29 ตุลาคม 2561

สทน. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดโครงการประกวดหนังสั้น TINT SHORT FILM PROJECT ภายใต้หัวข้อ “Nuclear for Better Life”


TINT SHORT FILM PROJECT ภายใต้หัวข้อ “Nuclear for Better Life”


  
สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดโครงการประกวดหนังสั้น TINT SHORT FILM PROJECT ภายใต้หัวข้อ “Nuclear for Better Life” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 310,000 บาท เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้จนถึง 23 พฤศจิกายน 2561 นี้

สทน.” ชวนประกวดหนังสั้น “TINT SHORT FILM PROJECT” ในหัวข้อ “Nuclear for Better Life” ชิงเงินรางวัลกว่า 310,000 บาท สร้างความรู้ความเข้าใจเทคโนโลยีนิวเคลียร์

นายวราวุธ ขจรฤทธิ์ ผู้จัดการศูนย์ฉายรังสี สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน.
 เผยว่า สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดโครงการประกวดหนังสั้น
TINT SHORT FILM PROJECT ภายใต้หัวข้อ “Nuclear for Better Life”

โดยมีเป้าหมาย เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญ และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ถึงประโยชน์และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนิวเคลียร์ รวมถึงการสร้างความเชื่อถือและความมั่นใจของประชาชนต่อพันธกิจของสถาบันฯ อันจะนำ
ไปสู่การพัฒนาการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในประเทศอย่างยั่งยืน

โดยโครงการประกวดหนังสั้นฯ ครั้งนี้ เกิดจาก เพราะปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกได้หันมาให้ความสนใจการศึกษาและพัฒนาการนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับโลกมากขึ้น  ส่วนหนึ่งมาจากการที่พลังงานนิวเคลียร์  ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการแพทย์ อุตสาหกรรม และการเกษตร
ด้วยเหตุนี้การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง การสื่อสารข้อมูลข่าวสารทางบวกของเทคโนโลยีนิวเคลียร์ จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำเนินกิจกรรมของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของเทคโนโลยีนิวเคลียร์แก่ประชาชน
  




โครงการประกวดหนังสั้นฯ ดังกล่าว เปิดรับสมัคร 2 ประเภท ได้แก่
1.รุ่นเล็ก (ระดับมัธยมศึกษา) อายุไม่เกิน 18 ปี ซึ่งกำลังศึกษาไม่เกินระดับชั้นมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า สมัครได้ทั้งเดี่ยว
และทีมๆ ละไม่เกิน
4 คน รางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัลสูงสุด 50,000 บาท
พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตร รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตร รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 15,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตร และรางวัลชมเชย เงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร มี 3 รางวัล

2. รุ่นใหญ่ (ระดับอุดมศึกษาขึ้นไป) อายุ 19 ปี ขึ้นไป ซึ่งกำลังศึกษาในระดับชั้นอุดมศึกษาหรือเทียบเท่าขึ้นไป สมัครได้ทั้งเดี่ยว
และทีมๆ ละไม่เกิน
3 คน รางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัลสูงสุด 100,000 บาท

พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตร และรางวัลชมเชย เงินรางวัล
20,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร มี 5 รางวัล โดยโครงการประกวดหนังสั้นฯ ได้ผ่านการพิจารณาตัดสินจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จาก สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน), คุณบัณฑิต ทองดี และม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล

หนังสั้นที่ได้รับรางวัล สทน. จะนำไปเผยแพร่สู่ประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ ที่เหมาะสม เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญ สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ถึงประโยชน์และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนิวเคลียร์

ผู้ที่สนใจสามารถส่ง Plot หนังสั้นความยาว 3-5 นาที มาได้ที่อีเมลล์  tintshortfilm@gmail.com

หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)
www.tint.or.th หรือ www.facebook.com/thainuclearclub

28 ตุลาคม 2561

นโยบาย “KTBGS คุณธรรมนำความยั่งยืน”

กรุงไทยธุรกิจบริการ (KTBGS) สานต่อนโยบายคุณธรรมนำความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “บวร”
ณ วัดครึ่งใต้ อ.เชียงของ จังหวัดเชียงรา





เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งมีโอกาสไปร่วมงานแถลงข่าวโครงการ  บริษัท รักษาความปลอดภัย กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด หรือ KTBGS เป็นบริษัทในกลุ่มของ บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับ กิจกรรม ซีเอสอาร์ ที่ดำเนินมาตลอดระยะเวลา 21 ปี บริษัทฯ ได้ดำเนินนโยบายภายใต้ Corporate theme ที่มีความน่าสนใจมากในเรื่องของความ “ห่วงใยใส่ใจคุณ” ซึ่งคำว่า “คุณ” ในที่นี้หมายถึง ลูกค้า / พนักงาน / ผู้ถือหุ้น และตลอดจนสังคม พร้อมยึดหลักธรรมาธิบาลในการบริหารองค์กร ซึ่งมุ่งหวังให้องค์กรเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของพนักงานทุกคน ทำให้เกิดพลังในการขับเคลื่อนกิจกรรมอย่าง
เห็นได้ชัด




