27 พฤศจิกายน 2568

บมจ. เออาร์ไอพี เปิดงาน “COMMART UNBOX” 27 - 30 พ.ย. 2568

มหกรรมสินค้าไอทีส่งท้ายปี ณ ไบเทค บางนา

เริ่มแล้ว! มหกรรมสินค้าไอทีส่งท้ายปี 2568 “COMMART UNBOX” เปิดกล่อง ดีลแรง อัพเกรดก่อนใคร โดยบริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับพันธมิตรแบรนด์และผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอทียกทัพสินค้ามาให้ช้อปสนั่นยิ่งใหญ่กว่าหน้าร้านพร้อมโปรโมชั่นจัดเต็มจากทุกแบรนด์ เชิญมาสัมผัสของจริงลองเล่นก่อนตัดสินใจซื้อกันที่งานคอมมาร์ตกับการเซลล์ครั้งใหญ่ส่งท้ายปี ระหว่างวันที่ 27 – 30 พฤศจิกายน 2568
ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา


นายบุญเลิศ นราไท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวว่า  “ช่วงงานคอมมาร์ตครั้งนี้ถือเป็นจังหวะทองสำหรับผู้ที่วางแผนประกอบคอมใหม่หรืออัปเกรดเครื่องเก่า เพราะแนวโน้มราคาชิ้นส่วนสำคัญอย่าง RAM DDR5 มีโอกาสปรับขึ้นกว่าเท่าตัวในเวลาอันสั้น และคลื่นต่อไปจะกระทบ GPU ซึ่งเป็นหัวใจของทั้งเกมเมอร์และสายทำงาน เนื่องจากความต้องการหน่วยความจำประสิทธิภาพสูงพุ่งขึ้นจากการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ทั่วโลก ขณะที่กำลังการผลิตชิปยังจำกัด ทำให้ราคามีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ในงาน Commart Unbox ครั้งนี้ ยังมีสินค้าที่เป็นไฮไลท์ เช่น ASUS ROG x Hatsune Miku ครบเซ็ตเกมมิ่งเกียร์และเคส PC, ASUS ROG Ally X และ MSI Claw A8 AI+ เครื่องเล่นเกม PC พกพารุ่นใหม่ล่าสุด รวมถึงการกลับมาของแบรนด์ระดับตำนาน Phanteks กับเคส EVOLV X2 ดีไซน์หรู รวมถึงสินค้าที่ได้รับรางวัล Commart Awards 2025 อย่างโน้ตบุ๊ก Lenovo Legion 9i, ASUS Zenbook A14 และ Dell Pro 14 Premium พร้อมทั้งสินค้าสมาร์ทโฮม IoT และอุปกรณ์ต่อพ่วงอีกมากมาย อีกทั้งยังมีร้านค้ากลุ่มสมาร์ทโฟน และสมาร์ทโฮม เข้ามาเติมเต็มในงานคอมมาร์ตมากขึ้น นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขยายโอกาสในการจำหน่ายสินค้าที่กำลังเป็นที่ต้องการ ซึ่งอาจจะได้เห็นชัดเจนในงานคอมมาร์ตครั้งๆ ต่อไป

นายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อไอซีทีและการจัดงาน บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวว่า “พบคอมเซ็ตครบทุกสไตล์ ทั้งประกอบเอง เลือกชิ้นส่วน หรือให้มือโปรจัดให้ พร้อมคอมแบรนด์ดีไซน์สวย และคอมสายเกมมิ่ง RGB จัดเต็ม รวมถึงเซ็ตสำหรับ Content Creator ที่เน้น CPU แรง RAM แน่น นอกจากนี้ยังมีโน้ตบุ๊กทุกแบรนด์ เกมมิ่งเกียร์ คีย์บอร์ด ปริ้นเตอร์ มือถือ และเครื่องเล่นเกม Nintendo, PS5 ให้ลองก่อนซื้อ พร้อมโปรโมชั่นและของแถมสุดคุ้มจากทุกแบรนด์ และข้อเสนอสุดพิเศษ โปรโมชั่น และกิจกรรมพิเศษมากมาย อาทิ






• คอมมาร์ต Big Bonus สิทธิ์ลุ้นของรางวัลสุดพิเศษในงานตลอดทั้ง 4 วัน เพียงช้อปสินค้าในงานครบทุก 3,000 บาท พร้อมรับสิทธิ์ลุ้นโชค 2 ต่อ ต่อที่ 1 ลุ้นโชคหน้างานจับแจกทุกวัน iPhone 17 Pro Max, Smart TV , กล้อง Insta360 Go Ultra 4K  และ การ์ดจอ RTX 5080 ต่อที่ 2 อัปโหลดใบเสร็จรอลุ้นรับรางวัล Mechanical Keyboard  5 รางวัล

• คอมมาร์ต On Top ช้อปครบ 50,000.- รับคูปองลดเพิ่ม 500.- (เฉพาะวันพฤหัสบดี-ศุกร์)

• คอมมาร์ต วัดดวง ร่วมสนุกหมุนวงล้อ ลุ้นคูปองส่วนลดสูงสุด 10,000.-  (แค่สมัครสมาชิกที่บูธคอมมาร์ต)

• คอมมาร์ต ช่วยจ่ายค่าจอดรถ เพียงซื้อสินค้าในงานคอมมาร์ตครบ 30,000.- แลกสิทธิ์จอดฟรี ได้ 3 ชั่วโมง (สิทธิ์มีจำนวนจำกัดต่อวัน) 

งาน COMMART UNBOX   จัดโดย บมจ.เออาร์ไอพี ได้รับการตอบรับจากพันธมิตรธุรกิจคับคั่ง อาทิ ACE, Banana, E-Quip, Epson, iStudio by spvi, IT City, JIB Maru, Zarukon, JIB Mobile, MSI, Speed Computer, Speed Gaming, Studio7, AMD, Intel, AppleSheep, Ascenti, ASUS, Bewell, Cougar, EDIFIER, ERGOTREND, GamerLabs, Lifestyle Technologies, SecretLAB และ เครดิตบูโร ร่วมด้วย Media Partner ได้แก่ Techhub, Beartai, ChargeSPOT, CeeMeAgain, ExtremeIT, Flex104.5, iT24Hrs., Notebookspec, Overclockzone, Business+, eLeader และ ชอปช้อป เข้าชมงานฟรี! เดินทางสะดวกด้วย รถไฟฟ้า BTS สถานีบางนา พบกัน 27 - 30 พ.ย. 2568  เวลา 10.00 น. – 21.00 น. ณ ไบเทค บางนา

ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นและกิจกรรม หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.commartThailand.com, www.facebook.com/commartThailand , และ LINE: @Commart

“อินโนบิก” กลุ่มธุรกิจใหม่ ในเครือ ปตท.

ตั้งเป้ามุ่งสู่การเป็นผู้นำ Life Science ในภูมิภาคอาเซียน โดยเน้นการเติบโตร่วมกับพันธมิตร

เมื่อเทรนด์สุขภาพ กลายเป็นโอกาส ที่ไม่ใช่แค่เม็ดเงินในการลงทุน แต่เป็นการก้าวไปอีกขั้นของวงการวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science) บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด บริษัทในเครือ ปตท. จำกัด (มหาชน) จึงได้จัดงาน Innobic Life Science Business Excellent Move Forum งานสัมมนาครั้งใหญ่ เพื่อประกาศจุดยืนทางธุรกิจ และทิศทางการเติบโตในอนาคต สร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพให้คนไทย

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และความยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว (พ.ศ. 2563) “อินโนบิก” ก่อตั้งขึ้นในฐานะ New S-Curve ของ ปตท. โดยเล็งเห็นว่า ธุรกิจ Life Science เป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของโลก และ New S-curve ที่สำคัญสำหรับประเทศไทยที่จะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี และสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ บนฐานของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่ผ่านมา บริษัทมุ่งสร้าง Ecosystem ของชีววิทยาศาสตร์ ตั้งแต่การวิจัย พัฒนาธุรกิจ และการจัดจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ รองรับการเข้าสู่สังคมสูงวัย และสร้างความมมั่นคงทางด้านสาธารณสุขจนประสบความสำเร็จ

อินโนบิก เราวางจุดยืนของตัวเองที่แตกต่างจากผู้เล่นระดับภูมิภาครายอื่น คือเราให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและ ความร่วมมือกับผู้ผลิต, โรงพยาบาล, และองค์กรวิจัยต่างๆ เพื่อสร้างข้อได้เปรียบเชิงธุรกิจและความแตกต่างจากคู่แข่ง เราเน้นในเรื่องของความรวดเร็วและขนาดของธุรกิจที่แข่งขันได้ นำความรู้ความเชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาสู่ประเทศไทย ผ่านการลงทุนใน บริษัท โลตัส ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (Lotus Pharmaceutical Co., Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัย พัฒนา ผลิต และจำหน่ายยาของไต้หวัน ที่มีตลาดครอบคลุมในทุกภูมิภาคของโลก จากเงินลงทุนเริ่มต้น ปัจจุบันมูลค่าตลาดได้เติบโตถึง 3 เท่า สะท้อนผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ที่ชัดเจน และในปีนี้ Lotus ได้เดินหน้ารุกตลาดผลิตภัณฑ์ยาเฉพาะทางในสหรัฐฯ ผ่านการเข้าซื้อหุ้นใน Alvogen US โดยใช้เงินทุนและเงินกู้ของบริษัทเอง ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน ทำให้ขนาดของกิจการขยับเป็นบริษัทยา Branded Generics Drug 1 ใน 20 อันดับแรกของโลก  นับเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้อินโนบิก

เข้าสู่แพลตฟอร์มยาครบวงจร เนื่องจากมีพันธมิตรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแรงรองรับด้วย ขณะเดียวกันยังนำยาคุณภาพดีจากในประเทศและต่างประเทศมาช่วยเพิ่มคุณภาพในการรักษาท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงเทรนด์เทคโนโลยีและสุขภาพ ทำให้เราต้องเร่งพัฒนาตนเอง เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ด้วยการสร้างนวัตกรรมที่ทันสมัย ยาที่มีคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้ ทั้งจากในและต่างประเทศ เพื่อทำให้คนไทยเข้าถึงได้ เราเชื่อว่าการอยู่เคียงข้างคนไทย ไม่ได้หมายถึงแค่การเป็นผู้จำหน่ายยา หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเท่านั้น แต่คือการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ด้าน Life Science ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนได้อย่างยั่งยืนด้วย ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ กล่าวสรุป 



ทางด้าน ดร. ณัฐ อธิวิทวัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ยังได้ให้มุมมองเพิ่มเติม ถึงการเร่งเครื่องปรับแบรนด์ครั้งใหญ่ โดยเล่าว่า อินโนบิกเริ่มดำเนินธุรกิจในปี 2020 มีทุนจดทะเบียน 13,564 ล้านบาท เป็นส่วนหนึ่งของ ปตท. องค์กรด้านพลังงานแห่งชาติ ที่ถือหุ้น 100%  แบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจยา, 

กลุ่มธุรกิจโภชนาการเพื่อสุขภาพ, กลุ่มธุรกิจการลงทุน และ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม   การปรับกระบวนทัพครั้งนี้ ก็เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่วางไว้ในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเราจะเน้นธุรกิจยา (Pharmaceutical) เป็นแกนหลักในการเติบโต โดยเฉพาะกลุ่มยาสำหรับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการดำเนินชีวิต อาทิ โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน  ควบคู่กับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยต้องการผลักดันให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เราตั้งเป้าเพิ่มการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ให้สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพราะแบรนด์แข็งแรงขึ้นเท่ากับว่าการขยายตลาดและ

การเติบโตของธุรกิจในระยะถัดไปก็ทำได้รวดเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน จึงเป็นที่มาของการปรับแบรนด์ ที่ไม่ได้เป็นเพียงการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการยกระดับการดำเนินงานทั้งเชิงกลยุทธ์และเชิงปฏิบัติการ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของอินโนบิก และสะท้อนความมุ่งมั่นขององค์กรในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสุขภาพของประเทศ ตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของประชาชน ตั้งแต่การป้องกัน การรักษา ไปจนถึงการฟื้นฟู รองรับการเติบโตในระดับภูมิภาค และเปิดโอกาสร่วมทุนหรือร่วมพัฒนาธุรกิจกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศด้วย

จากธุรกิจพลังงาน ข้ามสายมาสู่ Life Science และการวางตำแหน่งใหม่ในเวทีระดับภูมิภาค ดร.ณัฐ เน้นย้ำว่า   อินโนบิก กำลังตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้านสุขภาพสำหรับอาเซียนโดยเฉพาะ (Regional Commercial Platform) มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ครบวงจร จนถึงการนำสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ ควบคู่กับการแสวงหาโอกาสร่วมลงทุนเพื่อเร่งการเติบโตตามเป้าหมาย และหนึ่งในจุดแข็งที่สร้างความได้เปรียบ คือความสามารถในการเชื่อมโยงพันธมิตรระดับนานาชาติ เรานำความรู้และเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากการลงทุนในบริษัท Lotus Pharmaceutical กลับมาพัฒนาทั้งตลาดไทยและขยายไปยังภูมิภาคอาเซียน สิ่งนี้เอง คือจุดที่ทำให้เราแตกต่างและก้าวได้เร็วกว่า

สำหรับการจัดงาน Innobic Life Science Business Excellent Move Forum ครั้งนี้ นับเป็นการประกาศถึงจุดเปลี่ยนให้ อินโนบิก กลายเป็นแบรนด์ ที่ทำให้ผู้คนมีจุดเริ่มต้นสู่ชีวิตที่ดีกว่า ดังสโลแกน Access to Excellent Life โดยอินโนบิก เข้าใจปัญหา ไม่เพียงแค่ผู้ป่วย แต่รวมถึง ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ ทั้งคนในประเทศและในภูมิภาค เพื่อให้สามารถดูแลและรักษาสุขภาพได้ง่ายกว่า เร็วกว่า และดีกว่า

นิยามคำว่า นวัตกรรมของเรา จึงมีมากกว่าความทันสมัย แต่คือนวัตกรรมที่เข้าถึงได้ (Accessible) และนำไปสู่ชีวิตที่ดี (Excellent Life) โดยเราทำหน้าที่เป็นเหมือนสะพาน เชื่อมนวัตกรรมร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อให้ผู้คนได้เข้าถึงชีวิตที่ดีกว่าอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ดร. ณัฐ อธิวิทวัส กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามความเคลื่อนไหวและอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : www.innobicasia.com

26 พฤศจิกายน 2568

“คิปโชเก้ถึงไทย! แฟนแห่ต้อนรับคับคั่ง”

กรุงเทพฯ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ การเดินทางมาถึงประเทศไทยของ เอเลียด คิปโชเก้ ตำนานนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยา เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวง (World Capital Marathon Series) รายการอะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนแบงค็อก 2025 พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘ พร้อมชื่นชมการต้อนรับของคนไทยที่แสนอบอุ่นประทับใจเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดีใจที่ได้ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ในฐานะทูตทางด้านการท่องเที่ยว กีฬา และ วัฒนธรรมของรัฐบาลไทยอีกครั้งในปีนี้

ความเคลื่อนไหวก่อนการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลกในเมืองหลวง (World Capital Marathon Series) ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘ รายการ AMAZING THAILAND MARATHON BANGKOK 2025 หรือ ชิงถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เวลา ๐๒.๐๐ ถึง ๑๐.๓๐ น. ณ จุดปล่อยตัว เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ถนนพญาไท เขตปทุมวัน และจุดเส้นชัย ณ ท้องสนามหลวง ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร ชิงเงินรางวัลรวม ๒,๔๔๐, ๕๐๐ บาท              



ล่าสุด เมื่อคืนวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เวลา เอเลียด คิปโชเก้ ตำนานนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยา เจ้าของแชมป์เมเจอร์ ๑๑ สมัย ในฐานะฑูตทางด้านการท่องเที่ยว กีฬา และ วัฒนธรรมของไทย ที่จะลงแข่งขันในระยะ ฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม. ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 665 เวลา ๒๑.๑๕ น. โดยมีนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำทีมผู้บริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ผู้อํานวยการจัดการแข่งขันฯ ให้การต้อนรับ และยังมีแฟนคลับชาวไทยมาต้อนรับอย่างอบอุ่น สร้างความประทับใจให้ตำนานนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยาผู้นี้เป็นอย่างมาก        

ทั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ เสด็จฯ ร่วมวิ่งการแข่งขันมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลกในเมืองหลวง Amazing Thailand Marathon Bangkok 2025 ครั้งที่ ๘ ประเภทระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม.  กับเอเลียด คิปโชเก้ ตำนานนักวิ่งมาราธอนหนึ่งเดียวของโลก ในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ โดยมีนักวิ่งจากทั่วโลกสมัครเข้าร่วมกว่า ๔๘,๐๐๐ คน

  สำหรับ เอเลียด คิปโชเก้  หลังจากเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว จะเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เพื่อร่วมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทยและการแข่งขัน อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนแบงค็อก 2025 พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘ ดังนี้ ในวันที่วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เข้าร่วมงาน Running Zone 10K (RZ10) และ Fan Meet with Eliud Kipchoge ที่สนามศุภชลาศัย  เวลา ๑๗.๐๐ น., วันเสาร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เอเลียด คิปโชเก้ เข้าร่วมกิจกรรม The Footprint Ceremony ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ณ สวนเบญจกิติ เวลา ๐๗.๐๐ น.

ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันจะร่วมงานแถลงข่าว  ELIUD KIPCHOGE  & FAN MEET พร้อมเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ ณ พารากอนฮอลล์ ชั้น ๕ สยามพารากอน เวลา ๑๒.๓๐ - ๑๔.๐๐ น. ส่วนวันอาทิตย์ที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ร่วมพิธีเปิดการแข่งขัน “อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนแบงค็อก 2025” พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘” ณ จุดปล่อยตัว MBK เวลา ๐๑.๓๐ น.  และร่วมลงวิ่งระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม. เส้นทาง MBK Center – สนามหลวง จนถึงพิธีมอบรางวัลการแข่งขัน ณ สนามหลวง เวลา ๐๖.๓๐ น. เป็นต้นไป



เอเลียด คิปโชเก้  กล่าวหลังจากเดินทางถึงประเทศไทยว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติและมีความสุขมากที่ได้กลับมาประเทศไทยอีกครั้ง ปีที่แล้วผมสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มและการต้อนรับที่อบอุ่นเป็นกันเองจากคนไทยเสมอ ปีที่แล้วตลอดหลายวันที่อยู่ในกรุงเทพฯ ผมประทับใจกับอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และวัฒนธรรมที่งดงาม สำหรับการแข่งขันปีนี้ ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมวิ่งไปพร้อมกับนักวิ่งชาวไทยและแฟนกีฬามากมาย และหวังว่าพลังของการวิ่งจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนก้าวสู่เป้าหมายของตัวเองไปด้วยกัน”

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวย้ำว่า “การได้ต้อนรับ  เอเลียด   คิปโชเก้ ในฐานะทูตด้านการท่องเที่ยว กีฬา และวัฒนธรรมของประเทศไทย ถือเป็นโอกาสอันสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) ของประเทศให้โดดเด่นยิ่งขึ้น การที่บุคคลระดับตำนานในวงการมาราธอนโลกมาร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร จะช่วยสร้างแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยว นักวิ่ง และผู้สนใจกีฬาจากทั่วโลกหันมาสนใจประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ททท. มั่นใจว่าการจัดการแข่งขันปีนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวและสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจให้แก่ผู้เข้าร่วมทุกคน”

นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ จากบริษัท ไตรลีก (ประเทศไทย) จำกัด  ผู้อํานวยการจัดการแข่งขัน กล่าวเสริมว่า “ปีนี้เป็นปีที่พิเศษมากสำหรับรายการ อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนแบงค็อก 2025 พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘ เพราะเราได้รับเกียรติจากเอเลียด คิปโชเก้ มาร่วมวิ่งในระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑ กิโลเมตร พร้อมกับนักวิ่งทั้งหมดในระยะต่างๆ กว่า ๔๘,๐๐๐ คน ซึ่งถือเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้การแข่งขันปีนี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม เรามุ่งมั่นพัฒนาการจัดการแข่งขันให้เป็นมาตรฐานสากล ตามข้อกำหนดของสหพันธ์กรีฑาโลก (World Athletics)  และผลักดันให้กรุงเทพมหานครก้าวสู่การเป็น ๑ ใน ๑๐ มาราธอนระดับโลกในรายการ World Capital Marathon Series อย่างแท้จริง ผมเชื่อว่าผู้เข้าร่วมทุกคนจะได้รับประสบการณ์ที่ประทับใจและอยากกลับมาร่วมงานนี้อีกในปีต่อ ๆ ไป”

 การแข่งขัน อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนแบงค็อก 2025 พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘ จัดโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และ  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นเจ้าภาพร่วมกับกรุงเทพมหานคร, สมาคมกรีฑาโลก และไทยแลนด์ไตรลีก (ในฐานะคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันฯ) กำหนดการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวง (World Capital Marathon Series) ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘ รายการ AMAZING THAILAND MARATHON BANGKOK 2025 ชิงถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เวลา ๐๒.๐๐ ถึง ๑๐.๓๐ น. จุดปล่อยตัว ณ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ถนนพญาไท เขตปทุมวัน และจุดเส้นชัย ณ ท้องสนามหลวง ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร



วัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อผลักดันและยกระดับให้เป็น ๑ ใน ๑๐ รายการวิ่งมาราธอนระดับโลกซึ่งจัดขึ้นในเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของสมาคมกรีฑาโลก (THE OFFICIAL WORLD CAPITAL MARATHON SERIES) เทียบเท่ามาราธอนระดับเมเจอร์โลก เพื่อส่งเสริมให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงด้านการท่องเที่ยวและกีฬา (SPORTS TOURISM CAPITAL CITY) และมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย คาดว่าปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ ผู้ร่วมเดินทาง เจ้าหน้าที่ และประชาชน จำนวนไม่น้อยกว่า ๘๐,๐๐๐ คน ก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจท่องเที่ยวของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่น้อยกว่า ๑,๔๐๐ ล้านบาท   

ติดตามรายละเอียดการแข่งขันได้ที่ https://www.facebook.com/amazingthailandmarathonbkk


ดนตรีในสวน Heritage Garden Music โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย แอนด์ คอนเวนชั่น


ขอเชิญทุกท่านร่วมสัมผัสค่ำคืนแห่งความสุข ท่ามกลางสวนดอกไม้บานสะพรั่งและบรรยากาศสุดโรแมนติกกับงาน “Heritage Garden Music” กิจกรรมดนตรีสดกลางสวน ที่พร้อมมอบความเพลิดเพลินทั้งในด้านเสียงเพลง อาหาร และสุนทรียภาพยามค่ำคืน



ดื่มด่ำไปกับบทเพลงไพเราะ อาหารรสเลิศ และเครื่องดื่มที่พร้อมเสิร์ฟตลอดคืน ท่ามกลางสายลมเย็น และแสงไฟสวยงามที่จะทำให้ค่ำคืนของคุณอบอุ่น และน่าจดจำยิ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน เป็นต้นไป เวลา 18.00 – 24.00 น.

ดื่มด่ำค่ำคืนที่สวยงาม… ในบรรยากาศดนตรีในสวนที่ไม่ควรพลาด

สำรองที่นั่ง กรุณาโทร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองห้องพักได้ที่
โทร.052 055 888 www.heritagechiangrai.com

KOTRA ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลาง K-Food แห่งอาเซียนล่าสุดเปิดงาน ‘SEOUL FOOD in Bangkok 2025’

KOTRA ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลาง K-Food แห่งอาเซียนล่าสุดเปิดงาน ‘SEOUL FOOD in Bangkok 2025’ ดึงบริษัทเกาหลีกว่า 133 แห่ง พร้อมคู่ค้ากว่า 400 รายร่วมงาน

กระแสความนิยม K-Food ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลก  โดยประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมเกาหลีในอาเซียน ดังนั้นจึงได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงสินค้าอาหารเกาหลี “SEOUL FOOD in Bangkok 2025” โดยมีกำหนดจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 – 28 พฤศจิกายน 2025 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)



นายคู บนคยอง ผู้อำนวยการใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย สำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนเกาหลี (Korea Trade-Investment Promotion Agency : KOTRA) เปิดเผยว่า งาน SEOUL FOOD in Bangkok 2025 ในปีนี้ถือเป็นการขยายงาน “Seoul Food” สู่ต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม และจะเป็นเวทีสำคัญในการขยายตลาด K-Food สู่ภูมิภาคอาเซียนอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น งาน Seoul Food นับเป็นหนึ่งในงานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยงานที่จัดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ณ KINTEX (ประเทศเกาหลีใต้) มีบริษัทร่วมแสดงสินค้ากว่า 1,639 แห่ง จาก 45 ประเทศ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ KOTRA ได้เร่งผลักดันการขยายงานแสดงสินค้าสู่ระดับสากลอย่างจริงจัง ซึ่งประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพงาน Seoul Food ในต่างประเทศต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เนื่องจากเล็งเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพทางการตลาดที่โดดเด่น และมีความนิยมวัฒนธรรมเกาหลีที่แข็งแกร่ง นอกจากนั้นไทยยังเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ และ การจัดจำหน่ายของอาเซียน (Hub) รวมถึงเป็นประตู (Gateway) ในการทดสอบตลาดสินค้า K-Food สู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้


โดยข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลการค้าสินค้าเกษตรและอาหารของเกาหลีใต้ (KOREA AGRI-FOOD TRADING INFORMATION-KATI) ในปีที่ผ่านมา (2567) เผยว่ามูลค่าการส่งออก K-Food อยู่ที่ 10.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นครั้งแรกที่ทะลุระดับ 10 พันล้านดอลลาร์ สำหรับมูลค่าการส่งออกในช่วงมกราคม–ตุลาคม 2568 ทำยอดส่งออกสะสมแล้วถึง 9.3 พันล้านดอลลาร์ เติบโตเพิ่มขึ้น 7.4% จากปีก่อน และคาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง                                    

ส่วนการส่งออก K-Food ไปยังตลาดอาเซียนที่สำคัญ อาทิ ไทย เวียดนาม และ มาเลเซีย ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2015–2024) มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 8–11% ต่อปี สูงกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยรวมที่ 6.6% โดยในปี2568 ตั้งแต่มกราคม–กันยายน มีมูลค่ารวมการส่งออก K-Food ไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และโอเชียเนีย อยู่ที่ 1.83 พันล้านดอลลาร์ หรือ คิดเป็น 21.6% ของยอดส่งออกทั้งหมด โดยมีสินค้าหลัก คือ บะหมี่ วัตถุดิบรอยัลเจลลี่ สาหร่ายปรุงรส และผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูป









สำหรับงาน SEOUL FOOD in Bangkok 2025 ครั้งนี้ มีบริษัทอาหารจากเกาหลีเข้าร่วมกว่า 133 แห่ง พร้อมด้วยคู่ค้าจากประเทศไทย และ ต่างประเทศกว่า 400 ราย โดยมีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่

·      SEOUL FOOD B2B Exhibition การเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทย–อาเซียน–เอเชียใต้ และบริษัทอาหารจากเกาหลี ซึ่งครอบคลุมสินค้าอาหาร เครื่องครัว และแฟรนไชส์อาหาร

·      SEOUL FOOD Showcase การจัดแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัล Seoul Food Awards และ สินค้าของผู้ประกอบการหน้าใหม่ โดยมีกิจกรรมแนะนำสินค้าพร้อมทดลองชิมผลิตภัณฑ์

·      SEOUL FOOD Kitchen การสาธิตทำอาหารโดยเชฟเกาหลีชื่อดังจากรายการ Netflix Iron Chef
ที่จะนำเสนอเมนูพิเศษจากวัตถุดิบของผู้ร่วมออกบูธ

·      SEOUL FOOD Picnic Zone โซนประสบการณ์วัฒนธรรมเกาหลี อาทิ โซนรามยอนริมแม่น้ำฮัน และ บูธถ่ายภาพชุดฮันบก ฯลฯ





นอกจากนั้นในการจัดงานฯ ครั้งนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีระบบแปลภาษา AI และระบบวิเคราะห์ผลการเจรจาธุรกิจด้วยภาพวิดีโอมาใช้ เพื่อเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพของการจับคู่ธุรกิจ ซึ่ง KOTRA คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 4,000 คน เกิดการเจรจาธุรกิจมากกว่า 1,600 รายการ และสร้างผลลัพธ์เชิงพาณิชย์กว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8,196 ล้านบาท)

