18 ธันวาคม 2568

บริษัททองก้อนใหญ่ โฮลดิ้ง นำเทคโนโลยี VR บำบัดจิตใจ "NeuroSight"

สนับสนุนทีม MCATT รพ.พระศรีมหาโพธิ์ ดูแลสุขภาพจิตผู้อพยพกว่า 1 แสนคน

กรุงเทพฯ, 17 ธันวาคม 2568 – ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางการทหารกับกัมพูชา ส่งผลให้มีผู้อพยพหลบหนีจากพื้นที่การสู้รบเข้ามาในศูนย์อพยพจำนวนมากกว่า 100,000 คน วิกฤตด้านสุขภาพจิตของผู้ประสบภัยสงครามกำลังทวีความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน บริษัททองก้อนใหญ่ โฮลดิ้ง ได้เร่งส่งมอบเครื่องมือเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) สำหรับการบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพจิต "NeuroSight" ให้กับทีมเยียวยาจิตใจ MCATT (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team) โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ เพื่อช่วยดูแลผู้ที่ประสบความเครียด บาดแผลทางใจ และวิตกกังวลจากสถานการณ์สงคราม



แพทย์หญิงธีรธร ทองก้อนใหญ่ กรรมการบริษัททองก้อนใหญ่ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า "สถานการณ์ความขัดแย้งทางทหารระหว่างไทยและกัมพูชาในขณะนี้ไม่เพียงแต่สร้างความสูญเสียทางกายภาพ แต่ยังทิ้งบาดแผลทางจิตใจที่ลึกซึ้งแก่ประชาชนที่ต้องหลบหนีออกจากพื้นที่สงคราม ผู้อพยพกว่า 100,000 คนที่หลั่งไหลเข้ามาในศูนย์อพยพล้วนประสบกับความบอบช้ำทางจิตใจ บางคนเห็นความรุนแรง สูญเสียคนที่รัก หรือถูกคุกคามต่อชีวิต สภาวะเหล่านี้นำไปสู่ความเครียดเฉียบพลัน (Acute Stress Disorder) อาการบาดเจ็บทางใจจากเหตุการณ์รุนแรง (Trauma) และความวิตกกังวลที่รุนแรง

ปัญหาสุขภาพจิตในสถานการณ์สงครามเป็นวิกฤตเงียบที่มีความรุนแรงไม่แพ้การขาดแคลนอาหารหรือยารักษาโรค หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและทันท่วงที อาจนำไปสู่ปัญหาระยะยาว เช่น โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (PTSD) ภาวะซึมเศร้า และการทำร้ายตนเอง เราจึงได้นำเครื่องมือ NeuroSight (นิวโรไซต์) ซึ่งเป็นเทคโนโลยี VR ที่ได้รับการพัฒนาเฉพาะสำหรับการบำบัด ฟื้นฟู และดูแลผู้ที่ประสบภัยสงครามมาสนับสนุนทีมแพทย์และนักจิตวิทยา เพื่อให้การช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพและทันท่วงทีแก่ผู้อพยพในวิกฤตครั้งนี้"

แพทย์หญิงธีรธร ทองก้อนใหญ่ กล่าวถึง เทคโนโลยี NeuroSight หรือ นวัตกรรมการบำบัดจิตใจด้วย VR ต่อว่า NeuroSight เป็นเครื่องมือที่ผสมผสานเทคโนโลยี Virtual Reality เข้ากับหลักการทางจิตวิทยาและประสาทวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่ช่วยในการผ่อนคลาย ลดความเครียด และฟื้นฟูสภาพจิตใจ โดยมีคุณสมบัติสำคัญ ได้แก่:

1) การบำบัดด้วยสภาพแวดล้อมเสมือนจริง: สร้างบรรยากาศที่ปลอดภัยและผ่อนคลาย ช่วยลดอาการวิตกกังวลและความเครียดเฉียบพลัน

2) โปรแกรมการฝึกจิตและสติ: ช่วยให้ผู้ใช้เรียนรู้เทคนิคการจัดการอารมณ์และความเครียดด้วยตนเอง

3) การติดตามและประเมินผล: วัดและบันทึกผลการบำบัด เพื่อปรับแต่งแผนการดูแลให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

4) ใช้งานง่ายและรวดเร็ว: สามารถให้บริการได้หลายคนในเวลาจำกัด เหมาะสมกับสถานการณ์ฉุกเฉิน

แพทย์หญิงธีรธร ทองก้อนใหญ่ ได้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับความจำเป็นเร่งด่วนในวิกฤตสงคราม ว่า การสู้รบระหว่างไทยและกัมพูชาได้สร้างวิกฤตด้านมานุษยธรรมครั้งใหญ่ ด้วยจำนวนผู้อพยพที่มากกว่า 100,000 คนซึ่งหลั่งไหลเข้าสู่ศูนย์อพยพ ความต้องการด้านการดูแลสุขภาพจิตมีสูงเป็นประวัติการณ์ ผู้อพยพส่วนใหญ่ประสบกับ:

1) บาดแผลทางจิตใจจากการเห็นความรุนแรง การสูญเสียบ้าน ทรัพย์สิน และคนที่รัก

2) ความกลัวและความไม่มั่นคงต่อชีวิต จากสถานการณ์สงครามที่ยังคงดำเนินอยู่

3) ความเครียดเฉียบพลันและวิตกกังวลรุนแรง จากการต้องอพยพอย่างกะทันหัน

4) ความไม่แน่นอนในอนาคต ไม่ทราบว่าจะสามารถกลับบ้านได้เมื่อไหร่

ขณะที่ทรัพยากรบุคลากรด้านสุขภาพจิตในศูนย์อพยพมีอยู่อย่างจำกัด เทคโนโลยี NeuroSight จึงเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยเสริมประสิทธิภาพของทีมแพทย์ ช่วยให้สามารถเข้าถึงผู้ต้องการความช่วยเหลือได้มากขึ้นและรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะในสภาวะที่การดูแลทางจิตใจต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน


นายแพทย์โกศล วราอัศวปติ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ จังหวัดอุบลราชธานี ระบุว่า "ในสถานการณ์สงคราม ผู้อพยพที่เข้ามาต่างประสบกับบาดแผลทางใจที่รุนแรง หลายคนมีอาการหวาดกลัว นอนไม่หลับ หรือมีภาพเหตุการณ์รุนแรงย้อนกลับมาในหัว NeuroSight ช่วยให้เราสามารถให้การบรรเทาและดูแลเบื้องต้นแก่ผู้ที่มีอาการเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่มีผู้ต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินจำนวนมากพร้อมกัน เครื่องมือนี้ช่วยลดภาระของทีมแพทย์ในสภาวะที่ทรัพยากรมีจำกัด และทำให้ผู้อพยพได้รับการดูแลที่รวดเร็วและมีคุณภาพ แม้ในสถานการณ์วิกฤต"

แม้ว่า NeuroSight จะช่วยบรรเทาปัญหาได้ในระดับหนึ่ง แต่แพทย์หญิงธีรธร ทองก้อนใหญ่ เน้นย้ำอย่างจริงจังว่า "สิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ในวิกฤตสงครามครั้งนี้มีขนาดใหญ่และซับซ้อนเกินกว่าที่เครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งจะรับมือได้เพียงลำพัง ความต้องการด้านสุขภาพจิตในศูนย์อพยพมีมากกว่าทรัพยากรที่มีอยู่หลายเท่าตัวยังคงต้องการการสนับสนุนอย่างเร่งด่วนจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น นักจิตวิทยาและนักจิตแพทย์เพิ่มเติม เจ้าหน้าที่สุขภาพจิตผู้มีความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้ประสบภัยสงคราม เทคโนโลยีและเครื่องมือทางการแพทย์ ทรัพยากรทางการเงินเพื่อขยายโครงการ และความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ การดูแลสุขภาพจิตของผู้อพยพสงครามไม่ใช่เรื่องที่สามารถรอได้ เพราะยิ่งปล่อยให้ล่าช้า บาดแผลทางใจจะยิ่งลึกและยากต่อการรักษา เราต้องการความช่วยเหลือตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพจิตของผู้อพยพทุกคนได้อย่างครอบคลุม มีศักดิ์ศรี และยั่งยืน"

"อัครา" รมว.พม. เปิดโครงการ "รีสตาร์ทคนรุ่นใหม่ ดูแลผู้สูงวัย รวมส่งสุขปีใหม่ ใกล้ใจ ใกล้คุณ"

ปั้นเยาวชนสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันที่เริ่มจากครอบครัว 

วันที่ 18 ธันวาคม 2568 นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดโครงการ "รีสตาร์ทคนรุ่นใหม่ ดูแลผู้สูงวัย รวมส่งสุขปีใหม่ ใกล้ใจ ใกล้คุณ" และพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุขั้นเบื้องต้น 18 ชั่วโมง จำนวน 350 คน โดยมี นางสาวสุนีย์ ศรีสง่าตระกูลเลิศ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , นายโชคชัย วิเชียรชัยยะ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ , คณะผู้บริหารกระทรวง พม. , คณะผู้บริหารโรงเรียนพะเยาพิทยาคม , ผู้บริหารท้องถิ่น , หน่วยงานทีม พม.ใกล้คุณ จังหวัดพะเยา , อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) จังหวัดพะเยา และผู้แทนภาคีเครือข่ายท้องถิ่น เข้าร่วมงาน ณ โรงเรียนพะเยาพิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา

ในโอกาสนี้ มีการจัดกิจกรรม Kick off เปิดตัวของขวัญปีใหม่ "ก้ม กราบ กอด ฮีลใจ ผู้สูงวัยใกล้คุณ" ให้กับผู้สูงอายุ 100 ปี จำนวน 100 คน , การมอบถุง ฮีล(Heal)ใจ พม.ใกล้คุณ เครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ให้กับผู้สูงอายุ จำนวน 100 ชุด และการมอบสิทธิสวัสดิการสังคมของกระทรวง พม. (เงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุในภาวะยากลำบาก , เงินสงเคราะห์และฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ , เงินสงเคราะห์เด็กในครอบครัวยากจน , เงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง , เงินสงเคราะห์ผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน , งบประมาณโครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ และงบประมาณโครงการปรับสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกของผู้สูงอายุให้เหมาะสมปลอดภัย) นอกจากนี้ ได้เยี่ยมชมกิจกรรมและผลงานของนักเรียนโรงเรียนพะเยาพิทยาคม และเครือข่ายท้องถิ่น



นายอัครา กล่าวว่า  ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตประชากรที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากร การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ที่ประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นสวนทางกับประชากรเด็กที่เกิดน้อยลง ส่งผลกระทบต่อประเทศทั้งทางด้านการจัดระบบสวัสดิการสังคม การสร้างหลักประกันความมั่นคงในชีวิตของผู้สูงอายุ และภาระค่าใช้จ่ายงบประมาณของรัฐในการดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้งแนวโน้มที่ผู้สูงอายุจะอยู่เพียงลำพัง ถูกทอดทิ้ง และขาดผู้ดูแลมีเพิ่มขึ้น นับเป็นประเด็นปัญหาท้าทาย ที่ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมในการรองรับและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน โดยการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่น ซึ่งกระทรวง พม. ได้ขับเคลื่อนนโยบาย "พม. ใกล้คุณ" โดย รีสตาร์ทคน พัฒนางาน สร้างนวัตกรรม นำสุขสังคมสูงวัย มุ่งการทำงานเชิงรุกที่เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม  โดยยึดหลักการสำคัญในการลดรายจ่าย สร้างรายได้ รีสตาร์ทชีวิต 

นายอัครา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุขั้นเบื้องต้น จำนวน 18 ชั่วโมง นั้น มีการอบรมให้ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับผู้สูงอายุ การส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ทักษะพื้นฐานในการดูแลผู้สูงอายุ การปฐมพยาบาลและการส่งต่อ โรคภัยไข้เจ็บของผู้สูงอายุ เพื่อเป็นการเพิ่มทักษะความรู้ให้กับนักเรียนโรงเรียนพะเยาพิทยาคม จำนวน 300 คน และ อพม. จังหวัดพะเยา จำนวน 50 คนเป็นการลดช่องว่างระหว่างวัยที่ให้เด็กและเยาวชนมีความรู้ความเข้าใจในวัยสูงอายุ และการปรับตัวอยู่กับผู้สูงอายุในครอบครัวได้อย่างมีความสุข เพื่อร่วมกันสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันที่เริ่มต้นจากครอบครัว 

#พมใกล้คุณ

17 ธันวาคม 2568

เกาะลิบง จังหวัดตรัง ไม่ได้มีดีแค่เที่ยว แต่คือการเที่ยวแบบ “Meaningful Travel”

ลิบง เที่ยวด้วยใจ ให้มากกว่าที่ตาเห็น เทรนด์ใหม่ที่นักเที่ยวต้องเช็คอิน!!

ปัจจุบันการท่องเที่ยวกำลังกลับมาคึกคักอีกครั้ง และพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวก็เปลี่ยนแปลงไป     อย่างมาก นักท่องเที่ยวจำนวนมากกำลังมองหาที่พักผ่อนที่ไม่เพียงแค่เติมเต็มประสบการณ์การเดินทาง แต่ต้องช่วยให้พวกเขาได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับมิติความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม ไม่ได้เน้นการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเดินทางที่ไปเพื่อเรียนรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์  เน้นเที่ยวแบบมีความหมายไม่ใช่แค่การเติมเต็มความสุขให้ตัวเอง แต่ยังเป็นการสร้างโอกาส ความเปลี่ยนแปลงและความยั่งยืนให้กับชุมชนที่เราไปเยือน