บริษัท ได้ใช้แนวทางการดำเนินตามโครงการพระราชดำริของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเป็นที่ตั้ง KTBGS จึงได้เริ่มโครงการกฐินพระราชทาน CSR ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2558 ให้กับโรงเรียนพระปริยัติธรรมฯ ป่าแขมวิทยา จ.พะเยา ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ที่สามารถช่วยพัฒนา ศาสนา สังคม และการศึกษาได้อย่างยั่งยืน



สำหรับในปีนี้ภายใต้นโยบายของบริษัทคือ “คุณธรรมนำความยั่งยืน” ยังได้สานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่องมุ่งเน้นมิติด้านการศึกษา ศาสนา และสังคม โดยเราเชื่อว่าทั้ง 3 มิติ มีความเชื่อมโยง ต่อกัน และเป็นรากฐานสำคัญของความยั่งยืนให้กับองค์กร สังคมและประเทศชาติ บริษัทจึงได้สานต่อกิจกรรมนี้ขึ้นอีกครั้ง

โดยมีพื้นที่เป้าหมายอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง บริษัท และ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ในชื่อโครงการ “KTBGS Empower Social Sustainability” ภายใต้แนวคิด “บวร” เน้นความเชื่อมโยงระหว่าง วัด บ้าน และโรงเรียน




ทั้งนี้จุดเริ่มต้น คือ นโยบายของบริษัท ที่ต้องการมุ่งเน้นมิติด้านการศึกษา ศาสนา และสังคม ให้มีความต่อเนื่องกัน อีกทั้งเล็งเห็นว่า พื้นฐานสำคัญที่จะทำให้คนในชุมชน มีรากฐานที่แข็งแรงและเป็นกำลังให้กับชุมชนได้ ก็จะต้องมาจาก วัดซึ่งเป็นศูนย์รวมด้านศาสนา ส่งต่อไปถึงโรงเรียนเพื่อผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพให้กับชุมชน ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกันเป็นระบบลูกโซ่หมุนเวียน โดยกิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นการมอบรถตู้ของทางบริษัท ที่ปลดระวางการใช้งาน แต่ยังสามารถใช้งานได้มามอบให้กับทางวัด เพื่อที่จะสามารถนำไปใช้งานต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับส่งพระสงฆ์ สามเณร ตลอดจนคนในชุมชน หรือเป็นประโยชน์ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง เพื่อที่ชุมชนจะสามารถพึ่งพาตัวเองได้ต่อไป โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินกิจกรรมหลัก ๆ แบ่งออกเป็น






กิจกรรม CSR ภายนอกองค์กร

•การดำเนินตามโครงการพระราชดำริของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีด้วยการสนับสนุนการสร้างอาคารเรียนให้กับสามเณร โรงเรียนพระปริยัติธรรมฯ ป่าแขมวิทยา จ.พะเยา ซึ่งเป็นโรงเรียนศูนย์กลางสำหรับสามเณรในเขตพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.พะเยา และ จ.น่าน ตั้งแต่ปี 2558 และต่อมาในปี 2559 บริษัทได้สนับสนุนอุปกรณ์การศึกษาเครื่องคอมพิวเตอร์ห้องวิทยาศาสตร์ และอุปกรณ์ศิลปะตลอดจนทุนการศึกษาให้กับสามเณร เนื่องจากสามเณรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาและมีฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจน ในปี 2560 บริษัทได้จัดกิจกรรมผ้าป่าสามัคคีเพื่อการศึกษาโดยระดมทุนเพื่อใช้ในการบำรุงรักษาอุปกรณ์การเรียนตลอดจนทุนการศึกษาให้สามเณรอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมอบรถตู้เพื่อใช้ในการรับส่งสามเณรและรถกระบะเพื่อใช้ในการกู้ชีพและกู้ภัยให้กับชุมชนในวัดศรีเมืองมาง จ.พะเยา

•ร่วมพิธีสมโภชองค์กฐินและพิธีถวายผ้ากฐิน ณ วัดครึ่งใต้ จ.เชียงราย เพื่อนำรายได้สร้าง "ห้องพักผู้ปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน" ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน อ.เมือง จ.เชียงราย (ก่อตั้งโดย พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี) ในปี 2559

•ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือช่วยเหลือคนพิการให้มีอาชีพด้วยการจ้างคนพิการ ณ สมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย จำนวน 81 คน ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน โดยให้ผู้พิการมีงานทำและเห็นคุณค่าในตัวเอง โดยการทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ให้แก่บริษัท

•จัดโครงการร่วมกับสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย สนับสนุนและส่งเสริมให้กลุ่มคนพิการได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ร่วมกิจกรรมประกวดวาดภาพระบายสี     ชิงเงินรางวัล 70,000 บาท ในปี 2559

•สนับสนุนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียนปากพลีวิทยาคาร จ. นครนายก ซึ่งอยู่ในโครงการกรุงไทยสานฝันโรงเรียนดีใกล้บ้าน ในปี 2560 และมอบรถตู้เพื่อใช้ในการรับส่งนักเรียนในปี 2561


กิจกรรม CSR ภายในองค์กร

•มอบทุนการศึกษาแก่บุตรของพนักงานที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์เป็นจำนวนกว่า 689 ทุนต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน

•การจัดกิจกรรม Kids Camp เพื่อเปิดโอกาสให้กับกลุ่มบุตรหลานบุคลากรทุกระดับได้มีโอกาสเรียนรู้ตนเองด้วยการส่งเสริมการสร้างทักษะทางสังคม และการทำกิจกรรมการส่งต่อความดี เพื่อเป็นการปลูกฝังความกล้าหาญ การแสดงออกและวิธีคิดของการอยู่ร่วมกันในสังคมโดยยึดหลักความซื่อสัตย์และมีน้ำใจ

•โครงการเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มพนักงานเตรียมเกษียณที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ทั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมให้เกษียณอย่างมีความสุข ที่ผ่านมา ได้ทำกิจกรรมเรียนรู้ด้านการเงิน ด้านสุขภาพ ฝึกสอนอาชีพทางเลือกเมื่อถึงวัยเกษียณ รวมทั้งศึกษาดูงานที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านสารภี จ.สมุทรสงคราม ซึ่งผู้ก่อตั้ง ได้แนวคิดจากการน้อมนำแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ในการดำรงชีวิต

•โครงการ Happy Money ให้ความรู้แก่พนักงานในเรื่องของการเงินส่วนบุคคล รวมทั้งให้ความรู้ด้านการลงทุนและสร้างรายได้เพิ่ม หากเป็นหนี้บริษัทก็มีพี่เลี้ยงทางการเงินที่คอยให้คำแนะนำวิธีลดภาระหนี้สิน



ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับรางวัล “สถานประกอบกิจการดีเด่น” 12 ปีซ้อน ติดต่อกัน (ปี 2550 – ปี 2561) ในด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีสหภาพแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน แสดงถึงความมุ่งมั่น ที่จะสร้างสรรค์ ประโยชน์สุข ต่อบุคลากร ครอบครัว Stakeholder รวมทั้งสังคมและสิ่งแวดล้อม ให้พัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป ในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นอย่างมากในการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ในตัวบุคลากรซึ่งนับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดให้เป็นคนดีมีคุณธรรม ไม่ทุจริต มีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และองค์กร จากรุ่นสู่รุ่น ภายใต้นโยบาย “KTBGS คุณธรรมนำความยั่งยืน”



ซีเอสอาร์ หรือ ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันเป็นครั้งคราวและจบไป แต่เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความพยายามที่สม่ำเสมอและมีการต่อยอดและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา จึงจะเรียกได้ว่าได้สร้างความมั่นคงในแง่ของความสัมพันธ์ขององค์กรกับสังคมรอบข้าง

บริษัท รักษาความปลอดภัย กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด

เลขที่ 96/12 ซอยลาดพร้าว 106 (บุญอุดม 1) แขวงพลับพลา

เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310



ส่วนสื่อสารและประชาสัมพันธ์องค์กร

โทรศัพท์: 0-2791-4615 / โทรสาร: 0-2935-3711

Website: http://www.ktbgs.co.th/

26 ตุลาคม 2561

หัวเว่ย เปิดตัว HUAWEI Y9 2019

สมาร์ทโฟนน้องเล็ก สเปคแรง จอใหญ่ แบตอึด 4 กล้อง



HUAWEI Y9 2019 มาพร้อมสเปคจัดเต็มกับชิปเซ็ตรุ่นล่าสุด Kirin 710 ที่มีประสิทธิภาพดีกว่ารุ่นก่อนถึง 75% ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี GPU Turbo แถมติดอาวุธครบมือด้วย AI Game Suite ให้การประมวลผลกราฟฟิกเร็วแรงขึ้น เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมคุณภาพสูงที่เร้าใจและสนุกกว่าที่เคย ใช้งานได้ลื่นไหลไม่มีสะดุดด้วย RAM 4 GB พร้อมเก็บทุกข้อมูลได้จุใจกับหน่วยความจำภายในเครื่องถึง 64 GB นอกจากนี้ยังมาพร้อม Histen 5.0 ระบบเสียงให้ดื่มด่ำความบันเทิงอย่างเต็มอารมณ์ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,000 mAh ที่มีเทคโนโลยีประหยัดแบตเตอรี่ หมดปัญหาเล่นเกมแล้วแบตแดง เสิร์ฟความบันเทิงได้นานยิ่งขึ้น

ภาพสวยแจ่มเต็มจอชัดเต็มตา เอาใจคอเอ็นเตอร์เทน
HUAWEI Y9 2019 มาพร้อม HUAWEI FullView Display แสดงผลเต็มหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว คมชัดระดับ FHD+ มีพื้นที่ให้ใช้นิ้วกดเล่นเกมได้อย่างสบาย ภาพสีสดแจ่มชัดแม้อยู่กลางแจ้งด้วยจอ IPS อัตราส่วน Contrast 1500:1 ความละเอียดสูง นอกจากนี้ยังมาพร้อม Eye Comfort Mode หรือฟังก์ชั่นถนอมสายตาซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพโดย TÜV Rheinland ช่วยปรับสีของหน้าจอและลดระดับความสว่างให้เหมาะสม รวมถึงช่วยลดแสงฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาและบรรเทาความตึงเครียดของดวงตาอีกด้วย จะดูซีรีส์มาราธอนขนาดไหนก็เอาอยู่แชะภาพสวยได้ทุกสถานการณ์ด้วยกล้องหน้าคู่ ‘16MP + 2MP’ พร้อมรูรับแสง F2.0 เซลฟี่สวยแจ่มได้แม้ในที่แสงน้อย ส่วนกล้องหลังก็มาเป็นแพ็คคู่เช่นกันกับความละเอียด ‘13MP + 2MP’ รูรับแสง F1.8 รองรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ มีความลึกที่สมจริง เสริมความเป็นช่างภาพมืออาชีพด้วยเทคโนโลยี AI อันชาญฉลาดที่ช่วยตรวจจับและวิเคราะห์ฉากหลังกว่า 500 แบบ และวัตถุต่างๆ ได้ถึง 22 ประเภท พร้อมปรับการตั้งค่าต่างๆ อัตโนมัติให้เหมาะสมกับวัตถุที่ถ่ายมากที่สุด เพื่อภาพสวยงามแบบไม่ต้องพยายาม

หน้าจอ : 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2340 พิกเซล) มีติ่งอัตราส่วน 19.5:9 (ปิดติ่งได้)
CPU : HiSilicon Kirin 710 + GPU Turbo
RAM : 4 GB
ROM : 64 GB เพิ่มเม็มได้อีก
กล้องหน้าเซลฟี่แบบคู่ความละเอียดที่ 16+2 ล้านพิกเซล f/2.0 + f/2.4 aperture
กล้องหลังความละเอียดที่ 13+2 ล้านพิกเซล f/1.8 + f/2.4 aperture พร้อมระบบ AI ที่สามารถแยกฉากและวัตถุได้พร้อมปรับสีให้เข้าภาพได้อย่างอัตโนมัติ
รองรับระบบ Face Unlock, Dual 4G Standby, Music Party Mode และ Ride Mode สำหรับการขับขี่รถยนต์/หรือรถจักรยานยนต์
รองรับระบบ AI อัจฉริยะจะคัดแยกเสียงและปรับเสียงสนทนาให้คมชัด บวกกับเทคโนโลยี NICAM ที่ปรับระดับความดังของเสียงให้เหมาะสม คุยได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด
ระบบเสียงเซอร์ราวด์แบบ Histen 5.0 ผ่านหูฟัง
รันบนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 OREO ครอบทับด้วย EMUI 8.2 เวอร์ชั่นล่าสุด
แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh

มี 2 สี ได้แก่ Midnight Black และ Sapphire Blue จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ ได้ที่ หัวเว่ย แบรนด์ช้อป และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และร้านค้าออนไลน์ที่ร่วมรายการ (Lazada และ JD Central)


หัวเว่ยเปิดตัวสมาร์ทโฟนจากซีรีส์ Y เจเนอเรชั่นใหม่ “HUAWEI Y9 2019” เป็นสมาร์ทโฟน AI น้องเล็กที่สเปคไม่เล็ก อัดแน่นทั้งจอใหญ่ สเปคแรง แบตอึด แถมมาพร้อม 4 กล้อง จะเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ถ่ายภาพก็ครบ ด้วยชิปเซ็ต AI Kirin 710 ที่มาพร้อม AI Game Suite และ GPU Turbo เพื่อการเล่นเกมแบบกราฟฟิกสูงให้ลื่นไหลไม่มีสะดุด เต็มตาบนหน้าจอ Huawei FullView Display ขนาด 6.5 นิ้ว และ RAM 4GB กับแบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh มาพร้อมกล้อง 4 ตัวแชะภาพสวยได้ดั่งใจ ในดีไซน์หรูบางเฉียบ

เปิดตัวในราคาที่ทุกคนต้องยิ้ม เพียง 6,990 บาท
วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 ตุลาคมนี้


รมว.พม. กล่าวถ้อยแถลงพร้อมขับเคลื่อนงานพัฒนาศักยภาพสตรีในทุกระดับ


เพื่อคุ้มครองทางสังคมแก่ผู้หญิงและเด็กหญิง ในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรี (AMMW)
ครั้งที่ 3 ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทย พร้อมด้วย นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และคณะ เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรี ครั้งที่ 3 (ASEAN Ministerial Meeting on Women – AMMW) พร้อมกล่าวถ้อยแถลงการณ์การดำเนินงานของประเทศไทย ในหัวข้อ “การคุ้มครองทางสังคมแก่ผู้หญิงและเด็กหญิง” (Exchange of views on the theme social protection for women and girls) การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 ตุลาคม 2561 โดยมี นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมฯ มีผู้เข้าร่วมการประชุม ประกอบด้วย ผู้นำจากประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ โดยได้มีโอกาสเดินทางไปยังสภาแห่งชาติเวียดนาม เพื่อคารวะ นางเหงียนถิ กึม เงิน ประธานสภาแห่งชาติเวียดนาม (Vietnamese President of Parliament) และรับฟังการนำเสนอเกี่ยวกับบทบาทสตรีทางการเมืองของเวียดนาม ซึ่งมีสัดส่วนการดำรงตำแหน่งในสภาของสตรี ถึง 30%



