23 เมษายน 2568

StarCruises เปิดเส้นทางเดินเรือจากกรุงเทพฯ ด้วยเรือ Star Voyager ล่องเรือ 5 คืน สู่เกาะสมุยและสิงคโปร์

เรือสำราญ Star Voyager เริ่มต้นการเดินทางครั้งแรกจากกรุงเทพมหานคร (ท่าเรือแหลมฉบัง) อย่างเป็นทางการ 

22 เมษายน 2568, กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย – ด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมเรือสำราญทั้งในเอเชียและภูมิภาคอื่น ๆ StarCruises แบรนด์ล่องเรือที่ได้รับการรีแบรนด์ใหม่อย่างเต็มรูปแบบ ภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เฉลิมฉลองการออกเดินทางครั้งแรกจากประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ด้วยการเดินทางมาถึงของเรือสำราญ Star Voyager ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ประตูสู่ประเทศไทย โดยการเปิดเส้นทางใหม่นี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของทั้ง StarCruises และประเทศไทยในการตอกย้ำสถานะของไทยในฐานะศูนย์กลางการล่องเรือแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต

เรือ Star Voyager ได้ปรับปรุงครั้งใหญ่ด้วยงบประมาณกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมแล้วที่จะมอบประสบการณ์ล่องเรือสุดพิเศษให้แก่ทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ โดยมีจุดเริ่มต้นการเดินทางจากประเทศไทย เส้นทางพิเศษ 5 คืน โดยเริ่มออกเดินทางครั้งแรก 22 เมษายน 2568 และมีรอบเพิ่มเติมในวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 โดยเส้นทางเดินเรือจะจอดแวะที่เกาะสมุยและประเทศสิงคโปร์ การเปิดเส้นทางใหม่นี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดการเติบโตของนักท่องเที่ยวและกระตุ้นการท่องเที่ยวเรือสำราญให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเกาะสมุย ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดเส้นทางเดินเรือใหม่ในครั้งนี้ นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เข้าร่วมพิธีต้อนรับและร่วมแสดงความยินดีในรอบการเดินเรือปฐมฤกษ์ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ร่วมกับ คุณไมเคิล โกห์ ประธานบริษัท StarDream Cruises รวมถึงคณะเจ้าหน้าที่จากภาครัฐและหน่วยงานท่องเที่ยวต่าง ๆ

​“เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้นำเรือสำราญ Star Voyager มาเริ่มต้นออกเดินทางจากประเทศไทยและได้ทำการเปิดตัวและรีแบรนด์ StarCruises ในประเทศไทย” คุณไมเคิล โกห์ ประธานบริษัท StarDream Cruises กล่าว “การเปิดตัวในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการล่องเรือของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่ม หลากหลายประเทศให้เดินทางมายังเมืองไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้เติบโตยิ่งขึ้น” 

ด้านนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “วันนี้นับเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของเราในการยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการเดินเรือของประเทศไทยให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทย” คุณฐาปนีย์ ยังได้กล่าวถึงศักยภาพ

ของประเทศไทยในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทางเรือสำราญ และเน้นย้ำว่า “งานในวันนี้สะท้อนถึงความร่วมมือร่วมใจของทีมงานที่ทุ่มเท พันธมิตร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันทำงานอย่างไม่ย่อท้อ เพื่อผลักดันให้วิสัยทัศน์นี้กลายเป็นความจริง ความทุ่มเทและแรงสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของทุกคนทำให้เราสามารถนำเสนอมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า ทัศนียภาพอันสวยงาม และการต้อนรับอันอบอุ่นของประเทศไทยสู่สายตาชาวโลกได้อย่างภาคภูมิใจ”

2 รอบพิเศษจากกรุงเทพฯ (แหลมฉบัง) วันที่เดินทาง: 22 เมษายน และ 7 พฤษภาคม 2568
นักเดินทางชาวไทยสามารถเริ่มต้นการผจญภัยบนเรือสำราญได้โดยออกเดินทางจากท่าเรือแหลมฉบัง เส้นทางเดินเรือ 5 คืนนี้จะพาท่านไปสัมผัสเสน่ห์ของเกาะสมุย และความมีชีวิตชีวาของสิงคโปร์ ก่อนกลับมายังกรุงเทพฯ มอบประสบการณ์ท่องเที่ยวมีระดับและวันหยุดที่แสนน่าจดจำให้กับท่าน

 

ไฮไลต์การเดินทาง: เสน่ห์ของเกาะสวรรค์และความทันสมัยของเมืองใหญ่

เกาะสมุย หนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมตลอดกาลทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ เกาะแห่งนี้จะยิ่งทวีความงดงามและน่าหลงใหลเมื่อเดินทางมาถึงด้วยเรือสำราญ  ขณะที่เรือค่อย ๆ แล่นเข้าใกล้ชายฝั่ง ผู้โดยสารจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันตระการตาของหาดทรายสีขาวละเอียด ที่เรียงรายไปด้วยต้นมะพร้าวและทะเลสีฟ้าใส เกาะสมุยมีประสบการณ์อันน่าจดจำให้กับนักท่องเที่ยวทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนริมชายหาด การเดินป่าผจญภัยสู่ธรรมชาติ น้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่ และอาหารพื้นเมืองรสเลิศ

