02 ธันวาคม 2568

“คิปโชเก้”ร่วมกิจกรรมไนกี้ย้ำวิ่งให้สนุกแล้วความสำเร็จจะตามมา

กรุงเทพฯ: ๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ความเคลื่อนไหวของ เอเลียด คิปโชเก้ ตำนานนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยา เจ้าของ ๒ เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ แชมป์ ๑๑ เมเจอร์ ได้ร่วมทำกิจกรรม “ไนกี้ รีคัฟเวอรี่ รัน” (Nike Recovery Run With Kipchoge) ที่สวนสาธารณะ 100 ปีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อฟื้นฟูร่างกายหลังได้ร่วมลงวิ่งระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม. ในมหกรรมการแข่งขันวิ่งมาราธอนระดับโลก “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘” ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ที่ผ่านมา

สำหรับกิจกรรม “ไนกี้ รีคอฟเวอรี่ รัน” ครั้งนี้เปิดโอกาสให้แฟนคลับที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมกับ ไนกี้ และนักวิ่งสมาชิกของไนกี้และพัทธมิตรธุรกิจเข้าร่วมพบปะพูดคุยกับ เอเลียด คิปโชเก้ แบบใกล้ชิดและเป็นกันเอง
ทั้งนี้ เอเลียด คิปโชเก้ ยังได้แนะนำเทคนิคในการวิ่งมาราธอนให้ประสบความสำเร็จว่า “นอกจากการเตรียมร่างกายให้พร้อม ฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอแล้ว เมื่อเจอข้อผิดพลาดจาการวิ่ง อย่าเสียใจ ให้นับมาปรับปรุงแก้ไจ เราต้องสนุกกับการวิ่งและมีความสุขในทุกๆ ครั้งด้วย” เมื่อแฟนคลับนักวิ่งถามว่าอะไรคือสิ่งที่ชอบเป็นที่สองรองจากการวิ่ง และจากความสำเร็จที่ผ่านมาทำอย่างไรเขาถึงเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ เขาตอบว่า “สำหรับผมๆ ให้ความสำคัญกับความสุขที่ได้วิ่งเข้าเส้นชัย และสิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จคือการใช้ชีวิตให้อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับวันนี้ ไม่ใช่อยู่กับเมื่อวาน ถึงมีเงินคุณก็ไม่สามารถซื้ออดีตกลับมาได้ อย่ากังวัลหรือเสียใจกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และผมได้ข้อคิดเพิ่มจากการได้เจอ บัวขาว นักมวยไทยที่แม้มีชื่อเสียงโด่งดังก็ยังใช้ชีวิตแบบมีความสุขเช่นคนทั่วไป”
สำหรับการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวง (World Capital Marathon Series) ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘ รายการ AMAZING THAILAND MARATHON BANGKOK 2025 Presented by TOYOTA วัตถุประสงค์เพื่อผลักดันและยกระดับให้เป็น ๑ ใน ๑๐ รายการวิ่งมาราธอนระดับโลกซึ่งจัดขึ้นในเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นเจ้าภาพร่วมกับกรุงเทพมหานคร, สมาคมกรีฑาโลก และไทยแลนด์ไตรลีก (ในฐานะคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันฯ)



วัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อผลักดันและยกระดับให้เป็น ๑ ใน ๑๐ รายการวิ่งมาราธอนระดับโลกซึ่งจัดขึ้นในเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของสมาคมกรีฑาโลก (THE OFFICIAL WORLD CAPITAL MARATHON SERIES) เทียบเท่ามาราธอนระดับเมเจอร์โลก เพื่อส่งเสริมให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงด้านการท่องเที่ยวและกีฬา (SPORTS TOURISM CAPITAL CITY) และมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ จำนวน ๔๘,๐๐ คน ผู้ร่วมเดินทาง เจ้าหน้าที่ และประชาชน จำนวนไม่น้อยกว่า ๘๐,๐๐๐ คน ก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจท่องเที่ยวของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่น้อยกว่า ๑,๔๐๐ ล้านบาท

ทีเส็บ เปิดตัวแคมเปญ “ไมซ์อวดดิ๊ … ไมซ์ไทย ภูมิใจที่ได้อวด”


ทีเส็บ เปิดตัวแคมเปญ “ไมซ์อวดดิ๊ … ไมซ์ไทย ภูมิใจที่ได้อวด” ชวนชาวไมซ์โชว์ศักยภาพไปกับแพลตฟอร์มเรื่องราวดี ๆ “ไมซ์มงคล” ยกระดับห่วงโซ่ไมซ์ไทยโชว์โลก

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดตัว Digital Showcase Campaign “ไมซ์อวดดิ๊ … ไมซ์ไทย ภูมิใจที่ได้อวด” ดึงชาวไมซ์ร่วมแบ่งปันเรื่องราวหรือผลงานไมซ์แห่งความภาคภูมิใจใน 3 มิติ “งาน เมือง คน” ผ่านกิจกรรมออนไลน์ที่สนุก แชร์ง่าย และสร้างภาพจำ นำไปสู่การสร้าง Country Storytelling รูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์นักเดินทางรุ่นใหม่มากขึ้น โดยมีแพลตฟอร์ม “ไมซ์มงคล” หนึ่งในโปรดักต์สำคัญของทีเส็บที่ชวนคนไมซ์มาสร้างสรรค์เรื่องราวดี ๆ ครบทั้ง Ecosystem ตอกย้ำการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลที่แข็งแรงปั้นดาวรุ่งไมซ์ ส่งต่อ สร้างแรงบันดาลใจ ขับเคลื่อนพลังสร้างสรรค์อุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้มีฐานต่อยอดสู่ระดับโลก