25 พฤศจิกายน 2568

มาดามแป้ง ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม



มาดามแป้ง ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม สนับสนุนศิลปินแห่งชาติและเครือข่ายศิลปวัฒนธรรม รวมพลังน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณองค์อัคราภิรักษศิลปิน เคาะ 25 โครงการ
รับทุนครั้งที่ 1 ปีงบประมาณ 2569
 

นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรมว่า คณะกรรมการกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม มีนโยบายสนับสนุนการขับเคลื่อนงานศิลปวัฒนธรรมของชาติ นำความเป็นไทยให้เป็นที่รู้จักระดับนานาชาติ ตามนโยบายของรัฐบาลโดยเฉพาะมิติทางด้านวัฒนธรรมที่จะมีส่วนผลักดันสังคมและเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ โดยตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าที่ผ่านมากองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ชุดปัจจุบัน ได้ส่งเสริม สนับสนุน ศิลปินแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรม ผู้มีผลงานดีเด่น  ทางวัฒนธรรม ศิลปินพื้นบ้าน คณะบุคคล องค์กรภาครัฐและเอกชน ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ  และระดับนานาชาติ  ผ่านการเสนอโครงการเข้ารับการอุดหนุนทุนสนับสนุนมากกว่า 109 โครงการ เป็นจำนวนเงินมากกว่า 16,800,000 บาท (สิบหกล้านแปดแสนบาทถ้วน)  



ประธานกรรมการกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม กล่าวต่ออีกว่า สำหรับในปีงบประมาณ 2569 เพื่อถวายคารวาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในฐานะที่ทรงเป็น “อัคราภิรักษศิลปิน” ซึ่งมีความหมายว่า “ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ปกปักรักษางานศิลปะ” จึงร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในการสนับสนุนศิลปินแห่งชาติและเครือข่ายทางวัฒนธรรม ได้รวมพลังน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณองค์อัคราภารักษศิลปิน โดยผ่านโครงการที่ยื่นขอรับการจัดสรรทุนอุดหนุนของปีนี้ ซึ่งมีจำนวนโครงการที่ยื่นขอรับทั้งสิ้น 119 โครงการ ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณาคัดเลือกโครงการเพื่อรับทุน ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ว่าด้วยเงื่อนไขและรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ขอรับการอุดหนุนจากกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม พ.ศ. 2562 ในการประชุมครั้งนี้ จำนวน 25 โครงการ เป็นเงิน 2,800,000 บาท (สองล้านแปดแสนบาทถ้วน) โดยมีศิลปินแห่งชาติ ทั้ง 3 สาขา ได้รับการสนับสนุน จำนวน 22 ท่าน ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม  จำนวน 1 ท่าน เครือข่ายสถาบันการศึกษา จำนวน 2 แห่ง และจากรายละเอียดโครงการที่ได้รับทุนในครั้งนี้ 25 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะมีกลุ่มเป้าหมาย นักเรียน นักศึกษา เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปจากทั่วประเทศ ที่จะเข้าร่วมกิจกรรม และร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการถวายคารวาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในฐานะที่ทรงเป็น “อัคราภิรักษศิลปิน“ ในพระมหากรุณาธิคุณองค์อัคราภารักษศิลปิน ผ่านการจัดกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรม ทั้งในรูปแบบ Onsite และแบบ Online จำนวนไม่น้อยกว่า 300,000 คน อาทิเช่น  สาขาทัศนศิลป์ 1) โครงการ The Two journeys II InSon Wongsam Venetia Walkey อินสนธิ์ วงค์สาม เวเนเซีย วอล์คกี้ ของนายอินสนธิ์ วงค์สาม 2) โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาทักษะวิชาชีพภาพพิมพ์แกะไม้ (Woodcut) และจัดแสดง งานนิทรรศการภาพพิมพ์แกะไม้ (Woodcut) และภาพพิมพ์โลหะ (Etching) โดยศิลปินแห่งชาติ ทวี รัชนีกร ของนายทวี รัชนีกร 3) โครงการจัดนิทรรศการเคลื่อนที่และสอนการถ่ายภาพมรดกศิลปวัฒนธรรม ของนายสิงห์คม บริสุทธิ์ 4) โครงการการบูรณาการงานศิลปะของศาสตราจารย์เกียรติคุณปรีชา เถาทอง : “My Life : Preecha Thaothong” ของศาสตราจารย์เกียรติคุณปรีชา เถาทอง สาขาวรรณศิลป์ 1) โครงการถ่ายทอดความรู้ “การเขียนนิยายและการใช้ภาษาอย่างสร้างสรรค์” ของนางเพ็ญศรี เคียงศิริ 2) โครงการหนังสือเสียง “สารคดีชีวิต พาร์กินสันไดอารี่” บันทึกการเดินทางจากโลก (โรค) ภายใน ของธีรภาพ โลหิตกุล ของนายธีรภาพ โลหิตกุล 3) โครงการหนังสือและเสียงบันทึกแผ่นดิน เรื่อง “เขียนแผ่นดินสุวรรณภูมิมาเลเซีย เมียนมา กัมพูชา ชุด ร่วมภูมิแผ่นดิน” เล่มที่ 2 อารยธรรม และ เล่มที่ 3 วัฒนธรรม ของนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ 4) โครงการจัดพิมพ์ตำราวรรณกรรมสำหรับเด็ก ของศาสตราจารย์เกริก ยุ้นพันธ์ สาขาศิลปะการแสดง  1) โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการดนตรีพัฒนาคุณภาพชีวิต ภายใต้หัวข้อ “ลมหายใจ...ดนตรี...ชีวิต” ของนางดุษฎี พนมยงค์ บุญทัศนกุล 2) โครงการบันทึกวีดิทัศน์เพื่อเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ละครเวทีผสมภาพยนตร์ เรื่อง “พระเจ้าช้างเผือก” ของนายประดิษฐ ประสาททอง 3) โครงการ “นาฏยศิลปินแห่งชาติ สร้างยุวศิลปินของชาติ” ของนางรัจนา พวงประยงค์ 4) โครงการสืบสานศาสตร์เพลงโคราช กับศิลปินแห่งชาติ : อบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อถ่ายทอดความรู้สู่ครูแกนนำและเยาวชนรุ่นใหม่ ของนายกำปั่น นิธิวรไพบูลย์ 5) โครงการประพันธ์เพลงคลาสสิกร่วมสมัยและเผยแพร่เกียรติภูมิของผลงานศิลปินแห่งชาติ สู่ประชาคมโลก พ.ศ. 2569 ของศาสตราจารย์ณรงค์ฤทธิ์ ธรรมบุตร 6) โครงการพัฒนาการเรียนรู้ด้านการขับซอพื้นบ้านล้านนา ครั้งที่ 7 ประจำปี 2569 ของนางบัวซอน ถนอมบุญ 7) โครงการสืบสานศิลปะการแสดงพื้นเมืองเชียงราย ครั้งที่ 10 ของนางบัวเรียว รัตนมณีภรณ์ 8) โครงการถ่ายทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เพลงพื้นบ้านภาคกลาง : สามถิ่น สามศิลปินแห่งชาติ ของนางเกลียว เสร็จกิจ 9) โครงการดนตรีพื้นบ้านเชื่อมอีสานสู่สากล Bridging Isan Folk Music to the Global Stage ของนายทรงศักดิ์ ประทุมสินธุ์ 10) โครงการ “สืบศิลป์ อินเทรนด์ (in trend) มหานคร หมอลำกลอนประยุกต์” ของนางราตรีศรีวิไล บงสิทธิพร 11) โครงการยื่นมะเหงก เขกกบาล Master Class – One on One กับชนประคัลภ์ จันทร์เรือง ของนายชนประคัลภ์ จันทร์เรือง 12) โครงการคอนเสิร์ต “84 ปี ชัยชนะ : ร้อง-รำ-แหล่-แร็ป” ของนายชัยชนะ บุญนะโชติ 13) โครงการอนุรักษ์สืบสานองค์ความรู้ด้านศิลปะการแสดงดนตรีไทยประเภทเครื่องเป่า (ขลุ่ย) เพื่อถ่ายทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม สู่เยาวชน ของนายปี๊บ คงลายทอง 14) โครงการขลุ่ยนิมิตใหม่ ใส่ใจเยาวชน ของนายธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม 1) โครงการ “สอนเยาวชนหนังตะลุง ตอน 3 ปฏิบัติการ การแสดงหนังตะลุงแก้เหมรยบน ฝั่งทะเลตะวันตก” ของนายอนันต์ สิกขาจารย์ สถาบันการศึกษา 1) โครงการเผยแพร่แลกเปลี่ยนศิลปะและวัฒนธรรมไทย - เกาหลี ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรมร่วมกับศิลปินแห่งชาติ ของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ 2) โครงการนิทรรศการแสดงผลงานศิลปกรรมคณาจารย์ภาควิชาศิลปไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 5 ทศวรรษ ภาควิชาศิลปไทย คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ของภาควิชาศิลปไทย คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นต้น

นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา  อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม  กล่าวว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม มีภารกิจในการยกย่องเชิดชูเกียรติ ดูแลสวัสดิการ จัดเก็บรวบรวมองค์ความรู้ เผยแพร่ผลงานภูมิปัญญาอันทรงคุณค่า ส่งเสริมสนับสนุนให้ศิลปินแห่งชาติ ทั้ง 3 สาขา ผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรม ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม ได้มีบทบาทและโอกาสสำคัญในการสร้างสรรค์งานศิลป์ ต่อยอดมรดกศิลป์ ถ่ายทอดองค์วามรู้ประสบการณ์อันทรงคุณค่า เปิดบ้านศิลปินแห่งชาติให้เป็นแหล่งเรียนรู้ พัฒนาและสร้างศิลปินรุ่นใหม่ ให้เป็นศิลปินของชาติ เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอดศิลปวัฒนธรรมไทยให้เจริญรุ่งเรืองจากรุ่นสู่รุ่น มาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 4 ทศวรรษ 


​ดังนั้น การพิจารณาคัดเลือกโครงการให้ได้รับทุนอุดหนุนทั้ง 25โครงการ ในครั้งนี้  นอกจากจะเป็นไปตามภารกิจของกรมส่งเสริมวัฒนธรรมแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะได้มีการผนึกกำลัง รวมพลังศิลปินแห่งชาติ และพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการ   ถวายคารวาลัยแด่สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในฐานะที่ทรงเป็น “อัคราภิรักษศิลปิน” รวมพลังน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณองค์อัคราภารักษศิลปิน รวมถึงรวมพลังรำลึกองค์อัครศิลปิน ในโอกาสครบรอบ 4 ทศวรรษ แห่งการน้อมเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญา “อัครศิลปิน” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้เป็นใหญ่ในหมู่ศิลปิน” หรือ “ผู้มีศิลปะอันเลอเลิศ” แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2569 ผ่านการจัดกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมมีทั้งในรูปแบบ Onsite และแบบ Online ที่ได้รับการสนับสนุนทุนในครั้งนี้อีกด้วย 

ท้ายที่สุดนี้ นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม อยากจะขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการดำเนินงานด้านวัฒนธรรม สนับสนุนศิลปินแห่งชาติ สืบสานศิลปวัฒนธรรมของชาต โดยการบริจาคเงินสมทบผ่านกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม สามารถบริจาคง่าย ๆ ด้วยตนเอง เพียงสแกน QR Code โอนผ่านบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนรัชดาภิเษก ชื่อบัญชี กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม เลขที่บัญชี 060-216511-7 หรือสามารถบริจาคด้วยตนเอง โดยเช็คสั่งจ่ายในนามกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม นอกจากท่านจะเป็นผู้ร่วมสืบสานศิลปวัฒนธรรมของชาติแล้ว ท่านยังสามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า อีกด้วย