จุดหมายต่อไปในเส้นทางการเดินทางคือ สิงคโปร์ เมื่อล่องเรือเทียบท่าที่ Singapore Cruise Centre ผู้โดยสารจะได้รับความสะดวกสบายในทุกขั้นตอน โดยสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยัง HarbourFront Centre และ VivoCity ได้อย่างง่ายดาย

โดยทั้งสองที่เป็นทั้งศูนย์รวมแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และรวมระบบขนส่งสาธารณะไว้อย่างครบครัน อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า MRT และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ทั่วสิงคโปร์ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกได้อย่างสะดวก เช่น Gardens by the Bay, Merlion Park รวมถึงย่านวัฒนธรรมที่น่าสนใจอย่าง ไชน่าทาวน์ ลิตเติ้ลอินเดีย และกัมโปงกลาม (Kampong Glam) สำหรับสายช้อปปิ้งก็สามารถเพลิดเพลินกับแหล่งช้อบปิ้งบริเวณใกล้เคียงอย่าง VivoCity, HarbourFront Centre ไปจนถึงร้านบูติกหรูหราบนถนน Orchard Road












ประสบการณ์บนเรือ Star Voyager

ในระหว่างทริปล่องเรือ 5 คืน เส้นทาง “เกาะสมุย – สิงคโปร์” ผู้โดยสารจะได้ใช้เวลา 2 วันเต็มในการล่องเรือกลางมหาสมุทร ท่ามกลางบรรยากาศแสนพิเศษ พร้อมเพลิดเพลินไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน กิจกรรมหลากหลาย และอาหารรสเลิศที่คัดสรรอย่างพิถีพิถันบนเรือ Star Voyager โดยประเภทที่พักบนเรือมีให้เลือกหลายรูปแบบ ตั้งแต่ห้องพักแบบ Interior (ห้องไม่มีหน้าต่าง), Oceanview (ห้องวิวทะเล), และ Balcony (ห้องพร้อมระเบียงส่วนตัว) ไปจนถึงห้องสวีทสุดหรูอย่าง Palace Suites ซึ่งมาพร้อมสิทธิ์พิเศษ เช่น การเข้าใช้พื้นที่ส่วนตัวเฉพาะแขกของ Palace, บริการพนักงานดูแลส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง และประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้โดยสารอย่างแท้จริง

กิจกรรมและความบันเทิงบนเรือมีให้เลือกอย่างจุใจ อาทิ:

-สวนสนุก Adventure Park, สวนน้ำ Aqua Park และสไลเดอร์

-สวนน้ำสำหรับเด็ก และกำแพงปีนหน้าผาจำลอง

-ลานโบว์ลิ่ง, ซิปไลน์ และกิจกรรมในธีมพิเศษต่าง ๆ

-การแสดง Live Performances สุดตระการตา ณ โรงละคร Zodiac Theatre

 

ไม่ว่าคุณจะมองหาทริปสำหรับครอบครัว คู่รัก หรือการพักผ่อนแบบมีระดับ Star Voyager พร้อมมอบประสบการณ์ล่องเรือระดับโลก ที่ตอบโจทย์ทุกรูปแบบของนักเดินทาง

 

ข้อมูลการจอง

สำรองที่นั่งหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อบริษัททัวร์พันธมิตรของเรา

หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.rwcruises.com

เกี่ยวกับ StarCruises

ด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่า 30 ปี แบรนด์ Star Cruises ได้รับการรีแบรนด์ในชื่อใหม่ว่า StarCruises ซึ่งสะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัย มีชีวิตชีวา และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักเดินทางยุคใหม่ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย StarCruises โฉมใหม่นี้มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การล่องเรือที่ผสานความสะดวกสบายเข้ากับความบันเทิงในระดับพรีเมียม ภายใต้แนวคิดหลัก 3 ประการ ได้แก่:

• การล่องเรือที่เข้าถึงได้ง่ายแต่ยังคงความพรีเมียม ราคาไม่สูงเกินเอื้อม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

• ความบันเทิงบนเรือที่มีชีวิตชีวา อาหารระดับโลก และกิจกรรมในธีมพิเศษ มอบความสนุกสนานให้ตลอดทั้งการเดินทาง

• เรือขนาดกลาง รองรับผู้โดยสารเกือบ 2,000 คน เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่เป็นส่วนตัวและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น

 

เรือในเครือของ StarCruises จะประกอบด้วยเรือสำราญ Star Navigator และ Star Voyager โดย Star Navigator เริ่มออกเดินทางจากสิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2568 ก่อนจะถูกส่งไปยังไต้หวันเพื่อให้บริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟเป็นระยะเวลา 8 เดือน ในช่วงเวลาดังกล่าว เรือจะนำเสนอเส้นทางการเดินทางที่หลากหลาย เชื่อมโยงชายฝั่งที่งดงามของไต้หวันเข้ากับจุดหมายปลายทางต่าง ๆ ในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งผู้โดยสารจะได้สัมผัสทั้ง ซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ, ทะเลสดใสในฤดูร้อน, และ ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง

 

ในขณะที่ Star Voyager เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2568 โดยมี ท่าเรือหลักตามฤดูกาลอยู่ในหลายเมือง ได้แก่ สิงคโปร์, จาการ์ตา,

