกิจเพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดี โดยเฉพาะการแก้ปัญหาอุณหภูมิในบ้านสูงจากสภาวะโลกร้อน ที่ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงการใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น และทำให้เกิดค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นตามไปด้วย โดยโฮมโปรได้ร่วมกับพันธมิตร อย่าง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ (THTI) คิดค้นนวัตกรรมผ้าม่านประหยัดพลังงานขึ้นเป็นเจ้าแรกในประเทศ เพื่อให้ผู้บริโภคอยู่บ้านอย่างสบายและตอบโจทย์เรื่องการประหยัดพลังงาน

โฮมโปร ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ สร้างสรรค์นวัตกรรม “ผ้าม่านประหยัดพลังงาน” ผ้าม่านเบอร์ 5 ขึ้นเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ช่วยลดความร้อนในบ้าน พร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันการบริหารจัดการพลังงานภาคประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

นางสาวอิษฏพร ศรีสุขวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ - กลุ่มงาน Design & Product Development บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หนึ่งในเป้าหมายของบริษัทคือการทำธุรกิจเพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดี โดยเฉพาะการแก้ปัญหาอุณหภูมิในบ้านสูงจากสภาวะโลกร้อน ที่ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงการใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น และทำให้เกิดค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นตามไปด้วย โดยโฮมโปรได้ร่วมกับพันธมิตร อย่าง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ (THTI) คิดค้นนวัตกรรมผ้าม่านประหยัดพลังงานขึ้นเป็นเจ้าแรกในประเทศ เพื่อให้ผู้บริโภคอยู่บ้านอย่างสบายและตอบโจทย์เรื่องการประหยัดพลังงาน

สำหรับนวัตกรรมผ้าม่านประหยัดพลังงาน หรือ “ผ้าม่านลดร้อนอยู่สบาย” สร้างสรรค์ขึ้นจากแบรนด์ Home Living Style (HLS) โดยใช้คุณสมบัติการช่วยป้องกันแสงแดดและความร้อน มาช่วยปรับสภาพแวดล้อมในบ้านให้มีอุณหภูมิที่อยู่ได้อย่างสบาย โดยผลการทดสอบจากสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ (THTI) พบว่ามีค่าการลดความร้อน ได้มากกว่า หรือเท่ากับ 17% รวมถึงยังมีแนวคิดสร้างความสบายให้ผู้บริโภค ทั้งในด้านลดแสงแดดสร้างความสบายตา รับรองด้วยมาตรฐาน SMART FABRIC UV ในการกรองรังสี UVA/UVB ได้มากกว่า 90% พร้อมตัวเลือกหลายรูปแบบที่สั่งตัดได้เองตามชอบ ทั้งผ่านม่าน BLACKOUT และผ้าม่าน DIM-OUT รวมให้เลือกมากกว่า 32 รายการ รับรองด้วยสัญลักษณ์เบอร์ 5 จาก กฟผ. 

 ด้าน นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กฟผ. เป็นหน่วยงานที่มุ่งส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้าให้เกิดประสิทธิภาพในระดับสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และผ้าม่านประหยัดพลังงาน เบอร์ 5 ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถป้องกันความร้อนจากแสงแดดได้จริง ตอบโจทย์การลดใช้ไฟฟ้าอย่างมีคุณภาพ และเป็นตัวเลือกในการส่งเสริมให้เกิดผลลัพธ์ด้านการบริหารจัดการพลังงานในภาคประชาชนได้เป็นอย่างดี

โฟลว์ อินเตอร์ เปิดตลาดเบียร์ออแกนิค ตั้งเป้าเติบโต 5%

บริษัท โฟลว์ อินเตอร์ จำกัด ผู้นำเข้า พอลาเนอร์ เบียร์เยอรมัน และ ฟูลเลอร์ เบียร์อังกฤษ แต่ผู้เดียวในประเทศไทย นำโดย นางสาวกานต์พิชชา คงสมบัติ จัดกิจกรรม Beer Tasting 2023 เบียร์ใหม่ 11 ชนิด พร้อมเปิดตลาดคนรักเบียร์ออแกนิค ตั้งเป้าเติบโต 5%