พลเอก อนันตพร กล่าวว่า สถานภาพของผู้หญิงในประเทศไทยมีพัฒนาดีขึ้นเป็นลำดับอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น การได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน อัตราการเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา และการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ โดยในปี 2560 ผู้หญิงมีบทบาทในตำแหน่งผู้บริหารในภาคเอกชนถึงร้อยละ 42 อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงยังประสบปัญหาในเรื่องต่างๆ เช่น ความรุนแรงในครอบครัวการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ ดังนั้น การส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและการคุ้มครองทางสังคมเป็นเรื่องที่ประเทศไทยให้ความสำคัญ ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ขับเคลื่อนในการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ ด้วยการผลักดันกฎหมาย รวมทั้งพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ซึ่งคุ้มครองสิทธิทั้งผู้หญิง และผู้ชาย รวมถึงผู้ที่แสดงออกแตกต่างจากเพศกำเนิด ภายใต้พระราชบัญญัติดังกล่าวมีคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศรับผิดชอบในการพิจารณาข้อร้องเรียน และการเยียวยาผู้ถูกเลือกปฏิบัติด้วยความไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ โดยมีการจัดตั้งกองทุนความเท่าเทียมระหว่างเพศขึ้น อีกทั้ง ในประเด็นเกี่ยวกับความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กหญิง มีศูนย์ช่วยเหลือสังคม ซึ่งให้ความช่วยเหลือในเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น การค้ามนุษย์ แรงงานเด็ก และการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และผู้พิการ รวมทั้งคนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศที่และประสบปัญหาสังคม สามารถขอรับความช่วยเหลือผ่านสายด่วนศูนย์ช่วยเหลือสังคม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากผู้หญิงและเด็กหญิงแล้ว ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับเรื่องความรุนแรงในทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส จึงมีการสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาความรุนแรงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนทุกระดับ รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้ชายและเด็กชายเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเสริมพลังผู้หญิง คู่สมรสที่ต่างเชื้อชาติที่อาจมีปัญหาทางสังคมจากการปรับตัวเป็นกลุ่มใหม่ที่สามารถขอรับความช่วยเหลือและคำปรึกษาจากศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวทั้ง 8 แห่ง


พลเอก อนันตพร กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจสำหรับผู้หญิงประเทศไทยได้จัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีขึ้นตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งกองทุนดังกล่าวช่วยให้ผู้หญิงสามารถเข้าถึงแหล่งทุน โดยผู้หญิงชนบทได้รับประโยชน์จากกองทุนนี้เป็นลำดับแรก พบว่า มีผู้หญิง 915,150 คน ได้รับการสนับสนุนทางการเงินเพื่อฝึกทักษะอาชีพ และผู้หญิง 639,099 คน ได้เข้าถึงแหล่งเงินกู้เพื่อก่อตั้งธุรกิจของตน และในปีนี้ รัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน ภายใต้วงเงินรวมกว่า 78,000 ล้านบาท แก่ผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคต (Industry Transformation Center : ITC)  23 แห่ง และศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือ SMEs 270 แห่งทั่วประเทศ อีกทั้งพี่เลี้ยงบ่มเพาะ SMEs สู่ตลาดโลก (Big brother) ซึ่งเป็นการให้ธุรกิจขนาดใหญ่ช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งผู้หญิงที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs จะได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ด้วย นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีแนวคิดจะเพิ่มสิทธิวันลาคลอดบุตรให้ลูกจ้างหญิงที่ตั้งครรภ์ จาก 90 วัน เป็น 98 วัน ซึ่งสอดคล้องกับอนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และพยายามผลักดันให้ภาคเอกชนส่งเสริมการลาของพ่อ-แม่ เพื่อเลี้ยงดูบุตร และประเทศไทยได้ริเริ่มการให้เงินช่วยเหลือเด็กแรกเกิด เมื่อปี 2558 โดยให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวยากจนที่มีเด็กแรกเกิดถึง 3 ปี เดือนละ 600 บาท ซึ่งมาตรการนี้ได้รับการยอมรับว่า เป็นความพยายามในการช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสจากการถูกกีดกัน และสนับสนุนให้เด็กได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ในช่วงแรกของชีวิต นับเป็นการลงทุนระยะยาวที่จะมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในอนาคต นอกจากนี้ ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุตั้งแต่ ปี 2548 ส่งผลให้รัฐบาลได้ริเริ่มการดูแลผู้สูงอายุ โดยอาสาสมัครใน 44 ชุมชน ซึ่งอาสาสมัครเหล่านี้สามารถได้รับการดูแลตอบแทนตามเวลาที่สะสมไว้ในอนาคต ทำให้ผู้สูงอายุสตรีจะได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้เป็นอย่างมาก อันเนื่องมาจากการมีอายุขัยที่ยืนยาวกว่า

“ประเทศไทยให้ความสำคัญและจะผลักดันมาตรการคุ้มครองทางสังคมแก่ผู้หญิงและเด็กหญิง และมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศอื่น ๆ ตลอดจนความร่วมมือในคณะกรรมการอาเซียนด้านสตรี และพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน และหุ้นส่วนใหม่จากทุกระดับ"