มะละกา, กรุงเทพฯ และโฮจิมินห์ พร้อมแผนการขยายไปยังเมืองอื่น ๆ ในอนาคต

อินฟอร์มาฯ สานความร่วมมือเครือข่าย เตรียมจัดงาน "อินเตอร์แมค–ซับคอน–พลาสติกฯ 2025"

สร้างเวทีแห่งโอกาส รวมโซลูชันการผลิตชั้นนำระดับโลกยกระดับอุตสาหกรรมไทย

อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ผนึกกำลังกับเครือข่ายภาคอุตสาหกรรม เดินหน้าสานต่อการจัดงาน “อินเตอร์แมค - ซับคอนไทยแลนด์ และ พลาสติกแอนด์รับเบอร์ไทยแลนด์ 2025”  โดยสำหรับงานอินเตอร์แมค และงาน พลาสติกแอนด์รับเบอร์ ไทยแลนด์ 2025 ชูแนวคิด "การลดคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์" หนุนผู้ประกอบการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกขั้นตอนการผลิต ส่วน งาน ซับคอน ไทยแลนด์ 2025 มุ่งมั่นผลักดันไทยสู่ “ศูนย์กลางการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมระดับโลก” พร้อมยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางเครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตชั้นนำ ด้วยเทคโนโลยีสีเขียวรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ พร้อมจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างวันที่ 14-17 พฤษภาคม 2568 ที่ไบเทค บางนา            

ในยุคที่ภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกเร่งขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero การนำโซลูชันและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือก แต่กลายเป็น "กลยุทธ์หลัก" ที่ทุกองค์กรต้องปรับตัวเพื่ออยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในมิติของการลดต้นทุนพลังงาน การลดการปล่อยคาร์บอน และการตอบสนองต่อข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมระดับสากล ด้วยความสำคัญดังกล่าว อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในฐานะผู้นำด้านการจัดแสดงสินค้าและกิจกรรมเจรจาธุรกิจระดับนานาชาติ ยังคงเดินหน้าจับมือภาคีพันธมิตร จัดงาน อินเตอร์แมค (INTERMACH) งานซับคอน ไทยแลนด์ (SUBCON Thailand) และงาน พลาสติกแอนด์รับเบอร์ไทยแลนด์ (Plastics & Rubber Thailand) ต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชันที่ทันสมัยเพื่อยกระดับการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างเป็นรูปธรรม     

นายชนินทร์ ขาวจันทร์ นายกสมาคม สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย กล่าวว่า สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทยมีบทบาทสำคัญในการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต มาตรฐานคุณภาพ และการเชื่อมโยงสู่ห่วงโซ่อุปทานโลก ท่ามกลางความท้าทายของอุตสาหกรรม เช่น การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ความต้องการด้าน ESG และแรงงานฝีมือที่ลดลง สมาคมฯ เดินหน้ายกระดับสู่ Smart Manufacturing พัฒนาทักษะแรงงาน สนับสนุนการใช้มาตรฐานสากล และขยายตลาดในเวทีทั้งในและต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตชิ้นส่วนคุณภาพสูงของอาเซียนอย่างยั่งยืน"โดยที่ผ่านมางานซับคอน ไทยแลนด์ ถือเป็นเวทีสำคัญระดับภูมิภาคที่ส่งเสริมการรับช่วงการผลิต โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้พบกับผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศผ่านกิจกรรมจับคู่ธุรกิจที่มีประสิทธิภาพสูงในหลากหลายอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และระบบอัตโนมัติ การจัดร่วมกับงาน อินเตอร์แมค และ พลาสติกแอนด์รับเบอร์ฯ ในปีนี้ ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมการผลิตครบวงจร ตั้งแต่วัตถุดิบ เทคโนโลยี ไปจนถึงการขยายตลาด โดยสมาคมฯ มองว่าโครงสร้างความร่วมมือนี้จะยกระดับผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยให้สามารถแข่งขันในระดับสากลได้อย่างยั่งยืน" นายชนินทร์ กล่าวเสริม

นายศตพร สภานุชาต ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลวิจัยตลาดและการพัฒนาอย่างยั่งยืน สถาบันพลาสติก กล่าวว่า อุตสาหกรรมพลาสติกไทยยังคงเผชิญแรงกดดันจากทั้งกระแสสิ่งแวดล้อม อีกทั้ง ผลจากการสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน เริ่มส่งผลกระทบชัดเจนต่อการเปลี่ยนแปลงทิศทางการค้าโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อการนำเข้าและส่งออกสินค้าพลาสติกของไทยด้วยเช่นกัน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีโอกาสการส่งออกใหม่ๆ จากเติบโตของตลาดอินเดีย รวมไปถึงกลุ่มตลาดยุโรปที่อาจมีความต้องเพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้าพลาสติกเพื่อสิ่งแวดล้อมซึ่งมีมูลค่าสูง เพื่อตอบรับต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว สถาบันพลาสติกในฐานะหน่วยงานกลางในการประสานความต้องการของภาครัฐ ผู้ประกอบการ ภาคเอกชน รวมทั้งภาคประชาชน ทำหน้าที่เป็นกลไกกลางในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมผ่านการพัฒนาข้อมูล เทคโนโลยี นวัตกรรม และบุคลากร เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