นางกานต์พิชชา คงสมบัติ ประธานกรรมการ บ. โฟลว์ อินเตอร์ กล่าวว่า จัดงาน Beer Tasting 2023 เพื่อแนะนำสินค้าเบียร์ใหม่ ซึ่งได้นำเข้ามาตั้งแต่ช่วงโควิดที่ผ่านมาแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์นั้นจึงได้เลื่อนการทำตลาด และได้กลับมาทำตลาดอีกครั้ง แต่ในช่วงระยะเวลาช่วงโควิดที่ผ่านมาก็เริ่มมีความต้องการ และทำการตลาดตรงกับร้านค้า ร้านอาหาร 

โดยเมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ แบรนด์ St. Austell  ประกอบด้วย Tribute  , Proper  Job  IPA  และแบรนด์  Samuel Smith  จากประเทศอังกฤษ  ประกอบด้วย    Pure Brewed Organic Lager, Organic Wheat,  Organic Pale Ale, Organic Chocolate Stout และกลุ่มเบียร์ผลไม้ออแกนิค ประกอบด้วย Organic Apricot Fruit Beer, Organic Strawberry fruit Beer, Organic Raspberry Fruit beer, Organic Cherry Fruit beer และตัวสุดท้ายเครื่องดื่มเพื่อความสดชื่น Organic Cider ซึ่ง ได้ส่งเข้าจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตในเครือท็อปทั้งหมดจำนวนกว่า 100 สาขา เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่น ภูเก็ต รวมถึง เข้าร้านอาหารทั่วประเทศเช่นกัน  

นางกานต์พิชชา คงสมบัติ ประธานกรรมการ บ. โฟลว์ อินเตอร์ 


ขณะที่การจัดงานเทสเบียร์ใหม่ของพอลาเนอร์วันนี้ จะมีเอเจนท์จากหลายๆจังหวัดที่จำหน่ายเบียร์ของเราเข้าร่วมงาน เพื่อเทสเบียร์จำนวน 11 ชนิด โดย  9 ชนิด เป็นแบรนด์ Samuel Smith เป็นออแกนิคเบียร์  Top 5 ระดับโลกอีกด้วยและเป็นแบรนด์เดียวที่เป็นออแกนิคเบียร์ ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ณ ตอนนี้

ปัจจุบันนักดื่ม หันมาสนใจเบียร์ออแกนิคมากขึ้น ทุกคนอยากเอ็นจอยกับชีวิต แต่ก็อยากใส่ใจสุขภาพ เซ็ฟตี้กับร่ายกาย จึงเป็นคอนเซ็ปต์ที่บริษัท โฟลว์ อินเตอร์ จำกัด อยากนำเบียร์ที่เป็นออแกนิค เข้ามาเสริมในตลาดเมืองไทย ซึ่งตลาดบ้านเราเบียร์ประเภทออแกนิคยังมีไม่ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักดื่มได้ลอง แต่ราคาก็ค่อนข้างสูงกว่าเบียร์ปกติ เพราะเนื่องจากขั้นตอนการผลิตที่ใช้ มอลต์, ยีนต์ ฮอปส์  ออแกนิค ปลอดสารเคมี จึงดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการวางตามซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้ว เบียร์ออแกนิค มีผลตอบรับค่อนข้างดี ทำให้เห็นช่องทางการตลาดทางนี้ ซึ่งหลังจากวางจำหน่ายเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ปัจจุบันมียอดเพิ่มมากขึ้นถึง 15 เปอร์เซ็นต์ และหลังจากงานเทสเบียร์ในวันนี้ คาดเอเจนท์ได้สัมผัสเบียร์ทั้ง 11ชนิดแล้ว ตลาดเบียร์ไตรมาส 4 จะมียอดเพิ่มมากขึ้นอีก อย่างน้อย 5 เปอร์เซ็นต์





