30 มกราคม 2563

ดีเหลือเกิน ถ้าเราได้เดิน เคียงข้างกัน รักนี้ "ให้" เธอ ณ.สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี


ชวนร่วมกิจกรรมจิตอาสา โครงการ รักนี้ "ให้" เธอ

ชมรมเว็ปคลับ ไทยแลนด์ ร่วมกับสมาชิกสื่อมวลชนและองค์กรภาคี ขานรับเดือนแห่งความรัก ด้วยการจัดงานกิจกรรมการกุศล โครงการ รักนี้ “ให้” เธอ (สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี)  จะมีขึ้นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 10.30 น. ณ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิง ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 

นางสาวนาริฐา จ้อยเอม ประธานชมรม เว็บคลับ ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ในนามชมรม " WebClub Thailand” 
ได้จัดทำโครงการ รักนี้ ”ให้” เธอ( สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี)
  กิจกรรมเพื่อการกุศล อันถือเป็น Charity No 1 ของสมาชิกชมรมเว็บคลับ ไทยแลนด์ ซึ่งประกอบด้วยสื่อมวลชนจากหลากหลายแขนง อาทิ หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สำนักข่าวออนไลน์
ทางชมรม เว็บคลับ ไทยแลนด์ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการแบ่งปันความรัก ความเอื้ออาทร เพื่อมอบให้แก่ผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคม ในเทศกาลเดือนแห่งความรักนี้ จึงจัดระดมทุนทรัพย์หรือของใช้ที่มีความจำเป็นสำหรับสตรี โดยเชิญชวนองค์กรพันธมิตรหลายแห่งที่มีความประสงค์จะร่วมโครงการ รักนี้ “ให้”เธอ เพื่อคนไร้ที่พึ่ง  ซึ่งอยู่ในความดูแลของ นางปรานอม ประดิษฐกำจรชัย ผู้ปกครองสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี จำนวนทั้งสิ้น 438 คน อายุตั้งแต่ 18 ปีจนถึงผู้สูงวัย มีเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล 38 คน 




ทั้งนี้ "Web Club Thailand"ได้ลงพื้นที่จริง และพูดคุยกับผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ฯ พบว่ามีปัญหามากมายที่รอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญอีกจำนวนมาก ท่านสามารถเดินทางร่วมกิจกรรมหรือมอบเงินหรือสิ่งของบริจาค ในรูปแบบที่ท่านสะดวก โดยกำหนดการจัดกิจกรรม รักนี้ ”ให้”เธอ (สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี) ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 10.30 น. ณ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิง ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี โดย นายอุเทน ชนะกุล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองสวัสดิภาพและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต และ เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ"

นางปรานอม ประดิษฐกำจรชัย ผู้ปกครองสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เผยว่า “สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี เป็นสถานที่ ๆ ให้ความช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งหญิงตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ทั้งเรื่องปัจจัย 4 อาหาร ที่พัก เครื่องใช้ที่จำเป็น การรักษาพยาบาลโดยเจ้าหน้าที่พยาบาล,แพทย์ทางจิตเวชและผิวหนัง จัดทำทะเบียนประวัติ ติดต่อญาติ ให้คำปรึกษาแนะนำแก้ไขปัญหา ฟื้นฟูสภาพจิตใจ จัดทำกิจกรรมบำบัดผ่อนคลายความตึงเครียด เช่น งานหัตถกรรม ตัดเย็บ เสริมสวย และการเกษตรเพื่อให้ผู้สูงอายุมีกำลังใจและสามารถช่วยเหลือบุคคลอื่นได้ด้วย จำนวนผู้ที่อยู่ในความดูแลมีจำนวนทั้งสิ้น 438 คนต่อความดูแลของเจ้าหน้าที่ 38 คน” 



โดยสามารถร่วมบริจาคได้ตามช่องทางดังนี้
1.บริจาคด้วยตนเอง ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 10.30 น.
ณ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิง ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

2.โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นาริฐา จ้อยเอม
เลขที่บัญชี 7622356931 (กรุณาบันทึกช่วยจำในสลิปการโอนเงินว่า
  เพื่อโครงการ รักนี้ ให้ เธอ)
 กรุณาส่งหลักฐานการโอนเงิน พร้อมทั้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ อย่างชัดเจน มาที่ Line 0815547272 (ก๊อก Btripnews)
 เพื่อดําเนินการออกใบเสร็จรับเงิน

3.สำหรับสิ่งของบริจาค สามารถส่งไปที่ กองหนึ่งใจ... เดียวกันฯ 255. ภายในบริเวณสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี ถนนราชวิถี  แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี  กทม.10400 (ส่งต่อ : สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี โครงการ  รักนี้ “ให้” เธอ)  เจ้าหน้าที่ประสานงาน กองหนึ่งใจ คุณเปรม 09 1879 7982 คุณจิ๋ม 06 3192 7485
หรือ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี เลขที่ 7 หมู่ 2 ถนน รังสิต - นครนายก ตำบลรังสิต
อำเภอธัญบุรี ปทุมธานี 12110 โทร. 0 2577 1148
  (โครงการ  รักนี้ “ให้” เธอ) 
(เปิดรับบริจาคตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 16.00 น.)
สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการได้ที่ Facebook : Webclub Thailand

ชมรม เว็บคลับ ไทยแลนด์  Web Club Thailand (WCT)
7/162 บูรพา 25  ซอยเวฬุวนาราม 36 ตำบล ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210
โทร 081 5547272
     

สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี

เชิญชวนร่วมกิจกรรมจิตอาสา โครงการ : รักนี้  "ให้"  เธอ 



ชมรมเว็ปคลับ ไทยแลนด์ ร่วมกับสมาชิกสื่อมวลชนและองค์กรภาคี ขานรับเดือนแห่งความรัก ด้วยการจัดงาน
กิจกรรมการกุศล โครงการ รักนี้  “ให้” เธอ (สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี) มีขึ้นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
เวลา 10.30 น. ณ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิง ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
 

นางสาวนาริฐา จ้อยเอม ประธานชมรม เว็บคลับ ไทยแลนด์
นางสาวนาริฐา จ้อยเอม ประธานชมรม เว็บคลับ ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ในนามชมรม  " WebClub Thailand "
ได้จัดทำโครงการ รักนี้ ”ให้” เธอ( สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี)  กิจกรรมเพื่อการกุศล อันถือเป็น Charity No 1 ของสมาชิกชมรมเว็บคลับ ไทยแลนด์ ซึ่งประกอบด้วยสื่อมวลชนจากหลากหลายแขนง อาทิ หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สำนักข่าวออนไลน์  ทางชมรม เว็บคลับ ไทยแลนด์ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการแบ่งปันความรัก ความเอื้ออาทร เพื่อมอบให้แก่ผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคม ในเทศกาลเดือนแห่งความรักนี้ จึงจัดระดมทุนทรัพย์หรือของใช้ที่มีความจำเป็นสำหรับสตรี