"สำหรับการจัดงานพลาสติกแอนด์รับเบอร์ฯ 2025 สถาบันพลาสติกพร้อมเป็นส่วนสำคัญในการอัปเดตข้อมูล นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมพลาสติกอย่างยั่งยืน ภายในงานพบกับกิจกรรมเสวนาในหัวข้อ "Shaping the Investment Landscape in Thailand’s Plastics Industry through Sustainable Manufacturing" พร้อมการจัดสัมมนาและบูธ Innovation and Technology for Plastics Sustainability ซึ่งจะนำเสนอความก้าวหน้าในด้านพลาสติกรีไซเคิล การใช้วัสดุหมุนเวียน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" นายศตพร กล่าวเสริม       

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในฐานะผู้จัดงานแสดงสินค้าชั้นนำระดับโลก มีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวกลางเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมของไทยเข้ากับเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ ทั้งในด้านเทคโนโลยี การลงทุน และโอกาสทางธุรกิจ โดยที่ผ่านามุ่งพัฒนาเวที งานอินเตอร์แมค - ซับคอนไทยแลนด์ และ พลาสติกแอนด์รับเบอร์ฯ 2025 ให้เป็นมากกว่า "งานแสดงสินค้า"แต่เป็น "ระบบนิเวศของโอกาส" หรือแพลตฟอร์มเชิงกลยุทธ์ที่ยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่ยุคใหม่อย่างยั่งยืน โดยมุ่งส่งเสริมผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ให้เข้าถึงเทคโนโลยี ระบบอัตโนมัติ และนวัตกรรมวัสดุ พร้อมเปิดโอกาสจับคู่ธุรกิจเชิงลึกกับผู้ซื้อระดับโลก ทั้งยังผสานแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและ Net Zero สู่การจัดงานอย่างเป็นรูปธรรม ร่วมกับพันธมิตรหลักในอุตสาหกรรม อาทิ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) รวมถึงสถาบันในภาคุตสาหรรมต่างๆในทุกห่วงโซ่อุปทาน โดยทั้งสามงานที่จัดร่วมกันภายในพื้นที่เดียวกัน จะเกิด "พลังร่วม" ที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการผลิตไทยให้เติบโตอย่างมีมิติและยั่งยืน

"สำหรับการจัดงาน อินเตอร์แมค 2025 ชูแนวคิด "Manufacturing Solution Towards Net Zero Carbon" หรือ การลดคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ ยังคงตอกย้ำจุดแข็งในฐานะแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะที่ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ภายในงานจะมีการจัดแสดงเทคโนโลยีเครื่องมือกล (Machine Tools), เครื่องไฟเบอร์เลเซอร์กำลังสูง, เทคโนโลยีชีทเมทัล (Sheet Metal), ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์แขนกล รวมถึงซอฟต์แวร์อุตสาหกรรม และโซลูชัน Cyber Security สำหรับโรงงานอัจฉริยะ รวมถึงไฮไลต์ที่สำคัญอย่าง Business Matching Program และ Buyers’ Village รวมถึง xEV Sourcing Zone ที่เชื่อมโยงผู้ผลิตไทยกับค่ายรถยนต์ชั้นนำ พร้อมสัมมนาเชิงลึกอย่าง BOI Symposium ในงานา ซับคอน ไทยแลนด์ หรือจะเป็นความน่าสนใจ ในงาน พลาสติกแอนด์รับเบอร์ ไทยแลนด์ เช่น Mold & Die Pavilion จากสมาคมอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ไทย ซึ่งนำเสนอเทคนิคการแก้ปัญหาคลินิกในคำปรึกษาสัมมนาให้ความรู้ทางด้านการผลิตแม่พิมพ์ Innovation and Technology for Plastics Sustainability ศูนย์กลางข้อมูลและวิจัยตลาดเชิงลึก เพื่อเสริมศักยภาพในอุตสาหกรรมพลาสติก รวมถึงเป็นศูนย์ออกแบบผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมการผลิต  นอกจากนี้ ยังมีการประชุมและสัมมนาระดับภูมิภาค โดยความร่วมมือจากสมาคมอุตสาหกรรมชั้นนำในเอเชีย เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเชื่อมโยงพันธมิตรทางธุรกิจระดับสากล เราเชื่อมั่นว่า  การทำงานร่วมกันของทั้ง 3 งาน นี้จะเป็นเวทีสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยเข้าสู่ยุคการผลิตอัจฉริยะ และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ภาคการผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรมและการผลักดันศักยภาพการแข่งขันให้แก่ภาคอุตสาหกรรมไทย" นายสรรชาย กล่าวเสริม            


เตรียมพบกับ อินเตอร์แมค 2025 งานแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรกล ระบบอัตโนมัติ และอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตชั้นนำของอาเซียน ที่รวบรวมโซลูชันเพื่อภาคการผลิตยุคใหม่อย่างครบวงจร พร้อมการจัดงานร่วมกับ ซับคอน ไทยแลนด์ 2025 งานแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและการจับคู่

ธุรกิจชั้นนำของอาเซียน และ งานพลาสติกแอนด์รับเบอร์ไทยแลนด์ 2025 งานอุตสาหกรรมการผลิตพลาสติกแห่งภูมิภาคอาเซียน ที่จะเสริมศักยภาพผู้ประกอบการในทุกมิติ