กานต์พิชชา ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ภายในร้านพอลาเนอร์ การ์เด้นท์ ศรีนครินทร์ ก็มีจำหน่ายเบียร์ทุกชนิดของเรา นอกจากนี้ ช่วงปลายปีที่จะถึงนี้ เราจะมีสินค้าเบียร์ใหม่จากประเทศออสเตรเลีย เช่น จิน ที่ใช้ผสมกับเบียร์ หรือโทนิค  มาให้นักชิมได้ลองต่อไป ถือว่าเป็นการเปิดตัวเบียร์ใหม่ ที่สำคัญที่สุด เราต้องการให้พาสเนอร์ได้มารู้จักกัน สร้างคอนเน็กชั่น ต่อยอดทางธุรกิจ เติบโตไปด้วยกัน สามารถเข้ามาเทสเบียร์ได้ที่ร้านอาหารพอลาเนอร์ การ์เด้นท์ ศรีนครินทร์  

เยี่ยมชมในออนไลน์ ผ่านเว็บไซด์ www.paulaner-thailand.com  และ www.paulaner.com ซึ่งสามารถเปิดเข้าชมไว้ตลอดเวลา ส่วนร้าน Paulaner Garden ก็สามารถเข้าชมได้ใน www.paulaner-gerden.com
หรือ facebook : Paulaner Garden

(ส.น.อ.) จัด“ดินเนอร์ทอล์ค” สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์

(ส.น.อ.) จัด “ดินเนอร์ทอล์ค”นำโดย ดร.โสภาพิมพ์ เศรษฐบุตร สิมะกุลธร นายกสมาคมฯ จัดการบรรยายพิเศษพร้อมอาหารค่ำ   ในหัวข้อเรื่อง “เหลียวหลังแลหน้า เมื่อโลกาภิวัฒน์พังทลาย”  โดย เรียนเชิญ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน, วิทยากรผู้เชี่ยวชาญ บรรยาย...ที่โรงแรม เดอะทวินทาวเวอร์ เมื่อเร็วๆนี้



โดยมี ดร.โคธม และพรทิพย์ อารียา ,ดร.พฤฒิไกร ไกรพิพัฒน์ ,ศรีสองรัก ชัยสิทธิ์ , ณรงค์ รักวงษ์ ,
เอิร์ธ สายสว่าง ,บุญญาดา กฤติยะโชติกุล และ ดร.จินดารัตน์ ชุมสาย ณ อยุธยา เข้าร่วมงาน...




สถานที่ : โรงแรม เดอะทวินทาวเวอร์

อินเตอร์แมค 2023 ขนทัพนวัตกรรม เทคโนโลยี Machining Center และ Machine Tools

แบรนด์ชั้นนำทั่วโลก วางเป้าดันไทยเป็น HUB ศูนย์รวมเครื่องจักรกลที่ทันสมัยในอาเซียน

อินเตอร์แมค 2023 ปักหมุดไทยให้เป็นศูนย์กลาง รวมเทคโนโลยีล่าสุดพร้อมเครื่องจักรที่ทันสมัย เพื่ออุตสาหกรรมการผลิตและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างครบครันในภูมิภาคอาเซียน พร้อมจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างวันที่ 10-13 พฤษภาคมนี้ ที่ไบเทค บางนา

เทรนด์ด้านอุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ (Biohealth) ซึง 3 กลุ่มอุตสาหกรรมนี้เป็นกลุ่มขนาดใหญ่ที่มีบทบาทในการผลักดันอุตสาหกรรมภายในประเทศ ในปี 2023 นี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่ผู้ผลิตจะต้องพัฒนาศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีของตนให้สามารถผลิตชิ้นส่วนให้ตรงกับความต้องการของตลาด เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน  เช่น การปรับเปลี่ยนสายการผลิตเพื่อผลิตชิ้นส่วนการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอากาศยาน ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์และอิเล็กรอกนิคส์ รวมไปถึงชิ้นส่วนเครื่องมือแพทย์ คาดว่าจะมีความต้องการสูงสุดในไตรมาส 4 ของปี ดังนั้นช่วงเวลากลางปีถือเป็นจังหวะในการมองหาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำมาเสริมทัพให้กับการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ (Machining Center) และ แมชชีน ทูลส์ (Tooling) ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการขึ้นรูปชิ้นส่วนโลหะการ และส่วนประกอบต่างๆในอุตสาหกรรม รวมไปถึงห่วงโซ่การผลิตชิ้นส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องอาศัยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความแม่นยำ ช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิตเพื่อการแข่งขันที่สูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศให้ได้