โดยเชิญชวนองค์กรพันธมิตรหลายแห่งที่มีความประสงค์จะร่วมโครงการ รักนี้ “ให้”เธอ เพื่อคนไร้ที่พึ่ง
  ซึ่งอยู่ในความดูแลของ
นางปรานอม ประดิษฐกำจรชัย ผู้ปกครองสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี จำนวนทั้งสิ้น 438 คน อายุตั้ง
แต่ 18 ปี ไปจนถึงผู้สูงวัย มีเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล 38 คน





ทั้งนี้ "Web Club Thailand"  ลงพื้นที่จริง และพูดคุยกับผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ฯ พบว่ามีปัญหามากมายที่รอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญอีกจำนวนมาก ท่านสามารถเดินทางร่วมกิจกรรมหรือมอบเงินหรือสิ่งของบริจาค ในรูปแบบที่ท่านสะดวก โดยกำหนดการจัดกิจกรรม รักนี้ ”ให้”เธอ (สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี) ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 10.30 น. ณ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิง ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี โดย นายอุเทน ชนะกุล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองสวัสดิภาพและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต และ เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ"

นางปรานอม ประดิษฐกำจรชัย ผู้ปกครองสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เผยว่า “สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี เป็นสถานที่ ๆ ให้ความช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งหญิงตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ทั้งเรื่องปัจจัย 4 อาหาร ที่พัก เครื่องใช้ที่จำเป็น การรักษาพยาบาลโดยเจ้าหน้าที่พยาบาล,แพทย์ทางจิตเวชและผิวหนัง  จัดทำทะเบียนประวัติ ติดต่อญาติ ให้คำปรึกษาแนะนำแก้ไขปัญหา ฟื้นฟูสภาพจิตใจ จัดทำกิจกรรมบำบัดผ่อนคลายความตึงเครียด เช่น งานหัตถกรรม ตัดเย็บ เสริมสวย และการเกษตรเพื่อให้ผู้สูงอายุมีกำลังใจและสามารถช่วยเหลือบุคคลอื่นได้ด้วย จำนวนผู้ที่อยู่ในความดูแลมีจำนวนทั้งสิ้น 438 คนต่อความดูแลของเจ้าหน้าที่ 38 คน” ร่วมบริจาคเพื่อการเปลี่ยนแปลง

นางปรานอม ประดิษฐกำจรชัย ผู้ปกครองสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
 

โดยสามารถร่วมบริจาคได้ตามช่องทางดังนี้
1.บริจาคด้วยตนเอง ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 10.30 น.
ณ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิง ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

2.โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นาริฐา จ้อยเอม
เลขที่บัญชี 7622356931 (กรุณาบันทึกช่วยจำในสลิปการโอนเงินว่า
  เพื่อโครงการ รักนี้ ให้ เธอ)
กรุณาส่งหลักฐานการโอนเงิน พร้อมทั้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ อย่างชัดเจน มาที่ Line 0815547272 (ก๊อก Btripnews)  
เพื่อดําเนินการออกใบเสร็จรับเงิน



3.สำหรับสิ่งของบริจาค สามารถส่งไปที่ กองหนึ่งใจ... เดียวกันฯ 255. ภายในบริเวณสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี
ถนนราชวิถี
  แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี  กทม.10400 (ส่งต่อ : สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี โครงการ  รักนี้ “ให้” เธอ)  เจ้าหน้าที่ประสานงาน กองหนึ่งใจ คุณเปรม 09 1879 7982 คุณจิ๋ม 06 3192 7485  
สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี 130 หมู่ 2 ถนน รังสิต - นครนายก ตำบลรังสิต  อำเภอธัญบุรี ปทุมธานี 12110
โทร. 0 2577 1148
  (โครงการ  รักนี้ “ให้” เธอ)
(เปิดรับบริจาคตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 16.00 น.)
สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการได้ที่ Facebook : Webclub Thailand

ชมรม เว็บคลับ ไทยแลนด์  Web Club Thailand (WCT)
7/162 บูรพา 25  ซอยเวฬุวนาราม 36 ตำบล ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210
โทร 081 5547272
     

29 มกราคม 2563

ปั่นปันรัก พักเมืองรอง เปิดศักราชใหม่ 2020

สนามที่ 9 เนืองแน่นเกือบพันคน
เตรียมจัดสนามที่ 10 ต่อไป

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดงาน "ปั่นปันรัก พักเมืองรอง”จังหวัดนครนายก มีนักปั่นจักรยานท่องเที่ยว ร่วมกิจกรรมอย่างเนืองแน่น ขณะที่ชมรมสื่อสร้างสรรค์เพื่อการท่องเที่ยว ยังร่วมกิจกรรมแอดเวนเจอร์ และเที่ยวชมสวนมะยงชิด ของดีเมืองนครนายกด้วย

เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2563 ที่บริเวณเขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก พันเอก สุรินทร์ ปรียานุช รองผู้อำนวยการักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน.จังหวัดนครนายก เป็นประธานเปิดงาน “ปั่นปันรัก พักเมืองรอง” สนามที่9 นครนายก โดยมี จ่าสิบตำรวจ สกล ทองคำ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.สำนักงานนครนายก , ชมรมสื่อสร้างสรรค์เพื่อการท่องเที่ยวและบริษัทฮาฮาริช ผู้ร่วมจัดงาน ซึ่งสนับสนุนโดยบริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด มหาชน, ขนมปังเลอแปง เป็นต้น เข้าร่วมในพิธีเปิด นอกจากนี้ ยังมีนักปั่นจักรยานทั้งในพื้นที่และจากจังหวัดอื่น ร่วมกิจกรรมเกือบหนึ่งพันคน ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก สนุกสนาน กับเส้นทางปั่นจักรยานท่องเที่ยวที่โดดเด่น ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และชุมชน


จ่าสิบตำรวจ สกล ทองคำ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานนครนายก เปิดเผยว่า “กิจกรรมปั่นจักรยานครั้งนี้ ตลอดเส้นทาง 43 กิโลเมตรนักปั่นฯ จะได้สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังทั้งเขื่อนขุนด่านปราการชล, อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ, ตลาดชุมชนลาวเวียงวัดคีรีวัน สัมผัสตลาดวิถีชาวบ้านตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงที่มีอัตลักษณ์ของชาวบ้านแบบดั้งเดิม”
ขณะเดียวกัน กิจกรรมปั่นปันรัก พักเมืองรอง @นครนายก ยังให้นักปั่นฯ มีส่วนร่วมในกิจกรรมลดโลกเลอะ เช่นแยกขยะก่อนทิ้ง, นำกระบอกน้ำมาเองและใช้ภาชนะที่ผลิตจากธรรมชาติ รวมถึงกิจกรรม CSR โดย นายพูลผล แพทอง ประธานชมรมสื่อสร้างสรรค์เพื่อการท่องเที่ยว มอบเงินสนับสนุนกิจกรรมชุมชน อีกด้วย