พบกันระหว่างวันที่ 14–17 พฤษภาคม 2568   ณ ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.intermachshow.com, www.subconthailand.com และ www.plasticsrubberthailand.com

สำนักงานสลากฯ จัดกิจกรรมติวเข้ม เสริมภูมิคุ้มกันเยาวชนไทย รู้เท่าทันภัยการพนัน

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 เวลา 13.00 น. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (GLO) จัดกิจกรรม “สร้างการมีส่วนร่วมและสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้เกิดความรับรู้และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับโทษของการพนัน แนวทางการป้องกัน และเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสังคมในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจสลาก” 

ภายใต้โครงการให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการพนัน ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมี พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานฯ และกลุ่มเยาวชน เข้าร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง ณ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ จังหวัดนนทบุรี 


พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า นอกจากภารกิจหลักในด้านการพิมพ์ การจำหน่าย การออกรางวัล และการจ่ายรางวัลแล้ว สำนักงานฯ ยังให้ความสำคัญต่อการดูแลและรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะการบรรเทาผลกระทบจากปัญหาการพนัน ที่ยังคงแพร่หลายอยู่ในสังคมไทย และทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นจากปัญหาการพนันออนไลน์ ส่งผลกระทบต่อเยาวชนไทยในวงกว้าง และอาจส่งผลให้เกิดปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจในระยะต่อไป

กิจกรรมดังกล่าว สำนักงานฯ มีเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมองค์ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการพนันในกลุ่มเยาวชน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิดและทักษะการตัดสินใจ และเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโทษของการพนัน ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ และรู้เท่าทัน ซึ่งจะช่วยให้เยาวชนเติบโตอย่างมีคุณภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลในสังคม

ภายในกิจกรรมประกอบด้วยกิจกรรมให้ความรู้หลากหลายรูปแบบ อาทิ การฉาย VDO Presentation เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจสลากอย่างมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคและสังคมในฐานะผู้ให้บริการเกมเสี่ยงโชค (Responsible Gaming หรือ RG) ภายใต้การรับรองของสมาคมสลากกินแบ่งโลก (WLA) การเสวนา “รู้เท่าทันการพนัน” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงการพูดคุยกับ Influencers ชื่อดัง จากช่อง thammachad อย่าง คุณธรรมชาติ โยธาจุล ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์และมุมมองการใช้ชีวิตห่างไกลจากการพนัน และกิจกรรมสร้างการมีส่วนร่วมในรูปแบบที่สร้างสรรค์




“สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลตระหนักถึงบทบาทความรับผิดชอบต่อสังคม และดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์องค์กรสลาก มุ่งเน้นนวัตกรรม ส่งเสริมเศรษฐกิจ สังคม เป็นที่ยอมรับของประชาชน โดยมุ่งหวังให้กิจกรรมในครั้งนี้เป็นแรงผลักดันให้เยาวชนไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ ปราศจากพฤติกรรมเสี่ยง และมีภูมิคุ้มกันทางความคิดอย่างยั่งยืน”




หากคุณหรือคนใกล้ชิดเริ่มรู้สึกกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อสลากที่มากเกินพอดี
สามารถขอคำปรึกษาได้ที่ GLO Call Center 0 2528 9999 กด 9 (วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 07.30 – 15.30 น.

21 เมษายน 2568

ซินเคอหยวน แถลงยันเหล็กมีมาตรฐานปมตึก สตง. ถล่ม น่าจะมาจากปัจจัยอื่นโต้จีนเทา ยันประกอบธุรกิจโดยสุจริต

บริษัท ซินเคอหยวน สตีล ส่งทีมทนายแถลงชี้แจงมาตรฐานเหล็ก ปมตึก สตง. ถล่ม น่าจะมาจากปัจจัยอื่น ยืนยันมีมาตรฐาน โต้จีนเทา ประกอบธุรกิจโดยสุจริตมาตลอด

นายปิยะพงศ์ คงมะลวน พร้อมด้วย นายสรุศักดิ์ วีระกุล และ นายปัทมากร ภิญโญชัยพลกุล ทีมทนายความตัวแทนจาก บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จํากัด หรือ SKY ร่วมกันแถลงข่าวและชี้แจงเกี่ยวกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์เหล็กของบริษัทหลังถูกนําไปใช้ในการก่อสร้างตึก สตง. ถล่ม และถูกตรวจสอบว่าเหล็กไม่ได้มาตรฐาน

นายปิยะพงศ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และดำเนินกิจการภายใต้มาตรฐาน ISO9000 รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดต่างๆ ของไทยอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด ไม่เคยมีประวัติการร้องเรียนเรื่องคุณภาพสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่วนสาเหตุหลักของการที่ตึก สตง. ถล่มน่าจะมาจากปัจจัยอื่น มากกว่าจะเป็นคุณภาพของเหล็กเส้น ซึ่งเป็นเพียงองค์ประกอบส่วนน้อย

บริษัทฯ เห็นว่า สาเหตุหลักของการที่ตึก สตง. ถล่มน่าจะมาจากปัจจัยอื่น เช่น แบบการก่อสร้าง หรือการควบคุมงานของวิศวกร มากกว่าจะเป็นคุณภาพของเหล็กเส้น ซึ่งเป็นเพียงองค์ประกอบส่วนน้อย สอดคล้องกับความเห็นของนักวิชาการและวิศวกรโครงสร้างหลายท่าน ที่เริ่มออกมาให้ข้อมูลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมในการชี้แจงข้อเท็จจริงด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ




อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การแถลงข่าวในวันนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบเหล็กเส้นที่ใช้ก่อสร้างอาคาร สตง. ซึ่งถูกนำไปตรวจสอบเมื่อวันที่ 31 มีนาคม โดยทีมกฎหมายถูกว่าจ้างให้มาชี้แจงเฉพาะเรื่องการถูกสั่งปิดโรงงานเท่านั้น จึงไม่ทราบเรื่องรายละเอียดการตรวจสอบของวันที่ 31 มีนาคม 2568 

ทั้งนี้ทีมกฎหมายให้ความเห็นกรณีการเก็บตัวอย่างเหล็กเมื่อ 31 มีนาคม 2568 ไม่เป็นธรรมต่อบริษัทฯ เพราะการนำเหล็กที่ผ่านการใช้งานและอยู่ในซากอาคารที่ถล่มไปทดสอบมาตรฐาน ไม่สามารถสะท้อนคุณภาพ ณ เวลาผลิตได้ เพราะเหล็กได้ผ่านแรงกดทับและความเสียหายแล้ว การนำผลทดสอบดังกล่าวมาชี้นำสังคมถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

นายปิยะพงศ์ ยืนยันว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ ประกอบธุรกิจโดยสุจริตมาตลอดไม่เคยถูกร้องเรียนและไม่ใช่จีนเทาอย่างแน่นอน โดย 5 ปี หลังสุดมีการเสียภาษีกว่า 856 ล้านบาท

ททท. ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ประชุมเตรียมความพร้อมแคมเปญ Amazing Thailand Grand Sale 2025


ททท. ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ประชุมเตรียมความพร้อมแคมเปญ Amazing Thailand Grand Sale 2025 ด้วยการนำเสนอ 5 Grand Privileges มุ่งกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 57,231 บาท/คน/ทริป เติบโตร้อยละ 13.11 ด้วยสินค้า 5 Must Do in Thailand คาดจะสร้างรายได้รวมไม่น้อยกว่า 2.23 ล้านล้านบาท ภายในปี 2568

วันนี้ (21 เมษายน 2568) นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานในการประชุมเตรียมความพร้อมดำเนินโครงการ Amazing Thailand Grand Sale 2025 พร้อมด้วยผู้บริหาร ททท. ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ ได้แก่ กรมการพัฒนาชุมชน สมาคมต่าง ๆ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย รวมถึงภาคเอกชน ผู้ประกอบการธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วประเทศ ได้แก่ สายการบิน โรงแรม/ที่พัก ศูนย์การค้า/ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร บัตรเครดิต Shopping Platform  รวมกว่า 100 ราย ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 57,231 บาท/คน/ทริป เติบโตร้อยละ 13.11 ทั้งสร้างภาพลักษณ์การเป็น Shopping Destination ด้วยสินค้ากลุ่ม 5 Must Do in Thailand

โครงการ Amazing Thailand Grand Sale 2025 ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน - 15 สิงหาคม 2568 ททท. ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากพันธมิตร ทั้งกลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่ม Online Shopping Platform กลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว OTA และหน่วยงานรัฐ เช่น การท่าอากาศยานฯ สายการบิน สมาคมในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมทั้งสิ้นกว่า 100 หน่วยงาน และ 20,000 ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจากทั่วประเทศ ร่วมกันพิจารณามอบส่วนลดพิเศษ และเมื่อนักท่องเที่ยวจับจ่ายครบตามที่กำหนด ททท. เตรียม 1) สินค้า/ของที่ระลึกพิเศษ แพกเกจที่พัก (กิจกรรม Shop & Get) 2) การมอบ Certificate of The Honorable Customer of Thailand จาก ททท.(กิจกรรม High Spender) และ 3) การพบดาราศิลปินในดวงใจ (กิจกรรม Meet & Greet) ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมนักช้อปกลุ่มประเทศระยะใกล้ ได้แก่ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สปป.ลาว เวียดนาม เมียนมา

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสมัครเข้าร่วมมอบส่วนลดพิเศษกับแคมเปญ Amazing Thailand Grand Sale 2025 โดยสามารถติดต่อสอบถามและสมัครเข้าร่วมโครงการได้ทางเวปไซต์
https://reg-esta.wowthailandpassportprivileges.com/form ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามในงานแถลงข่าว Amazing Thailand Grand Sale
วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เวลา 14.00 -16.00 น. 