ทั้งนี้นอกจากในเรื่องของความรวดเร็วและความแม่นยำสูงในการผลิตที่มีประสิทธิภาพแล้ว เทคโนโลยีการผลิตเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมตามทิศทางการมุ่งสู่ Zero Carbon และการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า เป็นอีกเทรนด์ที่ผู้ผลิตให้ความสำคัญ อาทิ เทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติแบบไร้คนบังคับ การลดหรือละการใช้น้ำยาหล่อเย็น ระบบการเปลี่ยน Tools อัตโนมัติ ระบบประหยัดพลังงานด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ และอื่นๆอีกมากมาย ล้วนเป็นหัวใจสำคัญทีจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมการผลิตในยุคนี้ ด้วยความสำคัญดังกล่าว อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในฐานะผู้นำธุรกิจด้านการจัดแสดงสินค้าและกิจกรรมสำหรับการเจรจาธุรกิจระดับนานาชาติ ได้จับมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน และพันธมิตรชั้นนำ เดินหน้าจัดงาน อินเตอร์แมค 2023 (INTERMACH 2023) วางเป้าหมาย ปักหมุดไทยให้เป็นศูนย์กลางการนำเสนอเทคโนโลยีล่าสุดพร้อมเครื่องจักรที่ทันสมัยให้กับอุตสาหกรรมการผลิตและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างครบครันในภูมิภาคอาเซียน

นายเมธาวัจน์ เศรษฐจินดาเจริญ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ – ประเทศไทย อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า อินเตอร์แมคในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Leading Beyond Success in the Industrial Manufacturing” หรือ “อีกขั้นของความสำเร็จ ครบทุกอุตสาหกรรมการผลิต” เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตสมัยใหม่ (Low Volume / New Material) ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในวงการเครื่องจักรกลและกระบวนการผลิตที่สำคัญต่างๆ กว่า 3 ทศวรรษของงานอินเตอร์แมค ทำให้ทุกครั้งของการจัดงานได้รับการตอบรับที่ดี ปีนี้จะมีผู้ประกอบการกว่า 1,500 แบรนด์ จาก 45 ประเทศ และ 4 พาวิเลียนจาก จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และ สิงค์โปร์ พบแบรนด์ชั้นนำโดยมีผู้ผลิตและจัดจำหน่ายร่วมนำเสนอเทคโนโลยีล่าสุดของแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ (Machining Center) และ แมชชีน ทูลส์ (Tooling) จากแบรนด์ต่างๆ อาทิ CAMPRO, EUMACH, HAAS, HARTFORD, KAFO, MAZAK, MITSUBISHI, MORI-TECH, OKUMA, SODICK, WALTER EWAG ขนทัพนวัตกรรม เครื่องจักรและเทคโนโลยีมาร่วมจัดแสดงและเปิดตัวครั้งแรกในงานนี้ 

ด้านนายวิทยา พลเพชร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดับบลิว. พี. พี. เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด กล่าวถึง แนวโน้มอุตสาหกรรมได้อย่างน่าสนใจว่า ด้วยประสบการณ์ในวงการกว่า 3 ทศวรรษ เรามองว่าหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย คาดว่าภาคอุตสาหกรรมจะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีปัจจัยบวกมาจากการเดินทางที่มีแนวโน้มกลับมาเป็นปกติมากขึ้นทั้งการเดินทางภายในประเทศและการเดินทางระหว่างประเทศ ส่งผลให้ภาคยานยนต์มีโอกาสเติบโต อาทิ อุตสาหกรรมอากาศยาน น่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตขึ้นมาในอนาคตอันใกล้ ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและอุตสาหกรรมสนับสนุนการแพทย์เป็นอีกภาคธุรกิจที่ไทยกำลังให้การสนับสนุนซึ่งในขณะนี้มีหลายประเทศให้ความสนใจ ดังนั้นการเตรียมความพร้อมในเรื่องของเทคโนโลยี Machine Tools เพื่อรองรับเทรนด์ของภาคอุตสาหกรรมจะทำให้ไทยได้เปรียบทางการแข่งขันในอนาคต 