สำหรับนักปั่นจักรยานท่องเที่ยว ที่พลาดโอกาสสนาม ”ปั่นปันรัก พักเมืองรอง” จังหวัดนครนายก ยังสามารถร่วมกิจกรรมในโครงการนี้ ในครั้งต่อไปที่จังหวัด ปราจีนบุรี เดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยติดตามทางเพจเฟสบุ๊ค ”ปั่นปันรัก พักเมืองรอง” เท่านั้น
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานนครนายก ยังนำคณะสื่อมวลชน จากชมรมสื่อสร้างสรรค์เพื่อการท่องเที่ยว เข้าเที่ยวชมและชิม สวนมะยงชิด “ภาณุพงศ์” ของนายเล็ก พิทักษาวรากร ที่ ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.นครนายกประมาณ ห่างจากตัวเมือง นครนายกเพียง 3 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งสวนแห่งนี้พื้นที่กว่า 30 ไร่ แบ่งส่วนหนึ่งสำหรับทำนาและที่เหลือปลูกมะยงชิดพันธุ์ ซึ่งเป็นพันธุ์แท้ของนครนายก ซึ่งปัจจุบันมีมะยงชิด ออกผลิตผลจำนวนมาก และมีรสชาติดี และยังมีขายกิ่งพันธุ์ด้วย สามารถติดต่อสวนภาณุพงศ์ ได้ที่เบอร์โทร 086-3253254 หรือ ททท. นครนายก โทรศัพท์ โทรศัพท์: 037-312282, 037-312284  สายด่วน 1672 เบอร์เดียว เที่ยวทั่วไทย


สำหรับจังหวัดนครนายก ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวธรรมชาติและผจญภัย มีแหล่งท่องเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์ ผจญภัยที่มีชื่อเสียง และผู้ประกอบการ ผลงานรางวัลยอดเยี่ยมระดับ อันซีนไทยแลนด์ “4 หน้าผา 5 น้ำตก” อาทิ สาริกา แอดเวนเจอร์ พอยท์ สถานที่สำหรับคนรักธรรมชาติและการผจญภัย ชอบความท้าทาย ทั้งเดินป่า ดูนก ปีนหน้าผา โรยตัว พายเรือคายัค ล่องแก่ง ยิงปืนเพนท์บอล ขับรถโกคาร์ด กิจกรรมขับรถ ATV ที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกโปรแกมสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติแบบใกล้ชิดด้วยตนเอง โดยมีทีมงาน น้าหมู สาริกา หรือ บดินทร์ จันทศรีคำ และพี่ตุ๊ ผู้มีหัวใจสีเขียวและร่วมอนุรักษ์ผืนป่าและสัตว์ป่า อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งจะคอยดูแลนักท่องเที่ยวอย่างดียิ่ง

ติดต่อ 085 374 2496 พี่ตุ๊ หรือเพจเฟสบุ๊ค Sarika Adventure Point นครนายก
Cr. โรงแรม วังยาว รีเวอร์ไซต์ รีสอร์ต ,ริเวียร่า วิลล่า นครนายก ที่พักแนะนำ

ททท จัดงานโยคะยิ่งใหญ่ครั้งแรกในเชียงใหม่ !

ททท สำนักเชียงใหม่ ร่วมกับ บริษัท เมคเฟรนส์ ฟอร์ยู จำกัด 

โยคะที่มีท่วงท่างดงาม  ททท สำนักเชียงใหม่ ร่วมกับ บริษัท เมคเฟรนส์ ฟอร์ยู จำกัดจัดขึ้นฟกิจกรรม Chiangmai Yoga Art & Dance 2020 เพื่อต้อนรับวาเลนไทม์ โดยการจัดงานโยคะยิ่งใหญู่ ที่ วันนิมมาน พร้อมลมหนาวกลางใจเมืองเชียงใหม่เริ่มขึ้นในวันที่ 14-16 กพ 2563
รวมครูโยคะ  
ครูสอนเต้น กว่า 30 คนทั้งในประเทศ และเอเชีย พร้อมกับคลาสฝึกฝนกว่า 50 คลาสเพื่อให้ร่างกายเกิดความสมดุลมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาโรคต่างๆ  มีความสุข กับการฝึกโยคะ การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ขอให้ขยัน มีวินัย อดทน อย่าท้อ




จัดงานโยคะยิ่งใหญู่ ที่ วันนิมมาน ชั้น 5 , ชั้น 1 
โดยรวมครู ผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ เทคนิคพิเศษต่างๆ โดยพิเศษสุด ห้องโยคะเรืองแสง สร้างสีสันโดย AIA Vatality มาให้ความสุข สนุกสนาน ในการเล่นโยคะมากขึ้น
การจัดงาน 3 วัน 14-16 ก.พ 63 ตั้งแต่ 8.30-20.00 น พร้อมกิจกรรมมากมายภายในงาน อาทิ เช่น
บูธขายสินค้าทั้งในเชียงใหม่ กรุงเทพ และต่างประเทศ บูธแสดงศิลปะของเชียงใหม่ การเพ๊นท์ร่ม การทำเครื่องเงิน กานวดแบบล้านนา และพิเศษสุด ตรวจสุขภาพฟรี เจาะเลือด เช็คเบื้องต้น 
โดย AIA Vatality

ติดต่อซื้อบัตรล่วงหน้าได้ที่
www.eventpop.me/e/6631
คนเชียงใหม่ ราคาพิเศษที่ www.asiawellness.net,
Tel/Line : 090 657 3020

28 มกราคม 2563

พส. ชี้แจง กรณี สื่อสังคมออนไลน์ลงข่าว

ถึงกับเหวอ! สาวสุดสงสาร
เจอลุงขอทานตาบอด แต่โป๊ะแตก  ลุงขับรถฟอร์จูนเนอร์ 


   
จากกรณีสื่ออนไลน์ นำเสนอข่าว เจอลุงขอทานตาบอด ขับรถฟอร์จูนเนอร์นำมาจอดไว้บริเวณหน้ารั้ว
วัดดอนสะแก ตำบลบางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี   

กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ โดยศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนนทบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีดังกล่าว และสอบถามข้อมูลกับผู้ประกอบการร้านค้า พ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาชื้อของในตลาด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 50 – 60 ปี แต่งกายเสื้อผ้าเก่าสวมแขนยาว กางเกงขายาว สวมแว่นตาสีดำ ถือไม้เท้า สวมหมวก มีลำโพงและไมค์ เพื่อใช้ในการร้องเพลง บางครั้งจะมีผู้หญิงเดินจูงเพื่อขอเงิน และใช้วิธีการเดินจากวัดไปตลาดและบริเวณข้างเคียง โดยการร้องเพลง จะเริ่มเดินขอทานช่วงเวลา 15.30 – 17.00 แต่ไม่ได้มาทุกวัน จะพบเห็นวันจันทร์กับวันศุกร์ และไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่บริเวณแถวนั้น เพลงที่ใช้ร้องส่วนใหญ่ เป็นเพลงลูกทุ่ง ร้องเป็นทำนอง และไม่พบเห็นบัตรผู้แสดงความสามารถ ตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 บางครั้งมีพฤติกรรมแกล้งเป็นคนตาบอดถือไม้เท้าร้องเพลง เพื่อให้ประชาชนบริเวณ ซอยตลาดพระปิ่น 3 ซอย 9 เกิดความสงสาร และมอบเงินให้ ซึ่งประชาชนที่เดินไปมา จะพบเห็นพฤติกรรมการขอเงิน