การเที่ยวที่มากกว่าการท่องเที่ยว และเป็นการเติมเต็มชีวิตด้วยการท่องเที่ยวที่สร้างคุณค่าให้กับสังคม  บนเกาะลิบง จังหวัดตรัง จึงเป็นการตอบโจทย์นักท่องเที่ยวอีกหนึ่งสถานที่ที่พบว่า เป็นเกาะแห่งมนต์เสน่ห์ที่    อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ  เกาะที่ขึ้นชื่อว่าใหญ่ที่สุดในทะเลตรัง แหล่งชมนกทะเลหายาก มากด้วยหญ้าทะเลอันเป็นแหล่งอาหารของพะยูนฝูงใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ยิ่งไปกว่านั้น บนเกาะและรอบเกาะยังมีความหลากหลายของระบบนิเวศ มีพื้นที่ป่าดิบชื้น น้ำตก ชายหาด ป่าชายเลน ฯลฯ เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวเน้นธรรมชาติที่ลดการปล่อยคาร์บอน 

โดยหากคิดถึงเกาะลิบง จุดเช็กอินที่นักท่องเที่ยวต้องไปสัมผัสด้วยตา เช่น หอชมพะยูน, สะพานหิน,   หาดหญ้าคา, สันหลังมังกร, ปืนเขาบาตูดูพะยูน, สำรวจร่องรอยประวัติศาสตร์ที่ถ้ำชาวเล, อุโมงค์ป่ายาง ซึ่งนอกจากสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เกาะลิบงยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสน่ห์ทางวัฒนธรรมจากชุมชน  ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมพื้นถิ่น รสชาติท้องถิ่นกับเมนูข้าวยำ ที่สำคัญยังได้สนับสนุนการสร้างงานสร้างอาชีพภายในชุมชนอีกด้วย เพราะเกาะลิบงเป็นพื้นที่พัฒนาชุมชนแบบองค์รวมภายใต้โครงการ  “ลิบงสุขใจ ออมสินพัฒนา” งานด้านการพัฒนาสังคม ชุมชน และส่งเสริมการออม ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ภารกิจหลักของธนาคารออมสิน ในการเดินหน้าบทบาทการเป็นธนาคารเพื่อสังคม โดยมีเป้าหมายการพัฒนาเกาะลิบงครอบคลุมทุกมิติ รวมถึงการส่งเสริมอาชีพ/สร้างรายได้ และการท่องเที่ยวให้กับชุมชนด้วย เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สามารถพึงพาตัวเองได้อย่างยั่งยืน จึงอยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมสัมผัสการท่องเที่ยววิถีใหม่      ที่ไม่ใช่เพียงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น และสร้างโอกาสทางอาชีพให้แก่คนในชุมชน พร้อมส่งเสริม           การกระจายรายได้จากเมืองหลักสู่พื้นที่ชนบท แต่เป็นการค้นหาความหมายของเกาะแห่งมนต์เสน่ห์ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และวิถีชุมชน เที่ยวที่นี่ต้องใช้หัวใจ ไม่ใช่แค่สายตา แล้วจะได้ประสบการณ์ที่ลึกและมีความหมายยิ่งขึ้น ในรูปแบบ“Meaningful Travel” ลิบง เที่ยวด้วยใจ ให้มากกว่าที่ตาเห็น 






สามารถดูรายละเอียดได้ทาง : https://ebookservicepro.com/showcase/2025/Libong/

พม.โดย สค. มอบรางวัลผู้โชคดี ร่วมกิจกรรมล้วงไข่ไดโนเสาร์ ณ บูธกระทรวง พม. ภายในงานกาชาดประจำปี 2568


วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2568 ระหว่างเวลา 15.00 - 19:00 น. นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) พร้อมด้วย นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เยี่ยมชมร้านกาชาดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมี นางจตุพร โรจนพานิช อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วย นางพรนิภา มาสิลีรังสี และนางสุดา สุหลง รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและครอบครัว นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ร่วมออกร้านกาชาด ประจำปี 2568 ณ บูธกาชาดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในโอกาสนี้ คณะผู้บริหารกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ได้มอบของรางวัลแก่ผู้โชคดีที่เข้าร่วมกิจกรรมเกม “ล้วงไข่ไดโนเสาร์” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก สร้างบรรยากาศแห่งความสุข ความสนุกสนาน และการมีส่วนร่วมภายในบูธ








สำหรับงานกาชาด ประจำปี 2568 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 21 ธันวาคม พ.ศ. 2568 ตั้งเเต่เวลา 11.00–22.00 น. ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร โดยบูธกาชาดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้งอยู่ใน Zone 3 ส่วนราชการ (บูธ 3.11) ใกล้ประตู 1 ถนนวิทยุ

#ข่าวพม #พม
#กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
#พมใกล้คุณ
#สังคมไทยไร้รุนแรง#หยุดคุกคามทางเพศ #ฝึกอาชีพฟรี #เลี้ยงเดี่ยวไม่เดียวดาย #แตกต่างอย่างเท่าเทียม #DWF #สค.