คลับเมด ส่งท้ายปีด้วยแคมเปญ YEAR-END SALE มอบส่วนลดสูงสุด 40%

สำหรับแพ็คเกจพรีเมียมออลอินคลูซีฟ เพื่อการพักผ่อนทั่วเอเชีย

สำรองห้องพักพรีเมียมทั้งดีลักซ์และสวีท เพื่อวันหยุดที่น่าจดจำ ได้ตั้งแต่พฤศจิกายน 2568 ถึงพฤษภาคม 2569คลับเมด (Club Med) ผู้บุกเบิกประสบการณ์วันหยุดแบบพรีเมียมออลอินคลูซีฟมากว่า 75 ปี เปิดตัวแคมเปญ Year-End Sale ที่ทุกคนรอคอย พร้อมมอบความคุ้มค่าสูงสุดแห่งปี 2568 โดยมีรีสอร์ตที่ร่วมรายการทั่วเอเชีย นับเป็นโอกาสพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะได้สำรองที่พักในจุดหมายของการท่องเที่ยวระดับโลกในราคาสุดคุ้ม ไม่ว่าจะเป็นชายหาดสวยบริสุทธิ์ของมัลดีฟส์ ภูเก็ต และบาหลี หรือทริปสกีสุดตื่นเต้นในญี่ปุ่น ทั้งที่ซาโฮโร โทมามุ และคิโรโระ แกรนด์



ข้อเสนอสุดคุ้มสำหรับห้องพักระดับพรีเมียม
แคมเปญ Year-End Sale มอบส่วนลดพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวที่สำรองที่พักล่วงหน้า โดยผู้เข้าพักจะได้รับรับส่วนลดสูงสุด 40% สำหรับห้องดีลักซ์และห้องสวีท และรับส่วนลดสูงสุด 35% สำหรับห้องซูพีเรีย ข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้ใช้ได้กับการจองตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พฤศจิกายน 2568 โดยเข้าพักได้ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2658 ถึง 31 พฤษภาคม 2569 (เข้าพักขั้นต่ำ 3 คืน)

สัมผัสประสบการณ์ไร้ความกังวลตามแบบฉบับคลับเมด
ผู้ที่จองผ่านแคมเปญนี้ จะได้สัมผัสประสบการณ์สุดแสนสะดวกสบายตามสไตล์คลับเมด โดยราคารวมทุกอย่างไว้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารระดับกูร์เมต์แบบไม่จำกัด บาร์เครื่องดื่มไม่อั้น ตลอดจนกิจกรรม กีฬา และความบันเทิงหลากหลายรายการตลอดทั้งวัน ครอบครัวยังสามารถเพลิดเพลินกับ Kids’ Clubs ซึ่งมีโปรแกรมดูแลเด็กตามช่วงวัย โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญ หรือGentle Organisers (G.Os) คอยดูแลอย่างใกล้ชิด สำหรับผู้ที่มองหาทริปฤดูหนาว รีสอร์ตบนภูเขา ยังรวมรวมลิฟต์พาสและคลาสเรียนสกีหรือสโนว์บอร์ดไว้ในแพ็คเกจแบบครบจบในที่เดียว

จุดหมายปลายทางทั้งริมทะเลและบนภูเขา แคมเปญครั้งนี้ ครอบคลุมรีสอร์ตยอดนิยมของคลับเมดในทวีปเอเชียที่คัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน สำหรับผู้ที่ต้องการหลบหนีสู่ทะเลและรับลมร้อน มีจุดหมายปลายทางที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ มัลดีฟส์ที่เน้นความหรูหรา ทั้งคานิ และฟิโนลูห์ วิลล่าส์ หรือเลือกภูเก็ตและบาหลีเพื่อสัมผัสแหล่งวัฒนธรรมอันมีชีวิตชีวา นอกจากนี้ ยังมีหาดสวย ๆ ที่เน้นความผ่อนคลายอย่าง เกาะบินตัน อินโดนีเซีย เชอราติงบีช ประเทศมาเลเซีย และคาบิระ ประเทศญี่ปุ้น ยังพร้อมใจเข้าร่วมแคมเปญ ส่วนผู้ที่มองหาการผจญภัยฤดูหนาวระดับเวิลด์คลาส สามารถเลือกรีสอร์ตในญี่ปุ่น อาทิ เนินหิมะชื่อดังที่ซาโฮโร โทมามุ และคิโรโระ แกรนด์ รวมถึงรีสอร์ตในจีนที่ หยาปู้ลี่ เป่ยต้าฮู่ และฉางไป่ซาน
วางแผนทริปสกีปลายซีซั่นที่ซาโฮโระในราคาคุ้มค่ากว่า
สำหรับผู้ที่หลงใหลกีฬาฤดูหนาวและต้องการความคุ้มค่าสูงสุด คลับเมดขอแนะนำการท่องเที่ยวช่วงปลายฤดูกาลในเดือนมีนาคมและเมษายน 2569 ที่ คลับเมด ซาโฮโร ฮอกไกโด ซึ่งช่วงเวลานี้ถือเป็นทางเลือกคุ้มค่ากว่าช่วงไฮซีซั่น เพราะผู้เดินทางจะได้รับประโยชน์ทั้งจากราคาตั๋วเครื่องบินที่ประหยัดกว่า จำนวนผู้เล่นบนลานสกีที่บางตา รวมถึงสภาพอากาศแบบสบาย ๆ เหมาะสำหรับการเล่นสกีและทำกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อมความรู้สึกผ่อนคลายและโอกาสในการจองห้องพักที่ง่ายกว่า
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจุดหมายปลายทางและการจองที่พักในแคมเปญ Year-End Sale Here
กรุณาเยี่ยมชม bit.ly/YearEndSale25_TH หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้า โทร. 02 035 6788 หรืออีเมล contactus.th@clubmed.com