.jpg)
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ผมพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงานยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับท่านเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีฯ และคณะในวันนี้ ไทยและเกาหลีมีความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกันมาอย่างยาวนานกว่า 65 ปี และมีความร่วมมือที่ดีต่อกันมาโดยตลอด โดยปัจจุบันข้อมูล ณ กุมภาพันธ์ 2567 มีแรงงานไทยทำงานอยู่ในเกาหลีจำนวนประมาณ 20,231 คน ขอขอบคุณรัฐบาลเกาหลีที่ให้การดูแลแรงงานไทยในเกาหลีเป็นอย่างดีและช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวเกาหลีมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากเป็นอันดับ 3 ขณะเดียวกันคนไทยเองก็นิยมเดินทางไปท่องเที่ยวในเกาหลี
นายพิพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ความร่วมมือในการจัดส่งแรงงานฝีมือไปทำงานอู่ต่อเรือในเกาหลีใต้ (E-7) ขณะนี้จัดส่งไปแล้ว 1,202 คน และมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี ที่เพิ่มจำนวนโควตาการจัดส่งแรงงานไทยในประเภทกิจการอุตสาหกรรมสูงขึ้นกว่าปีที่แล้วจากเดิม 4,800 คน เป็น 5,500 คน เพิ่มขึ้นกว่า 14.6 % และทราบว่า HRD Korea จะเปิดรับแรงงานประเภทกิจการประมงและการบริการ เช่น โรงแรม รีสอร์ท คอนโดมิเนียม และงานบริการในร้านอาหาร เพิ่มเติมในปี 2567 ซึ่งจะเพิ่มโอกาสการมีงานทำสำหรับแรงงานไทยมากขึ้น ขณะที่ความคืบหน้าการจัดส่งแรงงานภาคเกษตรตามฤดูกาล (E-8) ภายหลังจากที่กรมการจัดหางานได้เอ็มโอยูกับอำเภอจินอัน จังหวัดชอลลาบุกไปแล้วนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาลงนามเพิ่มเติมอีก 3 อำเภอ ในจังหวัดชอลลานัมร่วมมือในการพิจารณาเอ็มโอยู อีกทั้งผมและคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน มีกำหนดการจะเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 10 - 14 มีนาคมนี้ เพื่อศึกษาดูงานด้านกองทุนเงินทดแทนที่สำนักงานสวัสดิการแห่งชาติความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ก็จะถือโอกาสนี้ไปพบหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดคยองกีเพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการจัดทำเอ็มโอยูจัดส่งแรงงานภาคเกษตรตามฤดูกาลด้วย ส่วนความคืบหน้าการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและสาธารณรัฐเกาหลี (EPS (E-9)) ฉบับที่ 7 ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือรายละเอียดร่วมกันเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์และความคุ้มครองให้แก่แรงงานและปรับแนวปฏิบัติในการสอบให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้นคาดว่าจะลงนามได้ในเร็ว ๆ นี้