12 ธันวาคม 2568

โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน รับมอบ Certificate of Appreciation

โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน รับมอบ Certificate of Appreciation จากสมาคม MDRT Thailand ในงาน MDRT Thailand Appreciation Day 2025


โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน เข้าร่วมงาน MDRT Thailand Appreciation Day 2025 ซึ่งจัดขึ้นอย่างสง่างามภายใต้ธีม “Thai Heritage • Timeless Elegant” โดยมีตัวแทนจากโรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ได้แก่ นพ.สุปรีชา เล็กสุวรรณ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ และ คุณเปรมฤดี มาขุนทด ผู้จัดการฝ่ายประสานสิทธิ์ เข้ารับมอบ Certificate of Appreciation ในด้านการดูแลตัวแทนประกันจากสมาคม MDRT Thailand


งานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ณ ห้อง Grand Ballroom โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ท่ามกลางบรรยากาศที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย พร้อมรวมตัวบุคลากรและพันธมิตรในอุตสาหกรรมประกันชีวิตจากหลายภาคส่วนการได้รับเกียรติครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของโรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ในการทำงานร่วมกับตัวแทนประกันชีวิตและองค์กรประกันภัยต่าง ๆ โดยโรงพยาบาลให้ความสำคัญกับระบบประสานสิทธิ์ การดูแลผู้เอาประกัน และการอำนวยความสะดวกในทุกขั้นตอน เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ด้านบริการที่ราบรื่นและเป็นมิตร

โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน มุ่งเน้นพัฒนากระบวนการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการประสานงาน การให้ข้อมูลที่ครบถ้วน และการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการดูแลรักษา โดยเชื่อว่าประสบการณ์ที่ดีเริ่มต้นจากความใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การต้อนรับ การให้บริการทางการแพทย์ ไปจนถึงการดูแลด้านสิทธิประกันสุขภาพ




การได้รับ Certificate of Appreciation จากสมาคม MDRT Thailand สะท้อนถึงการร่วมมือและความไว้วางใจจากทั้งตัวแทนประกันและลูกค้าผู้เอาประกัน ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้โรงพยาบาลพัฒนาการบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการในปัจจุบันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริการตรวจรักษา การดูแลหลังรับบริการ หรือการอำนวยความสะดวกในทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิประกันสุขภาพ

โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มอบความไว้วางใจและร่วมเป็นพันธมิตรในการยกระดับคุณภาพด้านบริการสุขภาพและการประสานสิทธิ์ประกัน เราจะเดินหน้าพัฒนาระบบบริการเพื่อรองรับทั้งลูกค้าทั่วไป ตัวแทนประกัน และผู้ถือกรมธรรม์จากทุกบริษัทอย่างต่อเนื่อง พร้อมรักษามาตรฐานการให้บริการที่คำนึงถึงความเหมาะสม ความถูกต้อง และประสบการณ์ที่ดีของผู้รับบริการเป็นสำคัญ


ขอบคุณสำหรับโอกาสอันทรงคุณค่าและความร่วมมือที่มีความหมายต่อเราเสมอ

11 ธันวาคม 2568

รศ.ดร.สมหมาย ผิวสอาด อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี

นโยบายปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัย ตอบโจทย์ตลาดแรงงานส่งผลดีบัณฑิตมทร.ธัญบุรี มีงานทำเพียบ

รศ.ดร.สมหมาย ผิวสอาด อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เปิดเผยว่า จากพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2567 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยได้มีการเก็บรวบรวมสถิติการมีงานทำของบัณฑิตที่จบการศึกษาในรอบแรก มีบัณฑิตที่จบการศึกษาทั้งสิ้น 5,804 คน รายงานข้อมูล 4,233 คน คิดเป็น 73% โดยคณะที่ให้ความร่วมมือรายงานข้อมูล 3 อันดับแรก ประกอบด้วย คณะพยาบาล 100% คณะการแพทย์บูรณาการ 94.95% และคณะวิทยาศาสตร์ 83.19% 

ทั้งนี้ จากการเก็บข้อมูลดังกล่าว บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษามีงานทำทั้งสิ้น 2,650 คน หรือคิดเป็น 45.7% แบ่งเป็น บัณฑิตมีงานทำใหม่ 2,488 คน มีงานทำก่อนจบ 162 คน รองาน 1,391 คน ศึกษาต่อ 120 คน ซึ่งการเก็บสถิตินี้มหาวิทยาลัยจะมีการติดตามผลการมีงานทำอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าตัวเลขการมีงานทำของบัณฑิตจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากมหาวิทยาลัยมีการติดอาวุธทางปัญญาให้กับนักศึกษา เช่น เสริมทักษะด้านภาษาอังกฤษ เสริมทักษะไอทีและดิจิทัล เป็นต้น เพื่อให้พร้อมกับการทำงาน โดยคณะที่มีบัณฑิตมีงานทำมากที่สุด ได้แก่ คณะพยาบาลศาสตร์ 98.65% คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 72.39% คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ 71.65% คณะศิลปศาสตร์ 71.43% และคณะเทคโนโลยีการเกษตร 70.77%

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังได้เก็บรายละเอียดเกี่ยวกับอัตราเงินเดือนของผู้สำเร็จการศึกษาที่มีงานทำภายใน 1 ปีหลังเรียนจบ โดยบัณฑิตจากคณะพยาบาล มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 25,000 บาท คณะการแพทย์บูรณาการ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 22,500 บาท โดยบัณฑิตส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัยจะทำงานในบริษัทเอกชน ข้าราชการ และกิจการครอบครัว 

อธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าวต่อว่า การเก็บข้อมูลในครั้งนี้ พบว่า 2 ปีที่ผ่านมา บัณฑิตจากคณะพยาบาลศาสตร์มีงานทำเกือบ 100% นั้นเป็นเพราะตลาดมีความต้องการพยาบาลเป็นจำนวนมาก และบัณฑิตจากคณะพยาบาลของมหาวิทยาลัยมีทักษะพร้อมปฏิบัติงานจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่มทร.ธัญบุรีให้ความสำคัญ เพราะมุ่งมั่นที่จัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพและตรงตามมาตรฐานของสภาการพยาบาล รวมถึงมีคณะพยาบาลศาสตร์  มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เป็นมหาวิทยาลัยพี่เลี้ยง ต้นแบบและให้คำปรึกษาด้านวิชาการแก่ มทร.ธัญบุรี 

นอกจากนี้คณะเทคโนโลยีการเกษตร เป็นอีกหนึ่งคณะที่บัณฑิตมีงานทำสูงเช่นกัน เนื่องจากหาวิทยาลัยได้มีการปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัย ให้เป็นที่ต้องการของภาคการเกษตร และสถานประกอบที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร มีการนำเทคโนโลยี เข้ามประยุกต์ใช้กับการเกษตรเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมถึงมีการร่วมมือกับสถานศึกษาในต่างประเทศ เช่น Tianjin Agricultural University ประเทศจีน เป็นมหาวิทยาลัยใหญ่ด้านการเกษตร  มีการทำหลักสูตรร่วมกันจัดส่งนักศึกษาของมทร.ธัญบุรี เข้าเรียนแลกเปลี่ยนเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งนักศึกษาเมื่อจบการศึกษาจะได้รับสองปริญญา ทำให้เป็นที่ต้องการของสถานประกอบการเป็นอย่างมาก

อาร์ต วศิน ฟิตเปรี๊ยะ ซิงเกิล 2 “SORRY”

หลังปล่อยซิงเกิลแรก “Thank You” พี่อาร์ต วศิน วรณพฤกษ์ ผู้บริหารรถไฟฟ้าสายสีแดง หรือที่หลายคนคุ้นเคยในนามแด็ดดี้ของน้องหมีเนย ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ 20 วันยอดวิวทะลุ 2 แสนวิวสบายๆ 

“ผมต้องขอบคุณพี่น้อง FC ที่เปิดใจต้อนรับนักร้องสูงวัย (หัวเราะ) ทุกคนให้การต้อนรับพี่อาร์ตอย่างอบอุ่นครับ” 

พี่อาร์ตกล่าวต่อไปว่า ปีใหม่นี้จะมีของขวัญมอบให้ FC ทุกคน กับซิงเกิลพิเศษที่ไม่ได้มาคนเดียว แต่มาพร้อมนักร้องหนุ่มผมยาวสุดเซอร์มาดติสต์ เอส ชัยณรงค์ 

”ใช่แล้วครับ ค่าย Allery1 Records เตรียมปล่อยผลงานเพลงโปรเจคพิเศษซิงเกิล 2 ของผม ชื่อเพลง ”SORRY” เพลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระหว่างรอเข้าห้องอัด ทางค่ายเลยส่งไปเรียนร้องเพลงเพิ่มเติมกับครูก้อง บ้าน AF เพื่อให้การร้องแข็งแรงมากขึ้น นอกจากนี้ทางค่ายส่งไปออกกำลังกายกับเทรนเนอร์ระดับซูเปอร์โมเดล The Face Men Thailand กุน กิตติคุณ เพื่อให้รูปร่าง เฟิร์มมากขึ้น และก็ต้องขอบคุณ APEX Beauty ศูนย์ความงามครบวงจร ที่เข้ามาช่วยดูแลผิวหน้า เพิ่มความมั่นใจ โดยคุณหมอโจ้ พญ.รัตติยา พี่ตื่นเต้นมากกับ OligioX นวัตกรรมยกกระชับล่าสุด ทำเสร็จเฟี้ยวเลย (หัวเราะ) คือ ทางค่ายอยากให้ FC ของพี่อาร์ตได้เห็นความเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาในทุกสกิล ทุกมิติ ทรงผมยังไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนไหม พี่ชอบสกินเฮดเพราะจะได้ดูไม่แก่ (หัวเราะ) ด้านการแต่งกาย Stylist ส่ง Ref มาดูแล้ว โอ้วววว Sugar Daddy มาก (หัวเราะ) ฝากติดตามด้วยนะครับ“ อาร์ต วศิน กล่าวทิ้งท้าย

วันนี้แอดมินขอสปอยล์ FC กรุบกริบๆ นะครับ ฝากติดตาม ผลงานของพี่อาร์ต วศิน กับซิงเกิล 2 เร็วๆนี้ 

ทีเส็บเผยผลงานปีงบ 68 ไทยคว้าสิทธิ์จัดงานไมซ์นานาชาติขนาดใหญ่รวม 30 งาน

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เผย ปีงบประมาณ 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ตอกย้ำสถานะของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางชั้นนำและเป็นที่ต้องการสำหรับการจัดงานไมซ์และงานเมกะอีเวนท์ โดยตลอดปีงบประมาณที่ผ่านมา ประเทศไทยคว้างานอีเวนท์ขนาดใหญ่ระดับนานาชาติได้รวม 30 งาน ครอบคลุมทุกภาคส่วนของกิจกรรมไมซ์และเมกะอีเวนท์ โดยบางงานมีกำหนดจัดงานปี 2572 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นระยะยาวจากพันธมิตรนานาชาติ และตอกย้ำความแข็งแกร่งของระบบนิเวศไมซ์ในประเทศไทย ซึ่งขับเคลื่อนด้วยความร่วมมืออย่างแน่นแฟ้นจากทุกภาคส่วน

ดร. ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานคว้าสิทธิ์จัดงานนานาชาติขนาดใหญ่ 30 งานในปีงบประมาณ 2568 สะท้อนวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของทีเส็บและขีดความสามารถของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพจัดงานไมซ์และเมกะอีเวนท์ระดับนานาชาติ การคว้าสิทธิ์เป็นเจ้าภาพการจัดงานเป็นข้อพิสูจน์ถึงความเชื่อมั่นที่นานาชาติมีต่อระบบนิเวศไมซ์ของไทย อีกทั้งยังตอกย้ำความมุ่งมั่นของทีเส็บในการใช้อุตสาหกรรมไมซ์เป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงวิชาชีพ ส่งเสริมการเติบโตภาคธุรกิจและเศรษฐกิจ รวมถึงการยกระดับภาพลักษณ์และบทบาทของประเทศไทยบนเวทีโลกในระยะยาว”


ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) ประเทศไทยคว้าสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานระดับนานาชาติรวมทั้งสิ้น 30 งาน โดยจะมีผู้เข้าร่วมงานรวม 109,000 คน และคาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 9,845 ล้านบาท ความสำเร็จในการคว้างานระดับนานาชาติครอบคลุมทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมไมซ์ ทั้งการประชุม (Meetings) การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) การประชุมนานาชาติ (Conventions) การจัดแสดงสินค้า (Exhibitions) ตลอดจนงานเมกะอีเวนท์ (Mega Events) โดยในส่วนการประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (MI) ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Amway Leadership Seminar ณ กรุงเทพมหานคร ในช่วงเดือนมีนาคม–เมษายน 2569 จะมีผู้เข้าร่วมจากสาธารณรัฐประชาชนจีนกว่า 10,000 คน สำหรับการประชุมนานาชาติ (C) งาน International Dragon Award Annual Conference 2027 ที่กรุงเทพฯ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมจากต่างประเทศราว 7,500 คน ส่วนงานแสดงสินค้า (E) งาน Gastech 2026 ที่กรุงเทพฯ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 50,000 คน ประเทศไทยยังได้รับสิทธิ์จัดงานเมกะอีเวนท์อีก 2 งาน โดยจังหวัดเชียงรายได้รับการยืนยันเป็นเจ้าภาพ Spartan SUPER World Championship ระหว่างปี 2569–2571 คาดว่าจะมีนักกีฬาและผู้เข้าร่วมรวม 60,000 คน จาก 50 ประเทศทั่วโลก ส่วนอีกงานคือ Tough Mudder ที่พัทยา คาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าร่วมงานราว 16,000 คน

นอกจากนี้ ยังมีงานประชุมนานาชาติอีกหลายรายการ ซึ่งแต่ละงานคาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าร่วมจากต่างประเทศมากกว่า 1,000 คน อาทิ WBC Annual Convention ครั้งที่ 63 และ WBC Muaythai Convention ครั้งที่ 1 รวมกันคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประมาณ 2,000 คน การประชุมสหพันธ์สมาคมเภสัชกรรมแห่งเอเชีย ครั้งที่ 31 (FAPA 2026) คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประมาณ 2,000 คน การประชุม Asian Pacific Orthodontic Congress (APOC 2028) คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมราว 1,200 คน และงานประชุม World Society for Reconstructive Microsurgery 2029 (WSRM 2029) คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประมาณ 1,500 คน

“การได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมนานาชาติในอีกสี่ปีข้างหน้า รวมถึงงาน WSRM 2029 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนานาชาติที่มีต่อประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางไมซ์ชั้นนำ ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงระบบนิเวศไมซ์ที่มีการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็ง ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าการจัดงานต่างๆ จะตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้ ตัวอย่างเช่น งาน Gastech ที่เกิดจากความร่วมมือกับกระทรวงพลังงาน และงาน Amway Leadership Seminar ที่ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำเสนอโปรแกรม ‘Slow Living of Bangkok’ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมค้นพบกรุงเทพฯ ในมุมมองใหม่ ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยที่ได้รับความไว้วางใจ มีความเป็นมืออาชีพ และมีมาตรฐานระดับโลก ขณะเดียวกัน การที่จังหวัดเชียงรายได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Spartan SUPER World Championship ต่อเนื่องระหว่างปี 2569–2571 ยังตอกย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในการรองรับการจัดงานระดับนานาชาติในพื้นที่นอกเมืองหลักได้เป็นอย่างดี” ดร. ศุภวรรณ กล่าวทิ้งท้าย

09 ธันวาคม 2568

โรงพยาบาลพญาไท 1 และพันธมิตร ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคม ผ่านโครงการ ปัน ปัน ปันสุขนี้เพื่อน้อง ปีที่ 10

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 เวลา10.30-13.30 น.  ร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม โครงการปั้น ปั้น ปั้นสุข เพื่อน้อง ปีที่ 10 โดยมี นพ.อภิรักษ์ปาลวัฒน์วิไชย ผอ.โรงพยาบาลพญาไท1 ,อภิวัฒน์ อาระยานิมิตสกุล ผอ.ฝ่ายปฏิบัติการและบริหารธุรกิจ โรงพยาบาลพญาไท1 ,พญ.สุขุมาลย์ สว่างวารี และ ดร.พญ.พลินี รัตนศิริวิไล ผู้จัดโครงการ ปัน ปัน ปีที่ 10 พร้อมด้วยคณะแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพญาไท 1 และพันธมิตร ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมเลี้ยงอาหารกลางวัน และส่งมอบสิ่งของบริจาคให้กับน้องๆ (เด็กหญิงอายุ 6-12ปี) ในโครงการ ปัน ปัน ปันสุขนี้เพื่อน้อง ปีที่ 10 ที่สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี ในพระอุปถัมภ์ 






กิจกรรมดังกล่าวมีพันธมิตร  ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และมีผู้ผู้สนับสนุน ร่วม ทำการกุศล ครั้งนี้

นพ.อภิรักษ์ ปาลวัฒน์วิไชย
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 1
ผู้บริหารส่งเสริมสนับสนุนให้ความอนุเคราะห์แก่เยาวชนเพื่อสังคม

คุณอภิวัฒน์ อาระยานิมิตสกุล
ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและบริหารธุรกิจ โรงพยาบาลพญาไท 1
ผู้บริหารส่งเสริมสนับสนุนให้ความอนุเคราะห์แก่เยาวชนเพื่อสังคม

พญ.สุขุมาลย์ สว่างวารี
สูตินรีแพทย์และเฉพาะทางด้านมะเร็งนรีเวช รพ.พญาไท พหลโยธิน
ประธานผู้จัดโครงการปัน ปัน

ดร.พญ.พลินี รัตนศิริวิไล
แพทย์เฉพาะทางด้านความงามผิวพรรณ เส้นผม และหนังศีรษะ โรงพยาบาลพญาไท 1 

ประธานที่ปรึกษาร่วมโครงการปัน ปัน
คุณสุปวีย์  ตันสกุล อดีตสื่อสารสื่อมวลชนสัมพันธ์เครือ รพ.พญาไท-เปาโล

คุณปรีญาณี กองบุญมา รองกรรมการผู้จัดการ
บริษัท นานมี จำกัด สนับสนุนชุดอุปกรณ์เครื่องเขียนและสมุดระบายสี

ตุ๊กตา และของเล่น มอบให้น้อง
โดย บริษัท จินผิน ซี่เยี่ย จำกัด

08 ธันวาคม 2568

โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ร่วมกิจกรรมจิตอาสา “เราทำดี ด้วยหัวใจ”

พิธีทำบุญถวายพระราชกุศล ธันวาคม 2568

วันที่ ธันวาคม 2568 โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ได้เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา เราทำดี ด้วยหัวใจ” และพิธีทำบุญถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งเป็นวันสำคัญของชาติ ได้แก่ วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความจงรักภักดีอย่างหาที่สุดมิได้

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมจิตสาธารณะ ความสามัคคีในชุมชน และการมีส่วนร่วมในการดูแลสังคมให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง






ภายในงานมีพิธีทำบุญถวายพระราชกุศลเพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ ซึ่งทรงอุทิศพระองค์เพื่อพัฒนาประเทศและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนไทยตลอดพระชนม์ชีพ ผู้บริหารและบุคลากรโรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ร่วมกับจิตอาสาจำนวนมากได้เข้าร่วมพิธีด้วยความสงบ สำรวม และเปี่ยมด้วยความภักดี

กิจกรรมรณรงค์เพื่อชุมชน : หยอดทรายอะเบทกำจัดลูกน้ำยุงลาย

หลังจากพิธีทำบุญ กิจกรรมจิตอาสาได้ดำเนินต่อด้วยการรณรงค์ป้องกันโรคไข้เลือดออกโดยหยอดทรายอะเบทในแหล่งน้ำขัง ซึ่งเป็นจุดที่มักพบบ่อย เช่น

• โอ่งน้ำ
• จานรองกระถาง
• ภาชนะหรือพื้นผิวที่มีน้ำขังในบริเวณวัด

การดำเนินงานดังกล่าวเป็นมาตรการป้องกันที่ช่วยลดปริมาณลูกน้ำยุงลาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก กิจกรรมนี้ดำเนินการโดยอาสาสมัครและบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่ประชาชน เพื่อให้สามารถนำความรู้ไปปฏิบัติในครัวเรือนของตนได้อย่างเหมาะสม

การทำงานร่วมกันเพื่อสังคมที่ดีขึ้น การมีส่วนร่วมของโรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ในกิจกรรมครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนงานด้านสาธารณะ ประสานความร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ และการให้ความรู้ด้านสุขภาพที่ถูกต้องแก่ประชาชน โดยไม่มุ่งประโยชน์เชิงพาณิชย์ การทำงานในรูปแบบนี้ช่วยเสริมสร้างสังคมที่เข้มแข็ง และส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของชุมชนอย่างยั่งยืน

กิจกรรมจิตอาสา “เราทำดี ด้วยหัวใจ” ในวันที่ ธันวาคม 2568 นับเป็นอีกหนึ่งความร่วมมืออันงดงามระหว่างโรงพยาบาล หน่วยงานรัฐ เอกชน และประชาชน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ พร้อมทั้งร่วมกันดูแลสุขภาพชุมชนผ่านการรณรงค์กำจัดลูกน้ำยุงลาย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง

05 ธันวาคม 2568

ท่องเที่ยว “ชิลี” ผ่านอาหารและไวน์ — ProChile จับมือแม็คโคร จัดโปรโมชั่นเชอร์รี่ แซลมอน เทราต์ หอยแมลงภู่ และไวน์ชั้นเลิศ ร่วมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่

กระทรวงการต่างประเทศชิลี โดย ProChile ซึ่งเป็นหน่วยงานส่งเสริมการค้า การส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุน ร่วมมือกับแม็คโคร นำเข้าสินค้าอาหารคุณภาพส่งตรงจากประเทศชิลีให้คนไทยได้ลิ้มลองในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและ    ปีใหม่ ในงาน ‘A Journey Through Chile - เสน่ห์รสชาติอาหารจากชิลี’ จัดจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมบูธจัดชิมอาหารและกิจกรรม Celebrity Chef Cooking Show โดยเชฟ Paope ระหว่างวันนี้ถึงวันที่ 9 ธันวาคม 2568

ความร่วมมือนี้ยังนับเป็น กิจกรรมต่อเนื่องจากงาน Chile-ASEAN Business Summit 2025 ที่จัดขึ้น ณ กรุงเทพมหานครเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ ProChile ในการขยายการรับรู้ของผู้บริโภค และผู้ประกอบการ ในภูมิภาคอาเซียน และเสริมสร้างความร่วมมือกับภาคธุรกิจไทยอย่างต่อเนื่อง

การเปิดตัวแคมเปญได้จัดขึ้นอย่างคึกคัก โดยมีเชฟ Jessica ‘Paope’ Wang มาร่วมงานในวันเปิดตัว พร้อมด้วยกิจกรรมบูธชิมผลิตภัณฑ์จากชิลีที่สาขาศรีนครินทร์ในช่วงเปิดตัวของแคมเปญ โดยที่โปรโมชั่นจัดต่อเนื่อง ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์จนถึงวันที่ 9 ธันวาคม 2568


ในปีที่ผ่านมา ProChile ได้ขยายความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของไทยอย่างต่อเนื่อง อาทิ Gourmet Market (เดอะมอลล์กรุ๊ป), GO Wholesale และ Tops (เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น) และล่าสุดกับแม็คโคร ภายใต้เครือ CP Group สะท้อนถึงความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของประเทศไทยในฐานะตลาดศูนย์กลางสำหรับสินค้าอาหารจากชิลี และเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างการรับรู้ของผู้บริโภคในวงกว้าง

ด้วยความหลากหลายทางภูมิประเทศของชิลีตั้งแต่เหนือจรดใต้ จากเทือกเขาสู่ชายฝั่ง และด้วยสภาพภูมิอากาศ ระดับความสูง และลักษณะดินที่แตกต่างกัน ประกอบกับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่เข้มแข็ง ทำให้ชิลีสามารถผลิต สินค้าเกษตรที่มีมาตรฐานระดับโลก มีความยั่งยืน และมีคุณภาพสูง สินค้าจากชิลีได้รับการรับรองมาตรฐานนานาชาติด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยอาหาร

จากข้อมูลของ ProChile ปัจจุบันชิลีเป็นผู้ส่งออกสินค้าภาคเกษตรอันดับ 1 ของโลกในหลายรายการ เช่น เชอร์รี่ พลัม และพรุน ภาคการเกษตรยังเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ คิดเป็นประมาณ 4.7% ของ GDP ของประเทศ โดยเฉพาะช่วงปลายปีถึงต้นปีซึ่งเป็นฤดูกาลเชอร์รี่ของชิลี ทำให้เชอร์รี่สดใหม่เข้าสู่ไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน เหมาะอย่างยิ่งแก่การมอบเป็นของขวัญที่มีคุณค่า

สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารทะเล ชิลีเป็นแหล่งผลิตสำคัญของปลาแซลมอน ปลาทูม้า หอยแมลงภู่ และปลาเฮคใต้ โดยปลาแซลมอนชิลีถูกส่งออกไปยังกว่า 100 ตลาดทั่วโลก และกว่า 70% ของบริษัทเพาะเลี้ยงแซลมอนผ่านมาตรฐาน Best Aquaculture Practices (BAP) และ ISO 9001, 14001, 22000 ส่วนหอยแมลงภู่จากชิลียังได้รับการยอมรับด้านคุณภาพและความสดใหม่  โดยมาจากเขตปาตาโกเนียซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก หอยทุกตัว เติบโต ตามธรรมชาติด้วยสาหร่ายทะเล และผ่านมาตรฐาน HACCP อย่างครบถ้วน

ส่วนไวน์ชิลีเป็นผลผลิตจากความหลากหลายของหุบเขายาวกว่า 1,500 กิโลเมตร ซึ่งแต่ละพื้นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อุตสาหกรรมไวน์ของชิลีมีโรงบ่มเพื่อการส่งออกกว่า 356 แห่ง และปัจจุบันชิลีเป็นผู้ส่งออกไวน์อันดับ 1 ของทวีปอเมริกา และอันดับ 4 ของโลก รองจากฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน


คุณสมนึก ยอดดำเนิน Director Commercial Fresh Food, CP AXTRA กล่าวว่า แม็คโครมีความเชื่อมั่นต่อซัพพลายเออร์จากชิลีทั้งด้านคุณภาพและปริมาณสินค้า โดยปีนี้ตั้งเป้านำเข้าเชอร์รี่ชิลีมากกว่า 100 ตัน ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าปีที่    ผ่านมา 5-8% เนื่องจากผลผลิตชิลีเพิ่มขึ้น ทำให้เชอร์รี่มีขนาดใหญ่ ราคาดี และมีคุณภาพสูง โดยต้นฤดูกาลเริ่มต้นที่ขนาด 28 มม. และผลิตผลขนาด 30 มม. จะออกสู่ตลาดในเดือนธันวาคม

คุณ Eduardo Piccolo, Market Manager บริษัท St. Andrews S.A. ผู้ผลิตหอยแมลงภู่แช่แข็งรายใหญ่ของโลก กล่าวว่า บริษัทเริ่มส่งออกหอยแมลงภู่มายังไทยจากศูนย์ตู้คอนเทนเนอร์เมื่อปี 2558 ก่อนเติบโตเป็นกว่า 1,000 ตันต่อปี   ในปัจจุบัน โดยไทยเป็นหนึ่งใน 5 ตลาดหลักของหอยแมลงภู่ชิลี และในปีหน้าเตรียมร่วมสำรวจสินค้าประเภทพร้อมรับประทานและประเภทเพิ่มมูลค่า ร่วมกับทีมจัดซื้อของแม็คโคร

คุณจริยา เรืองคำพัฒน์ Sales Manager Asia, Caleta Bay ระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยนำเข้าแซลมอนรมควันคุณภาพจากชิลีประมาณ 6 ตู้ต่อปี หรือกว่า 100 ตัน ไม่รวมแซลมอนสดที่นำเข้าราว 3 ตู้ต่อเดือน ผลิตภัณฑ์แซลมอนรมควัน เกิดจากนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มมูลค่าและให้ผู้บริโภคเข้าถึงคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ โดยวางจำหน่ายเฉพาะที่แม็คโครและโลตัส

เชิญร่วมกิจกรรมและรับโปรโมชั่นในเทศกาล ‘A Journey Through Chile – เสน่ห์รสชาติอาหารจากชิลี’ ที่นำเสนอสินค้าคุณภาพระดับพรีเมียมในราคาพิเศษ พร้อมไวน์ชิลีหลากหลายแบรนด์ ณ แม็คโครทุกสาขา และแอปพลิเคชันแม็คโครโปร ตั้งแต่วันนี้ถึง 9 ธันวาคม 2568

03 ธันวาคม 2568

CP LAND คว้า Top 10 Developers ด้านงานดีไซน์จากเวทีระดับนานาชาติ สะท้อนบทบาทผู้นำอสังหาฯ

บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND หนึ่งในผู้นำด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย ได้รับรางวัล Top 10 Developers 2025 จากงาน Hubexo Asia Awards 2025 (เดิมคือ BCI Asia Awards) เวทีระดับภูมิภาคที่ยกย่องบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีผลงานโดดเด่นโดยใช้เกณฑ์พิจารณาจากมูลค่าโครงการ ความคืบหน้าในปีแข่งขัน และมาตรฐานด้านคุณภาพที่สอดคล้องกับเกณฑ์อาคารสีเขียว

สำหรับปีนี้ CP LAND ได้รับการพิจารณาจากผลงานโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ SŌLVANI Nakhon Sawan (โซลวานี นครสวรรค์), SŌLVANI Phitsanulok (โซลวานี พิษณุโลก), SŌLVANI Ramintra (โซลวานี รามอินทรา กรุงเทพฯ), RI-NÉ Khon Kaen (รีเน่ ขอนแก่น) , SOū& Khon Kaen (โซแอนด์ ขอนแก่น) และ LUXRIVA RESIDENCES Nakhon Si Thammarat (ลักซ์ริวา เรสซิเดนเซส นครศรีธรรมราช) ครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมในภาคเหนือ กลาง อีสาน และใต้เวที Hubexo ระบุว่า รางวัล Top 10 Developers สะท้อนบทบาทของผู้พัฒนาที่มีผลงานก้าวหน้าในปีแข่งขัน โดยพิจารณาจากโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและมีความคืบหน้าที่ตรวจสอบได้จริงทำให้รางวัลนี้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดด้านคุณภาพและความสามารถในการบริหารโครงการของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในหลายประเทศทั่วเอเชีย


คุณดนุนาถ บูรณะเจริญ ผู้อำนวยการกลุ่มงานพัฒนาและออกแบบโครงการ CP LAND กล่าวว่า รางวัลนี้สะท้อนความสำเร็จของ CP LAND ในการพัฒนาโครงการที่ตอบสนองการใช้งานจริงและความต้องการของผู้อยู่อาศัยในแต่ละพื้นที่ โดยบริษัทใช้แนวคิด Accessible Community for Life – คุณภาพเพื่อทุกชีวิต เป็นกรอบหลักในการพัฒนาโครงการ เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทและวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่ต่าง ๆ แนวคิดดังกล่าวแบ่งออกเป็นสามองค์ประกอบ ได้แก่ CPL Design Standard ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบบนฐานข้อมูลการใช้งานจริงและบริบทท้องถิ่น CPL Well-being Standard ที่คำนึงถึงสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย เช่น การเลือกใช้สีระบบ Low-VOC และ CPL Sustainability Standard ที่เน้นประสิทธิภาพด้านพลังงาน การเลือกใช้วัสดุที่ช่วยประหยัดพลังงาน และการรองรับพลังงานสะอาด เช่น ระบบโซลาร์ (Solar System) ทั้งสามมาตรฐานเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาโครงการของบริษัท ควบคู่กับการดูแลหลังการส่งมอบ รวมถึงการรับประกันโครงสร้าง 10 ปี* เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพในระยะยาว คุณดนุนาถ กล่าวเสริม
ด้าน คุณเสาร์วะภา เนาวะอาจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮับเบคโซ ประเทศไทย (Hubexo Thailand) กล่าวว่า CP LAND ได้นำเสนอศักยภาพด้านการพัฒนาโครงการได้อย่างโดดเด่น ทั้งด้านคุณภาพการออกแบบความสอดคล้องกับเกณฑ์อาคารสีเขียวและการตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้คนในหลายภูมิภาคซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้บริษัทได้รับเลือกเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่น่าจับตามองที่สุดของเอเชียในปีนี้
ปัจจุบัน CP LAND มีโครงการกว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศ ครอบคลุมที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน โรงแรมและ พื้นที่บริการในจังหวัดเศรษฐกิจสำคัญสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของเมืองรองที่มีบทบาทเพิ่มขึ้นต่อเศรษฐกิจไทยทำให้บริษัทมีส่วนผลักดันโครงสร้างพื้นฐานและคุณภาพชีวิตของผู้คนในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนดและขอสงวนสิทธิ์การเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า

ยูไนเต็ดฟลาวมิลล์ เปิดตัวแคมเปญ “UFM ยืนหนึ่ง กรอบนานสะท้านไทย”

พร้อมกิจกรรมโรดโชว์ทั่วประเทศ กับผลิตภัณฑ์แป้งทอดกรอบ ตรา ยูเอฟเอ็ม คุณวันทนา ทองไทย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยูไนเต็ดฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ UFM ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแป้งสาลีรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทฯ เปิดตัวแคมเปญ “UFM ยืนหนึ่ง กรอบนานสะท้านไทย” จัดกิจกรรมโรดโชว์สาธิตเมนูอาหารที่ใช้ผลิตภัณฑ์แป้งทอดกรอบ ตรา ยูเอฟเอ็ม ให้ได้ทดลองใช้และสัมผัสประสบการณ์จริง เพื่อสร้างความมั่นใจด้านคุณภาพให้ผู้ประกอบการ พ่อค้า แม่ค้า อาหารทอด และผู้บริโภคในกลุ่มสตรีทฟู้ดทั่วประเทศ รวมถึงเป็นการขยายฐานผู้ใช้งานจริง

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์แป้งทอดกรอบ ตรา ยูเอฟเอ็ม ไม่ว่าจะชุบทอดผัก หรือเนื้อสัตว์จะคงความกรอบได้นาน ได้เนื้อสัมผัสกรอบ เบา ไม่เลี่ยน ผสมได้ปริมาณมาก สามารถดูดซึมน้ำได้ดี ทำให้ได้ปริมาณแป้งสำหรับชุบทอดเพิ่มขึ้น ซึ่งตอบโจทย์ของผู้ประกอบการด้านอาหารในเรื่องของต้นทุนสินค้า รวมถึงยังได้รับเครื่องหมายฮาลาล โดยผลิตภัณฑ์แป้งทอดกรอบ ตรา ยูเอฟเอ็ม มีวางจำหน่ายที่ร้านค้าปลีกและค้าส่งทั่วประเทศ

สำหรับแคมเปญ “UFM ยืนหนึ่ง กรอบนานสะท้านไทย” บริษัทฯ ได้จัดเตรียมฟู้ดทรัค และทีมงาน มืออาชีพเพื่อประกอบอาหารให้ทดลองชิม และยังมีเกมต่างๆให้ร่วมสนุก พร้อมรับแป้งทอดกรอบ ตรา ยูเอฟเอ็ม ฟรี เพียงลงทะเบียนผ่าน LINE Official : @ufmflour นอกจากนี้ลูกค้าที่เข้าร่วมระบบสมาชิก ยังสามารถร่วมรับสิทธิ์แลกของรางวัล รวมถึงลุ้นทองคำกับแคมเปญ “ยูเอฟเอ็ม ครบรอบ 60 ปี ทั้งลุ้นทั้งแลก” อีกด้วย โดยแคมเปญ “UFM ยืนหนึ่ง กรอบนานสะท้านไทย” จะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2568 ในพื้นที่ตลาดภาคกลาง และจะขยายกิจกรรมไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป

ผู้ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์แป้งทอดกรอบ ตรา ยูเอฟเอ็ม คุณภาพ มาตรฐาน
สามารถพบกิจกรรมโรดโชว์ “UFM ยืนหนึ่ง กรอบนานสะท้านไทย” ได้ที่

·      วันที่ 6-7 ธ.ค. 68 ตลาดสดเทศบาล (ตลาดร่มหุบ) จ.สมุทรสงคราม

·      วันที่ 10-11 ธ.ค. 68 ตลาดท่ารถทัวร์ จ.เพชรบุรี

·      วันที่ 12 ธ.ค. 68 ตลาดสดเทศบาลชะอำ จ.เพชรบุรี

·      วันที่ 13-14 ธ.ค. 68 ถนนคนเดินหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  Facebook : เข้าครัวกับยูเอฟเอ็ม

คริสต์มาสนี้มีมิวสิคัลไทยภาษาอังกฤษเรื่องแรกของประเทศมาเสิร์ฟแล้วนะ !

Dream ! (ดรีม !) หนังเพลงที่กวาดรางวัลระดับโลกก่อนฉาย 18 ธันวาคม นี้

Dream ! ดรีม ! ไม่ได้เป็นแค่หนังเพลงธรรมดา แต่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผู้สร้างกล้าฉีกกรอบเดิม ๆ ด้วยการเลือกใช้ ภาษาอังกฤษ เป็นสื่อหลักในการเล่าเรื่อง ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่ต้องการเปิดประตูสู่ตลาดโลก และนำเสนอเรื่องราวที่มีความเป็นสากลแต่ยังคงจิตวิญญาณแบบไทยไว้ได้อย่างลงตัว

หนังเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกัภาพอย่าง The Forest และ Eullenia การันตีได้เลยว่าลายเซ็นต์ของผู้กำกับคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอนสิ่งที่ตอกย้ำความน่าสนใจของ Dream ! คือรางวัลที่กวาดมาได้ ซึ่งไม่ใช่รางวัลธรรมดา แต่เป็นเวทีที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ  Thai Panorama จากงาน Bangkok International Film Festival 2025 (BKKIFF 2025) : รางวัลนี้พิสูจน์ถึงคุณภาพในบ้านเรา FIRST PRIZE จาก Rhode Island Film Festival 2025 (Oscar-qualifying) : รางวัลนี้โคตรสำคัญ ! เพราะเทศกาลนี้เป็นหนึ่งในเทศกาลที่หนังที่ได้รับรางวัลมีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลออสการ์ด้วย ! แปลว่าคุณภาพไม่ได้อยู่ในไทยเท่านั้น แต่ทัดเทียมสากลเลยทีเดียว


Best Foreign Feature จาก New York's NYLIFF : การันตีความเป็นหนังต่างประเทศยอดเยี่ยมบนเวทีที่ New York การคว้ารางวัลเหล่านี้มาได้ เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า Dream ! มีศักยภาพในการก้าวข้ามขีดจำกัดทางภาษาและวัฒนธรรม พร้อมที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วโลกอย่างแท้จริง เรื่องย่อ Dream ! ดรีม !บของ Paul Spurrier (พอล สปาเรีย) ผู้กำกับชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงในแวดวงหนังอิสระของไทย เจ้าของผลงานคุณพล็อตเรื่องของ Dream ! นั้นเรียบง่ายแต่กินใจ เล่าเรื่องราวของเด็กหญิงคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทย แต่ชีวิตพลิกผันเมื่อเธอกลายเป็นเด็กกำพร้าอย่างน่าสลด เธอจึงต้องออกเดินทางตัวคนเดียวเพื่อค้นหาบ้านและครอบครัวใหม่ การเดินทางของเธอจะพาผู้ชมท่องไปทั่วประเทศไทย ผ่านการผจญภัยมากมายที่เต็มไปด้วยความหวัง ความฝัน และเสียงเพลงที่ไพเราะ นี่คือเรื่องราวที่จับใจและอบอุ่นหัวใจ เหมาะกับการดูในช่วงเทศกาลปลายปีแบบนี้เลย

Dream ! มาพร้อมกับทีมนักแสดงที่แน่นมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น อมตา มาศมาลัย, มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล, วิทยา ปานศรีงาม, วิชญาณี เปียกลิ่น, ลุค อิชิคาว่า พลาวเดน, สมเถา สุจริตกุล ศิลปินและนักประพันธ์เพลงคลาสสิกชื่อดังระดับโลก และที่พลาดไม่ได้คือ น้องมะนาว นักแสดงหน้าใหม่ดาวรุ่งที่ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้อย่างลึกซึ้งและเป็นธรรมชาติมาก ๆ การแสดงของเธอเต็มไปด้วยพลังและความจริงใจ คาดว่าหลังจากนี้เธอจะกลายเป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่น่าจับตามองของวงการแน่นอน



Dream ! ดรีม ! ไม่ได้เป็นแค่หนังไทยธรรมดา แต่เป็นผลงานที่สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการภาพยนตร์ไทย ด้วยการใช้ภาษาอังกฤษตลอดทั้งเรื่อง การบรรเลงดนตรีออร์เคสตร้าสด และทีมงานระดับโลก ทั้งหมดนี้ถูกนำมาผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเล่าเรื่องราวสุดซึ้งของเด็กกำพร้าที่ออกเดินทางหาความฝันและบ้านใหม่

คริสต์มาสนี้ห้ามพลาด ! มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยกับ Dream !
เข้าฉายพร้อมกันทั่วประเทศ 18 ธันวาคม 2568

“ผ้าห่มผืนเขียว” สัญลักษณ์แห่งความอบอุ่น และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม


ตลอด 26 ปีที่ผ่านมา โครงการ “ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว” ได้ส่งมอบความอบอุ่นและโอกาส เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่หนาวเย็นกว่า 15 จังหวัดทั่วภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้การส่งต่อไออุ่น โครงการยังมุ่งเน้นการสร้างโอกาสในการเรียนรู้การดูแลสุขภาพ การพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนในพื้นที่


กิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากน้อง ๆ นักเรียนเป็นพิเศษ คือ การเรียนรู้ขั้นตอนการผลิตผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก ผ่านบูทนิทรรศการที่ถ่ายทอดขั้นตอนการแปลงขวด PET เป็นผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก ตั้งแต่การเก็บรวบรวม คัดแยก ล้าง บด และผลิตเป็นเม็ดพลาสติก ก่อนนำไปปั่นเป็นเส้นใย rPET และเข้าสู่กระบวนการทอเป็นผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลกที่ยังคงคุณภาพให้มีความนุ่มและอบอุ่น ด้วยนวัตกรรม Eco Friendly Blanket โครงการไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว ได้ส่งมอบผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลกปีละ 200,000 ผืน ซึ่งผลิตจากการ รีไซเคิลขวด PET ได้ถึงปีละ 7.6 ล้านขวด จนปัจจุบันได้เพิ่มมูลค่าให้ขวด PET และส่งต่อประโยชน์ต่อสังคม แล้วกว่า 45.6 ล้านขวด ส่งมอบเป็นผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก 1,200,000 ผืน ซึ่งผ้าห่มหนึ่งผืนเทียบเท่าการ รีไซเคิลขวด PET 38 ขวดอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญ คือ “แยกทันที ดีต่อโลก” โดยมี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล จำกัด (TBR) บริษัทในเครือของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่เป็นผู้จัดการบรรจุภัณฑ์ หลังการบริโภค มาถ่ายทอดความรู้ให้กับน้อง ๆ นักเรียน ที่ให้ความสนใจเรื่องการคัดแยกขยะมาร่วมทำกิจกรรมกันอย่างคับคั่ง 

ด้าน นางสาวสุกัญญา ต๊ะนาม นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนบ้านรักแผ่นดิน จังหวัดเชียงรายเล่าว่า “ที่โรงเรียนมีการแยกขยะ เป็นขวดพลาสติก ขวดแก้ว เศษอาหาร โดยมีครูมาสอนแยกค่ะ ขยะที่แยกสำหรับ   รีไซเคิลและนำกลับมาใช้ประโยชน์ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกกล่อง และขวดพลาสติก โดยจะเอามาทำงานประดิษฐ์ เช่น กล่องนมโรงเรียนเอามาทำหมวก สานกระเป๋า สานเป็นเสื่อสำหรับนั่ง โดยแยกกล่องนมโรงเรียนที่กินแล้ว นำไปล้างให้สะอาด และพับเก็บให้สะอาดเพื่อนำไปประดิษฐ์ในคาบเรียนค่ะ” 




นอกจากการมอบผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลกแล้ว โครงการยังได้มอบโอกาสความช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านการศึกษา สาธารณสุขและกีฬา โดยมี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) สานต่อปณิธานแห่งการ “ให้” ด้วยการผสานความร่วมมือกับ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมด้วยเครือข่ายพันธมิตรทุกภาคส่วนดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยหนาวมาอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำแนวคิด “BEYOND THE GREEN BLANKET… A SUSTAINABLE COMMUNITY OF GIVING” หรือ “มากกว่าความอบอุ่น คือสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืน”  โดยมุ่งหวังให้เกิดพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน ในการร่วมกันสร้างสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืนต่อไป