ขณะที่นายฮิโรมิกิ โกโตะ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท โซดิก (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับภาคการผลิตไทย โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญ ทั้งยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเพิ่มความต้องการในตลาด การขยายตัวทางเศรษฐกิจในมิติการเดินทางและขนส่งจากการเปิดประเทศทำให้ภาคยานยนต์น่าจะกลับมาคึกคัด การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันคือการยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล (Machine Tool) ให้มีศักยภาพ ซึ่งภายในงานอินเตอร์แมค 2023 เราได้นำเอาเครื่อง (Wire Cut EDM) และ เครื่องกัดเนื้อโลหะ (Die-Sinker EDM) มาร่วมจัดแสดงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการปักหมุดไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการผลิตและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องของภูมิภาคอาเซียน

 มาร่วมกันผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทย สุ่อีกขั้นของความสำเร็จ ไปพร้อมกันในงานอินเตอร์แมค 2023 (Intermach 2023) งานแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิต เพื่อการจัดซื้อชิ้นส่วนชั้นนำของอาเซียน โดยปีนี้จัดร่วมกับงานพลาสติกแอนด์รับเบอร์ไทยแลนด์ 2023 (Plastic & Rubber Thailand 2023) งานแสดงเทคโนโลยี เครื่องจักร และวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมพลาสติกและยางแบบครบวงจรในประเทศไทย รวมทั้งจัดร่วมกับงานซับคอน ไทยแลนด์ 2023 (Subcon Thailand 2023) งานแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและการจับคู่ธุรกิจชั้นนำของอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 – 13 พฤษภาคม 2566  ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ติดตามข่าวสารและรายละเอียดของการจัดงานได้ที่ www.intermachshow.com

27 เมษายน 2566

ไทวัสดุ กลุ่มฮาร์ดไลน์ของเซ็นทรัล รีเทล โชว์แกร่ง ปี 2566

เตรียมโตกว่า 15% จ่อขยายเพิ่มอีก 10 สาขา หนุนดีมานด์ก่อสร้าง – ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไตรมาสแรกส่ง “รังสิต โคราช กำแพงเพชร ภูเก็ต” 

กรุงเทพฯ 24 มีนาคม 2566 – ไทวัสดุ ผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล (CRC) เปิดศักราชการลงทุนปี 2566 เตรียมขยายไทวัสดุ 10 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ชูไตรมาสแรก บุกเปิดสาขาครบทุกภาค รังสิต โคราช กำแพงเพชร และภูเก็ต ภายในปี 2566 ตั้งเป้ามี 80 สาขาทั่วไทย สอดรับเป้าหมายของ CRC ที่คาดว่าจะสร้างรายได้รวมเติบโตกว่า 15% รับการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ จากดีมานด์การก่อสร้างที่อยู่อาศัยซึ่งคาดว่าจะส่งสัญญาณบวกให้กับธุรกิจ

 

            นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัลรีเทล เปิดเผยว่า ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ตั้งเป้าสู่การเป็นต้นแบบการดำเนินธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านที่พร้อมส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพแบบครบวงจรรวมถึงร่วมเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการขับเคลื่อเศรษฐกิจตามยุทธศาสตร์ของ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ที่พร้อมสร้างการเติบโตให้กับทุกกลุ่มธุรกิจในเครือ เพื่อมุ่งสู่ The Next Sustainable Growth นำธุรกิจค้าปลีกเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืน โดยไทวัสดุ ถือเป็นกลุ่มธรุกิจที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีส่วนแบ่งการตลาด (Market share) ในกลุ่ม Home & Garden specialist retailer เติบโตเพิ่มขึ้นจาก 4.3% ในปี 2555 เป็น 9.8% ในปี 2564 อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ของ HSBC Research ซึ่งในปี 2566 นี้ ทางไทวัสดุเอง ตั้งเป้ายอดขาย เติบโตที่  15%