ติดตามข่าวสาร สค.ได้ที่ เว็บไซต์: https://www.dwf.go.th/

Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/sorkor026596776/

TikTok : https://www.tiktok.com/@dwf_tiktok?_t=8Zl3GRosGXq&_r=1

เพื่อนครอบครัว: http://www.xn--42ca5dfr6ac6azcd1c9c9f0e.com/

LINE Official : @linefamily

YouTube:


https://www.youtube.com/channel/UCXtsy6w-fx3fkESr-C6UaAA

16 ธันวาคม 2568

ข่าว 7HD เดินหน้าลุย “เลือกตั้ง 69 อนาคตประเทศไทย”

เกาะติด เจาะลึก พร้อมรณรงค์ หยุดขายเสียง จุดเปลี่ยนประเทศ  

ข่าวช่อง 7HD เดินหน้าเปิดแคมเปญข่าวการเมืองครั้งสำคัญ “เลือกตั้ง 69 อนาคตประเทศไทย” เกาะติดสถานการณ์เลือกตั้งทั่วไปปี 2569 อย่างเข้มข้น ครอบคลุมทุกมิติ ทุกพื้นที่ และทุกเสียงของประชาชน พร้อมตอกย้ำบทบาทสื่อมวลชนมืออาชีพ นำเสนอข้อมูลอย่างถูกต้อง เป็นธรรม และน่าเชื่อถือ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของประชาชน พร้อมร่วมรณรงค์สร้างจิตสำนึก “หยุดขายเสียง จุดเปลี่ยนประเทศ” อย่างต่อเนื่องรับการเลือกตั้งแบบจัดเต็ม ช่อง 7HD ตอกย้ำบทบาทสื่อมวลชนคุณภาพ ส่ง ข่าว 7HD รายงานข่าวและสกู๊ปพิเศษ

ด้านการเมืองแบบจัดเต็ม ภายใต้แนวคิดแคมเปญ เลือกตั้ง 69 อนาคตประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงก่อนยุบสภา ตลอดกระบวนการหาเสียง ไปจนถึงวันเลือกตั้งจริง โดยทีมข่าวมืออาชีพและทีมข่าวการเมือง รวมถึงเครือข่ายผู้สื่อข่าวทั่วประเทศ รายงานสถานการณ์ตรงจากทุกภูมิภาค สะท้อนภาพรวมการแข่งขันทางการเมือง นโยบายพรรคการเมือง บรรยากาศการเลือกตั้ง และประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างรอบด้าน ให้การเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัว เข้าใจง่าย และเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น


การนำเสนอข่าวจะกระจายอยู่ในทุกช่วงข่าวหลักของช่อง 7HD ตลอดทั้งสัปดาห์ อาทิ เช้านี้ที่หมอชิต, สนามข่าว 7 สี, ห้องข่าวภาคเที่ยง, ข่าวเย็นประเด็นร้อน, ประเด็นเด็ด 7 สี, สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์, เจาะประเด็นข่าว 7HD และข่าวเด็ด 7 สี พร้อมขยายการนำเสนอผ่านทุกแพลตฟอร์ม ทั้งหน้าจอโทรทัศน์และออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างทั่วถึง 

นอกจากนี้ ข่าว 7HD ยังผนึกกำลังนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขา ร่วมวิเคราะห์ เจาะลึก และแลกเปลี่ยนมุมมองทางการเมืองในทุกประเด็นสำคัญ ควบคู่กับการทำหน้าที่ของทีมผู้ประกาศข่าวและผู้สื่อข่าวการเมืองชั้นนำของช่อง 7HD นำโดย บัญชา แข็งขัน รองผู้จัดการฝ่ายข่าว และปฏิบัติหน้าที่แทนผู้จัดการฝ่ายข่าว พร้อมด้วยทีมข่าวมากประสบการณ์ อาทิ สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา, กฤษดา นวลมี, ศจี วงศ์อำไพ, เปรมสุดา สันติวัฒนา, เหมือนฝัน ประสานพานิช, ภานุรัจน์ ศนีบุตร, เกณฑ์สิทธิ์ กันธจันทร์, กมลาสน์ เอียดศรีชาย ทีมผู้สื่อข่าวการเมืองและทีมผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคทั่วประเทศ ร่วมสะท้อนมุมมองจากทุกพื้นที่อย่างรอบด้าน

แคมเปญ เลือกตั้ง 69 อนาคตประเทศไทย ยังอัดแน่นด้วยคอลัมน์และสกู๊ปพิเศษที่จะนำเสนอในช่วงข่าวต่าง ๆ ตลอดทั้งสัปดาห์ อาทิ คอลัมน์ เจาะสนามเลือกตั้ง, เจาะก่อนเกม, เจาะบิ๊กแมตช์, เจาะคีย์แมน วิเคราะห์เจาะลึกเกมการเมืองและบุคคลสำคัญ รวมถึงคอลัมน์ ไว้ใจได้กา(X), เป็นปากเป็นเสียง, รู้ก่อนเลือกตั้ง ให้ข้อมูลกับประชาชนอย่างรอบด้านในการเตรียมตัวเลือกตั้งนี้ เป็นต้น

 ขณะเดียวกัน ยังมี ละครคุณธรรม ที่เสนอเรื่องราวที่ประชาชนควรรู้ แนะนำสิทธิ หน้าที่ และการเตรียมตัวก่อนเข้าคูหาเลือกตั้ง โดยผู้ประกาศข่าวร่วมแสดง โดยจะออกอากาศช่วง 14 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์  ทางช่อง 7HD กด 35 

สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว เลือกตั้ง 69 ได้ทาง ช่อง 7HD ดูทีวีกด 35 สดออนไลน์ BUGABOO.TV  และช่องทางออนไลน์ Ch7HD NEWS (Facebook, IG, Tiktok) 

Ch7HD (Facebook, IG, TikTok, X และ YouTube) และ เว็บไซต์  www.ch7.com

Häfele x HAS design and research เตรียมโชว์ไอเดีย Thematic Pavilion ในงานสถาปนิก’69

นายศุภแมน มรรคา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ซ้ายสุด) ในฐานะผู้จัดงานสถาปนิก’69 ร่วมด้วยผู้บริหารจากบริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้แก่ มร.จอร์น แคลร์ (Mr. John Clare)  Regional Director South / South East Asia, Managing Director (ที่ 3 จากขวา) นางสาวเสาวนีย์ เสริมศุภกรวงศ์ Sales Director (ที่ 2 จากขวา) และนายพัลลภ คมน์อนันต์ General Manager – Marketing Management (ขวาสุด) พร้อมทีมสถาปนิก นำโดยนางสาวกุลธิดา ทรงกิตติภักดี และนายเจอร์รี่ หง (Jenchieh Hung) จาก Has design and research (ที่ 2 และ 3 จากซ้าย) ร่วมประชุมเพื่อนำเสนอแนวคิดและแบบก่อสร้าง Thematic Pavilion แบรนด์ Häfele หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของงานสถาปนิก’69 ซึ่งจัดโดยสมาคมสถาปนิกสยามฯ และทีทีเอฟ ซึ่งเป็นปีที่ 5 ที่งานสถาปนิกได้จัดประกวด Thematic Pavilion ขึ้น เพื่อสะท้อนความร่วมมือระหว่างผู้จัดแสดงสินค้าและสถาปนิกนักออกแบบ และเป็นเวทีให้นักออกแบบได้โชว์ไอเดียสร้างแลนด์มาร์คโดดเด่นภายในงาน

เตรียมพบกับไอเดียสุดสร้างสรรค์ได้ภายในงานสถาปนิก’69
ระหว่างวันที่ 28 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2569 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

15 ธันวาคม 2568

นวัตกรรมไทยสู่ระดับโลก OR Bag ยกระดับการผ่าตัดแบบส่องกล้อง

ที่คิดค้นโดยบุคลากรทางการแพทย์เครือรพ.พญาไท-เปาโล ร่วมกับไบโอคลาส

กรุงเทพฯ — เครือโรงพยาบาลพญาไท–เปาโล เดินหน้าผลักดันนวัตกรรมทางการแพทย์ของไทยสู่การใช้งานจริงอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการลงนามอนุญาตสิทธิ์การผลิตและจำหน่าย (Licensing) นวัตกรรม “ถุงรองรับชิ้นเนื้อสำหรับการผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้อง” (Laparoscopic Retrieval Bag Sterile VP: OR BAG) ร่วมกับ บริษัท ไบโอคลาส จำกัด เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการผ่าตัดผ่านกล้อง และขยายการเข้าถึงอุปกรณ์คุณภาพระดับสากลสู่โรงพยาบาลทั่วประเทศ


พิธีลงนามจัดขึ้น ณ โรงพยาบาลพญาไท 2 โดยมี นายอัฐ ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือโรงพยาบาลพญาไท–เปาโล และ นายภาสวร วรวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบโอคลาส จำกัด ร่วมลงนามความร่วมมือครั้งสำคัญ