ดร. ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า “ประเทศไทยมีความพร้อมด้านไมซ์ที่โดดเด่นใน 3 มิติ ได้แก่ Business, Destination และ People ทั้ง 3 มิติยังมีศักยภาพสำหรับพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมไมซ์ไทย และหนึ่งในแนวทางขับเคลื่อนศักยภาพดังกล่าว คือ การส่งต่อพลังระหว่างชาวไมซ์ ด้วยการเปิดพื้นที่ให้ชาวไมซ์ได้ “อวดเรื่องไมซ์ดี ๆ ของตัวเอง” ผ่านกิจกรรมออนไลน์ นอกจากนี้ ทีเส็บยังปั้นแพลตฟอร์มดิจิทัล “ไมซ์มงคล” ช่องทางยกระดับ ecosystem ไมซ์ไทยด้วยกิจกรรม 3 แกนหลัก “งานรุ่ง ธุรกิจปัง และมิตรมั่งมี” สนับสนุนคนรุ่นใหม่เข้าสู่ภาคธุรกิจไมซ์ สร้างแพลตฟอร์มคนหางาน งานหาคน สร้างศูนย์รวมงานอีเวนต์ภาครัฐ และชวนมืออาชีพมาแลกเปลี่ยนเพื่อต่อยอดธุรกิจให้ปัง


แคมเปญ “ไมซ์อวดดิ๊…ไมซ์ไทย ภูมิใจที่ได้อวด” เน้นการถ่ายทอดเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วทั้งอุตสาหกรรมไมซ์ โดยมีแพลตฟอร์ม “ไมซ์มงคล” เป็นช่องทางสร้างเรื่องราวดี ๆ ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมไมซ์ได้นำเรื่องราวดี ๆ ไปต่อยอดแบ่งปันบอกเล่าให้คนทั้งในและต่างประเทศได้รับรู้ถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมไมซ์ไทย ซึ่งประกอบด้วย 3 แพลตฟอร์มย่อย ได้แก่

งานรุ่ง : คนหาไมซ์ (แพลตฟอร์มจ้างงานฟรีแลนซ์สายไมซ์ โดยเป็นการร่วมมือกับ FASTWORK)

ธุรกิจปัง : ไมซ์หาคน (รวบรวมงานไมซ์ภาครัฐ เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงโอกาสของการได้งาน)

มิตรมั่งมี : วงแชร์ไมซ์ (พื้นที่รวมประสบการณ์และแบ่งปันมุมมองเชิงลึกของอุตสาหกรรมแบบมืออาชีพ)

นายซีเค เจิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Fastwork.co แพลตฟอร์มฟรีแลนซ์ เปิดเผยถึงการเสริมโอกาสให้กับผู้ประกอบการและฟรีแลนซ์ไทยว่า “Fastwork จับมือกับทีเส็บ เปิดตัว Category ใหม่ FastExpo ภายใต้ “ไมซ์มงคล” จุดประสงค์คือการทำให้คนที่จัดงาน จัดอีเวนต์ และสัมมนา สามารถเข้าถึงบริการที่สะดวก และรวดเร็วขึ้นด้วยราคาที่สมเหตุสมผล การขยายโอกาสฟรีแลนซ์ในอุตสาหกรรมไมซ์เช่นนี้ จะยิ่งช่วยสนับสนุนให้ไมซ์และอีเวนต์ไทยใช้คนในท้องถิ่น เพิ่มโอกาสการจ้างงาน กระจายรายได้ และสร้างระบบนิเวศฟรีแลนซ์ที่เข้มแข็งขึ้น”

ในด้านการสร้างความแข็งแกร่งของชุมชนไมซ์ไทย ดร. โชคชัย เอี่ยมฤทธิไกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทโร ดิจิทัล จำกัด ได้ย้ำถึงความสำคัญของพลังชุมชนว่า “Community Driven, made the sustain growth เราจะเติบโตอย่างเข้มแข็ง หากกลุ่มชุมชนเราแข็งแรง ในฐานะเป็นพลเมืองเล็ก ๆ ในสังคมการจัดคอนเสิร์ต การจัดงาน ขอขอบคุณทางทีเส็บที่สร้างไอเดียพร้อมสร้างจุดเริ่มต้นให้เกิดชุมชนของคนสร้างงานไมซ์ในประเทศไทย เป็นที่สร้างโปรไฟล์ของมืออาชีพ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เราจะช่วยกันให้โอกาส และส่งต่อให้อุตสาหกรรม Meetings, Incentives, Conventions, Events และ Exhibitions เป็นพื้นที่อวดของดี ให้งานไมซ์ในแคมเปญ ไมซ์อวดดิ๊ … ไมซ์ไทย ภูมิใจที่ได้อวด”

ดร. จารุวรรณ สุวรรณศาสน์ ผู้ทรงคุณวุฒิของทีเส็บให้รายละเอียดในการเปิดตัวแคมเปญ “ไมซ์อวดดิ๊ … ไมซ์ไทย ภูมิใจที่ได้อวด” ว่า “การเสวนา ไมซ์มงคล ที่รวบรวมพันธมิตรไมซ์ ประกอบด้วย นายช้างน้อย กุญชร ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลาวด์แอนด์กราวนด์ จำกัด นายประสาน อิงคนันท์ ผู้ก่อตั้งเพจมนุษย์ต่างวัย และ นายสานิท การุณยวนิช ที่ปรึกษาอาวุโส ประจำประเทศไทย บริษัท DMG Events จำกัด เป็นช่องทางหามิตรเพื่อต่อยอดธุรกิจไมซ์และจะเป็นเวทีที่ทีเส็บจะจัดขึ้นตลอดทั้งปี เพื่อสรรหาเรื่องราวดี ๆ ให้ชาวไมซ์ได้แลกเปลี่ยนและแสดงศักยภาพ”