   
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ขอชี้แจง ว่าจากกรณีดังกล่าว ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการลงพื้นที่ในทันที แต่ไม่พบชายรายดังกล่าว ได้สอบถามผู้ประกอบการในตลาดพระปิ่น 3 และประชาสัมพันธ์กับผู้ประกอบการ หากพบเห็นชายไม่ทราบชื่อดังกล่าวให้โทรแจ้ง หรือถ่ายคลิปพฤติกรรมดังกล่าว ส่งให้ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนนทบุรี เพื่อจะได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559 หากพบชายรายดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งข้อมูลสภาพความเป็นอยู่ รายได้ สภาพปัญหา เพื่อให้การช่วยเหลือ และหากประสงค์จะมีบัตรผู้แสดงความสามารถ จะได้แนะนำการจดทะเบียนเป็นผู้แสดงความสามารถ ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต่อไป



 
นอกจากนี้แล้ว เจ้าหน้าที่ได้อธิบายถึงกระบวนการทำงานตามภารกิจของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ รวมถึงให้ความรู้ด้านกฎหมาย โดยได้อธิบายว่า กรณีทั่วไปหากพบผู้ที่มีพฤติการณ์อันแสดงออกว่าเป็นการขอทานตามกฎหมายมาตรา 13 จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน
พ.ศ. 2559 อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาขอทาน จะประสบผลสำเร็จได้นั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชน ซึ่งเป็นผู้หยิบยื่นเงินให้แก่ผู้ทำการขอทาน ถือว่าเป็นผู้ที่มีจิตใจดีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่ขอให้ท่านโปรดฉุกคิดสักนิดถึงผลกระทบจากการให้ดังกล่าวว่าอาจเป็นการส่งเสริมขบวนการขอทาน จึงอยากจะสื่อสารสังคมให้เกิดความเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จึงได้จัดทำคลิปวิดีโอสั้นเรื่อง “ให้โอกาส เปลี่ยนชีวิต หยุดคิด…ก่อนให้ทาน”


เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาการขอทานในสังคมไทย สร้างความเข้าใจในการให้ทานอย่างถูกวิธี และการส่งเสริมทัศนคติใหม่ในการบริจาคโดยการให้โอกาส การสร้างงานสร้างอาชีพให้กับบุคคลเหล่านั้น ให้สามารถพึ่งตนเองได้ หรืออาจจะบริจาคให้แก่หน่วยงาน องค์กรที่มีบทบาทภารกิจในการพัฒนากลุ่มเป้าหมายโดยตรง เพื่อเป็นการป้องกัน และแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง ทั้งนี้ หากใครพบเห็นคนขอทาน คนไร้ที่พึ่ง สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง

27 มกราคม 2563

เปิดเบื้องหลังหนังโฆษณา สสส.

โมเดลการตลาดเพื่อสังคม
 

นับตั้งแต่ก่อตั้งองค์กร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในวันที่ย่างสู่ปีที่ 19 นอกจากภารกิจหลักตามพันธกิจ “จุดประกาย กระตุ้น สาน และเสริมพลังบุคคลและองค์กรทุกภาคส่วน ให้มีขีดความสามารถและสร้างสรรค์ระบบสังคมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะ” สสส. ยังขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพเพื่อแก้ปัญหาปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ แอลกอฮอล์ อุบัติเหตุ การบริโภคอาหารที่ไม่ถูกตามหลักโภชนาการ การขาดกิจกรรมทางกาย ฯลฯ และภารกิจหนึ่งที่สำคัญ ของสสส. คือ การรณรงค์สื่อสารสร้างความตระหนักนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของทุกคนในสังคม

สสส. เป็นทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลัง การผลิตภาพยนตร์โฆษณาหลายต่อหลายชิ้นที่โดดเด่น สร้าง
การจดจำมาจนถึงทุกวันนี้ ช่วยกระตุกสังคมไทย และสร้างค่านิยมใหม่ จากสโลแกนของภาพยนตร์โฆษณา ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็น “ให้เหล้าเท่ากับแช่ง” “งดเหล้าเข้าพรรษา” “ลดพุงลดโรค” “จน เครียด กินเหล้า” ฯลฯ และนับตั้งแต่ก่อตั้งองค์กร สสส. ผลิตชิ้นงานโฆษณามาแล้วกว่า 250 ชิ้น เพื่อมุ่งเน้น
การขับเคลื่อนรณรงค์สื่อสารสังคมของสสส. ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ สุพัฒนุช สอนดำริห์ ผู้อำนวย
การสำนักสื่อสารการตลาดเพื่อสังคม ที่วันนี้ถือห่วงจังหวะที่โฆษณาหลายต่อหลายตัวเพิ่งได้รางวัลใหญ่
ไปมาดๆ อย่าง โฆษณา ลดเร็ว ลดเสี่ยง ชุดต่อรอง ที่ได้รับรางวัล GOLD TVC Categories ซึ่ง สสส.ได้รับ รวม 15 รางวัล และ FINAL LIST 3 รางวัล จากเวทีการประกวด Adman Awards 2019
ได้มาถ่ายทอดเรื่องราวของเบื้องหลังการผลิตสื่อรณรงค์ ที่กว่าจะออกเป็นผลงานเผยแพร่ออกสู่สายตาสาธารณะ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


สุพัฒนุช สอนดำริห์ เล่าว่า กว่าจะออกเป็นผลงานเผยแพร่ออกสู่สายตาสาธารณะงานทุก ต้องผ่านการค้นคว้าหาข้อมูลก่อน มีนักวิชาการ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ช่วยตรวจทาน เรื่องราว เนื้อหา และภาพที่จะสื่อสาร ขณะเดียวกันก็จะมีการระมัดระวังในการสื่อสารให้ไม่เป็นการบอกเล่าเรื่องราวในเชิงห้าม หรือต่อว่าคนสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า แต่จะใช้เป็นการพูดกับคนรอบข้างมากกว่า หรือแนะนำทางออกให้
“ถึงแม้ว่าเรามีการศึกษาข้อมูลเตรียมก่อนการถ่ายทำ แต่บางครั้งเราก็พบจุดที่ต้องแก้ไขระหว่างการถ่ายทำ เมื่อได้มีการตรวจเช็คทางวิชาการ อย่างกรณีแคมเปญ “สิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก” สปอตโฆษณาชุด “จ๊ะเอ๋” ที่สร้างความเข้าใจให้พ่อแม่ในการเล่นกับลูกที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการ เพราะสมองเด็กได้เรียนรู้หลายๆ อย่าง เช่น เรื่องการอดทนรอคอยจากการปิดและเปิดหน้าของพ่อแม่ โดยจำลองชีวิตคนขับแท็กซี่ พ่อแม่พยายามเล่นจ๊ะเอ๋กับลูก แต่เมื่อถ่ายเสร็จ ปรากฏว่า ไม่ผ่าน เพราะเล่นจ๊ะเอ๋เร็วไป ต้องเว้นช่วงเวลาให้สมองเด็กได้ประมวลผล ที่จะทำให้เด็กได้รับรู้การคงอยู่ของพ่อแม่แม้จะมองไม่เห็น สุดท้ายต้องถ่ายฉากนี้ใหม่” สุพัฒนุช กล่าว


