30 พฤศจิกายน 2563

พม. จัดแถลงข่าวงานวันอาสาสมัครสากล ประจำปี 2563 ( International Volunteer Day 2020 )

ภายใต้หัวข้อ “Together We Can Through Volunteering”

          วันนี้ (30 พ.ย. 63) เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 2 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กรุงเทพฯ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) พร้อมด้วย Ms. Gita Sabharwal (United Nations Resident Coordinator in Thailand และ Mrs. Shalina Miah (Regional Manager, Asia and the Pacific United Nations Volunteers Programme) ร่วมแถลงข่าวงานวันอาสาสมัครสากล ประจำปี 2563 (International Volunteer Day 2020) ภายใต้หัวข้อ “Together We Can Through Volunteering” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 4 ธันวาคม 2563 ที่ห้องประชุม ESCAP Hall สำนักงานองค์การสหประชาชาติประเทศไทย

           นายจุติ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี กำหนดให้วันที่ 21 ตุลาคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับตรงวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นวันอาสาสมัครไทย และสอดคล้องกับองค์การสหประชาชาติกำหนดให้วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันอาสาสมัครสากล รัฐบาลโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้ความสำคัญในการผลักดันนโยบายด้านงานอาสาสมัครของประเทศไทย และส่งเสริมอาสาสมัครเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดสวัสดิการสังคม ขับเคลื่อนงานพัฒนาประเทศ

          นายจุติ กล่าวต่อไปว่า กระทรวง พม. โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) เป็นหน่วยงานหลักในการทำหน้าที่เกี่ยวกับการพัฒนาสังคม การสร้างความเป็นธรรม และความเสมอภาคในสังคม รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม อาสาสมัคร และประชาชน โดยมี 2 หน่วยงานหลัก ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ซึ่งดำเนินการการขับเคลื่อนการจัดตั้งศูนย์อาสาสมัครแห่งชาติ เป็นศูนย์กลางการประสานงานกับองค์กรที่ดำเนินงานด้านอาสาสมัคร การจัดทำทะเบียนกลางอาสาสมัครของประเทศ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนงานอาสาสมัครที่มีประสิทธิภาพ ทั้งทางด้านการบริหารจัดการอาสาสมัคร และการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัคร ให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และกองกิจการอาสาสมัครและภาคประชาสังคมเป็นหน่วยงานที่ให้การส่งเสริมและพัฒนากลไกเกี่ยวกับงานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ผลักดันการขยาย อพม. ให้มีจำนวนมากขึ้น เพื่อรองรับการดูแลและช่วยเหลือประชาชนในชุมชน อย่างน้อย 1 คน ต่อ 40 ครัวเรือน นอกจากนี้ ยังเน้นการพัฒนาคุณภาพของอาสาสมัคร โดยเพิ่มศักยภาพในด้านความรู้และทักษะในการปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการและการพัฒนาชุมชน

           นายจุติ กล่าวต่ออีกว่า ในปีนี้ได้กำหนดการจัดงานวันอาสาสมัครสากล ประจำปี 2563 (International Volunteer Day 2020) ในวันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2563 โดยกำหนดหัวข้อ “Together We Can Through Volunteering” ซึ่งจะจัดขึ้น ณ ห้องประชุม ESCAP Hall สำนักงานองค์การสหประชาชาติประเทศไทย กรุงเทพฯ มีการจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์การปฏิบัติงานของอาสาสมัคร และเปิดโอกาสให้ทั้งองค์กรอาสาสมัคร และอาสาสมัคร ได้เผยแพร่กิจกรรมที่ได้ทำ ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ เพื่อบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals)

           นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวง พม. ขอเชิญชวนให้อาสาสมัคร องค์กรที่ทำงานด้านอาสาสมัครและประชาชนคนไทยทุกคน ได้ตระหนักและให้ความสำคัญต่อการทำงานด้านอาสาสมัคร เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานอาสาสมัครไทยสู่สากล



โดยการจัดกิจกรรมทำประโยชน์เพื่อสังคมในช่วงระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 5 ธันวาคม 2563 และเผยแพร่ภาพหรือเรื่องราวต่างๆ ในการจัดกิจกรรมผ่านทางสื่อออนไลน์ Facebook Twitter หรือช่องทางอื่นๆ พร้อมทั้งพิมพ์ข้อความว่า “#5ธันวาคมวันอาสาสมัครสากล #IVDThailand2020 #IVD2020 #GiveAHeart  #TogetherWeCan”


ครั้งแรกของผงซักฟอกฆ่าไวรัส 99.9% ที่สุดแห่งนวัตกรรมความสะอาด

 ใหม่! แอทแทค 3D ไวรัส คิลเลอร์

บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือนและส่วนบุคคลตอกย้ำจุดยืนเรื่องการดูแลสุขอนามัย พร้อมเกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ภายหลังมีการเปิดประเทศ ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ครั้งแรกของผงซักฟอกฆ่าเชื้อไวรัส 99.9แอทแทค 3D ไวรัส คิลเลอร์” สูตรเพื่อสุขอนามัยขั้นสุดของแอทแทค ที่ผสานเทคโนโลยี 3D ไวรัส คิลเลอร์เข้าไปทำลายเปลือกหุ้มของไวรัสทำให้เชื้อไวรัสหมดฤทธิ์และถูกกำจัดออกไปนอกจากนี้สามารถยับยั้งแบคทีเรียบนผ้าได้อีกด้วยซึ่งจะช่วยลดกลิ่นอับและกลิ่นเหงื่อ พร้อมขจัดคราบฝั่งแน่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นผงซักฟอกที่เหมาะกับการซักเสื้อผ้าให้กับทุกคนในครอบครัวร่วมพิสูจน์นวัตกรรมความสะอาดเพื่อสุขอนามัยขั้นสุด ด้วย แอทแทค3D ไวรัส คิลเลอร์ผงซักฟอกสูตรฆ่าเชื้อไวรัส 99.9% ขนาด 750 กรัมในราคา 85บาท ได้แล้ววันนี้
ที่ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ

แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ให้ลูกพาพ่อขึ้นรถไฟฟรีวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2563

รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล  ลิงก์ มอบของขวัญในวันพ่อแห่งชาติ ให้คุณลูกพาคุณพ่อ
ขึ้นรถไฟฟ้า ฟรี! ไม่จำกัดเที่ยว วันที่ 5 ธันวาคม 2563

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด
เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นวันพ่อแห่งชาตินั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนสถาบันครอบครัวให้มีความสัมพันธ์ และความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น บริษัทจึงได้จัดกิจกรรมพิเศษเปิดโอกาสให้
คุณลูกพาคุณพ่อขึ้นรถไฟฟ้าฟรี! ไม่จำกัดเที่ยว ตลอดวัน ในวันที่ 5 ธันวาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 24.00 น. เพียงคุณลูกพาคุณพ่อมาแสดงตัวที่ห้องจำหน่ายตั๋ว 

(คุณพ่อ และคุณลูกไม่จำเป็นต้องมีนามสกุลเดียวกัน) เพื่อขอรับคูปองเดินทางฟรีที่ห้องจำหน่ายตั๋วก่อนเดินทาง เพียงเท่านี้คุณพ่อก็สามารถเดินทางได้ฟรี

หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข
Call Center 1690 หรือ www.srtet.co.th , www.facebook.com/AirportRailLink
และ Twitter : Airport Rail Link

กระทรวงอุตสาหกรรมประกาศรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2563 พร้อมขานรับนโยบาย BCG

 


กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) แถลงข่าวพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2563 (The Prime Minister’s Industry Award 2020) ปีที่ 28 เดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่ 4.0  ตามนโยบายเศรษฐกิจใหม่ “BCG Model” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และก้าวทันการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจใหม่ ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม เผยในปีนี้มีผู้ประกอบการได้รับการคัดเลือกเข้ารับรางวัลจำนวน 79 รางวัล พร้อมรางวัลชมเชย 5 รางวัล จากผู้สมัครทั้งสิ้น 260 ราย

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในงานแถลงข่าวพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2563 (The Prime Minister’s Industry Award 2020) ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจัดพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อมอบให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ มีความวิริยอุตสาหะ ในการพัฒนาการประกอบการให้มีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามที่กำหนด

“กระทรวงอุตสาหกรรม มีนโยบายในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมเพื่อก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ตามนโยบายเศรษฐกิจใหม่ “BCG Model” ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) เป็นการพัฒนา 3 เศรษฐกิจหลักพร้อมกัน โดยนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาต่อยอดพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curves) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดการนำกลับมาใช้และลดปริมาณขยะหรือของเสียให้เป็นศูนย์ (Zero Waste) ควบคู่กับการลดผลกระทบต่อโลกและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนซึ่งเป็นการพัฒนาและยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 อย่างยั่งยืน”

และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ในส่วนภาคอุตสาหกรรมของไทยก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน กระทรวงฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือทั้งมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูธุรกิจในหลาย ๆ ด้านได้แก่ มาตรการพักชำระหนี้และเติมเงินสินเชื่อ การยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีโรงงานอุตสาหกรรม 56,598 แห่งทั่วประเทศ และมาตรการอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งมั่นส่งเสริมผู้ประกอบการตระหนักถึงความสำคัญในการปรับตัวเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจอุตสาหกรรมใหม่ในยุควิถีใหม่ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมมาปรับใช้

นายสุริยะ กล่าวว่า “รางวัลอุตสาหกรรม” เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศสูงสุดที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการจัดพิธีมอบ "รางวัลอุตสาหกรรม" อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 เป็นต้นมา ปีนี้นับเป็นปีที่ 28 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กำลังใจและประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบการธุรกิจภาคอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพ ผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามที่กำหนดในระดับที่สามารถเป็นตัวอย่างที่ดี มีความคิดริเริ่มและมีความวิริยอุตสาหะ ในการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับผู้ประกอบการและสถานประกอบการต่าง ๆ

ในส่วนของผลการพิจารณาคัดเลือกรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2563 มีผู้ประกอบการได้รับการพิจารณาคัดเลือก จำนวนทั้งสิ้น 79 รางวัล พร้อมรางวัลชมเชยอีก 5 รางวัล จากผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกจำนวน 260 ราย โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม จำนวน 1 รางวัล ผู้ที่ได้รับรางวัลในปีนี้คือ บริษัท เอฟแอนด์เอ็น แดรี่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด 2. รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น จำนวน 48 รางวัล แบ่งเป็น 8 ประเภทรางวัล 3. รางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อมดีเด่น จำนวน 30 รางวัล แบ่งเป็น 4 ประเภทรางวัล

รางวัลอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบการได้รับ ถือเป็นบทพิสูจน์สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ ในการคงคุณภาพ และพัฒนาการประกอบการให้มีประสิทธิภาพแม้ในสภาวะวิกฤติได้อย่างน่าชื่นชมในขณะเดียวกัน เหล่าคณะกรรมการและคณะทำงานที่มีหน้าที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบประเมินผล ณ สถานประกอบการต่าง ๆ ต้องใช้ความพยายามและความอุตสาหะเป็นอย่างมากในการรวบรวมข้อมูลและผลการประเมินต่าง ๆ อีกทั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิในแขนงต่าง ๆ มีการให้คำแนะนำ แนะแนวทางการพัฒนาการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในดำเนินงานให้กับผู้ประกอบการ

สำหรับการจัดพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2563 (The Prime Minister’s Industry Award 2020) กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบการจัดงาน กำหนดจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2563 เวลา 13.30 น. ณ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต โดยได้รับเกียรติจากท่านนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ NBT ในวันและเวลาดังกล่าว ซึ่งการจัดงานดำเนินงานตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน


พม. เตรียมจัดงานวันอาสาสมัครสากล ประจำปี 2563 ( International Volunteer Day 2020 )


วันนี้ (30 พ.ย. 63) เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 2 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กรุงเทพฯ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) พร้อมด้วย Ms. Gita Sabharwal (United Nations Resident Coordinator in Thailand และ Mrs. Shalina Miah (Regional Manager, Asia and the Pacific United Nations Volunteers Programme) ร่วมแถลงข่าวงานวันอาสาสมัครสากล ประจำปี 2563 (International Volunteer Day 2020) ภายใต้หัวข้อ “Together We Can Through Volunteering” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 4 ธันวาคม 2563 ที่ห้องประชุม ESCAP Hall สำนักงานองค์การสหประชาชาติประเทศไทย

นายจุติ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี กำหนดให้วันที่ 21 ตุลาคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับตรงวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นวันอาสาสมัครไทย และสอดคล้องกับองค์การสหประชาชาติกำหนดให้วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันอาสาสมัครสากล รัฐบาลโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้ความสำคัญในการผลักดันนโยบายด้านงานอาสาสมัครของประเทศไทย และส่งเสริมอาสาสมัครเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดสวัสดิการสังคม ขับเคลื่อนงานพัฒนาประเทศ



นายจุติ กล่าวต่อไปว่า กระทรวง พม. โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) เป็นหน่วยงานหลักในการทำหน้าที่เกี่ยวกับการพัฒนาสังคม การสร้างความเป็นธรรม และความเสมอภาคในสังคม รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม อาสาสมัคร และประชาชน โดยมี 2 หน่วยงานหลัก ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ 

ซึ่งดำเนินการการขับเคลื่อนการจัดตั้งศูนย์อาสาสมัครแห่งชาติ เป็นศูนย์กลางการประสานงานกับองค์กรที่ดำเนินงานด้านอาสาสมัคร การจัดทำทะเบียนกลางอาสาสมัครของประเทศ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนงานอาสาสมัครที่มีประสิทธิภาพ ทั้งทางด้านการบริหารจัดการอาสาสมัคร และการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัคร ให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และกองกิจการอาสาสมัครและภาคประชาสังคมเป็นหน่วยงานที่ให้การส่งเสริมและพัฒนากลไกเกี่ยวกับงานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ผลักดันการขยาย อพม. ให้มีจำนวนมากขึ้น เพื่อรองรับการดูแลและช่วยเหลือประชาชนในชุมชน อย่างน้อย 1 คน ต่อ 40 ครัวเรือน นอกจากนี้ ยังเน้นการพัฒนาคุณภาพของอาสาสมัคร โดยเพิ่มศักยภาพในด้านความรู้และทักษะในการปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการและการพัฒนาชุมชน

นายจุติ กล่าวต่ออีกว่า ในปีนี้ได้กำหนดการจัดงานวันอาสาสมัครสากล ประจำปี 2563 (International Volunteer Day 2020) ในวันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2563 โดยกำหนดหัวข้อ “Together We Can Through Volunteering” ซึ่งจะจัดขึ้น ณ ห้องประชุม ESCAP Hall สำนักงานองค์การสหประชาชาติประเทศไทย กรุงเทพฯ มีการจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์การปฏิบัติงานของอาสาสมัคร และเปิดโอกาสให้ทั้งองค์กรอาสาสมัคร และอาสาสมัคร ได้เผยแพร่กิจกรรมที่ได้ทำ ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ เพื่อบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals)

นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวง พม. ขอเชิญชวนให้อาสาสมัคร องค์กรที่ทำงานด้านอาสาสมัครและประชาชนคนไทยทุกคน ได้ตระหนักและให้ความสำคัญต่อการทำงานด้านอาสาสมัคร เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานอาสาสมัครไทยสู่สากล โดยการจัดกิจกรรมทำประโยชน์เพื่อสังคมในช่วงระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 5 ธันวาคม 2563 และเผยแพร่ภาพหรือเรื่องราวต่างๆ ในการจัดกิจกรรมผ่านทางสื่อออนไลน์ Facebook Twitter หรือช่องทางอื่นๆ พร้อมทั้งพิมพ์ข้อความว่า “#5ธันวาคมวันอาสาสมัครสากล #IVDThailand2020 #IVD2020 #GiveAHeart  #TogetherWeCan”





29 พฤศจิกายน 2563

เดอะ พาร์ค ไนน์ สุวรรณภูมิ จัดปาร์ตี้ ย้อนรอยตำนาน “IDOL” ยุค60'​s-80's

 

คุณ​ธรรมจักร์   เหลืองประเสริฐ ตัวแทนเจ้าของ​โรงแรมฯ และ​คุณ​ชาตรี​ นุ้ย​ประสิทธิ์​ ต้อนรับวง IDOL ยุค60'​s-80's 'HONEY' วงดนตรีระดับแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2520  พร้อม​นักร้อง​รับ​เชิญ​พิเศษ​ คุณเล็ก​ เพลสลี่ยส์​ ที่มามอบความสนุก​สนาน  และพาทุกท่านหวนรำลึกความทรงจำสมัยยังเฟี้ยว........ไปกับบทเพลงสากลคลาสสิค​ย้อนยุค  

นั่งไทม์แมชชีนร่วมย้อนรำลึกภาพความประทับใจเมื่อหนหลัง ดื่มด่ำกับบทเพลงในอดีตที่คิดถึง ชิมอาหารอร่อย และเครื่องดื่มหลากหลายเมนู ในบรรยากาศอบอุ่นสบายๆ ย้อนรอยตำนาน “IDOL” เพลงสากลคลาสสิค ยุค 60’ - 80’s ไปกับ วงดนตรีระดับแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2520 “HONEY”


ห้องอาหาร Eat Drink Love Suvarnabhumi
นอกจากจะได้บรรยากาศชิลๆ แล้ว ยังมีอาหารอร่อยๆ พร้อมเสิร์ฟตลอดวัน ในส่วนของการตกแต่งก็จัดว่าดีงาม ฝีมือเชฟประจำโรงแรม เป็นห้องอาหารแบบ ออลเดย์ไดน์นิ่ง สามารถรองรับได้จำนวน 100 ที่นั่ง พร้อมให้บริการด้วยอาหารรูปแบบใหม่ที่ต้องลิ้มลอง นอกจากนี้ ยังมี Cuppers ให้บริการกาแฟสด ที่คัดสรรจากเมล็ดพันธุ์กาแฟคุณภาพเยี่ยม จากแหล่งวัตถุดิบระดับโลกมาไว้ที่นี่ 








เมื่อวันศุกร์ที่ 27 พฤศิจกายน 2563 ที่ผ่านมา เวลา 18:00 - 23:00 น. ณ ห้องอาหาร อีท ดริ้งก์ เลิฟ,
โรงแรม เดอะ พาร์ค ไนน์ สุวรรณภูมิ ราคาบัตร 100 บาท พร้อมเครื่องดื่ม 1 แก้วฟรีนั่งไทม์แมชชีนร่วมย้อนรำลึกภาพความประทับใจเมื่อหนหลัง ดื่มด่ำกับบทเพลงในอดีตที่คิดถึง ชิมอาหารอร่อย และเครื่องดื่มหลากหลายเมนู ในบรรยากาศอบอุ่นสบายๆ  

โรงแรมเดอะ พาร์ค ไนน์ สุวรรณภูมิ
599, 599/1 ถ.ลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
โทร: +66 (2) 019 9111

เแฟกซ์: +66 (2) 119 2199
อีเมล: reservations.suv@theparknine.com
เว็บไซต์ www.theparknine.com/suvarnabhumi/
เฟสบุ๊ค theparkninesuvarnbhumi
อีเมล์ : reservations.suv@theparknine.com
เฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/TheParkNineSuvarnabhumi

พิกัด : ถนนลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
แผนที่ : https://goo.gl/maps/wGPQLPyay813SREx6

#Theparknine  #EatDrinkLove
#toptotravelvariety#ชัญญ่าว่าดี



26 พฤศจิกายน 2563

คุณพ่อทานฟรี! ฉลองวันพ่อใจกลางเมือง

วันพ่อเป็นวันดีๆ อีกหนึ่งวัน ที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ ขอเชิญคุณมาบอกรักคุณพ่อด้วยอาหารมื้อพิเศษกับโปรโมชั่นสุดคุ้ม “คุณพ่อทานฟรี” ณ ห้องอาหารเดอะ มัลเบอร์รี่ ไชนีส ควินซีน ในวันที่ 5 – 6 ธันวาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 11.00 – 18.00 น. 

พาคุณพ่อมาฟินเวอร์กับบุฟเฟต์ติ่มซำเสิร์ฟไม่อั้น มีรายการให้เลือกกว่า 30 เมนู  อาทิ ฮะเก๋าทอดไส้กุ้ง ฮะเก๋าวาซาบิ กุ้งนึ่งมะนาว ซาลาเปาหิมะ ซาลาเปาไข่เค็มลาวา ราคา 578 บาทสุทธิ ต่อท่าน พิเศษ! คุณพ่ออายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปทานฟรี (เมื่อมากับครอบครัวโต๊ะละ 4 ท่านพร้อมคุณพ่อ) 

หรือจะเลือกฉลองด้วยอาหารจีนมงคล “ชุดมั่งมี ศรีสุข” ได้แก่ ซุปหูฉลามทรงเครื่อง เป็ดปักกิ่ง หน่อไม้ทะเลเจี๋ยนคะน้าฮ่องกง ผัดจับฉ่ายซีฟู้ดหม้อดินฮ่องกง ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว อีหมี่ผัดแห้งเนื้อปู และแปะก๊วยตุ๋นมะพร้าวอ่อน ราคา 8,888 บาทสุทธิ สำหรับ 10 ท่าน พร้อมรับฟรีไวน์ 1 ขวด 


สอบถามเพิ่มเติมกรุณาโทร. 02 309 99999 ต่อ 3134 หรือ 091 544 4387 


Rail Asia 2020

แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ร่วมงานแสดงเทคโนโลยีรถไฟฟ้า และประชุมเชิงวิชาการ “Rail Asia 2020” โชว์ศักยภาพความเป็นผู้นำในการให้บริการเดินรถไฟฟ้าที่มีมาตรฐานในระดับสากลภายใต้แนวคิด
“Learning & Sharing” พร้อมรับภารกิจเดินรถไฟฟ้าสายสีแดงในอนาคต

รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ร่วมงานแสดงเทคโนโลยีรถไฟฟ้า และประชุมเชิงวิชาการ “Rail Asia 2020” ซึ่งบริษัท เอเชีย เอ็กซิบิทชั่น เซอร์วิสเซส จำกัด ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 26  พฤศจิกายน 2563 ณ แอร์พอร์ต เรล  ลิงก์ สถานีมักกะสัน ภายใต้แนวคิด “Learning & Sharing” พร้อมรับภารกิจเดินรถไฟฟ้าสายสีแดงในอนาคต




นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เปิดเผยว่าในระหว่าง
วันที่ 25 – 26  พฤศจิกายน 2563 ณ แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีมักกะสัน มีการจัดงานแสดงเทคโนโลยีรถไฟฟ้า และประชุมเชิงวิชาการ “Rail Asia 2020” โดยบริษัท เอเชีย เอ็กซิบิทชั่น เซอร์วิสเซส จำกัด
ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งภายในงานจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจเกี่ยวอุตสาหกรรมระบบรางมากมาย ทั้งการจัดประชุมสัมมนาวิชาการ พร้อมด้วยการแสดงนวัตกรรมในอุตสาหกรรมระบบรางจากผู้ประกอบการทั้งชาวไทย และต่างประเทศ

ในส่วนของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ได้จัดบูทภายใต้แนวคิด “Learning & Sharing” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการที่บริษัทเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ( Learning Center ) ที่สามารถต่อยอดนำความรู้ภายในองค์กรมาพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานของบริษัทตลอดระยะเวลา 10 ปีที่เปิดให้บริการ จนกลายเป็นผู้นำในการให้บริการเดินรถไฟฟ้าที่มาตรฐานในระดับสากล ผ่านการรับรองระบบคุณภาพ ISO 9001 : 2015 ทั้งในด้านการเดินรถและให้บริการ และการซ่อมบำรุง โดยมีการแสดงผลงานต่างๆ ทั้งในด้านอัตราการเติบโต และความพึงพอใจของผู้โดยสาร , ประสิทธิภาพในการให้บริการ หรือผลงานความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก และสถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐ และเอกชนในการช่วยพัฒนาระบบขนส่งทางรางของประเทศไทย รวมทั้งนำเสนอการเตรียมความพร้อมในภารกิจเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง

โดยอัตราการเติบโตของผู้โดยสารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล  ลิงก์ นั้น เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เปิดให้บริการมาตลอด โดยเป็นการเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ซึ่งปัจจุบันรวมแล้วมีผู้ดดยสารมากกว่า 190 ล้านคน ส่วนประสิทธิภาพในการดำเนินงาน บริษัทก็สามารถผ่านเกณฑ์ชี้วัดโดยตลอด ทั้งในด้านการให้บริการ ได้แก่ความพร้อมในการใช้งานของรถไฟฟ้าที่ 100% ที่บริษัทสามารถให้บริการรถไฟฟ้าได้เต็มจำนวนที่ 9 ขบวน มีความตรงต่อเวลาที่สูงถึง 99.46% และมีความน่าเชื่อถือ ในการให้บริการ 100% หรือในด้านความพึงพอใจของผู้โดยสารที่ผ่านเกณฑ์ชี้วัดที่ 4.20 จากคะแนนเต็ม 5 

ด้านความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกในการช่วยพัฒนาระบบขนส่งทางรางของไทย บริษัทผ่านการรับรองจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ให้เป็นองค์กรที่รับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานวิชาชีพ สาขาวิชาชีพรถไฟความเร็วสูง และระบบราง ใน 5 สาขาวิชา ได้แก่ ช่างเทคนิคซ่อมบำรุงระบบช่วงล่างรถไฟฟ้าด้านระบบเครื่องกล ระดับ 4 , ช่างเทคนิคซ่อมบำรุงระบบอาณัติสัญญาณ ระดับ 4 , ผู้ควบคุมการเดินรถไฟฟ้า ระดับ 4 , ผู้ควบคุมรถไฟฟ้าความเร็วสูง ระดับ 4 และนายสถานี ระดับ 4


โดยล่าสุดเพื่อพัฒนาระบบการประเมินสมรรถนะบุคคลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัทได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการพัฒนาระบบ E-Training เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ต้องการเข้ารับการสอบประเมินสมรรถนะกับบริษัท

ด้วยความพร้อมในการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ทำให้มีนักศึกษา และหน่วยงานภายนอกจากสถาบันต่างๆขอเข้าศึกษาดูงาน และฝึกปฏิบัติงานกับบริษัทเป็นจำนวนมาก โดยบริษัทเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนรู้ และศึกษาผ่านการสังเกตการณ์การดำเนินงานจริง และฝึกปฏิบัติงานจริงโดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอย
ให้คำอธิบาย


นอนจากนั้นบริษัทยังได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ในการดำเนินการจัดการองค์ความรู้ ( Knowledge Management ) การดำเนินงานรถไฟฟ้าของบริษัท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รวมทั้งรักษา และพัฒนาองค์ความรู้ของบริษัทให้มีความยั่งยืน และพร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และเพื่อเตรียมการให้บริษัทมีความพร้อมมากที่สุดสำหรับรองรับภารกิจใหม่ในการให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง บริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าอบรมองค์ความรู้การดำเนินงานของระบบรถไฟฟ้าสายสีแดงในส่วนงานต่างๆทั้งการเดินรถ และการซ่อมบำรุง จากเจ้าของระบบที่เป็นเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อมา
เป็นครูผู้ฝึกสอน ( Key Instructor ) ให้แก่บุคลากรในองค์กร หรือบุคลากรที่บริษัทดำเนินการรับสมัครมาใหม่เพื่อรองรับภารกิจเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง

ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เจ้าหน้าที่ครูผู้ฝึกสอนของบริษัท ก็ได้ดำเนินการสอบทานข้อมูลที่ได้รับจากการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่แบบเรียนออนไลน์ภายในองค์กร
เพื่อใช้ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการทบทวนองค์ความรู้ เตรียมความพร้อมในการฝึกอบรมพนักงานใหม่และ
ถือเป็นการ refresher training ครูผู้สอน เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินรถไฟฟ้าสายสีแดงต่อไป

หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข Call Center 1690
หรือ www.srtet.co.th www.facebook.com/AirportRailLink และ Twitter : Airport Rail Link

25 พฤศจิกายน 2563

เงินดิจิทัล เปลี่ยนโลกได้จริงหรือ !?

ร่วมเรียนรู้และก้าวสู่โลกยุคใหม่ในงานมหกรรมบล็อกเชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย
ส่งท้ายปี 2020 งาน  “Blockchain Thailand Genesis 2020 Exclusive Edition”

ปัจจุบัน เราได้ยินคนพูดถึงเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) และสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) กันมากขึ้น บางคนมองว่าสิ่งเหล่านี้คือโอกาสในโลกยุคใหม่ บางคนบอกว่ามันเป็นแค่แชร์ลูกโซ่แบบหนึ่งที่อันตราย เชื่อถือไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้วคำสองคำนี้อาจมีสิ่งที่น่าเรียนรู้ซ่อนอยู่มากกว่าที่คุณคิด 

ก่อนที่เราจะเรียนรู้เรื่องสกุลเงินดิจิทัล เราต้องมารู้จักกับเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) กันเสียก่อน ว่าบล็อกเชนเปรียบเสมือนเครือข่ายการเก็บข้อมูลแบบหนึ่งที่เชื่อมต่อข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยทุกคนสามารถเข้าถึงและได้รับข้อมูลเดียวกันอย่างโปร่งใส ปลอดภัย และไม่ผิดพลาด นี่จึงเป็นเหตุผลที่มีการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงธุรกรรมทางการเงินที่ต้องการทั้งความเป็นส่วนตัว แต่ยังคงปลอดภัย ตรวจสอบได้ และน่าเชื่อถือ จนเกิดเป็น “บิตคอยน์” (Bitcoin)
เงินดิจิทัลสกุลแรกของโลก รวมถึงสกุลเงินใหม่ ๆ อย่าง อีเธอเรียม (Ethereum) และอื่น ๆ อีกกว่า 3,000 สกุล


ซึ่งปัจจุบัน บิตคอยน์เป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจทัล (Cryptocurrency) ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด เพราะมันเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงที่สุดและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บิตคอยน์จึงกลายเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก จนหลายองค์กรสนใจหันมาลงทุนและเก็งกำไรในบิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลกันมากขึ้น ดังจะเห็นในข่าวการเข้าซื้อบิตคอยน์ของบริษัทระดับโลกอย่าง MicroStrategy, Square Inc. รวมไปถึงการเปิดให้ซื้อเงินดิจิทัลบนแพลตฟอร์มการเงินระดับโลกอย่าง PayPal จนเป็นที่กล่าวขวัญว่า “สกุลเงินดิจิทัล กำลังเปลี่ยนแปลงโลก” เพราะการทำธุรกรรมกับเงินดิจิทัล คือการทำธุรกรรมออนไลน์ที่เป็นไปด้วยระบบคอมพิวเตอร์บนเทคโนโลยีบล็อกเชนซึ่งไม่ต้องอาศัยตัวกลางอย่างธนาคารจัดการอีกต่อไป เราจึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ค่าผ่านทาง หรือค่าบริการธุรกรรมใด ๆ ให้กับตัวกลาง มิหนำซ้ำยังสามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาทีเทียบเท่ากับความแรงอินเทอร์เน็ตของเรานั่นเอง

และที่สำคัญ สกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน ยังเป็นโอกาสการลงทุนรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจ
อาทิ การชำระเงินออนไลน์ (E-payment), การระดมทุน (Crowdfunding), การกู้ยืมแบบ Peer-to-Peer
โดยใช้เงินดิจิทัลเป็นหลักประกัน (Collateral Lending) หรือการกู้เงินดิจิทัลเพื่อไปขายทำกำไรในตลาด
ที่ราคาสูงกว่า และนำเหรียญที่ได้มาไปซื้อเงินดิจิทัลในอีกตลาดที่ราคาต่ำกว่าและนำกลับไปคืนที่เรากู้
ซึ่งสามารถทำกำไรได้ในเวลาอันสั้นเพียงไม่กี่วินาที (Flash Loans) เป็นต้น

จนถึงตอนนี้ รัฐบาลหลายประเทศก็กำลังพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองในรูปแบบ สกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ (Central Bank Digital Currency: CBDC) ตัวอย่างเช่น จีนเป็นประเทศแรกของโลกได้ทำการทดลองใช้เงิน “หยวนดิจิทัล” ผ่านแพลตฟอร์มชำระเงินบนมือถือของประชาชนได้จริง รวมถึงยังมีอีกหลายประเทศ ทั้ง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บราซิล รัสเซีย ได้เริ่มพัฒนาและกำลังจะเริ่มที่จะทดลองใช้สกุลเงินแห่งชาติเป็นของตัวเอง แม้แต่ในภาคเอกชนอย่าง Facebook ก็ได้ทำการวิจัยและพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Libra เพื่อมาใช้ในแพลตฟอร์มของตัวเองด้วย

สำหรับประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงค์ชาติ) ได้ทำการศึกษา วิจัย และพัฒนา โครงการสกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ ในชื่อ โครงการอินทนนท์ ซึ่งล่าสุดก็ได้ประสบความสำเร็จในการทำการทดสอบต้นแบบของระบบการโอนเงินระหว่างประเทศในเชิงธุรกิจ (Wholesale) ผ่านสกุลเงินดิจิทัลจำลองร่วมกับโครงการ LionRock ของธนาคารกลางฮ่องกงไปแล้วเมื่อมกราคมที่ผ่านมา และในไม่ช้าคนไทยคงจะได้เห็นการใช้เงินดิจิทัลจากภาครัฐมากขึ้นอย่างแน่นอน

เทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล ยังมีประโยชน์ในการสร้างโอกาสขององค์กร รัฐบาล และประเทศชาติให้ก้าวสู่โลกยุคใหม่ ซึ่งเป็นโลกที่ทุกคนจำเป็นต้องเปิดใจยอมรับและเริ่มศึกษาในเรื่องนี้ให้มากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย จึงได้จัดงาน “Blockchain Thailand Genesis 2020 Exclusive Edition” มหกรรมงานบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล The World of Digital Asset and Blockchain Ecosystem ขึ้นเป็นปีที่ 3 เพื่อผลักดันวงการสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนไปสู่อนาคต พร้อมเน้นย้ำในการเป็นเครือข่ายของกลุ่มผู้เผยแพร่องค์ความรู้ด้านบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุด และขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ยุคใหม่แห่งสินทรัพย์ดิจิทัล โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 26 ธันวาคม 2563 ณ สามย่านมิตรทาวน์ ภายในงานจะพบกับ เวทีให้ความรู้และกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อต่าง ๆ ภายใต้ 4 หัวใจหลัก ได้แก่ สกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ (Central Bank Digital Currency: CBDC) ระบบการเงินกระจายศูนย์ (Decentralized Finance: DeFi) สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) และการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้
เพื่อการประกอบการ (Blockchain for Enterprise) 

ผู้สนใจเข้าร่วมงานสามารถสำรองที่นั่งออนไลน์ ลงทะเบียนเข้าร่วมงานอบรม หรือ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://blockchain-th.com/ และ https://web.facebook.com/blockchainthailandevent/ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

วิริยะประกันภัย KICK OFF โครงการ “V SHINE”

นำร่องพัฒนาทักษะความรู้บุคลากรด้านงานสินไหมฯ

​นายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิด “โครงการ V SHINE” ซึ่งบริษัทฯ จัดขึ้น เพื่อพัฒนาทักษะการบริหารงาน เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ

ในการปฏิบัติงานที่ถูกต้อง ตลอดจน สร้างจิตสำนึกให้มีความรับผิดชอบ เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และ เสริมสร้างทัศนคติเชิงบวกในการทำงาน ให้กับบุคลากรทุกระดับ ทั้งผู้จัดการศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทน, หัวหน้าส่วนสินไหมทดแทน, เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุ และเจ้าหน้าที่สรุปรายการความเสียหาย ณ ห้องฟอร์จูน ชั้น 3 โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว กรุงเทพ ฟอร์จูน ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ

​สำหรับ “โครงการ V SHINE” บริษัทฯ เล็งเห็นว่านอกจากการพัฒนางาน ระบบ เครื่องมือ เทคโนโลยีในด้านต่างๆ แล้ว องค์ประกอบที่สำคัญและเป็นกลไกในการขับเคลื่อนงานให้บรรลุผลสำเร็จ คือ บุคลากรผู้ปฏิบัติงาน บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการจัดโครงการฯ ด้วยโปรแกรมการเรียนรู้และพัฒนาบุคลากรในยุคใหม่ (Learning and Development) ในเชิงจิตวิทยาการบริหาร และจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน อาทิ การสื่อสารสารอย่างมีประสิทธิภาพ บทบาทของผู้นำและลูกน้อง การสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับบุคลากร การทำงานเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จและก่อเกิดประโยชน์อย่างสุดสุดต่อองค์กร ซึ่งบุคลากรจะได้รับการฝึกอบรม และลงมือปฏิบัติจริง รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และกระบวนการโค้ชโดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งนี้บริษัทฯ ได้นำร่องโครงการฯ ในพื้นที่ฝ่ายปฏิบัติการภาค 6 (กรุงเทพฯ และปริมณฑล) และจะดำเนินการขยายผลโครงการไปยังภาคอื่นๆ ต่อไป