25 ตุลาคม 2561

ทอดด์ ทองดี เปิดตำนานเชื่อมโยงชุมชน นวัตวิถีสิงห์บุรี Singburi Inno – Way

ท่องเที่ยววิถีชีวิตไทยใกล้กรุงเทพ |
โครงการ Otop นวัตวิถีสิงห์บุรี
 


จังหวัดสิงห์บุรี ระยะทางที่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปเพียงไม่มาก แต่กลับมีแหล่งชุมชน และสถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจ และยังคงรูปรูปแบบการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม อากาศบริสุทธ์ การเกษตรแบบพึ่งพาตนเองใช้ปรัชญาเศรฐกิจพอเพียง กับความงดงามของเส้นทางการเที่ยว จากจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผลิตภัณฑ์โอทอป หรืออาหารที่ขึ้นชื่อของแต่ละพื้นถิ่น  เป็นเสมือนกุญแจที่เปิดเข้าเรื่องราวของแต่ละหมู่บ้าน โดยพิธีกร ทอดด์ ทองดี นำด้วยความสงสัยว่า ผลิตภัณฑ์นี้อาหารนี้คืออะไร มีผู้นำที่เป็นบุคลากร ดีเด่น หรือนักปราชญ์ของแต่ละหมู่บ้าน

เพื่อตอบสนองความสงสัยของพิธีกร ด้วยการเล่าถึงที่มา ที่อยู่ และอนาคตของหมู่บ้านนั้น แล้วนำเข้าสู่รายละเอียดหรือการสาธิตการสร้าง การปรุงผลิตภัณฑ์โอทอป เมื่อเราได้เรียนรู้เรื่องราวและความเป็นมาของหมู่บ้านนั้นและผลิตภัณฑ์ OTOP ที่โดดเด่นเด่น สามารถเชื่อมโยงถึงอนาคตความเป็นไปได้และ ศักยภาพของฃุมชนในแต่ละหมู่บ้าน จังหวัดสิงห์บุรี ได้อย่างน่าประทับใจ ใครมาเยี่ยมชุมชนแห่งนี้ ต้องห้ามพลาดกับหลากหลายกิจกรรมท่องเที่ยวนวัตวิถี ของชาวสิงห์บุรี
ท่องเที่ยววิถีชีวิตไทยใกล้กรุงเทพ |โครงการ Otop นวัตวิถีสิงห์บุรี 

 ทอดด์ ทองดี และนาย นายวิทยา เต่าทอง ณ. ม.3 ตำบลบางกระบือ อ.ดอนกระต่าย สิงห์บุรี




วันนี้ Wefiethailand มีโอกาสพบผู้ใหญ่บ้าน นายวิทยา เต่าทอง ณ. ม.3 ตำบลบางกระบือ อ.ดอนกระต่าย ชวนมาเที่ยวแลลธรรมชาติที่ จังหวัดสิงห์บุรี เยี่ยมชมวิถีชีวิต หาเวลามานอนพักที่ บ้านดอนกระต่าย ที่นี่มีพักในแบบโฮมสเตย์ พบกับความเรียบง่ายและวิถีชีวิตที่งดงาม สัมผัสบรรยาการการนอนโฮมสเตย์ แบบติดทุ่งนา และยังได้อิ่มอร่อยกับอาหารไทย เรียกว่ามาแต่ตัวสามารถมานอนท่ามกลางธรรมชาติ 

ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลและผู้ใหญ่พาเยี่ยมชม แหล่งอนุรักษ์เลี้ยงปลาช่อนแม่ลาที่แหล่งน้ำธรรมชาติหนองบัว แหล่งเพาะพันธ์  ปลาช่อนแม่ลา ที่ชาวบ้านเร่งฟื้นฟูอนุรักษ์ เด็ดพืชผักข้างรั้ว ซึ่งเป็นผักท้องถิ่น เรียกว่าหาวัตถุดิบได้แบบใดก็ใช้แบบนั้น เรามองดูด้วยตาแต่มองเห็นด้วยสมองและภูมิปัญญาท้องถิ่น สำหรับใครที่อยากมาพักอิงแอบแนบชิดธรรมชาติแหล่งรวบรวมมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน ด้วยทุ่งนาที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาเป็นสระเก็บน้ำและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำและนำรายได้เข้าสู่ชุมชนได้มากขึ้น






ณ. ตลาดนวัตวิถี ดอนประชด  มีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชม ตลาดนวัตวิถี ดอนประชด ที่นี่จำหน่ายสินค้าของชุมชน ตลาดวิถีชุมชนขายสินค้าของชุมชน สามารถเลือกซื้อเลือกหาสินค้าราคาชาวบ้าน ที่มีทั้งของกิน อย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ น้ำพริก ปลาร้าแบบแปรรูป ปลาร้าทรงเครื่อง ปลาร้าสมุนไพร แจ่วบองทรงเครื่อง ปลาร้าผัดสมุนไพรไข่เค็ม ผลิตภัณฑ์แปรรูปน้ำพริก น้ำพริกตาแดง กลุ่มจักสาน ของใช้ ยังเป็นชุมชนวิถีไทย ใช้ปรัชญาเศรฐกิจพอเพียงของในหลวง ในการดำรงชีวิต




