18 สิงหาคม 2565

กลุ่มมิตรผลส่งภาพยนตร์โฆษณาใหม่ล่าสุด “ศูนย์ที่ไม่สูญเปล่า”

ชูแนวคิดการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เชิญชวนทุกคนร่วมกู้โลก ลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมมุ่งหน้าสู่ Net Zero ร่วมกัน


กรุงเทพฯ 19 สิงหาคม 2565 –กลุ่มมิตรผล ผู้นำด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนในภาคเกษตรอุตสาหกรรมของไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายของนานาประเทศจากเวทีการประชุม COP26*ส่งภาพยนตร์โฆษณาใหม่ล่าสุด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ศูนย์ที่ไม่สูญเปล่า”ตอกย้ำเป้าหมายในการเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน(Carbon Neutrality) ภายในปีค.ศ.2030* และมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050* ด้วยความเชื่อมั่นว่าทุกผลลัพธ์แห่งความสำเร็จเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของพันธมิตรทุกฝ่าย พร้อมเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้ทุกคนในสังคมเห็นประโยชน์ และพลังในตัวเองในการร่วมเป็นส่วนเล็กๆ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นกว่าเดิม

นายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริหาร กลุ่มมิตรผลกล่าวว่า “กลุ่มมิตรผล ดำเนินงานด้วยแนวคิดที่มุ่งมั่นให้คนรอบข้างมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างรู้คุณค่า และไม่สร้างผลกระทบ

ต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราเชื่อว่าทุกคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นชาวไร่อ้อย คู่ค้า ผู้บริโภค ชุมชน หรือภาคอุตสาหกรรม ล้วนมีบทบาทสำคัญและเป็นฮีโร่ที่จะสร้างคุณค่าในแบบของตนเอง และเชื่อมั่นในพลังของส่วนรวมที่จะช่วยสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง แม้ว่าวันนี้ กลุ่มมิตรผลสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 1.9 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว แต่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความรู้ และนวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปีค.ศ.2050 ผ่านโครงการต่างๆ ที่เรากำลังทำ และเตรียมความพร้อมในอนาคต”


ภาพยนตร์โฆษณา “ศูนย์ที่ไม่สูญเปล่า”เล่าเรื่องผ่านตัวละครคนธรรมดาอย่าง “ป้านิด” แม่ค้าขายอาหาร ที่เริ่มเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเล็กๆ  อย่างการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์อาหารรักษ์โลก “พี่ประเสริฐ” หนุ่มข้าราชการ ที่เริ่มตระหนักถึงการประหยัดพลังงานไฟฟ้า ปิดไฟเมื่อไม่ใช้ ดึงปลั๊กออกเมื่อชาร์จแบตจนเต็ม ช่วยเซฟทั้งพลังงานและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน และ

ยังให้โอกาสโลกได้พัก หรือ “ลุงผล” เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยการทำเกษตรสมัยใหม่และตัดอ้อยสด อีกทั้งทุกคนยังร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อช่วยลดคาร์บอนและเพิ่มออกซิเจนให้กับโลกซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงที่ดูเหมือนจะเล็กน้อยของทั้ง 3 คนนี้ เมื่อมารวมกันจะสามารถสร้างพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ เปรียบเสมือน Butterfly Effectดังที่มาของชื่อคอนเซ็ปต์ภาพยนตร์โฆษณาที่ว่า “ความร่วมมือของทุกคนเพื่อร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์นั้น จะนำไปสู่อนาคตที่ไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน”




นอกจากภาพยนตร์จะถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเป็นกันเองในมุมที่อบอุ่น เข้าใจง่าย เข้าถึงคนทุกกลุ่มวัยแล้ว ยังแฝงไว้ด้วยการสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่โลกกำลังเรียกร้องและความเข้าใจว่าNet Zero ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถช่วยกันเปลี่ยนแปลงคนละเล็กละน้อยได้ทันที รวมทั้งได้บอกเล่าการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนของกลุ่มมิตรผลที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

(UN Sustainable Development Goals: SDGs)และหลัก BCG ซึ่งเป็นนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจใน 3 มิติของประเทศ ผ่านกรอบแนวทางดำเนินงานทั้ง 6 ด้าน ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้แก่ 

1. ผู้ผลิตพลังงานทดแทนรายใหญ่ของประเทศไทยและใช้พลังงานทดแทนในกระบวนการผลิต 

2. พัฒนาต่อยอดอ้อยและน้ำตาลสู่ธุรกิจ Bio-Circular-Green Economy Model (BCG Model) 

3. ทำเกษตรสมัยใหม่อย่างยั่งยืน 

4. ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ 

5. ปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่อง

6. ชดเชย กักเก็บ และใช้ประโยชน์จากก๊าซเรือนกระจก(Carbon Capture Utilization and Storage: CCUS) 

กลุ่มมิตรผล วางแผนปล่อยภาพยนต์โฆษณาดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2565 ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง และสอดรับกับพฤติกรรมการเปิดรับสื่อขอผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน รวมถึงส่งต่อแรงบันดาลใจและเชิญชวนให้ทุกคนหันมาเป็นหนึ่งกำลังในการร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นำพาประเทศไทยก้าวสู่สังคมไร้คาร์บอนไปพร้อมกัน

สามารถรับชมภาพยนตร์โฆษณา “ศูนย์ที่ไม่สูญเปล่า”จากกลุ่มมิตรผล ได้แล้ววันนี้ที่

https://www.youtube.com/watch?v=Q1fMCLfbRIY
หรือhttps://www.facebook.com/watch/?v=600085328166244


#ศูนย์ที่ไม่สูญเปล่า #MitrPholNetZero2050#มิตรผล #mitrphol

* เป้าหมายด้านความยั่งยืนของประเทศไทย ในเวทีการประชุม COP26

1. เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ปี ค.ศ. 2050

2. เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ปี ค.ศ. 2065


* เป้าหมายด้านความยั่งยืนของกลุ่มมิตรผล

1. เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ปี ค.ศ. 2030

2. เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ปี ค.ศ. 2050