Laparoscopic Retrieval Bag Sterile VP: OR BAG เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับการผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic Surgery) ออกแบบเพื่อรองรับและจัดเก็บชิ้นเนื้อที่ถูกนำออกจากร่างกาย อาทิ เนื้องอก ถุงน้ำดี ไส้ติ่ง รังไข่ นิ่ว หรือเนื้อเยื่ออื่น ๆ เพื่อช่วยให้การนำชิ้นเนื้อออกเป็นไปอย่างปลอดภัยและเป็นระบบ ลดโอกาสการปนเปื้อนและลดความเสี่ยงจากการกระจายของเซลล์ที่อาจเป็นอันตราย สนับสนุนการทำงานของทีมศัลยแพทย์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเสริมความมั่นใจให้ผู้ป่วยตลอดกระบวนการรักษา

ความร่วมมือครั้งนี้ยังสะท้อน “พลังของบุคลากรหน้างาน” ที่ต่อยอดสู่การสร้างนวัตกรรม โดย Laparoscopic Retrieval Bag Sterile VP: OR BAG ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงภายใต้แนวคิด คุณภาพและความปลอดภัยผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง พร้อมมาตรฐานการใช้งานที่สอดคล้องกับแนวทางสากล เพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้จริงในบริบทการผ่าตัดที่หลากหลาย

การอนุญาตสิทธิ์ดังกล่าวนับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยผลักดันผลงานของทีมแพทย์ไทยสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ เพิ่มโอกาสให้หน่วยบริการสุขภาพเข้าถึงอุปกรณ์คุณภาพ ลดการพึ่งพาการนำเข้า และเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ของประเทศในระยะยาว

เครือโรงพยาบาลพญาไท–เปาโล ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนระบบนิเวศนวัตกรรมด้านสุขภาพ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อพัฒนาเครื่องมือแพทย์และแนวทางการรักษาใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำพันธกิจในการยกระดับคุณภาพบริการทางการแพทย์ เสริมศักยภาพทีมบุคลากร และส่งมอบความปลอดภัยให้ผู้ป่วยอย่างไม่หยุดยั้ง

การประชุมวิชาการ 10th ABLS in AEC Symposium

เมื่อเร็วๆนี้ สมาคมแพทย์เลเซอร์ผิวหนังและชะลอวัยในอาเซียน (ABLS in AEC) จัดการประชุมวิชาการประจำปีครั้งที่ 10 เพื่ออัปเดตองค์ความรู้ด้านเลเซอร์ เวชศาสตร์ชะลอวัย และนรีเวชเพื่อความงาม โดยรวมผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศและระดับอาเซียนมาร่วมแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีล่าสุดและมาตรฐานความปลอดภัยในการรักษา

นายแพทย์สถาพร จินารัตน์   ผู้อำนวยการจัดงานกล่าวว่า  "การสัมนาครั้งนี้มุ่งเน้น 4 สาขาหลัก ได้แก่ หัตถการเลเซอร์ผิวหนัง, การชะลอวัย, นรีเวชเพื่อความงาม, และ การเพิ่มศักยภาพทางเพศ ผ่านหัวข้อบรรยายที่ครอบคลุมทั้งเทคโนโลยีปัจจุบัน งานวิจัยใหม่ และแนวทางการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ

ไฮไลต์เนื้อหาวิชาการ

-เลเซอร์ผิวหนัง (Laser Skin Procedures)

อัปเดตการเลือกใช้เลเซอร์ที่เหมาะกับผิวชาวเอเชีย การดูแล before/after treatment ลดความเสี่ยงการเกิดรอยดำ–รอยขาว พร้อมเทคนิคเปรียบเทียบระหว่าง fractional, ablative และ non-ablative รวมถึงการรักษารอยแผลเป็น คีลอยด์ รอยสิว และการกำจัดขนอย่างปลอดภัย

-เวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging Medicine)

เจาะลึกกลไกระดับเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับผิวเสื่อมวัย การใช้หัตถการกึ่งบุกรุก เช่น ร้อยไหม, Microneedling, RF, HIFU ตลอดจนความปลอดภัยของฟิลเลอร์และโบทูลินัมท็อกซิน นอกจากนี้ยังนำเสนอเทรนด์ใหม่ เช่น สเต็มเซลล์ เอ็กโซโซม และเปปไทด์

 -นรีเวชเพื่อความงาม (Aesthetic Gynecology)

ครอบคลุมการฟื้นฟูช่องคลอดด้วยเลเซอร์ CO₂, Er:YAG, RF และ HIFU การศัลยกรรมตกแต่งอวัยวะเพศ เทคนิคผ่าตัดและไม่ผ่าตัด การเลือกผู้ป่วย รวมถึงการแก้ปัญหาภาวะฝ่อและการกระชับอุ้งเชิงกรานแบบสหสาขา"




งานประชุม 10th ABLS in AEC Symposium ถือเป็นเวทีสำคัญสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ในการพัฒนาทักษะ อัปเดตนวัตกรรม และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการรักษาคนไข้ในยุคที่เทคโนโลยีการแพทย์ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

TSAG เปิดตัวสมาคมนรีเวชความงามแห่งแรกของไทย

TSAG เปิดตัวสมาคมนรีเวชความงามแห่งแรกของไทย นำ AI + Hyperspectrum ยกระดับการรักษาผู้หญิงสู่มาตรฐานสากล

นพ.สถาพร จินารัตน์ นายกสมาคม TSAG – Thai Society of Aesthetic Gynecology เปิดเผยว่า “TSAG
ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ด้าน Aesthetic Gynecology ของประเทศไทยและของโลก เรามุ่งเน้นข้อมูลที่ถูกต้อง เทคนิคที่ปลอดภัย และการใช้เทคโนโลยีใหม่อย่างมีมาตรฐาน เพื่อให้แพทย์ไทยสามารถให้การรักษาที่ดีที่สุดแก่ผู้หญิงทุกคน”



นอกจากนี้ยังกล่าวว่า “การนำ AI และ Hyperspectrum Technology มาประยุกต์ใช้ ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการนรีเวชความงาม เพราะช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาแม่นยำขึ้น และทำให้ผู้รับบริการเข้าใจผลลัพธ์ล่วงหน้าก่อนตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น”

TSAG: สมาคมนรีเวชความงามแห่งแรกของไทย
สมาคม TSAG เปิดตัวขึ้นเพื่อยกระดับการรักษาความงามทางนรีเวชของไทยสู่ระดับสากล โดยมองว่าการดูแล “Aesthetic Gyn” ไม่ใช่แค่การปรับรูปทรง แต่เป็นการดูแลผู้หญิงแบบองค์รวม ทั้งด้านความมั่นใจ สุขภาพทางเพศ ความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ และสุขภาพจิตโดยรวม





การก่อตั้งสมาคมเกิดจากปัญหาสำคัญ 3 ประการ ได้แก่

1. ประเทศไทยยังไม่มีศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านนี้

2. ประชาชนขาดข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้

3. ประเทศไทยยังขาดนวัตกรรมทางการแพทย์ที่โดดเด่นในสาขา Aesthetic Gynecology


ก้าวใหม่ของไทย: AI CONSULT + Hyperspectrum Imaging ไฮไลต์สำคัญของงานเปิดตัว คือ “AI Predictive Outcome” นวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้รับบริการเห็นผลลัพธ์ล่วงหน้าเสมือนจริง ผ่านเทคโนโลยีหลัก ได้แก่:

Hyperspectrum Imaging วิเคราะห์ความหนาของผิว การไหลเวียนเลือด และสภาพเนื้อเยื่อได้หลายช่วงสเปกตรัม ละเอียดกว่าตาเปล่า

AI Treatment Suggestion ประเมินตำแหน่ง–ปริมาณการฉีด เลือกเครื่องมือ Energy-based ที่เหมาะสม หรือแนะนำการผ่าตัดหากจำเป็น

Predictive Simulation จำลองผลลัพธ์หลังทำหัตถการ เช่น ฟิลเลอร์หรือผ่าตัด ตรงตามความต้องการผู้รับบริการมากขึ้น ลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยพัฒนาแอปพลิเคชัน AI สำหรับประชาชน

TSAG ยังพัฒนา Application AI สำหรับประชาชน เพื่อให้เข้าถึงการดูแลด้านนรีเวชความงามได้ง่ายขึ้น ประกอบด้วย

– AI Consult วิเคราะห์ปัญหาเบื้องต้น

– คำแนะนำที่ถูกต้องตามหลักการแพทย์

– ระบบจองคิวพบแพทย์เฉพาะทางทั่วประเทศ

– รองรับหลายภาษา ตอบโจทย์ Medical Tourism  Roadmap 2569–2571

2569: เปิดตัวแอป AI Consult V1 + เปิด Beta Hyperspectrum Imaging

2570: เชื่อมต่อโรงพยาบาลและคลินิกทั่วประเทศ พร้อมเปิดตัว AI V2

2571: ยกระดับเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการแพทย์ไทย และพัฒนา Medical Software
เชื่อมกับเครื่องมือ AG หลายชนิด TSAG มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลาง AG ของเอเชีย

การเปิดตัวสมาคม TSAG ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของประเทศไทย ในการพัฒนามาตรฐานการรักษาความงามทางนรีเวชและผลักดันให้ไทยก้าวเป็นศูนย์กลาง Medical Hub ด้าน Aesthetic Gynecology ของภูมิภาคเอเชียและในระดับสากล