เดินทางต่อเพื่อมาชม อนุสาวรีย์วีรชนบ้านบางระจัน แห่งบ้านบางระจัน
ที่สิงห์บุรีก็มีให้ชมไม่แพ้ที่ไหน เส้นผ่านผลิตภัณฑ์ OTOP มีความพร้อมที่จะรับนักท่องเที่ยว อีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเรื่องของประวัติศาสตร์ของวีรชนคนกล้า แห่งบ้านบางระจัน อนุสาวรีย์วีรชนบ้านบางระจัน กรมศิลปากรสร้างเสร็จในปี 2512 ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้ซึมซับบรรยากาศสถานที่อันทรงคุณค่า



อนุสาวรีย์วีรชนและอุทยานค่ายบางระจัน สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่วีรชนบ้านบางระจันผู้ประกอบวีรกรรมครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย ในสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ โดยพม่าได้ยกทัพมาตีไทยและมีกองทัพส่วนหนึ่งเข้าตีหมู่บ้านบางระจัน แม้ว่าชาวบ้านบางระจันจะขาดแคลนอาวุธและมีกำลังน้อยกว่า แต่ก็ได้แสดงความกล้าหาญและความสามัคคียอมพลีชีวิตเพื่อประเทศชาติ จนได้รับการจารึกเพื่อเป็นเกียรติสืบมา


ถัดมาอีกนิดไม่ควรพลาด เพราะในช่วงนี้กระแส Otop นวัตวิถีสิงห์บุรี ที่กำลังมาแรง และอดไม่ได้ที่ต้องแวะไปช้อปของฝากและสินค้าชื่อดัง อย่างกล้วย” กลุ่มผลผลิตแปรรูปทางการเกษตร ที่อบกล้วยด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ บอกเลยว่า กล้วยตาก ผลผลิตแปรรูปทางการเกษตรรสชาติของกล้วยตาก โดยได้กำนัน ธนวันต์ ชัยรุ่งโรจน์สกุล เป็นผู้นำชาวบ้านเข้ามารวมกลุ่มกัน ได้รับการการันตีความอร่อยจากนักท่องเที่ยวมานักต่อนัก  3/2 หมู่ 9 ตำบางระจัน อ.ค่ายบางระจัน 
กลุ่มผลผลิตแปรรูปทางการเกษตร ที่อบกล้วยด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ 






ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเพื่อก่อให้เกิดรายได้ ที่นี่ถือเป็นมรดกทางความคิด ของบรรพบุรุษอันล้ำค่าสมควรแก่การสืบสานและอนุรักษ์ หากได้รับการส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแล้วจะเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนนำทุนทางวัฒนธรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง นอกฤดูกาลท่องเที่ยว  กระตุ้นนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยือน  จังหวัดสิงห์บุรี

วัดร้างบ้านสร้าง 
ตามต่อติดกับบรรยากาศที่ คุณทอดด์ ทองดี และทีมงานมีความตุ้งใจ เปิดตำนานเชื่อมโยงชุมชน วัดรบ้านสร้าง เพื่อซึมซับบรรยากาศสถานที่อันทรงคุณค่าที่ วัดร้างบ้านสร้าง เป็นอีกหนึ่งสสถานที่ที่น่ามาท่องเที่ยว เป็นชุมชนเล็กๆ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ และเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อันสำคัญของ อ.ท่าช้าง ที่มีชื่อว่า....

วัดร้างบ้านสร้าง สถานเก่าแก่อายุหลายร้อยปี ที่ อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ชาวบ้านในพื้นที่เรียกว่า วัดบ้านสร้าง ลือลั่นเจ้าที่แรงที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นชุมชนโอท้อปนวัตวิถีของสิงห์บุรี บรรพบุรุษเคารพสักการะหลายร้อยปี โดยสันนิษฐานว่า เป็นวัดสมัยอยุธยาตอนกลาง สังเกตจากฐานรูปทรงเรือสำเภามีทั้งหมด 5 ห้อง ตั้งแต่พ.ศ. 2128 บรรยากาศโดยรอบของ วัดร้างบ้านสร้าง ระหว่างที่เดินชมไปรู้สึกเหมือนกำลังก้าวผ่านช่วงเวลาจากปัจจุบันสู่อดีต เป็นฝีมือของช่างแบบดั้งเดิม เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสวยงามปลกตาของทางธรรมชาติ โดยมีจุดชมวิวที่เผยให้เห็นภาพอันน่ามหัศจรรย์ของ วัดบ้านสร้าง


วัดร้างบ้านสร้าง สถานเก่าแก่อายุหลายร้อยปี ที่ อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี


เอษณะ เฟอร์นิเจอร์  ร้านใหญ่ริมถนน อ.ประสุข จ.สิงห์บุรี
เกวียนเล่มสวยๆ ที่ ศูนย์การเรียนรู้การเกษตรผสมผสาน และแหล่งเรียนรู้หัตถกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่า สำหรับคนรักในงานไม้และอยากเป็นช่างไม้ ความปลอดภัยในการใช้เครื่องมือ เวลาเดียวกันก็ปรับรูปโฉมการจัดจำหน่าย พัฒนาเป็นศูนย์รวมเฟอร์นิเจอร์ กับการรังสรรค์พื้นที่และรวบรวมความหลากหลายที่มีทั้งไม้เก่าจากเกวียน ปลวก เป็นส่วนที่ช่วยให้เกิดลายไม้ธรรมชาติ เมื่อปลวกแทนจนเหลือแต่เนื้อไม้ จะเป็นร่องน้ำ ซึ่งก่อให้เกิดลายที่สวยงามของผลิตภัณฑ์   ที่ร้านมีแนวคิด ท่องเที่ยวชุมชนเอษณะ เฟอร์นิเจอร์
คุณเอ เจ้าของ เอษณะ เฟอร์นิเจอร์

