29 มิถุนายน 2567

เครือข่ายเป็นหูเป็นตาฯ และสสส. รุกสร้างความปลอดภัยทางถนนให้เด็กและเยาวชน


เครือข่ายเป็นหูเป็นตาฯ และสสส. รุกสร้างความปลอดภัยทางถนนให้เด็กและเยาวชน จับมือกองบังคับการตำรวจจราจรและไทยฮอนด้า ติวเข้มทักษะการใช้ถนน นำร่องใน 7 โรงเรียน กทม. เขตบางรักและเขตสาทร ขณะที่สถิติความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยยังคงสูง ทุก 1 ชั่วโมง จะมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน หรือเฉลี่ยปีละมากกว่า 17,000 คน และมีผู้บาดเจ็บ พิการ อีกปีละไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน โดยอุบัติเหตุทางถนนนับเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้เด็ก เยาวชน วัยรุ่นและวัยทำงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคตเสียชีวิต เราจะปกป้องและป้องกันชีวิตของลูกหลานไทยจากอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างไร   .

ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายเป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม ซึ่งมุ่งมั่นขับเคลื่อนเรื่องการสร้างความร่วมมือเพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน ได้ริเริ่มโครงการโรงเรียนเครือข่ายผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตา สร้างความปลอดภัยทางถนน โดยมุ่งติดกระดุมเม็ดแรกให้ความรู้พื้นฐานความปลอดภัยทางถนน สร้างวินัยจราจร และสร้างทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิต การเดินทางสัญจรและการข้ามถนนอย่างปลอดภัยให้เด็กและเยาวชน รวมถึงพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชน ให้มีความเป็นผู้นำ ตื่นตัวและลุกขึ้นมามีส่วนร่วมกับผู้ใหญ่ โดยได้รับความร่วมมือจาก 7 โรงเรียนในสังกัดกทม. (เขตบางรักและเขตสาทร) เข้าร่วมกิจกรรม และได้รับความร่วมมือจากกองบังคับการตำรวจจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด จัดวิทยากรมาให้ความรู้ อีกทั้งได้รับความร่วมมือจากสำนักงานเขตสาทร สำนักงานเขตบางรัก ซึ่งมีนโยบายและส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง จัดทีมเจ้าหน้าที่เทศกิจ มาอำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัย ระหว่างการฝึกทักษะการข้ามถนน และข้ามทางม้าลายบนถนนจริง
ดร.อุดม หงส์ชาติกุล ประธานเครือข่ายเป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม กล่าวว่า โรงเรียนเครือข่ายผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตา สร้างความปลอดภัยทางถนน เป็นหนึ่งในกิจกรรมของแคมเปญ “ระวังหมดอายุ ” เพื่อพัฒนาถนนสาทรให้เป็นถนนปลอดอุบัติเหตุต้นแบบ ซึ่งจะมีการนำบทเรียนและประสบการณ์จากการขับเคลื่อนถนนสาทร ไปสังเคราะห์ความรู้ และขยายผล สู่การขับเคลื่อน ในวงกว้าง เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งบนพื้นฐานที่เชื่อว่าอุบัติเหตุทางถนนสามารถป้องกันได้ และการศึกษาเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลง ทางเครือข่ายฯ จึงเห็นความสำคัญของการทำงานร่วมกับภาคีความปลอดภัยทางถนนต่างๆ เพื่อบ่มเพาะ ปลูกฝังความรู้เรื่องความปลอดภัยทางถนน ให้เด็กและเยาวชน ตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ อันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและเห็นผลอย่างยั่งยืน
  . “ถนนสาทร เป็นถนนสายสำคัญของกรุงเทพมหานคร ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วโลก โดยในแต่ละวัน มีคนทุกเพศวัย หลากหลายอาชีพ เดินทางเข้ามา ด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป ทว่าในแต่ละปีมีคนจำนวนไม่น้อย ที่เข้ามาในพื้นที่ถนนสาทร แต่ก็ไม่ได้กลับบ้าน เนื่องจากประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต หลายร้อยคนต้องพิการ และมีคนจำนวนมากรวมทั้งเด็กและเยาวชนได้รับผลกระทบทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ อย่างประเมินค่ามิได้” เช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆของประเทศไทย ที่ความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนยังคงเกิดขึ้นทุกวัน ที่ผ่านมาทาง เครือข่ายเป็นหูเป็นตาฯ ได้มีการสื่อสาร เชิญชวนให้ทุกคน ใส่ใจความปลอดภัยเมื่อต้องใช้รถใช้ถนน ด้วยการสะกิดเตือน 4 ระวัง คือ ระวังทางข้าม ระวังทางแยก ระวังความเร็ว และระวังน็อก สำหรับโครงการโรงเรียนเครือข่ายผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตา ที่ได้ริเริ่มขึ้นควบคู่กันนั้น เชื่อว่าจะเป็นต้นแบบในการสร้างแรงกระเพื่อมให้สังคม เพราะเมื่อเด็กมีความตื่นตัว มีความรู้ มีทักษะความปลอดภัยทางถนน ด้วยความรัก ความปรารถนาดี พวกเขาก็จะสามารถเป็นทูตน้อย ช่วยไปสะกิดเตือนคนในครอบครัว ให้ปฏิบัติตามกฎจราจรได้ ขณะที่ตัวเด็กเอง เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เขาก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีวินัยจราจร มีสำนึกความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน
  .
ภายใต้ความร่วมมือจากทั้งสำนักงานเขตบางรัก และสำนักงานเขตสาทร ในเบื้องต้น มีโรงเรียนเข้าร่วมเป็นโรงเรียนเครือข่ายผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตา จำนวน 7 โรงเรียน คือ โรงเรียนวัดม่วงแค โรงเรียนวัดแก้วแจ่มฟ้า โรงเรียนวัดมหาพฤฒาราม โรงเรียนวัดหัวลำโพง โรงเรียนวัดสวนพลู โรงเรียนวัดยานนาวา และโรงเรียนวัดดอน โดยกิจกรรมในโครงการฯ มีการเปิดโอกาสให้นักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล-ป. 6 เข้าร่วม รวมถึงมีการจัดฐานติวเข้มสำหรับนักเรียนขั้นป. 4-5-6 ซึ่งถูกวางตัวให้เป็นแกนนำเป็นหูเป็นตาเพื่อสังคมต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม เกิดการจดจำ ทางเครือข่ายฯ ยังได้มีการออกแบบมาสคอต “ผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตา” ทำให้บรรยากาศการเรียนรู้มีความสนุกสนาน ผ่อนคลาย เด็กๆ มีแรงจูงใจในการเรียนรู้อย่างเต็มที่
  . ในการอบรมให้ความรู้ ซึ่งจัดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา มีการออกแบบฐานการเรียนรู้ ให้นักเรียนฝึกปฏิบัติจริง และมีการทบทวน ประกอบด้วย ฐานติดกระดุมเม็ดแรก สร้างวินัยจราจร ซึ่งครูฝึกจากกองบังคับการตำรวจจราจร มีการปูพื้นฐานให้น้องๆเรียนรู้ถึงลักษณะ ความหมาย การปฏิบัติ เมื่อเห็นป้ายจราจรทั้ง 3 แบบบนถนน คือ ป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และป้ายบังคับ ซึ่งน้องๆ สะท้อนว่า การเรียนรู้ครั้งนี้ได้ประโยชน์มาก เพราะเมื่อโตขึ้น ต้องขับขี่รถไปตามเส้นทางต่างๆ ก็จะสามารถปฏิบัติตามกฎจราจรได้อย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ยังมีฐาน Honda Road Safety for Kids โดยทีมครูฝึกจากศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ซึ่งเน้นให้ความรู้การซ้อนท้ายอย่างปลอดภัย รู้จักประเภทหมวกกันน็อก และเลือกใช้ให้ถูกต้อง อีกทั้งตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการใส่หมวกกันน็อก ทุกครั้งที่ซ้อนท้าย หรือขับขี่รถจักรยานยนต์ อันจะช่วยลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บของสมองหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ซึ่งน้องๆ ที่เข้าอบรมหลายคนสะท้อนว่า จะนำความรู้ที่ได้กลับไปเล่าให้พ่อแม่ และจะคอยเตือนให้พ่อแม่ใส่หมวกกันน็อก รวมถึงจะสวมใส่หมวกกันน็อกเสมอเมื่อซ้อนท้ายรถพ่อแม่มาโรงเรียน และที่นับเป็นไฮไลท์คือ ทักษะการข้ามทางม้าลาย ที่ในการทำกิจกรรม ทั้งวิทยากร ครูฝึกจากกองบังคับการตำรวจจราจรนำโดย พ.ต.อ.จินดา กลับกลาย ร.ต.ต.ดร.เฉลิมพรหม อิทธิยาภรณ์ ภายใต้การสนับสนุนของพ.ต.อ.สรพงษ์ นาคะโยคี ผู้กำกับการ ฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจจราจร เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ รวมถึงเทศกิจ ต่างประสานมือ รวมใจเป็นหนึ่ง ร่วมกันดูแลความปลอดภัยให้น้องๆ ระหว่างฝึกทักษะนี้อย่างเต็มที่ เนื่องจากการฝึกข้ามทางม้าลายบนถนนจริง มีสภาพการจราจรคับคั่ง โดยในการฝึกทักษะนี้มุ่งให้นักเรียนปฏิบัติได้จริง ดังสโลแกน “ข้ามเอง มองเอง มั่นใจพอ ไม่ง้อใคร” โดยนักเรียนทุกโรงเรียนต่างประทับใจ กับความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับ ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงทุกวัน ที่ก่อนข้ามทางม้าลายทุกครั้ง ควรหยุดชะเง้อมองก่อนว่าไม่มีรถอื่นอีกจริงๆ ให้ยกมือค้างไว้ขณะข้ามถนน มีสติไม่เล่นหรือพูดคุยขณะข้ามถนนและให้ผู้ใหญ่จูงมือถ้ามากับผู้ใหญ่ รวมถึงฝึกขอบคุณผู้ขับขี่รถที่จอดให้ข้ามด้วย ดังคำบอกเล่าของ เด็กชายวิทธิพงษ์ แก้วอำนาจ หรือกัน นักเรียนชั้นป.6/1 โรงเรียนวัดดอน ที่ว่า “กิจกรรมที่ชอบมากที่สุดคือการข้ามทางม้าลาย เพราะได้ฝึกข้ามถนนจริงๆ และได้ความรู้มากขึ้น ปกติถ้าต้องข้ามถนนเองจะกลัวมากเพราะไม่อยากเสียชีวิต เมื่อได้เรียนแล้ว ต่อไปเมื่อต้องข้ามถนน ผมจะยกมือทุกรอบและขอบคุณรถที่หยุดให้ จะได้ปลอดภัยมากขึ้น เพราะผมรักอนาคตครับ”

  .
สำหรับผู้ที่สนใจมีส่วนร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลง ให้ถนนเมืองไทยปลอดภัย สามารถไปร่วมกิจกรรมและชมนิทรรศการ เรื่องราวการขับเคลื่อนของเครือข่ายเป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม ที่จัดขึ้น บน Sky Walk สถานี BTS ช่องนนทรี ตั้งแต่วันนี้ ถึง 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 พร้อมร่วมแสดงความคิดเห็น และร่วมกิจกรรม สะกิดเตือนด้วยความรัก "เขียน แขวน และสั่นกระดิ่ง" กับสถานีความปลอดภัยทางถนน Road Safety Station เพื่อกระตุ้นเตือนตนเองและคนที่เรารัก และรักเรา ให้เกิดความตระหนักรู้ถึงความปลอดภัยทางถนน และฟังการเสวนา แชร์ความรู้ และประสบการณ์การขับเคลื่อนของผู้ก่อการดี และภาคีเครือข่ายเป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม ในวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 12.00 น. และในวันพุธที่ 3 กรกฎาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 16.00 น.

โดยสามารถติดตามกิจกรรมของเครือข่ายฯ รวมทั้งกิจกรรมโรงเรียนเครือข่ายผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตาฯ ได้ทาง Facebook : เป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม และ Facebook : Imagine Thailand Movement
หรือพิมพ์ #เป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม