11 มกราคม 2567

ปี 66 ไทยเป็นโลเคชันถ่ายหนังต่างประเทศ 466 เรื่อง ทุบสถิติรายได้กว่า 6,600 ล้านบาท กรุงเทพฯ อันดับ 1 จาก 5 จังหวัดยอดนิยมที่ถ่ายทำในไทย

ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำหลักที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้สร้างภาพยนตร์ทุกประเภททั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นโฆษณา สารคดี รายการทีวี ไปจนถึงการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องยาว โดยจากสถิติการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2566 ประเทศไทยเป็นโลเคชันถ่ายหนังต่างประเทศ 466 เรื่อง ทำเงินลงทุนกว่า 6,600 ล้านบาท ถือเป็นสถิติจำนวนรายได้สูงสุดนับตั้งแต่มีการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย

นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า จากรายงานสถิติการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2566 ของกรมการท่องเที่ยว (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566) พบว่า ประเทศไทยได้รับเลือก

ให้เป็นโลเคชันในการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศทั้งหมด 466 เรื่อง จาก 40 ประเทศทั่วโลก ซึ่งคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เข้ามาถ่ายทำมากที่สุด ด้วยจำนวนภาพยนตร์ 34 เรื่อง เงินลงทุนกว่า 3,184 ล้านบาท ตามมาด้วยคณะถ่ายทำจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีเงินลงทุนกว่า 707 ล้านบาท ตามด้วยสาธารณรัฐประชาชนจีน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และสาธารณรัฐเกาหลี ตามลำดับ สร้างรายได้เข้าสู่อุตสาหกรรม

การท่องเที่ยวของประเทศในภาพรวมกว่า 6,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา เกือบ 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย (Incentive Measure) 

ในรูปแบบการคืนเงินสูงสุดร้อยละ 20 ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศตัดสินใจเข้ามาลุงทุนถ่ายทำในประเทศไทย



โดยกองกิจการภาพยนตร์และวิดีทัศน์ต่างประเทศ (TFO Thailand Film Office) ได้จัดอันดับ 5 จังหวัดของประเทศไทยที่ผู้สร้างภาพยนตร์จากทั่วโลกนิยมใช้เป็นโลเคชันหลักในการถ่ายทำ ดังนี้

อันดับที่ 1 กรุงเทพมหานคร จำนวน 282 เรื่อง อาทิ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นต้น

อันดับที่ 2 ชลบุรี จำนวน 77 เรื่อง อาทิ ถนนเรียบชาดหายพัทยา เกาะล้าน เกาะสีชัง เป็นต้น

อันดับที่ 3 สมุทรปราการ จำนวน 60 เรื่อง อาทิ เมืองโบราณ The Studio Park ท่าเรือศุภนาวา เป็นต้น

อันดับที่ 4 ปทุมธานี จำนวน 52 เรื่อง อาทิ ACTS Studio มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นต้น

และอันดับที่ 5 ภูเก็ต จำนวน 47 เรื่อง อาทิ หาดพาราไดซ์ ย่านเมืองเก่าภูเก็ต พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี เป็นต้น


นอกจากมาตรการส่งเสริมแรงจูงใจแล้ว คณะถ่ายทำต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งตอกย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นโลเคชันถ่ายทำภาพยนตร์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้สร้างหนังได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถกระจายรายได้ไปสู่ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้งในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เกิดการจ้างงานทีมงานไทย การเช่าสถานที่และอุปกรณ์การถ่ายทำ หรือในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เช่น โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สินค้าท้องถิ่น เป็นต้น รวมถึงการประชาสัมพันธ์ Soft power ด้านต่างๆ ของประเทศไทยผ่านกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ซึ่งสามารถสร้างการรับรู้ให้กับผู้ชมทั่วโลก อันจะทำให้เกิดการท่องเที่ยวตามรอยการถ่ายทำภาพยนตร์ต่อไป