หรือตัวอย่างของโฆษณา "จน เครียด กินเหล้า" เมื่อออนแอร์ปรากฏว่า มีทั้งกระแสบวกและลบ
กลายเป็นเรื่องล้อเล่นในวงเหล้า จึงต้องทำโฆษณาต่อในภาค 2 เพื่อจะบอกกับสังคมว่า เมื่อไม่ดื่มเหล้า
ชีวิตจะดีขึ้นอย่างไร และครั้งหนึ่งที่ทำโฆษณา “คุณมาทำร้ายฉันทำไม” เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ประสบความสำเร็จสูงมาก สังคมมีพื้นที่ปลอดบุหรี่ แต่ถ้ามาตอนนี้เด็กรุ่นใหม่คงนึกไม่ออกว่าเคยมีการสูบบุหรี่ใน
ร้านอาหารได้
ส่วนเรื่องที่ยากสุดในการที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม คือ “เรื่องความเร็ว” จากทำวิจัย พบว่า คนขี่มอเตอร์ไซค์จะรู้สึกว่าขับสนุกเพราะลู่กับลม เหมือนกับการเล่นเกม ดังนั้นการทำโฆษณาชุด “วิสัยทัศน์อุโมงค์” จำลองให้เห็นภาพว่า เมื่อขับรถเร็วจะมองไม่เห็นด้านข้าง พอโฆษณาออกไปก็มีคนมาถกเถียงกันว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แล้วก็มีคนเอาคลิปจริงที่ได้ทดลองมาเผยแพร่ ซึ่งปรากฏว่าเป็นเรื่องจริง
ทั้งนี้ ระบบของการทำงานจะต้องมีตัวชี้วัดและประเมินผล เพื่อพัฒนางานให้ดีขึ้น ซึ่งการทำแคมเปญโฆษณาของ สสส. จะสำรวจข้อมูลก่อนและหลังแคมเปญออกไป โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ พฤติกรรมคนในสังคมเปลี่ยนไป 20 % เช่น แกว่งแขนลดพุง แคมเปญ สิ่งเล็กๆที่สร้างลูก (จ๊ะเอ๋) แคมเปญเชื้อดื้อยา แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางเรื่องประเมินยาก เช่น ลดความเร็ว หน่วยงานที่ดูแลถนน คือ กระทรวงคมนาคม การจับปรับเป็นเรื่องตำรวจ หรือเรื่องเหล้าตัวเลขคนดื่มเหล้าลดลง ขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องภาวะเศรษฐกิจ และอื่นๆ


อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า สสส. ถูกตั้งคำถามจากสังคมในเรื่องการใช้งบประมาณจำนวนมากในการทำหนังโฆษณา ซึ่งในประเด็นนี้ สุพัฒนุช ชี้แจงว่า สสส. ใช้ระบบเดียวกับราชการ คือ จัด
ซื้อตรงโดยไม่ผ่านบริษัท เอเจนซี่ และยังได้รับความร่วมมือจากสื่อที่เข้าใจและมีวิสัยทัศน์ร่วม ทำให้ราคาซื้อสื่อลดลงถึง 20-40 % เมื่อเทียบกับที่บริษัทเอกชนซื้อ หรือ การทำไทน์ อิน (Tie in) ในทีวี สสส. เริ่มเป็นหน่วยงานแรกที่จะมีป้ายตั้งโต๊ะและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่เป็นความร่วมมือระหว่างกัน
“สสส.ได้รางวัลเยอะเราไม่อยากโชว์ แต่อยากแชร์มากกว่า เบื้องหลัง เรามีภาคีที่ทำงานอย่างหนัก
เพื่อเป้าหมายเดียวก็ คือ คนไทยมีสุขภาวะที่ดี เราทำงานแบบพาร์ทเนอร์กับครีเอทีฟ โดยเขาไม่มอง
ว่า เงินที่ได้น้อยกว่าบริษัทเอกชน แต่มองว่า ทำแล้วเกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างไรมากกว่า ซึ่งเป็นเสน่ห์ของความร่วมมือ กลายเป็นงานที่เราไม่ต้องจ่ายเงินตลอดเวลา ส่วนหนึ่งที่จะพบว่า เป็นงบประมาณพิเศษเพื่อสังคมจริงๆ แต่คนส่วนใหญ่คิดว่า สสส. ทำแต่โฆษณา จริงๆ สื่อเป็นพียงเครื่องมือ
ที่เราใช้ออกแบบ เปลี่ยนแปลงสังคมปรับทัศนคติ” สุพัฒนุช กล่าว

ภาพยนตร์โฆษณา สสส. ถ่ายทอดมิติอีกด้านโมเดลของการตลาดเพื่อสังคมที่น่าเรียนรู้ จนตกผลึก สามารถสร้างค่านิยมใหม่ให้สังคมนำไปสู่การมีสุขภาวะที่ดี ทั้งนี้ สสส. บริหารจัดการงบประมาณอย่าง
สมเหตุสมผล และพร้อมที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้สู่หน่วยงานภาครัฐด้วยกัน โดยหวังว่าองค์กร สสส.
จะเป็น อะคาเดมี่ หรือศูนย์เรียนรู้เรื่องการบริหารจัดการงบประมาณได้ในอนาคต

เอ.พี. ฮอนด้าเผยรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบกิจกรรมในโครงการ “สังคมหัวแข็ง” ปี 4


เมื่อวันที่ 23-24 มกราคม ที่ผ่านมา ดร.อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร, คุณนิภา พานน้อย ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมพลานามัยนักเรียน สำนักงานการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ คุณอรุณรัตน์ วัฒนผลิน ผู้จัดการโครงการความปลอดภัยทางถนน องค์การช่วยเหลือเด็กประจำประเทศไทย (Save the Children Thailand) ได้ร่วมคัดเลือกผลงานผู้ผ่านเข้ารอบในกิจกรรมภายใต้โครงการ สังคมหัวแข็งปีที่ 4 ประกอบด้วยกิจกรรมประกวดวาดภาพระบายสี “วาดฝันไว้ในหมวกกันน็อก” ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเยาวชนทั่วประเทศ และกิจกรรมการประกวดแผนการรณรงค์การสวมหมวกกันน็อก “โรงเรียนหัวแข็ง” ที่คณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนทั่วประเทศได้ร่วมส่งแผนงานเข้ามาเป็นจำนวนมาก 