#AmazingThailand #AmazingThailandGrandSale2025 #ATGS2025

รพ.พญาไท พหลโยธิน ห่วงใยเพื่อนบ้าน ส่งมอบยาและเวชภัณฑ์

ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเมียนมาร์

กรุงเทพฯ – โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน ในเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล ร่วมส่งต่อความห่วงใยไปยังเพื่อนบ้านในยามยาก โดยได้ส่งมอบยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น รวมมูลค่ากว่า 330,000 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาร์ 

พิธีส่งมอบจัดขึ้น ณ สถานเอกอัครราชทูตเมียนมาร์ประจำประเทศไทย โดยมี ผศ.นพ.วีรยะ เภาเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน และ นางสาวศิริเพ็ญ ปานพรหม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน เป็นผู้แทนมอบให้แก่ นาย Zaw Zaw Soe (ซอ ซอ โซล) เอกอัครราชทูตเมียนมาร์ประจำประเทศไทย

ผศ.นพ.วีรยะ กล่าวว่า “โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน ขอส่งกำลังใจและความห่วงใยไปยังพี่น้องชาวเมียนมาร์ที่กำลังประสบภัยพิบัติในครั้งนี้ เราหวังว่ายาและเวชภัณฑ์ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค จะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและขอให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นในเร็ววัน”

โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน ยังคงยึดมั่นในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่ม พร้อมยืนหยัดเคียงข้างสังคมในทุกสถานการณ์ และให้การสนับสนุนภาคสาธารณสุขทั้งในระดับชุมชนและระดับภูมิภาค เพื่อร่วมขับเคลื่อนสังคมแห่งการแบ่งปัน ด้วยหัวใจของการดูแลอย่างยั่งยืน

20 เมษายน 2568

สมาคมสตรีไทยสากล ขอเชิญงานประกาศผลสตรีไทยดีเด่น และศิลปินดาราในดวงใจ


สมาคมสตรีไทยสากล ขอเชิญทุกท่านร่วมงานใหญ่ประจำปี2568 งานประกาศผลสตรีไทยดีเด่น และศิลปินดาราในดวงใจ (และแต่งตั้งเทพีแห่งแผ่นดินทอง ในปีที่ 5) พบกับ เพชรา เชาวราษฏร์ นางเอกในดวงใจตลอดกาล , คุณอภัสรา หงสกุล นางงามจักรวาลคนแรกของประเทศไทย , คุณอัมราอัศวนนท์ นางงามไทยคนแรกที่ได้ไปประกวดมิสยูนิเวอร์ส  ศิลปินแห่งชาติ , หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล(เชฟป้อม) , อาจารย์พะเยาว์  พัฒนพงศ์ นักพูด ฝีปากกล้า, สว ภิญญาพัชร์ ศันสนียชีวิน, อ วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์, กบ ปภัสรา เตชะไพบูลย์  , คุณดวงดาว จารุจินดา, คุณเจินเจิน บุญสูงเนิน, เจจินตัย, อาร์ต ติณ, เอิร์ธ สายสว่าง, ผู้ชนะเลิศจากเวทีมิสเตอร์แลนด์สเคป ผู้ชนะเลิศจากเวที Manhunt ประเทศไทย, ผู้ชนะเลิศจากเวทีนางสาวนครนครราชสีมา ศิลปินและดารานักแสดงจากละครค่ายมหามงคลฟิล์มผู้ผลิตละครทางททบ5 รวมด้วยผู้บริหาร Celebrities และCEO จากองค์กรชั้นนำทั่วประเทศ 



โดย ประธาน พลตำรวจตรีหม่อมราชวงศ์จิรายุส เทวกุล การประกวดการแสดง , การเดินแบบ บุหงาผ้าไทยเทอดไทร่วมรดน้ำดำหัวศิลปินอาวุโส ยกทัพนักแสดงคุณภาพและศิลปินอาวุโส  ศิลปินคุณภาพ สตรีผู้นำสังคม (นักแสดงทั่วฟ้าเมืองไทย กิจกรรมอภิปรายสิทธิสตรีบทบาทในไทย)  ร่วมงานวันแห่งคุณค่าสตรีไทยและฉลองตราสัญลักษณ์พระแม่ธรณี

กฟผ.เขื่อนวชิราลงกรณ ร่วมพิธีเททองหล่อฉลองครบรอบ 1 ปี

การวางเสาเอกโครงการเวฬุวันคิลานุปัฏฐาก


เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2568 พลโท ฐิตะฐาน สุขศรี หัวหน้าแผนกราชการในพระองค์ 918 เป็นประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พิธีเททองหล่อรูปเหมือนหลวงปู่เสาร์ กนุตสีโล รูปเหมือนหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต รูปเหมือนหลวงปู่สาคร ธัมมาวุโธ ฉลองครบรอบ 1 ปี การวางเสาเอกโครงการเวฬุวันคิลานุปัฏฐาก 


กฟผ.เขื่อนวชิราลงกรณ นำโดย นาสาวอาจารี ศิริประพฤทธิ์ หัวหน้ากองบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงาน เป็นตัวแทนผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ ถวายเงินทอดผ้าป่าสามัคคีสมทบทุนโครงการเวฬุวันคิลานุปัฏฐาก จำนวน 3,000 บาท โดยมีหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ ประชาชน ร่วมพิธีในครั้งนี้ บริเวณโครงการเวฬุวันคิลานุปัฏฐาก วัดเวฬุวัน ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี


กฟผ.เขื่อนวชิราลงกรณ ร่วมพิธีเปิดกิจกรรมงานวิ่งการกุศลอีต่องรัน ครั้งที่ 1 ณหมู่บ้านอีต่อง ตำบลปิล๊อก

เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2568 นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม“วิ่งด้วยใจไปกับบุญที่ E TONG RUN” กิจกรรม วิ่งการกุศล “อีต่องรัน ครั้งที่ 1” ณ หมู่บ้านอีต่อง ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี       

กฟผ.เขื่อนวชิราลงกรณ นำโดยมีนายสุพจน์ ด้วงแห้ว หัวหน้ากองบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า นางสาวอาจารี ศิริประพฤทธิ์  หัวหน้ากองบริหาร เป็นตัวแทนผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ พร้อมผู้ปฏิบัติงาน หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมพิธีเปิดการกิจกรรม พร้อมมอบเงินสนับสนุน จำนวน 100,000 บาท น้ำดื่ม “น้ำใจ” กฟผ. จำนวน 600 ขวด เพื่อสมทบทุนการก่อสร้าง"อาคารเวฬุวันคิลานุปัฏฐาก"  สำหรับใช้เป็นสถานที่อบรม และรองรับพระสงฆ์อาพาธระยะสุดท้ายอย่างถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัย โดยหลวงปู่สาคร ธัมมาวุโธ เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน จังหวัดกาญจนบุรี 

จากนั้นมอบผ้าห่ม กฟผ. จำนวน 200 ผืน ให้กับนายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ เพื่อนำไปมอบให้กับประชาชนในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ ที่ได้รับผลกระทบจากภัยหนาว

18 เมษายน 2568

เปิดนิทรรศการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ชวนช้อป-ชิม สินค้าท้องถิ่น 17-18 เมษายน 2568 นี้

ปิดนิทรรศการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ชวนช้อป-ชิม สินค้าท้องถิ่น 17-18 เมษายน 2568 นี้

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (GLO) จัดงาน นิทรรศการผลิตภัณฑ์ชุมชน โครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนปี 7 แสดงผลสำเร็จของโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนตั้งแต่ปีที่ 1 ถึงปีที่ 7 รวมชุมชน 67 แห่ง โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้เกียรติกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วย พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ผู้บริหารระดับสูง และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมชมงานนิทรรศการอย่างคับคั่ง ณ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จังหวัดนนทบุรี


รองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า การจัดงานนิทรรศการในครั้งนี้ เป็นบทสะท้อนถึงความสำเร็จของสำนักงานฯ ในฐานะองค์กรที่ร่วมสร้างความยั่งยืนและมั่นคงให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปีที่ 7 นับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ภายใต้วิสัยทัศน์ “องค์กรสลากมุ่งเน้นนวัตกรรม ส่งเสริมเศรษฐกิจ สังคมเป็นที่ยอมรับของประชาชน”

สำหรับโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน มีจุดมุ่งหมายในการสร้างคุณค่าให้กับชุมชนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจชุมชนและเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการการสืบสานคุณค่าและอัตลักษณ์ท้องถิ่นของแต่ละชุมชน ขับเคลื่อนพัฒนาการบริหารจัดการชุมชน ด้านผลิตภัณฑ์และบริการจากเอกลักษณ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น  โดยใช้ความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ ของบุคลากรและเครือข่ายที่ปรึกษา บูรณาการความร่วมมือผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างเป็นระบบ


“การจัดนิทรรศการในครั้งนี้ เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่าภูมิปัญญาในแต่ละท้องถิ่นเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในมิติด้านเศรษฐกิจ จะช่วยส่งผลให้สมาชิกชุมชนมีงาน มีอาชีพ มีรายได้เพิ่มขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนให้มีความมั่นคง ส่วนในมิติด้านสังคม คนในชุมชนจะมีความสุขจากความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่น ส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่กลับไปทำงานหรือประกอบอาชีพที่บ้านเกิดอย่างยั่งยืน เป็นรูปธรรมอีกด้วย” 

พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า โครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน มีรูปแบบการดำเนินงานในโครงการในหลายมิติ ทั้งการพัฒนาชุมชน การผลิตสื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การพัฒนาช่องทางสื่อสารประชาสัมพันธ์ และการประชาสัมพันธ์ชุมชนให้เป็นที่รู้จัก ตลอดจนเพิ่มช่องทางและพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดสถานที่แสดงนิทรรศการและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ณ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หลังวันออกสลาก2 วัน ของทุกงวด และมีการจัดทำ E-Catalogue นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเด่นของชุมชน รวม 67 ชุมชน

การจัดนิทรรศการผลิตภัณฑ์ชุมชน โครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนปี 7 จัดแสดงผลงานจากชุมชนที่ได้รับการคัดเลือกจากโครงการฯ ซึ่งผ่านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและการท่องเที่ยว นำมาจัดแสดงต่อประชาชนโดยทั่วไป เพื่อกระตุ้นให้เกิดการกระจายรายได้และการท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปสู่ชุมชนนั้น ๆ สำหรับโครงการฯ ในปี 7 ประจำปี 2568 สำนักงานสลากฯ พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ ได้ลงพื้นที่ 14 ชุมชนที่ผ่านการคัดเลือก และทำการคัดเลือก 3 สุดยอดผลิตภัณฑ์ ต่อชุมชน มาร่วมจัดแสดง 


ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าชม ชิม และอุดหนุนผลิตภัณฑ์ในโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนในงานนิทรรศการผลิตภัณฑ์ชุมชน โครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนปี 7 ระหว่างวันที่ 17-18 เมษายน 2568 ณ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่เวลา 09.00 – 15.00 น. ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.glo.or.th และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล, สลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน