31 มีนาคม 2565

เปิดกลยุทธ์ “คิสออฟบิวตี้” กับหัวใจหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจความงาม สู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น เร่งเครื่องพัฒนาคุณภาพงานพร้อมเติบโตในระดับอาเซียน

ในไทย ภายใต้แบรนด์ “มาลิสสา คิส (Malissa Kiss)”พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านความงาม-อุปโภคบริโภคเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าด้วยความเข้าใจ ผ่านความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี พัฒนาคุณภาพชีวิตลูกค้าให้ดีที่สุด เสริมทัพ2แบรนด์คุณภาพ“สกินอ๊อกซี่ (Skinoxy)”ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าแทงกีโมรี(DaengGi Meo Ri) ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นพรีเมียมจากเกาหลีตอกย้ำมาตรฐานการผลิตที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งมาตรฐานGMP และISOเร่งเครื่องปรับกลยุทธ์เดินหน้าธุรกิจสู่ ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นด้วยการตลาดแบบออมนิชาแนล(Omni Channel) เข้าถึงไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าที่เปลี่ยนไป ทั้งในรูปแบบออนไลน์ผสานออฟไลน์ และการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการใช้ข้อมูล(Data Driven &Digitisation) วิเคราะห์ข้อมูลและเข้าใจถึงพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น รวมทั้ง การทำธุรกิจออนไลน์ข้ามประเทศ(Cross BorderEcommerce) การขยายตลาดการส่งออกและเติบโตสู่ต่างประเทศในรูปแบบออนไลน์เพื่อลดเวลาและต้นทุนตั้งเป้าขยายกลุ่มลูกค้าทั่วทั้งอาเซียน50 ล้านคน ภายใน 3 ปี

นายกิตติพนธ์ นามพิชญ์ธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิสออฟบิวตี้ จำกัดกล่าวถึงหัวใจหลักในการทำธุรกิจว่า“คิสออฟบิวตี้ ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก WE THINK CUSTOMER FIRSTเราใส่ใจในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติให้กับลูกค้า ด้วยการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด(innovation) ควบคู่ไปกับแนวคิดในการตั้งราคาที่เหมาะสม (affordability) และส่งมอบสินค้าคุณภาพดีเยี่ยม (quality) แก่กลุ่มลูกค้าทุกคนไม่ใช่แค่เพียงในประเทศไทยแต่ต้องเป็นระดับอาเซียน ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกสนุกสนานไปกับการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนสวยงามโดดเด่นในแบบของตัวเอง การส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพเพื่อมอบความสุขทุกครั้งที่ได้หยิบใช้ผลิตภัณฑ์”

บริษัท คิสออฟบิวตี้ จำกัดกว่า 9 ปี กับธุรกิจความงามของคนไทยเจ้าแรกในการบุกเบิกตลาดโลชั่นน้ำหอม“ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาคิสออฟบิวตี้ให้ความใส่ใจในทุกกระบวนการผลิตของโรงงานและคุณภาพผลิตภัณฑ์มาโดยตลอด ภายใต้มาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลไม่ว่าจะเป็น ‘GMP’ มาตรฐานควบคุมการผลิต ที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองคุณภาพโดย TUV NORD สถาบันรับรองความปลอดภัยของประเทศเยอรมัน ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตระดับสากลที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติทั่วโลกและ ‘ISO 22716’ ระบบจัดการด้านสุขลักษณะที่ดีในการผลิตเครื่องสำอาง ระบบมาตรฐาน

ระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรป ซึ่งครอบคลุมการจัดการเรื่องการควบคุมคุณภาพการผลิต การจัดเก็บ บรรจุภัณฑ์และฉลาก การตรวจสอบกลับได้ การขนส่ง ตลอดจนระบบควบคุมเอกสารและบันทึกคุณภาพควบคุมอันตรายและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน” 


ปัจจุบัน คิสออฟบิวตี้ พัฒนาแบรนด์สินค้าคุณภาพออกมา8แบรนด์หลักด้วยกันเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอย่างหลากหลาย 1.มาลิสสา คิส (Malissa Kiss)ประกอบด้วย 7 ประเภทผลิตภัณฑ์ โลชั่นน้ำหอม สเปรย์น้ำหอมเจลว่านหางจระเข้เครื่องหอมภายในบ้านครีมอาบน้ำโฟมล้างมือ และ สเปรย์แอลกอฮอล์แบบพกพา2.แทงกีโมรี (Daeng Gi Meo Ri)ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมพรีเมียมจากเกาหลี ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 3.สกินอ๊อกซี่ (Skinoxy) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า4.มุนอา เฮ้าส์ (MoonA House)ประกอบด้วย 3 ประเภทผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าโลชั่นน้ำหอมแบบซองสเปรย์น้ำหอมขนาดพกพา5. ทูซัมวัน (2Some1)ผลิตภัณฑ์โลชั่นน้ำหอมแบบซอง 6.คลารีน่า (Claryna)ประกอบด้วย 2 ประเภทผลิตภัณฑ์ เครื่องทำความสะอาดผิวหน้า และ เครื่องกรองน้ำสำหรับการอาบน้ำ7.จูเลียต โคล (Juliet Cole)ประเภทผลิตภัณฑ์น้ำหอม8.ยูมะ (Yuma) ประกอบด้วย4 ประเภทผลิตภัณฑ์ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือทิชชู่เปียกผสมแอลกอฮอล์หน้ากากอนามัยที่มีคุณสมบัติป้องกัน PM 2.5และหน้ากากอนามัยสำหรับเด็กโดย คิสออฟบิวตี้ ได้นำเสนอทุกแบรนด์ผ่านช่องทางการขายทั้งช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์อย่างครอบคลุมทั่วประเทศพร้อมตอกย้ำคุณภาพและความสำเร็จด้วยรางวัลการันตีจาก วัตสัน ประเทศไทยในรางวัลสุดยอดสินค้าขายดี Health Wellness and Beauty Awards ประเภท ‘โลชั่นน้ำหอมยอดขายดีที่สุด’ติดต่อกันถึง 5 ปีซ้อน (2560-2564) 

“ในส่วนของกลยุทธ์ในการพัฒนาธุรกิจ พร้อมทรานฟอร์มสู่ดิจิทัล คิสออฟบิวตี้ได้วางไว้ 4 แกนหลักด้วยกัน 1.การบริหารความพร้อมต่อสภาวะวิกฤต(Business Continuity Planning) คือการมีแผนงานสำรองอย่างชัดเจนเพื่อรองรับทุกปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในสถานการณ์โลกต่างๆ2. การตลาดแบบออมนิชาแนล (Omni Channel)การผสานโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป 3. การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการใช้ข้อมูล (Data Driven &Digitisation)ด้วยการนำข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์ เพื่อทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น และนำมาปรับกลยุทธ์ต่างๆ ภายในบริษัท 4. การทำธุรกิจออนไลน์ข้ามประเทศ (Cross BorderEcommerce)เป็นโอกาสในการขยายตลาดการส่งออก และเติบโตสู่ต่างประเทศ ภายใต้งบประมาณที่ต่ำกว่าการส่งออกในรูปแบบเดิมๆ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้มีการส่งออกสินค้าไปยังกลุ่มประเทศต่างๆ ทั้ง จีน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และมีแผนที่จะขยายให้ครอบคลุมไปยังกลุ่มประเทศ CLMV(กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์) อีกด้วยพร้อมตั้งเป้า 25:50:50 เป็นสัดส่วนของเป้าหมายที่กำลังเร่งเดินหน้าให้เกิดขึ้นภายในปี 2025 โดยบริษัทจะมีลูกค้า 50 ล้านคนทั่วทั้งอาเซียนและมียอดขายจากช่องทางออนไลน์ 50%” นายกิตติพนธ์กล่าวทิ้งท้าย