โดยผู้สมัครสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกนี้ได้ที่ www.facebook.com/aphondahelmetproject และwww.aphonda.co.th/HelmetProject

ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรก จะลงทำการแข่งขันในระดับภูมิภาคใน 4 จังหวัดใหญ่ โดยมีกิจกรรมสุดพิเศษมากมายให้ผู้เข้าร่วมได้สนุกกัน และยังมีศิลปินชื่อดังมาร่วมสร้างความสุขด้วย อาทิ เสนาหอย และโก๊ะตี๋ ตามกำหนดการดังต่อไปนี้
ภาค วันที่ สถานที่ จังหวัด

ใต้ อา. 9 ก.พ. 63 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครศรีธรรมราช
ตะวันออกเฉียงเหนือ ส. 15 ก.พ. 63 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น
เหนือ อา. 23 ก.พ. 63 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พิษณุโลก
กลาง อา. 8 มี.ค. 63 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต นนทบุรี

สำหรับโครงการสังคมหัวแข็ง เริ่มต้นขึ้นโดย เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้คนไทยหันมาใส่หมวกกันน็อกทุกครั้งที่ขับขี่หรือซ้อนรถจักรยานยนต์ ภายใต้กฎเหล็ก 3 ข้อ “ขี่ซ้อนเราใส่ ใกล้ไกลเราใส่ ใครไม่ใส่เราไม่ยอม และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนจนถึงปัจจุบัน

26 มกราคม 2563

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เตรียมจัด Digital Day : D-Day



กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จัดกิจกรรม Digital Day : D-Day ปั้น ปรุง เปลี่ยน  SMEs ให้ดีพร้อมเพื่อเตรียมเข้าสู่ยุค  ดิจิทัล 5G
  • ขอเชิญท่านผู้ประกอบการ เข้าร่วมงาน Digital Day : D-Day ปั้น ปรุง เปลี่ยน  SMEs ให้ดีพร้อมเพื่อเตรียมเข้าสู่ยุค  ดิจิทัล 5G 
  • โดยมีนายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงาน
  • พร้อมรับการวินิจฉัยจากที่ปรึกษาของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมรับซอฟต์แวร์เพื่อธุรกิจ 6 เดือน -1 ปี ฟรี 
  • พบกับการสัมมนา หัวข้อ การปรับตัวของ SMEs ไทย ในยุค Digital Transformation โดย นายไผท ผดุงถิ่น CEO & Co-Founder จากบริษัท บิลค์ เอเชีย จำกัด และบริษัท บิลค์ วัน กรุ๊ป จำกัด
  • วันที่ 30 มกราคม 2563  เวลา 12.30-17.00 น. 
  • ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ ห้องบอลรูม 2 ชั้น 3
+++++++++++++++++++++++++++
จัดโดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่นั่งจำนวนจำกัด
สามารถลงทะเบียนสำรอง ได้ 2 ช่องทาง
1. สแกน QR Code
2. ลงทะเบียน Online ผ่านลิงค์
http://www.toboon.co.th/iweb/member/register/1/index



24 มกราคม 2563

ปริญญ์ พานิชภักดิ์ แม่ทัพใหญ่ ทุ่มเท ทุ่มทำอย่างตั้งใจ

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ 
เจ้าของร้านเป็ดย่างดัง  “โฟร์ซีซั่นส์” ในไทย


นายปริญญ์  หนุ่มวัยย่าง 42 ปี ผู้นี้เป็นใคร ถือเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์พรรค มีวัยวุฒิ คุณวุฒิ และประสบการณ์คลื่นลูกใหม่ ลูกชายคนโตของ “ดร.ซุป” ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตรองนายกฯ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) และอดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่า ด้วยการค้าและการพัฒนา หรืออังค์ถัด (UNCTAD) 

วันนี้ “ดร.ปริญญ์” ก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมืองตามรอยบิดา ในฐานะหัวหน้าทีมและทีมเศรษฐกิจของพรรค บทบาทสำคัญในการเป็นคลังสมองให้พรรค  และยังอยู่ในแวดวงกลุ่มคนทำสตาร์ทอัพคลุกคลีอยู่ในแวดวงกลุ่มคนทำสตาร์ทอัพ  เทรนด์ของกลุ่มคนที่มารวมตัวกันนำเสนอความคิดทางธุรกิจอันแปลกใหม่เพื่อนำไประดมทุน เทรนด์ สตาร์ทอัพ เกิดขึ้นและเป็นกระแสโดยเฉพาะเอเชียและประเทศไทย

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ หัวหน้าทีมและทีมเศรษฐกิจของพรรค เปิดตัวแอพพลิเคชัน “เรียนจบ พบงาน” พร้อมจัดอีเวนต์ใหญ่ตลาดงาน เพื่อเปิดตัวโครงการ  เรียนจบ พบงาน  โดยมีแอพพลิเคชั่นเชื่อมโยงงานที่ฝึกงาน ยกระดับทักษะอาชีพให้สอดคล้องกับยุค Digital Transformation ได้ง่ายๆ ผ่าน ‘@DemTum’ ขึ้นมาให้กับคนไทยทุกคน  โดยตระหนักถึงปัญหาในการขาดแรงงานฝีมือในเมืองไทย ซึ่งจะเป็นปัญหาใหญ่ต่อระบบเศรษฐกิจไทยในอนาคต เดินเกมรุกแก้ปัญหานักศึกษาจบใหม่และคนตกงานล้นเมือง ส่งแอพพลิเคชั่น “Democrat เรียนจบ พบงาน” ‘@DemTum’ ช่วยค้นหางานตอบโจทย์โลกยุคใหม่ ยกระดับเศรษฐกิจไทย สร้างรายได้ สร้างอาชีพ



​อย่างไรก็ตามแม้ทุกวันนี้โลกจะถูกเขย่าด้วยเทคโนโลยี แต่โลกยังต้องขับเคลื่อนด้วยมนุษย์ เพราะถึงแม้เทคโนโลยีจะเป็นตัวช่วยให้เกิดประสิทธิภาพและผลิตผลใหม่ ๆ ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่หุ่นยนต์ยังไม่สามารถชนะคนได้ในเร็ววัน เช่น วิชาชีพที่ต้องใช้ความเข้าใจ ความซับซ้อนทางความคิด การใช้หัวใจในการบริการ เช่น อาชีพที่ปรึกษาการลงทุน อาชีพงานบริการต่าง ๆ  และอีกหลากหลายอาชีพที่ต้องใช้ Human Touch หรือการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับบุคคล ซึ่งต่อให้ในอนาคตหุ่นยนต์จะทำได้ แต่ก็ไม่มีเสน่ห์เท่ามนุษย์

หน้าที่ของทีมเศรษฐกิจทันสมัยของพรรคประชาธิปัตย์ เราเลยพยายามคิดหาทางแก้ที่เป็นรูปธรรม ทำงานได้เลย โดยไม่ต้องติดกรอบการเมือง ไม่ต้องติดกรอบภาครัฐหรือเอกชน หน้าที่ของการสร้างคน สร้างแรงงานฝีมือให้กับประเทศไม่ใช่หน้าที่ของภาครัฐ หรือ ภาคเอกชนหรือภาคการเมืองอย่างเดียว เป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน

สำหรับกิจกรรมที่จะมีขึ้นในวันงาน  นายปริญญ์ เล่าว่า “ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 ตอนเช้าตั้งคอนเซ็ปต์ด้วยการติดอาวุธให้กับนักธุรกิจรุ่นใหม่ หรือพูดง่าย คือติดอาวุธให้กับกลุ่มคนตัวเล็กที่เป็นสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี ทำอย่างไรให้แข่งขันและ สเกลอัพได้ ซึ่งไม่ง่ายโดนตัวใหญ่กิน ฝนตกไม่ทั่วฟ้า รวยกระจุกจนกระจาย มีหลายเรื่อง สตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี จะแข่งขันกับคนตัวใหญ่อย่างไรได้ก็ต้องมีอาวุธหลายอย่าง
เราจัดงานเป็น 2 สเต็ปสเต็ปแรกเป็นการให้กำลังใจให้องค์ความรู้ ถามตอบ ตอนเช้าที่ลานสนามหญ้าด้านหน้ามูลนิธิ ควง อภัยวงศ์ มีสตาร์ทอัพ นักธุรกิจมาฟัง ซึ่งประกาศเปิดรับกลุ่มสตาร์ทอัพทุกคนเข้ามารับฟัง ต้องการทำธุรกิจจริงๆ ซึ่งเรารับทั้งหมด สามารถเข้ามาร่วมงาน


แนวคิดในการพัฒนาแอพพลิเคชัน เรียนจบ พบงาน ที่ใช้ชื่อว่า @DEMTUM ของทีมเศรษฐกิจว่า เกิดจากการมองเห็นปัญหาของนักศึกษาหลายคนที่เรียนจบแต่ตกงาน เพราะขาดโอกาสในการเข้าถึงงาน ในขณะที่บริษัทเองก็ขาดแรงงานฝีมือ  โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกงาน เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์และการเรียนรู้นอกห้องเรียน (Apprentices/ Internships) ก่อนที่จะเรียนจบ ในขณะที่บริษัท/ผู้ประกอบการ ก็จะได้ประโยชน์จากการได้เด็กฝึกงานมาช่วยกิจการและได้เห็นถึงศักยภาพการทำงานในสนามจริง เพื่อที่จะสามารถตัดสินใจจ้างงานในอนาคตแอพพลิเคชันนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้นักศึกษาได้ พบงานที่ดี และบริษัทหรือองค์กรต่างๆ นโยบายทางด้านการศึกษาจะเข้ามามีส่วนในการช่วยพัฒนาการเติบโตทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี แนวทางด้านการทำงานและสร้างแรงบันดาลใจโดย CEOs หรือตัวแทนบริษัทที่เป็นไอดอลในแต่ละภาคส่วน ได้แก่คุณโด่ง CEO และผู้ก่อตั้ง ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ค่ายอสังหาฯ มาแรง/ ศิลปิน ตู่ ภพธร เณอปรางค์ แก้ว ตาหวานจากBNK48/ ผู้กำกับชื่อดัง อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร/ นักธุรกิจรุ่นใหม่คุณเมย์ AfterU ที่จะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับอาชีพที่ทำ มาตรฐาน คุณภาพ และความโปร่งใส เปิดโอกาสให้นักศึกษาที่มาในงานได้ร่วมพูดคุย ซักถาม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น การคิดต่างเป็นสิ่งสร้างสรรค์ และทำให้เกิดการพัฒนา



ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจทันสมัย
เพื่อเปิดโอกาสให้กับตนเองและใครก็ได้ หรือคนรุ่นใหม่ที่กล้าเปิดใจ ที่มีความตั้งใจจริงที่จะทำงาน  พรรคประชาธิปัตย์มีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งในการจัดงานครั้งนี้ พรรคเห็นความสำคัญทางด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมถึงการสร้างรายได้และสร้างอาชีพให้กับผู้คน และตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาประเทศในระยะยาวที่ต้องสร้างคนที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะประเทศไทยที่ขาดแคลนแรงงานฝีมือ การสร้างทรัพยากรมนุษย์จึงเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการเมือง ภาคประชาชน  โดยภาคเอกชนควรใช้โอกาสนี้หาพาร์ตเนอร์ต่างประเทศที่มาเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันหรือซื้อเทคโนโลยีทันสมัยมาเพิ่มมูลค่าให้กิจการ


กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงถึงบทบาทการเป็นคลังสมองด้านเศรษฐกิจ ของทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้เรื่องนี้ไม่ลุกลามเป็นปัญหา ซึ่งจะกลายเป็นกำแพงหนาของการพัฒนาประเทศในระยะยาว จึงจำเป็นต้องผลักดันให้เกิดแนวคิดสร้างคนที่มีคุณภาพอย่างจริงจัง โดยทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดตั้งโครงการ ‘เรียนจบ พบงาน’ เพื่อเสริมสร้างให้มีแรงงานคุณภาพเพียงพอต่อตลาดงานอย่างเร่งด่วน

นึกถึงศูนย์กลางสตาร์ทอัพ นึกถึง Prinnp
คงจะไม่เกินเลยไปกับการทุ่มเทสุดตัวของแม่ทัพใหญ่ ของทีมเศรษฐกิจใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ กับสิ่งที่เขาคาดหวัง “.....เราหวังว่า เราจะเป็นศูนย์กลางของคนที่ต้องการอาวุธด้านธุรกิจ ให้มาที่เรา หรือนึกถึง prinnpทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์  อยากเป็นศูนย์กลางของสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี บางทีแต่ละหน่วยงาน อย่าง กระทรวงพาณิชย์ มีสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการยุคใหม่ ดีป้าของกระทรวงดิจิทัลอเคเดมี่ ก็ไปด้านหนึ่ง กระทรวงอว. ก็สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ สำนักนายกฯ ก็ทำสตาร์ทอัพ ทีซีดีซีก็ทำเรื่องสตาร์ทอัพ ก็ไปคนละด้าน ผมจะดึงทั้งหมดนี้มาว่า ใครมีอะไรดีบ้าง จะได้รู้ว่า ไปที่ไหนดีและเร็วสุด

คนชอบคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ หรือทีมเศรษฐกิจ หรือในอดีตชอบดีแต่พูดไม่ทำหรือมีแต่คนเดินออกหรือเลือดไหล แต่จริง ๆ คนหล่อ คนสวยก็เดินเข้ามาทำกิจกรรมดีดีที่พรรค คนอย่างบีเอ็นเคสี่สิบแปดมาด้วยใจ ทุกคนที่มาเขาเข้ามาร่วมกิจกรรมดีดีกับพรรคของเราไม่ใช่มีแต่เดินออก คนเข้ามาร่วมกิจกรรมดีดีก็มีมาก เงินก็ซื้อไม่ได้

ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร 73 ปีของพรรคไม่เคยมีแบบนี้ ประวัติศาสตร์ที่กลุ่มคนแบบนี้เข้ามา บางคนบอกว่ายังเป็นไดโนเสาร์ แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย เขาเปลี่ยนไปแล้ว แม้แต่คุณจุลินทร์ ยังกล้าให้ผมมาเป็นรองหัวหน้าพรรค ฯ คนแรกที่ในประวัติศาสตร์ประชาธิปัตย์ที่จากเอกชนโดดเข้ามาเป็นรองหัวหน้าพรรคฯ

ผมเป็นคนแรกที่เป็นแบบนั้นและทางพรรคให้อิสรภาพในการทำงานเต็มที่ ถ้าคุณขยันทำงานและไม่โกงกิน ทำงานให้เต็มที่ เราก็ทำงานเต็มที่ได้

คณะกรรมการ 10 กว่าคนในทีมเศรษฐกิจมิติใหม่ของการเมืองของเราคือ เรานำคนที่ไม่ใช่นักการเมืองเข้ามาอยู่ในทีมเศรษฐกิจด้วยมากขึ้น เราดึงคนที่มีกูรูความรู้แต่ละด้านเข้ามาช่วย ด้านเมืองจีน ก็มีรศ.ดร.อักษรศรี พาณิชย์สาม ด้านพลังงานสีเขียว คุณอรรถ เหมวิจิตรพันธ์ จากเชลล์ คุณหนึ่งปรมินทร์ อินโสม คนที่เขียน เรื่องบล็อกเชนคนแรก เราเชิญคนที่เก่งแต่ละสาขาเข้ามาอยู่ ในยคนี้ คุณเก่ง ข้ามาคนเดียวไม่ได้แล้ว โมเดลของเรา .....ถ้าใครสนใจ ติดต่อสาขาพรรค หรือไลน์ไอดีนี้เลย ....” นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กล่าวท้ายสุด นึกถึงศูนย์กลางสตาร์ทอัพ นึกถึง Prinnp

คงจะไม่เกินเลยไปกับการทุ่มเทสุดตัวของแม่ทัพใหญ่ ของทีมเศรษฐกิจใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ กับสิ่งที่เขาคาดหวัง “.....เราหวังว่า เราจะเป็นศูนย์กลางของคนที่ต้องการอาวุธด้านธุรกิจ ให้มาที่เรา หรือนึกถึง prinnpทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์  อยากเป็นศูนย์กลางของสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี บางทีแต่ละหน่วยงาน อย่าง กระทรวงพาณิชย์ มีสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการยุคใหม่ ดีป้าของกระทรวงดิจิทัลอเคเดมี่ ก็ไปด้านหนึ่ง กระทรวงอว. ก็สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ สำนักนายกฯ ก็ทำสตาร์ทอัพ ทีซีดีซีก็ทำเรื่องสตาร์ทอัพ ก็ไปคนละด้าน ผมจะดึงทั้งหมดนี้มาว่า ใครมีอะไรดีบ้าง จะได้รู้ว่า ไปที่ไหนดีและเร็วสุด

คนชอบคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ หรือทีมเศรษฐกิจ หรือในอดีตชอบดีแต่พูดไม่ทำหรือมีแต่คนเดินออกหรือเลือดไหล แต่จริง ๆ คนหล่อ คนสวยก็เดินเข้ามาทำกิจกรรมดีดีที่พรรค คนอย่างบีเอ็นเคสี่สิบแปดมาด้วยใจ ทุกคนที่มาเขาเข้ามาร่วมกิจกรรมดีดีกับพรรคของเราไม่ใช่มีแต่เดินออก คนเข้ามาร่วมกิจกรรมดีดีก็มีมาก เงินก็ซื้อไม่ได้  ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร 73 ปีของพรรคไม่เคยมีแบบนี้ ประวัติศาสตร์ที่กลุ่มคนแบบนี้เข้ามา บางคนบอกว่ายังเป็นไดโนเสาร์ แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย เขาเปลี่ยนไปแล้ว แม้แต่คุณจุลินทร์ ยังกล้าให้ผมมาเป็นรองหัวหน้าพรรค ฯ คนแรกที่ในประวัติศาสตร์ประชาธิปัตย์ที่จากเอกชนโดดเข้ามาเป็นรองหัวหน้าพรรคฯ


ผมเป็นคนแรก ที่เป็นแบบนั้นและทางพรรคให้อิสรภาพในการทำงานเต็มที่ ถ้าคุณขยันทำงานและไม่โกงกิน ทำงานให้เต็มที่ เราก็ทำงานเต็มที่ได้  คณะกรรมการ 10 กว่าคนในทีมเศรษฐกิจมิติใหม่ของการเมืองของเราคือ เรานำคนที่ไม่ใช่นักการเมืองเข้ามาอยู่ในทีมเศรษฐกิจด้วยมากขึ้น เราดึงคนที่มีกูรูความรู้แต่ละด้านเข้ามาช่วย ด้านเมืองจีน ก็มีรศ.ดร.อักษรศรี พาณิชย์สาม ด้านพลังงานสีเขียว คุณอรรถ เหมวิจิตรพันธ์ จากเชลล์ คุณหนึ่งปรมินทร์ อินโสม คนที่เขียน เรื่องบล็อกเชนคนแรก เราเชิญคนที่เก่งแต่ละสาขาเข้ามาอยู่ ในยคนี้ คุณเก่ง ข้ามาคนเดียวไม่ได้แล้ว

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจทันสมัย
เพื่อเปิดโอกาสให้กับตนเองและใครก็ได้ หรือคนรุ่นใหม่ที่กล้าเปิดใจ ที่มีความตั้งใจจริงที่จะทำงาน  พรรคประชาธิปัตย์มีความตั้งใจจริง วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 นี้ ทีม “เศรษฐกิจทันสมัย” พรรค ปชป. จัดอีกหนึ่งกิจกรรม คือ งานติดอาวุธให้กับนักธุรกิจยุคใหม สตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี ซึ่งเป็นอาชีพที่หลายๆ คนในยุคใหม่ ไขว่คว้าอยากจะเป็นผู้ประกอบการเอง จะมีนักธุรกิจชื่อดังมาสอนอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นด้านเงินทุน การระดมทุน กฎหมาย การตลาด ประชาสัมพันธ์ ออนไลน์ ฯลฯ ก็จะมีผู้เชี่ยวชาญมาให้คำปรึกษา อาทิ คุณเต้ ภิรมย์ภักดี เจ้าของสิงห์เวนเจอร์ ทายาทเบียร์สิงห์, เจ้าของร้านอาหาร โอ้กับจู๋ คุณอู๋ ที่เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งมาเล่าให้ฟัง ว่าทำไมถึงติดตลาดขายดี, เจ้าของซูเปอร์ริช เจ้าของตลาดค้าเงินตรา ที่มีการแข่งขันสูงมาก เขาแก้ปัญหาอย่างไร เป็นต้น 

สนใจ ติดต่อสาขาพรรค หรือ ไลน์ไอดีนี้เลย
@prinnp
#ปริญญ์พานิชภักดิ์
Prinn Panitchpakdi