ในปี 2566 ไทวัสดุยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการเติบโตตามเป้าหมาย เตรียมขยาย 10 สาขาใหม่ทั่วประเทศ ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง และเป็นพื้นที่ที่มีดีมานด์ด้านการก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขยายของกลุ่มธุรกิจฮาร์ดไลน์ในเครือ (ไทวัสดุ, บีเอ็นบีโฮม, เพาเวอร์บายซึ่งการเติบโตดังกล่าวได้รับอานิสงส์มาจากปัจจัยที่จะเป็นแรงหนุนให้ตลาดวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านเติบโตมาจากแนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี2566 ที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทย จะเติบโตกว่า 4%  ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการเติบโตทางเศษฐกิจ และอิทธิพลบวกจากภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยในปีนี้จะเป็นการต่อยอดสาขาทั้งในรูปแบบมาตรฐาน (Red Format) และแบบไฮบริด ฟอร์แมท (Hybrid Format) โดยมีเป้าหมายที่จะขยายฐานผู้บริโภค เจาะกลุ่มเมืองท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่  เพื่อเป็นศูนย์สินค้าก่อสร้างและตกแต่งบ้านครบวงจร โดยในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2566 นี้ได้เปิดสาขาไปแล้วแห่ง ได้แก่

 

·              ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขารังสิตคลอง 4 ซึ่งเป็นการรวมตัวระหว่าง ไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮมในรูปแบบไฮบริด พัฒนาขึ้นจากความต้องการของผู้บริโภคที่เลือกหาซื้อทั้งซื้อวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านครบจบในที่เดียว ตั้งอยู่บนพื้นที่ใจกลางรังสิตกว่า 20,000 ตร.ม และมีสินค้าที่ครบครันกว่า 30,000 รายการโดยการเปิดสาขารังสิต คลองมีเป้าหมาย เพื่อรองรับ การขยายตัวอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯ โซนเหนือมีบริการสำคัญ อาทิ โฮมเซอร์วิส การบริการ ออกแบบ ติดตั้ง ซ่อมแซม จากทีมวีฟิกซ์ ทีมช่างมืออาชีพ ที่ได้มาตรฐาน คุณภาพและบริการ

 

·              ไทวัสดุ สาขาโคราช หัวทะเล ในรูปแบบ Red Format นับเป็นสาขาที่ 67 ของประเทศ และสาขาที่ 3 ของจังหวัดนครราชสีมา ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 17,000 ตร.ม. เพื่อรองรับตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดที่มีอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดในภาคอีสาน รวมทั้งการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้าง บนพื้นที่ประตูอีสานให้ทันกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

 


โดยในเดือนมีนาคมนี้ ไทวัสดุเดินหน้าเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ ไทวัสดุ สาขากำแพงเพชร และไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาภูเก็ต อ.ฉลอง ถือว่าไตรมาสแรกของปี ไทวัสดุ รุกเปิดไปแล้วถึง สาขา ทุกภาคทั่วไทย ทั้ง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ โดยในปี 2566 ไทวัสดุตั้งเป้ามีสาขารวม  80 สาขา ครอบคลุมทุกพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ ซึ่งการที่ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมธุรกิจก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านที่ยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ที่มีการปรับตัวธุรกิจให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในมิติหลากหลายยิ่งขึ้น และยังมุ่งมั่นสร้างความแข็งแกร่งให้พันธมิตรทางธุรกิจเติบโตไปด้วยกันซึ่งถือเป็นการเสริมทัพให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งพร้อมส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพแบบครบวงจร นายสุทธิสาร กล่าวปิดท้าย

 

ติดตามข้อมูลข่าวสาร พร้อมรายละเอียดโปรโมชัน เพิ่มเติม ได้ที่ www.thaiwatsadu.com 

Facebook Fanpage: Thai Watsadu และ ไลน์ไอดี @Thaiwatsadu หรือ โทร. 1308


ทีเส็บหนุน ม.แม่ฟ้าหลวงเชียงราย จัดประชุมวิชาการเครือข่ายชาและกาแฟไทย

ทีเส็บภาคเหนือหารือสถาบันชาและกาแฟ ม.แม่ฟ้าหลวงเชียงราย ร่วมเป็น Knowledge Partner ส่งเสริมอุตสาหกรรมชาและกาแฟภาคเหนือ พร้อมพบปะภาคเอกชนเชียงรายนำโครงการหลักยกระดับศักยภาพไมซ์เชียงราย

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 นายภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการและรักษาการผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคเหนือ พร้อมทีมสำนักฯ ภาคเหนือ ได้เข้าพบหารือกับ ผศ.ดร.ปิยาภรณ์ เชื่อมชัยตระกูล ผู้อำนวยการสถาบันชาและกาแฟแห่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เกี่ยวกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมชาและกาแฟจังหวัดเชียงรายผ่านกลไกการประชุมวิชาการและงานแสดงสินค้า ซึ่งทีเส็บได้ให้การสนับสนุนสถาบันชาและกาแฟแห่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในการจัดงานประชุมวิชาการเครือข่ายชาและกาแฟประเทศไทย ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 6 – 9 กรกฎาคม 2566 ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง คาดว่าจะมีเกษตรกร ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมชาและกาแฟเข้าร่วมประชุม ณ สถานที่และผ่านระบบออนไลน์กว่า 300 คน





ทั้งนี้ สถาบันชาและกาแฟแห่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นับเป็นศูนย์กลางขององค์ความรู้และการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านชาและกาแฟของภาคเหนือ ได้รับการยอมรับทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ โดยมีความร่วมมือในระดับนานาชาติกับประเทศที่มีองค์ความรู้ด้านชาในลำดับต้น ๆ ของโลก อย่าง จีน และญี่ปุ่น มีการทำงานร่วมกับเครือข่ายชาและกาแฟในประเทศทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ อย่างครบวงจร ตลอดจนได้ร่วมพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมชาและกาแฟอย่างต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลาเกือบยี่สิบปี ทีเส็บจึงเห็นว่าสถาบันชาและกาแฟฯ เป็น Knowledge Partner ที่แข็งแกร่งในการร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมชาและกาแฟของภาคเหนือผ่านกลไกของไมซ์ได้เป็นอย่างดี

ทีเส็บภาคเหนือและสถาบันชาและกาแฟฯ ยังได้หารือถึงความร่วมมือในอนาคตในการส่งเสริมอุตสาหกรรมชาและกาแฟของภาคเหนือ โดยเชื่อมโยงแหล่งผลิต ตลาด และเส้นทางท่องเที่ยวระหว่างเชียงราย-เชียงใหม่ และพื้นที่อื่น ๆ ในภูมิภาค รวมทั้งความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการกาแฟสิงห์เหนือเสือใต้เพื่อการเชื่อมโยงตลาดและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้ผลิต ผู้ประกอบการกาแฟภาคเหนือและภาคใต้อีกด้วย เชื่อว่าการทำงานร่วมกันผ่านกลไกของไมซ์จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมชาและกาแฟของภาคเหนือให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์เช่นเดียวกัน

นอกเหนือจากการหารือร่วมกับสถาบันชาและกาแฟแห่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงแล้ว ทีมทีเส็บภาคเหนือยังได้ร่วมพบปะกับตัวแทนภาคเอกชนของจังหวัดเชียงราย ได้แก่ หอการค้าจังหวัดเชียงราย สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมศักยภาพของจังหวัดเชียงรายผ่านกลไกของไมซ์ ซึ่งในปีงบประมาณ 2566 นี้ ทีเส็บจะดำเนินโครงการสำคัญ ๆ ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ได้แก่ โครงการสนับสนุนการตลาดเมืองที่มีศักยภาพด้วยการกำหนดจุดขายเมืองจากการพัฒนา City DNA หรือ  อัตลักษณ์ของเมือง และกิจกรรมยกระดับการพัฒนาและการมีส่วนร่วมของชุมชนสู่ผลิตภัณฑ์ไมซ์พรีเมียมภายใต้โครงการบูรณาการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ: ไมซ์สร้างสรรค์รวมพลังชุมชนภาคเหนือ ซึ่งทั้งสองกิจกรรมต้องอาศัยการบูรณาการความร่วมมือตลอดจนความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งจากการหารือร่วมกันในเบื้องต้นได้รับการตอบรับจากตัวแทนภาคเอกชนด้วยดี และจะมีการประสานงานเพื่อดำเนินโครงการในพื้นที่ต่อไป ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวนับเป็นการทำงานกับภาคีจังหวัดเชียงรายในฐานะพื้นที่ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านไมซ์อย่างต่อเนื่อง

แม็คโคร จับมือ PIM ปั้นหลักสูตรเฉพาะทางธุรกิจค้าส่ง ครั้งแรกของไทย

ชูจุดเด่น ‘เรียนฟรี – การันตีมีงานทำ’ สร้างมืออาชีพป้อนตลาดเติบโต! 

แม็คโคร สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในวงการศึกษา และค้าปลีกค้าส่งของไทย ร่วมมือกับ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) พัฒนาหลักสูตรปริญญาตรี ด้านการจัดการธุรกิจค้าส่งสมัยใหม่ เรียนทฤษฎีสลับฝึกงานพร้อมมีรายได้ ตลอด 4 ปี แถมให้ทุนเรียนฟรี การันตีจบแล้วมีงานทำ ตั้งเป้าพัฒนาบุคลากรเฉพาะทางค้าปลีกค้าส่งป้อนตลาด   

นาง เสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร เปิดเผยว่า แม็คโครมุ่งมั่นนโยบาย “สร้างงาน สร้างอาชีพ” วางเป้าหมายสร้างบุคลากรเชิงรุก ให้มีทักษะฝีมือ พร้อมรับการเติบโตของตลาดค้าส่งค้าปลีกที่มีความต้องการทักษะเฉพาะทาง จึงได้ร่วมกับ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) ลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการความร่วมมือทางการศึกษา พัฒนาหลักสูตรด้านการจัดการธุรกิจค้าส่งสมัยใหม่ (Modern Wholesale Food Business Management ) ให้ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงในสายงานธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง โดยใช้ความเชี่ยวชาญของแม็คโคร ผสานกับองค์ความรู้ในด้านวิชาการและหลักสูตรการบริหารจัดการของ PIM เปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจได้เข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี ผ่านเครือข่ายโรงเรียนพันธมิตรกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ เป็นทางเลือกเพื่อทำงานในสายอาชีพที่มั่นคง ได้เป็นบุคลากรที่มีเส้นทางการเติบโตในสายอาชีพชัดเจน 

“หลักสูตรนี้ มุ่งเน้นการเรียนควบคู่กับการฝึกปฏิบัติงานที่มีรายได้ตอบแทน ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง เมื่อจบหลักสูตรก็พร้อมทำงานระดับ ’หัวหน้างาน’ ได้ทันที ถือเป็นโปรแกรม Fast-Track ที่นักศึกษาได้ประโยชน์สูงสุด  ซึ่งแม็คโคร มีโครงการมอบทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องด้วย เรามุ่งหวังพัฒนาเยาวชนเพื่อให้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา และก้าวสู่การเป็นบุคลากร นักจัดการที่มีคุณภาพในสายงานค้าปลีกค้าส่งของไทยต่อไป โดยจะมีการเปิดรับนักศึกษาในหลักสูตรใหม่นี้ช่วงปลายปี 2566” นาง เสาวลักษณ์ กล่าว 


ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดี สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) กล่าวว่า “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือทางวิชาการกับบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เพื่อสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชนทั่วประเทศ เราเชื่อมั่นในแม็คโคร ซึ่งมีองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง การผนึกกำลังในครั้งนี้นับเป็นการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ และเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน การสร้างบัณฑิตที่พร้อมทำงาน ผ่านรูปแบบการเรียนการสอนที่เรียกว่า Work-based Education เป็นการเรียนรู้ควบคู่กับการฝึกปฏิบัติงาน  PIM ในฐานะของภาคการศึกษาพร้อมผลักดันความร่วมมือนี้ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม”  

ทั้งนี้ แม็คโคร เป็นผู้นำธุรกิจค้าส่งสมัยใหม่ ที่วางเป้าหมายในการสร้างงานสร้างรายได้ในทุกมิติ โดยตั้งเป้า  400,000 ราย ภายในปี 2573 โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาหลักสูตรให้ตรงตามความต้องการของตลาด สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการพัฒนาฝีมือแรงงานที่มีคุณภาพ รองรับภาคธุรกิจค้าส่งค้าปลีกของไทยที่มีอัตราการเติบโตในทุกปี