“ทีเส็บเชื่อมั่นว่าแคมเปญ ‘ไมซ์อวดดิ๊ … ไมซ์ไทย ภูมิใจที่ได้อวด’ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นไมซ์ฮับระดับภูมิภาคและระดับโลกในอนาคต ช่วยยกระดับการรับรู้ของสังคมต่อบทบาทและพลังของอุตสาหกรรมไมซ์ไทย เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และเสริมความภาคภูมิใจของคนในอุตสาหกรรมไมซ์บนฐานข้อมูลและแพลตฟอร์มดิจิทัลที่แข็งแรงของ ‘ไมซ์มงคล’ ซึ่งเป็นศูนย์กลางข้อมูล เครือข่าย และโอกาสทางธุรกิจสำหรับทุกคนในอุตสาหกรรมไมซ์ ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://micemongkol.tceb.or.th/” ดร. ศุภวรรณ กล่าวปิดท้าย

TQMalpha คว้า 3 รางวัล งาน SET Awards 2025

บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) หรือ TQMalpha คว้า 3 รางวัลสำคัญจากเวที SET Awards 2025 ในกลุ่ม Business Excellence สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 10,000 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ได้แก่ รางวัล Best Company Performance Awards, รางวัล Outstanding Company Performance Awards และรางวัล Outstanding CEO Awards ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร เพื่อเชิดชูองค์กรที่มีผลประกอบการโดดเด่น การบริหารจัดการเป็นเลิศ และผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์โดดเด่น

ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า รางวัลทั้ง 3 รางวัล เป็นความภาคภูมิใจของ TQMalpha และสะท้อนความมุ่งมั่นขององค์กรในการพัฒนามาตรฐานการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาคุณภาพบริการ และการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น พร้อมเดินหน้าพัฒนาองค์กร ให้มีความคล่องตัว ทันต่อความเปลี่ยนแปลง และรักษาความแข็งแกร่งในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ท้าทาย ความสำเร็จ ครั้งนี้จึงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้บุคลากรทุกคนก้าวไปสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน

SRTA จับมือ UNISUS เดินหน้าศึกษาพัฒนา Central Utility Plant

พลิกโฉมบางซื่อสู่ “เมืองอัจฉริยะต้นแบบ” บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่


บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) และบริษัท ยูนิซัส กรีน เอ็นเนอร์จี จำกัด (UNISUS) ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อร่วมศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคส่วนกลาง (Central Utility Plant: CUP) ในพื้นที่บางซื่อ ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และถือเป็นศูนย์กลางการเดินทางของกรุงเทพฯ ในอนาคต

การลงนามครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา “เมืองอัจฉริยะบางซื่อ (Bang Sue Smart City)” โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันศึกษาแนวทางการพัฒนา CUP จำนวน 3 แห่ง ตามแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพื้นที่บริเวณบางซื่อของ SRTA ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อเมืองอัจฉริยะยุคใหม่ ทั้งระบบผลิตความเย็นแบบรวมศูนย์ (District Cooling Plant) ระบบกักเก็บพลังงานความเย็น (TES) ระบบน้ำ ระบบบำบัดน้ำเสียและผลิตน้ำรีไซเคิล ระบบไฟฟ้าและพลังงานสะอาด ระบบจัดการขยะ ระบบป้องกันอัคคีภัย ระบบเตือนภัยพิบัติ รวมถึงศูนย์จัดการพลังงานอัจฉริยะ (SEMC)


นายกษพล บวรศรีการ รองกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เปิดเผยว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการลงนาม แต่เป็นการจับมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างรัฐวิสาหกิจกับภาคเอกชนชั้นนำ เพื่อผลักดันพื้นที่บางซื่อซึ่งเป็นเมกะโปรเจ็กต์ขนาด 1,200 ไร่ ให้เติบโตเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการเดินทางของประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ โดยต่อจากนี้ทั้งสององค์กรจะลงพื้นที่เพื่อศึกษาร่วมกันและผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะบางซื่อของ SRTA”
นายกมล ตันพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูนิซัส กรีน เอ็นเนอร์จี จำกัด กล่าวว่า “UNISUS ภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ SRTA ในการวางรากฐานระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางรูปแบบใหม่ เรามีประสบการณ์ด้านการออกแบบ พัฒนา และบริหารจัดการ CUP ในโครงการขนาดใหญ่หลายแห่ง ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อยกระดับประสิทธิภาพพลังงานของโครงการ โดยการนำระบบ District Cooling Plant และพลังงานสะอาดเข้ามาใช้ จะเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันบางซื่อให้กลายเป็น Low-Carbon District ที่โดดเด่นของประเทศไทย”

ความร่วมมือของ SRTA และ UNISUS ครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้เกิดรูปแบบการลงทุนใหม่ ๆ เช่น การร่วมลงทุน (Joint Venture) ที่ SRTA สามารถนำมูลค่าที่ดินมาร่วมเป็นทุน เพื่อวางระบบสาธารณูปโภคที่มีความคุ้มค่าและรองรับการใช้งานระยะยาว มุ่งสร้างพื้นที่บางซื่อให้เป็น Community คุณภาพ ที่อยู่อาศัยและทำงานอย่างสะดวก ปลอดภัย และประหยัดพลังงาน สร้างประโยชน์ให้ทั้งนักลงทุน ผู้ประกอบการ และประชาชน ด้วยศักยภาพของทั้งสององค์กร ความร่วมมือครั้งนี้จึงนับเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการสำคัญของพื้นที่บางซื่อ ที่กำลังจะก้าวสู่การเป็น “Smart City แห่งใหม่ของประเทศไทย”

#SRTASSET #SRTA #UNISUS #MOU #การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคส่วนกลาง

“บีไชน์ เนเจอร์ซี สูตรใหม่” ภูมิคุ้มกันดี ผิวสวยสดใส!

พิเศษรับลมหนาว แบบซอง เพียง 39 บาท ที่เซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขา!  ลมหนาวมาเยือน...อย่าปล่อยให้สุขภาพอ่อนแอ! ช่วงนี้เป็นเวลาที่ร่างกายต้องการการดูแลเป็นพิเศษ วิตามินซีไม่เพียงแต่ช่วย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด แต่ยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแล ผิวพรรณให้สวยสดใส ไม่หมองคล้ำแม้ต้องเผชิญกับสภาพอากาศแห้งและเย็น

โปรโมชั่นพิเศษ รับลมหนาว บริษัท บีไชน์ นูทริชั่น พลัส จำกัด จัดโปรโมชั่นต้อนรับลมหนาวด้วย “บีไชน์ เนเจอร์ซี สูตรใหม่” วิตามินซีธรรมชาติ 100% แบบซองพกพาสะดวก ขนาด 6 เม็ด ราคาพิเศษ เพื่อช่วยดูแลทุกคนให้สุขภาพดีและแข็งแรง เพียงซองละ 39 บาท (จากปกติ 49 บาท) และพิเศษยิ่งขึ้นสำหรับสมาชิก ALL member รับส่วนลดเพิ่มอีก 1 บาท ซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ - 3 มกราคม 2569 ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขาทั่วประเทศ

2 คุณประโยชน์ครบถ้วน: สุขภาพแข็งแรงและผิวสวยกระจ่างใส
“บีไชน์ เนเจอร์ซี สูตรใหม่” (B Shine NaturC) วิตามินซีจากธรรมชาติ 100% โดดเด่นด้วยอะเซโรลา เชอร์รี่สกัดมากถึง 1000 มก.ต่อเม็ด มาจากผลสด 4000 มก. เข้มข้น 4 เท่า และที่พิเศษกว่าเดิมคือการ เพิ่มปริมาณสารสกัดจากทับทิมมากถึง 70 มก. ซึ่งสารสกัดจากทับทิมนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ที่ช่วยเรื่อง ปกป้องผิวจากแสงแดด ลดความหมองคล้ำ และทำให้ผิวสว่างใส เนียนนุ่มชุ่มชื้น

ดังนั้น สูตรใหม่นี้จึงมอบ 2 คุณประโยชน์แบบครบถ้วน ทั้งการ เสริมภูมิคุ้มกันป้องหวัด/ภูมิแพ้ และช่วยให้ ผิวสวยสดใสสุขภาพดี ยิ่งขึ้น บีไชน์ เนเจอร์ซี สูตรใหม่ ยังมีสารสกัดที่มีประโยชน์จากผลไม้และผักหลากชนิด ที่อุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนท์และสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง เช่น ซิตรัสไบโอฟลาโวนอยด์ 100 มก., เบอร์รี่มิกซ์ 120 มก., สารสกัดจากเมล็ดลิ้นจี่ และแคโรทีนอยด์ ทานง่าย ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร


ด้วยความเป็นวิตามินซีธรรมชาติ 100% ทำให้ร่างกายสามารถ ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี และคงอยู่ในร่างกายได้นาน ทั้งยังมีซิตรัสไบโอฟลาโวนอยด์ในปริมาณสูงที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมให้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร และไม่มีสารตกค้างในร่างกาย เพียงรับประทานวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร มื้อเช้าหรือเย็น เหมาะสำหรับทั้งวัยหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ

สามารถติดตามข่าวสารโปรโมชั่นและดูข้อมูลเพิ่มเติมของ
“บีไชน์ เนเจอร์ซี สูตรใหม่” ได้ที่ www.bshine.co.th, FB : B Shine และ Line : @Bshine

โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ เปิดเทศกาลแห่งความสุขกับพิธีเปิดไฟต้นคริสต์มาสประจำปี 2568

เฉลิมฉลองปีแห่งความสำเร็จ รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย, One MICHELIN Key 2025 และการเป็นพันธมิตรกับ Small Luxury Hotels of the World

โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ จัดงาน พิธีเปิดไฟต้นคริสต์มาสประจำปี ท่ามกลางบรรยากาศสุดอบอุ่น ณ โถงล็อบบี้สุดหรู โดยมีแขกผู้บริหารระดับสูง เจ้าของกิจการ และพันธมิตรสำคัญของโรงแรมเข้าร่วมอย่างคับคั่ง นำโดย คุณนิจพร จรณะจิตต์ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทอิตัลไทย และ คุณวลัยทิพย์ พิริยะวรสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ และกรรมการบริษัท กลุ่มบริษัทอิตัลไทย พร้อมด้วยผู้บริหารจากออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ได้แก่ คุณสรัญญา วัฒนศิริสุข รองประธานอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคลองค์กร และ คุณพรทิพย์ เป้าทอง รองประธานกรรมการแผนกการตลาด คุณจีไฮ คิม รองประธานฝ่ายขาย โดยมี คุณเดนนิส ชอง ผู้จัดการทั่วไปเขต โรงแรมชามา เลควิว อโศก และ คุณยูวิน เทย์เลอร์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ เข้าร่วมเป็นเกียรติ พร้อมด้วยคณะกรรมการเจ้าของร่วม ได้แก่ คุณซัจจาด ราห์มาน และ คุณโธมัส โบอาดิงเจอร์ รวมถึงแขกรับเชิญพิเศษ คุณอภิสรา ธาดาดลทิพย์ (Miss Thailand International 2024) และ คุณปทิตตา สุนทวิจฉ์ (Miss Charm Thailand 2023) ที่มาร่วมสร้างบรรยากาศสุดอบอุ่นให้ค่ำคืนนี้



ปีนี้โรงแรมได้รับความสำเร็จสำคัญรวม 3 ด้าน ได้แก่
• การคงไว้ซึ่งรางวัล One MICHELIN Key 2025
• รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 15 สาขาความเป็นเลิศด้านโรงแรมหรูหรา
• การเป็นพันธมิตรกับ Small Luxury Hotels of the World (SLH) อย่างต่อเนื่อง
ในงานนี้ คุณ ยูวิน เทย์เลอร์ ผู้จัดการทั่วไป ได้กล่าวอวยพรช่วงเทศกาลว่า:
“เทศกาลคริสต์มาสเตือนให้เรานึกถึงความเมตตา น้ำใจ และความสุขที่เกิดจากการแบ่งปัน แม้ปีนี้จะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เราก็ยังร่วมกันสร้างความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการคงรางวัล Michelin Key อันทรงเกียรติ การคว้ารางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หรือและได้รับเกียรติให้เป็นสมาชิก Small Luxury Hotels of the World (SLH)
สำหรับต้นคริสต์มาสปีนี้ เราเลือกใช้ ‘ต้นสนฉัตรของไทย’ ซึ่งเป็นต้นไม้ท้องถิ่นและเป็นต้นจริงที่สามารถนำไปปลูกต่อได้หลังจบเทศกาล สะท้อนถึงความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของโรงแรม และสื่อถึงความหวัง การเติบโต และการเริ่มต้นใหม่ความสำเร็จและโครงการดี ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นจากการสนับสนุนของทุกท่าน ขอให้ต้นคริสต์มาสนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความอบอุ่นและความหวัง ขอให้ทุกท่านมีความสุขในเทศกาลนี้และปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงครับ”
ภายในงานยังมีโซน CSR ของโรงแรม นำเสนอผลิตภัณฑ์พิเศษ ได้แก่ ผ้าพันคอลายลิมิเต็ดของโรงแรม , การ์ดโฮลเดอร์, และ ตุ๊กตา Oriental Bear โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะนำเข้ากองทุน CSR ของโรงแรม เพื่อสนับสนุนโครงการเพื่อสังคมและการพัฒนาชุมชน
โรงแรมขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ พันธมิตร และผู้สนับสนุนทุกท่านตลอดปีที่ผ่านมา และตั้งตารอที่จะได้ต้อนรับทุกท่านในปีใหม่ พุทธศักราช 2569 ที่จะถึงนี้
เกี่ยวกับโรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพ
โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพ ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ อันเป็นทำเลที่มีชื่อเสียง โดดเด่นด้วยบรรยากาศหรูหราสง่างามในสไตล์ร่วมสมัยผสานเอกลักษณ์ความเป็นไทย โรงแรมให้บริการห้องสวีทกว้างขวางพร้อมครัวครบครัน ห้องอาหาร Café Claire ที่นำเสนอความอร่อยในบรรยากาศบิสโทรฝรั่งเศส และ Oriental Bar ที่อบอุ่นเป็นกันเอง ในฐานะสมาชิกของ Small Luxury Hotels of the World และผู้ได้รับรางวัล MICHELIN Key 2024 โรงแรมมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์อันล้ำค่าและน่าประทับใจให้แก่ผู้เข้าพักทุกท่าน

01 ธันวาคม 2568

รพ.ซีจีเอช พหลโยธิน เดินหน้ารณรงค์วันเอดส์โลก ให้ความรู้–แจกชุดตรวจ HIV ฟรี

โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ร่วมกับ สำนักงานเขตบางเขน และ ศูนย์บริการสาธารณสุข 24 บางเขน จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องใน “วันเอดส์โลก” (World AIDS Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ให้กับประชาชนในพื้นที่เขตบางเขน พร้อมผลักดันให้ชุมชนเข้าถึงบริการตรวจคัดกรอง HIV อย่างทั่วถึง




วันเอดส์โลกถือเป็นวันสำคัญระดับสากลที่ทั่วโลกให้ความสำคัญในการร่วมกันหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อ HIV ผ่านการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง การป้องกันอย่างเหมาะสม และการตรวจคัดกรองเชิงรุก ซึ่งโรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ได้ให้ความสำคัญในการผลักดันนโยบายด้านสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายหลักคือ การลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ และสร้างสังคมที่ปลอดการตีตราผู้ติดเชื้อ

กิจกรรมครั้งนี้มีการ ลงพื้นที่ 5 จุดสำคัญในเขตบางเขน โดยทีมสาธารณสุขได้ให้ความรู้ด้านการป้องกัน HIV วิธีการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง การตรวจด้วยตนเอง รวมถึงให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดูแลตนเองและคนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพหนึ่งในกิจกรรมหลักคือการเปิดให้ประชาชน ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนเพื่อรับ “ชุดตรวจ HIV ด้วยตนเอง” ฟรี ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนสามารถตรวจคัดกรองเบื้องต้นได้ง่ายขึ้นที่บ้าน สร้างความเป็นส่วนตัว ลดความกังวล และช่วยให้ทราบผลได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ทาง สำนักงานเขตบางเขน ยังได้ร่วมจัดกิจกรรม แจกถุงยางอนามัย เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมทางเพศอย่างปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงเป็นการสร้างความเข้าใจใหม่ว่าการป้องกันเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรตระหนัก






กำหนดการลงพื้นที่รณรงค์ วันเอดส์โลก 

✔ วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2568

📍 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

✔ วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2568

📍 ตลาดนัดป้ากิ่ง

✔ วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน 2568

📍 หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก

✔ วันที่ 1 ธันวาคม – วันเอดส์โลก 2568

📍 ตลาดเทพรักษ์มาร์เก็ตเพลส

เป้าหมายและความสำคัญของกิจกรรม

ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

เพิ่มการเข้าถึงชุดตรวจ HIV ในชุมชน

ลดอัตราการติดเชื้อรายใหม่ในเขตบางเขน

สร้างสังคมที่ไม่ตีตราผู้ติดเชื้อ และเปิดกว้างในการเข้ารับการตรวจ

กระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจคัดกรองล่วงหน้า

กิจกรรมวันเอดส์โลกปีนี้สะท้อนถึงความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่าง โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน และ สำนักงานเขตบางเขน ในการขับเคลื่อนสุขภาพชุมชนอย่างยั่งยืน พร้อมผลักดันให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม

รฟฟท. ดำเนินมาตรการ “บัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน” สูงสุด ไม่เกิน 40 บาท ตามนโยบายรัฐบาล เริ่ม 1 ธ.ค. 68


บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ดำเนินมาตรการ “บัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน” สูงสุด ไม่เกิน 40 บาท ลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน ตามนโยบายรัฐบาล เริ่ม 1 ธ.ค. 68

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า รฟฟท. พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน ”ดำเนินมาตรการ “บัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน” สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง ทั้ง 2 เส้นทาง ได้แก่ สายธานีรัถยา ช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – สถานีรังสิต และสายนครวิถี ช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – สถานีตลิ่งชัน ร่วมกับ รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) โดยเตรียมจัดเก็บค่าโดยสารสูงสุด 40 บาท/วัน สำหรับประเภทบุคคลทั่วไป(Adult) และจัดเก็บค่าโดยสารสูงสุด 30 บาท/วัน สำหรับประเภทนักเรียน/นักศึกษา(Student) ซึ่งใช้บัตร MANGMOOM EMV บัตร EMV Contactless (บัตรเครดิต บัตรเดบิต) หรือ บัตร MRT EMV สำหรับเดินทางได้ทุกวัน ตั้งแต่เปิดให้บริการจนถึงปิดให้บริการ(05.00 - 24.00 น.) ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะเริ่มใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 ธันวาคม 2568 - 30 พฤศจิกายน 2569 หากผู้ใช้บริการมีการเดินทางในอัตราค่าโดยสารรวมทั้งวันต่ำกว่าอัตราเหมาจ่ายรายวัน จะจัดเก็บค่าโดยสารตามจริง และสำหรับกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ เด็ก รวมถึงกลุ่มผู้ใช้สิทธิ์สวัสดิการแห่งรัฐ ยังคงได้รับส่วนลด หรือยกเว้นค่าโดยสารตามสิทธิประโยชน์เช่นเดิม

ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการดังกล่าว เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งเห็นชอบแนวทางการดำเนินนโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่ง รฟฟท. พร้อมขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวอย่างเต็มความสามารถ เพื่อจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในปัจจุบัน รวมถึงสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้บริการสาธารณะมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ใช้บริการทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงด้วยดีเสมอมา และเราขอสัญญาว่าจะไม่หยุดพัฒนา เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกการเดินทาง รวมถึงยังคงมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรสู่การเป็นผู้นำในการให้บริการเดินรถไฟฟ้าด้วยมาตรฐานระดับสากล มุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการอย่างเต็มความสามารถ 

โดยท่านสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง โซเชียลมิเดียทุกแพลตฟอร์ม Facebook Fan Page, Twitter , Instagram, Youtube, Tiktok พิมพ์ชื่อ “RED Line SRTET” หรือส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.srtet.co.th

“มากกว่าการเดินทางคือ ...ความพิเศษ” รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

บมจ.โรงพยาบาลนครธน จับมือ เฌ้อสเซอรี่ โฮม เสริมศักยภาพโครงการ “นครธน ลอง ไลฟ์ เซ็นเตอร์ บาย เฌ้อสเซอรี่ โฮม”

ระดมประสบการณ์ เตรียมพร้อมดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม   

บริษัท นครธน เนอสซิ่ง แคร์ จำกัด ในเครือบริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด  (มหาชน) ผู้ริเริ่มโครงการ “นครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์” ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และผู้มีภาวะพึ่งพิง ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ โรงพยาบาลผู้สูงอายุ และศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู Chersery Home (เฌ้อสเซอรี่ โฮม) เสริมศักยภาพการให้บริการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุแบบองค์รวม ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี





รศ.ญาณเดช ทองสิมา กรรมการ บริษัท นครธน เนอสซิ่ง แคร์ จำกัด และประธานกรรมการบริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “โครงการนครธน ลอง ไลฟ์ เซ็นเตอร์ เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อต้นปี 2568 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณซอยพระราม ที่ 2 ซอย 56 (ห่างจากโรงพยาบาลนครธนเพียง 350 เมตร) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเชื่อมโยงกับชุมชนโดยรอบ ทั้ง หมู่บ้าน ที่อยู่อาศัย โรงเรียน โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล คอมมูนิตี้ มอลล์ และศูนย์การค้าต่างๆ อีกทั้งยังเป็นการยกระดับพื้นที่พระราม 2 ให้เป็นคอมมูนิตี้ที่เหมาะกับทุกคนทุกช่วงวัย โดยการพัฒนาโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการรองรับสังคมผู้สูงอายุที่กำลังขยายตัว จึงได้ร่วมมือกับ โรงพยาบาลผู้สูงอายุและศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู Chersery Home (เฌ้อสเซอรี่ โฮม) ที่มีประสบการณ์ด้านการดูแลผู้สูงอายุกว่า 10 ปี เพื่อเสริมศักยภาพด้านการบริการ และการเข้าถึงความต้องการที่แตกต่างของผู้สูงวัยและญาติ รวมไปถึงการส่งเสริมสุขภาพให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน เกิดเป็นโครงการ “นครธน ลอง ไลฟ์ เซ็นเตอร์ บาย เฌ้อสเซอรี่ โฮม”

นพ.เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสันติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Chersery Home Group กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา Chersery Home International เรามุ่งพัฒนาโมเดลการดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวมครอบคลุมการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟู พร้อมผสานมาตรฐานสากล และนวัตกรรมที่ใช้อยู่ในระดับนานาชาติ รวมถึงเครือข่ายประกันสุขภาพ ทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อรองรับทั้งผู้รับบริการชาวไทย และชาวต่างชาติ

การจับมือกับ บริษัท นครธน เนอสซิ่ง แคร์ จำกัด ในเครือบริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีศักยภาพด้านการแพทย์ และชื่อเสียงที่แข็งแรง จะช่วยเสริมความพร้อมของศูนย์แห่งนี้ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เรามีเป้าหมายเดียวกัน คือ สร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม ที่เป็นมิตรกับชุมชน และตอบโจทย์ความต้องการสุขภาพของทุกช่วงวัย และในปี 2030 เรามุ่งผลักดันให้ นครธน ลอง ไลฟ์ เซ็นเตอร์ บาย เฌ้อสเซอรี่ โฮม ก้าวสู่การเป็นศูนย์ดูแล ฟื้นฟู และบริการสุขภาพผู้สูงอายุชั้นนำของอาเซียน ที่ผสานความเป็นสากลเข้ากับการบริการแบบไทย และหัวใจความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง

ด้าน พญ.ศิเรมอร ทองสิมา กรรมการ บริษัท นครธน เนอสซิ่ง แคร์ จำกัด และผู้อำนวยการสายงานแพทย์ โรงพยาบาลนครธน กล่าวเสริมว่า “โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ บาย เฌ้อสเซอรี่ โฮม เป็นการต่อยอดจากโรงพยาบาลนครธน ในการดูแลรักษากลุ่มผู้สูงอายุได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ด้วยการให้บริการ 

1. ที่พักอาศัย การดูแลผู้สูงอายุ และผู้มีภาวะพึ่งพิง (Nursing Home) ทั้งระยะสั้น และระยะยาว โดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านผู้สูงอายุ (Geriatric Doctor) รวมถึง กลุ่มผู้ที่ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง เช่น ผู้ป่วยหลังการผ่าตัด หรือหลังการฟื้นตัวจากโรคหลอดเลือดสมอง และยังมีบริการดูแลแบบไปเช้า–เย็นกลับ (Day Care)  2. บริการสำหรับ ผู้ที่ต้องการเข้ามารับบริการเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Rehabilitation Services) ทั้งการทำกายภาพบำบัด และกิจกรรมบำบัด รวมถึง ธาราบำบัด (Hydrotherapy) ซึ่งมีหลากหลายโปรแกรมโดยออกแบบการรักษาตามความต้องการที่แตกต่างของผู้รับบริการ เช่น  และ 3. ให้บริการดูแลเสริมสร้างสุขภาพแบบองค์รวม (Longevity Services) ให้แก่บุคคลทั่วไปที่ใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพ”

โครงการ นครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ บาย เฌ้อสเซอรี่ โฮม ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียว โดยผสานต้นไม้ และพื้นที่พักผ่อนเข้าในผังอาคารเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ที่มาใช้บริการ และโครงการฯ ได้ดำเนินงานตามแผนงานอย่างต่อเนื่อง มีความคืบหน้างานก่อสร้างแล้วเสร็จกว่า 58% เป็นไปตามกรอบเวลา พร้อมจัดเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร และระบบบริหารจัดการให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งคาดการณ์ จะเปิดให้บริการในปี 2569

30 พฤศจิกายน 2568

คิปโชเก้ร่วมวิ่งเคียงข้างสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี คึกคักที่สุดแห่งปี

กรุงเทพฯ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน ในมหกรรมการแข่งขันวิ่งมาราธอนระดับโลก “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘” ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี  เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ที่จุดปล่อยตัวหน้าศูนย์การค้า เอ็มบีเค ปทุมวัน และมีจุดเข้าเส้นชัยอยู่ที่สนามหลวง ท่ามกลางสายลมหนาว ขณะที่ปอดเหล็กชาวเอธิโอเปีย กับเคนยา คว้าแชมป์โอเวอร์ออลชาย-หญิงตามคาด ด้าน ณัฐวัฒน์ อินนุ่ม กับ  ทันตแพทย์หญิง ชรินญา กาญจนเสวี ทำเวลาดีสุดของไทย             




เมื่อเสด็จถึงบริเวณจุดปล่อยตัว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขันฯ, เอเลียด คิปโชเก้ ตำนานนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยา เจ้าของ ๒ เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ แชมป์ ๑๑ เมเจอร์ และ ประชาชน นักวิ่งทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า ๔๘,๐๐๐ คน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กราบบังคมทูลรายงานการแข่งขันฯ และกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงกดแตรปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน ระยะ ๔๒.๑๙๕ กม. และทรงร่วมให้กำลังใจนักวิ่งในจุดปล่อยตัวระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม.          

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณฯ เสด็จร่วมวิ่งการแข่งขันมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลกในเมืองหลวง ประเภทระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม. ด้วยฉลองพระองค์ชุดแขนสั้นแบบนักวิ่งฮาล์ฟมาราธอน ทรงเข้าเส้นชัยพร้อมกันกับเอเลียด คิปโชเก้ ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 13 นาที 40 วินาที ท่ามกลางนักวิ่งชาวไทยและจากทั่วโลกกว่า ๘๐ ประเทศ สร้างความปลาบปลื้มยินดีแก่นักกีฬาที่เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก ด้วยพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างและทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กับประชาชนและเยาวชนรุ่นใหม่ให้หันมาใส่ใจสุขภาพ โดยครั้งนี้มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการจัดการแข่งขันรอเข้าเฝ้ารับเสด็จฯ





บรรยากาศการแข่งขัน “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘” ปีนี้เป็นไปอย่างคึกคักและสดชื่นเป็นพิเศษ ด้วยสภาพอากาศเย็นสบายเพียง ๑๕ องศาในช่วงเช้า ส่งผลให้เส้นทางการแข่งขันเต็มไปด้วยพลังและความมั่นใจของนักวิ่งจากทั่วโลก ด้วยอุณหภูมิที่เอื้ออำนวยช่วยให้นักวิ่งส่วนใหญ่รักษาจังหวะและเร่งสปีดได้ดีกว่าปกติ หลายคนทำเวลาได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตลอดเส้นทางยังเต็มไปด้วยเสียงเชียร์และบรรยากาศของความสนุกสนาน และการแสดงโดรนเทิดพระเกียรติสุดประทับใจ จนทำให้นักวิ่งต่างยกให้งานนี้ให้เป็น “งานมาราธอนระดับโลกท่ามกลางลมหนาวแห่งความสำเร็จ” อย่างแท้จริง 
     

นอกจากนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ปล่อยตัวนักวิ่งระยะ ๑๐ กม. และพระราชทานรางวัลให้แก่นักกีฬาทั้ง ๓ ระยะ           

สรุปผลการแข่งขัน “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ 8” ทั้ง 3 ระยะ มีดังนี้ ประเภทมาราธอน (42.195 กม.) โอเวอร์ออลชาย แชมป์ ได้แก่ เบเกเล่ ชิฟรอว์ เอกูนาฟร์ จากเอธิโอเปีย เวลา 2.14.27 ชม., อันดับ 2 ทาริคู อับดี จากเอธิโอเปีย เวลา 2.19.15 ชม., อันดับ 3 คริสตอฟ ฮาดาส จากโปแลนด์ เวลา 2.19.24 ชม.        

ประเภทมาราธอน โอเวอร์ออลหญิง แชมป์ ได้แก่ อูนีซ ยาวิร่า มูชิรี่ จากเคนยา เวลา 2.39.27 ชม., อันดับ 2 เฮเจอร์ คาห์เซ เบอร์เฮ จากเอธิโอเปีย 2.43.49 ชม., อันดับ 3 เมเซเร็ต เยดาว์ จากเอธิโอเปีย เวลา 2.47.55 ชม.นักกีฬาไทย ที่ทำผลงานได้ดีที่สุด ระยะมาราธอน ฝ่ายชาย ได้แก่ ณัฐวัฒน์ อินนุ่ม เวลา 2.30.55 ชม. และฝ่ายหญิง ได้แก่ ทันตแพทย์หญิง ชรินญา กาญจนเสวี เวลา 3.00.26 ชม.

ประเภทฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.) โอเวอร์ออลชาย แชมป์ ได้แก่ อิตสึกิยูโมโตะ จากญี่ปุ่น เวลา 1.05.29 ชม., อันดับ 2  มูเฮีย อเล็กซานเดอร์ เอ็นจาย จากเคนยา เวลา 1.05.32 ชม., อันดับ 3  อาเหม็ด อัลคาโนกลูจากตุรกี เวลา 1.05.45 ชม.

ประเภทฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.) โอเวอร์ออลหญิง แชมป์ ได้แก่ ยาเนต โอลี่ อิรีน่า จากเอธิโอเปีย เวลา 1.21.03 ชม., อันดับ 2 เอ็มเบท เกตาวีย์  เบยีเน่ จากเอธิโอเปีย เวลา 1.21.08 ชม., อันดับ 3 บริฮาน มาร์ทานาทินเซ จากเอธิโอเปีย เวลา 1.21.17 ชม.

นักกีฬาไทยที่ทำเวลาดีที่สุด ระยะฮาล์ฟมาราธอน ฝ่ายชาย ได้แก่ ฐิตินันท์ ทองดี เวลา 1.13.13 ชม.,ฝ่ายหญิง ปิยะนุช สุขชาติ เวลา 1.24.13 ชม.