“สิ่งที่ผมทำงานไม้เก่านี้ผมได้ความคิดมาจากนายหลวง ร.9  ที่นำเศษไม้  มาประยุคให้มีคุณค่า โดยไม่ต้องทำลายธรรมซาติ “-คุณเอ กล่าว เอษณะ เฟอร์นิเจอร์  ให้ความรู้เกี่ยวกับแนวคิดและรูปแบบการท่องเที่ยววิถีไทย โดยมีผู้แทนชุมชนผู้ใหญ่บ้านคอยให้คำแนะนำ






ตามคุณ  ทอดด์ ทองดี เปิดตำนานเชื่อมโยงชุมชน บ้านโคกหม้อ หมู่บ้านที่มีลักษณะเป็นเนินดิน เป็นโคก  บ้านโคกหม้อ ลักษณะตามชื่อเรียก หมู่บ้านที่มีลักษณะเป็นเนินดิน เป็นโคก เคยเป็นแหล่งเตาเผาโบราณมาก่อน จากประวัติด้านหน้าบอกเอาไว้ว่าเป็นแหล่งเตาเผาแม่น้ำน้อย ไฮไลท์ของที่นี่ ถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์คือ ไหสี่หู ซึ่งหาได้ยาก



ปัจจุบันมีตลาดนัด OTOP นวัตวิถี ที่บ้านโคกหม้อ ภายในบริเวณวัด สามารถเดินเล่นชิม ช้อป สินค้าจากชาวบ้านได้ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ และเมื่อเดินเข้าสู่ด้านหลังของวัดจะพบพระปรางค์ ริมแม่น้ำน้อย
มักเป็นที่จัดงาน ลอยกระทงและตักบาตรเทโว ในช่วงวันออกพรรษา









ตลาดสองวัฒนธรรม ไทย-จีน หมื่น หมื่น ปี ชุมชนบ้านท่าช้าง
ท่องเที่ยวชุมชนเที่ยวชม ชิม แชะ ที่ตลาดสองวัฒนธรรมไทย-จีนหมื่นหมื่นปี เป็นที่ราบลุ่มมีแม่น้ำน้อยไหลผ่านล่องเรื่อรับอากาศดีกลางแม่น้ำน้อย เรือสำหรับพานักท่องเที่ยวนั่งชมบรรยากาศจะแล่นไกลไปถึงวัดพิกุลทอง สองข้างทางจะได้ชมวิถีชีวิตชาวบ้าน ช่วงเย็นตอนบ่าย ได้แสงยามเย็นที่งดงาม อบอุ่น และช่วงเช้า ซึ่งจะได้ชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน ที่งดงามในยามเช้า


นักท่องเที่ยวสามารรถร่วมกิจกรรมบริเวณพื้นที่ด้านนอก จัดเป็นที่นั่งแบบระเบียงชมวิว นั่งจิบเครื่องดื่มมองผู้คนที่ข้ามไปมาบริเวณสะพาน เป็นวิถีชีวิตที่ดูอบอุ่นและเรียบง่ายแวะมาเดินเล่นหาของอร่อยทานที่ตลาดก่อนได้ เป็นตลาดเล็กๆ มีอาหารที่ขึ้นชื่อของแต่ละพื้นถิ่นเป็นเสมือนกุญแจที่เปิดเข้าเรื่องราวของหมู่บ้าน ที่นี่ตกแต่งน่ารัก แบบซุ้มขายของอารมณ์แบบชาวบ้านเก๋ๆ  ตลาดสองวัฒนธรรม ไทย-จีน หมื่น หมื่น ปี







จบทริปท่องเที่ยวสบาย 2 วันที่เมืองสิงห์บุรี สำหรับใครที่อยากมาสัมผัสความรู้สึกเหมือนเรา   มาแล้วหลุดไปอยู่ในดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ วัฒนธรรม และวีรชน เบิกบานใจกับสถานที่ท่องเที่ยว ในจังหวัดสิงห์บุรี วันหยุดพักผ่อนเส้นทางสายวัฒนาธรรมและประวัติศาตร์ของเมืองสิงห์บุรี อยากให้ได้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง




ขอบคุณ ทีมงานสำนักงานพัฒนาชุมชน จังหวัดสิงห์บุรี กำหนดจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว สื่อมวลชนได้มีโอกาสเยี่ยมชมชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี (press tour) สารคดีสั้น 5 นาที 24 ตอน
การพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวก การพัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวแต่ละท้องถิ่น การส่งเสริมการตลาดชุมชนท่องเที่ยว กระตุ้นนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยือน กระตุ้นนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยือน
 นวัตวิถีสิงห์บุรี Singburi Inno – Way