23 ธันวาคม 2568

โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย ขอเชิญร่วมเฉลิมฉลองคืนส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2026

โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่นขอเชิญร่วมเฉลิมฉลองคืนส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2026 กับ New Year Eve Dinner ในธีมtemple fair ผสานความอร่อยของอาหารนานาชาติ และอาหารไทยหลากหลายเมนู ในบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง ณ ห้องอาหาร All Day


ไฮไลต์บุฟเฟต์ประกอบด้วยCold Display อาทิ Cold Cut, Bruschetta, ชีสรวม และแซลมอนหมัก Appetizer ไทย–นานาชาติ พร้อม Sushi & Sashimi Station ซุปและสลัดหลากชนิด Carving Counter เนื้ออบและไก่อบ เสิร์ฟพร้อมซอสคัดสรร BBQ เสียบไม้ ผัดไทยปรุงสด และเมนูอาหารร้อนครบครัน

ปิดท้ายด้วยของหวาน เช่น ช็อกโกแลตโปรฟิตเตอโรล ชีสเค้ก ลูกชุบ และผลไม้ตามฤดูกาล ราคา 899 บาท ต่อท่าน ร่วมสัมผัสค่ำคืนพิเศษแห่งการเฉลิมฉลอง พร้อมความอร่อย และความสุขในคืนส่งท้ายปีที่เชียงราย




📞 สอบถามข้อมูล และสำรองที่นั่ง กรุณาโทร 052 055 888  www.heritagechiangrai.com

สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานคร ร่วมสนับสนุนบูทสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย

ปรุงอาหารพระราชทาน แจกจ่ายผู้เข้าเคารพพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พุทธศักราช 2568 สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมสนับสนุนและปฏิบัติภารกิจจิตอาสา ณ บูทของ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย

โดยร่วมกันปรุงและจัดเตรียม อาหารสุกใหม่ พร้อมติดป้ายแสดงข้อความว่า “อาหารพระราชทาน” เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนผู้เดินทางมาเข้าเคารพพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ กิจกรรมในครั้งนี้ สโมสรฯ ได้ร่วมสมทบอาหารในหลากหลายหมวด รวมถึงอาหารฮาลาล เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของประชาชนทุกกลุ่มพร้อมทั้งจัดเตรียม ขนมและอาหารว่าง แจกจ่ายเพิ่มเติม
ด้วยความตั้งใจให้ประชาชนได้รับอาหารที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ อิ่มกาย และอิ่มใจท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสงบ สำรวม และความสามัคคี การดำเนินงานโดย พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร นายกก่อตั้งสโมสรโรตารีกรุงเทพมหานคร ร่วมด้วย นายศรีสองรัก ชัยสิทธิ์ (นายกรับเลือก) นางโสมาวรรณ สวัสดิรักษ์ นายกนอมินี พร้อมด้วยโรทาเรียนและผู้ร่วมสนับสนุน ได้แก่ โรทาเรียน สุทธิ์คุณ วันทานุ, คุณเอิร์ธ สายสว่าง,คุณวิภาณฎา กุลสุจริต นายกสมาคมการค้าธุรกิจอาหาร,คุณเบญจรงค์ โกมะหะวงศ์ จากครัวคุณต๋อย,คุณตรีพัชญ์ มหากิจวิวัฒน์, และ คุณณัฐณิชชาฐ์ มหากิจวิวัฒน์



สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานครขอร่วมแสดงความจงรักภักดีและขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายความอาลัยอย่างสุดซึ้งพร้อมยึดมั่นในอุดมการณ์แห่งการบริการเพื่อสังคมตามหลัก “Service Above Self” ด้วยการร่วมแรงร่วมใจทำความดีเพื่อส่วนรวม ในช่วงเวลาประวัติศาสตร์อันสำคัญของชาติไทย

“อมารี” ชวนหลงรักลาว ผ่านดีไซน์เรื่องเล่าท้องถิ่นและการพักผ่อนแบบร่วมสมัย

เมื่อการเดินทางไม่ได้แค่การ “ไปถึง” แต่คือการ “มาถึง” ในทุกจังหวะของวัน ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (ONYX Hospitality Group) ชวนออกเดินทางไปค้นพบเสน่ห์บทใหม่ของ สปป. ลาว ภายใต้คอนเซ็ปต์ “หลงรักลาว” การเดินทางที่จะพาคุณเข้าไปสัมผัสความงดงามของวัฒนธรรมอันละเมียด และความสงบของธรรมชาติที่ชวนหลงใหล ณ สปป.ลาว กับสองปลายทาง สองอารมณ์ ผ่านการเข้าพักที่ อมารี วังเวียง (Amari Vang Vieng) และ อมารี เวียงจันทน์ (Amari Vientiane) จากความชิลริมน้ำซองท่ามกลางขุนเขาแห่งวังเวียง สู่บรรยากาศ รูฟท็อปชมพระอาทิตย์ตกที่งดงามกับวิวโค้งน้ำโขงที่ทอดยาวใจกลางเวียงจันทน์ อีกทั้งทุกช่วงเวลายังได้รับการถ่ายทอดผ่านการผสานอย่างลงตัวของความอบอุ่นแบบไทยและความร่วมสมัย ตั้งแต่งานออกแบบ การบริการ ไปจนถึงรสชาติอาหารที่น่าจดจำ ท่ามกลางวัฒนธรรม ธรรมชาติ และมนต์เสน่ห์ในแบบลาว ที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้…ยากที่จะลืมเลือน

อมารี วังเวียง (Amari Vang Vieng) ที่นี่…ความสุขเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าที่คิด เพียงเปิดประตูระเบียงห้องพักออกไป ปล่อยสายตาให้ไหลไปกับทิวเขาหินปูนและสายน้ำซอง ความสุขก็เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย



อมารี วังเวียง ตั้งอยู่บนทำเลริมน้ำที่เงียบสงบ แต่เดินทางสะดวก ใกล้เมืองและแหล่งท่องเที่ยว เหมาะทั้งกับการ “พักผ่อนนิ่งๆ” และการออกไปสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งตามสไตล์วังเวียง ห้องพักกว่า 160 ห้อง ที่ออกแบบในโทนร่วมสมัย ผสานงานหัตถศิลป์ลาวอย่างละเมียด โปร่งโล่งด้วยหน้าต่างบานสูง ให้ธรรมชาติกลายเป็นส่วนหนึ่งของการพักผ่อน พร้อมสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่สุดในวังเวียง ที่เหมาะจะใช้เวลาช่วงเย็นเมื่อแสงอาทิตย์ค่อยๆ อ่อนลง

เรื่องกินก็ไม่เป็นรอง Essence ห้องอาหารที่เสิร์ฟทั้งอาหารลาว ไทย และนานาชาติ หรือจะนั่งจิบกาแฟ ฟังเพลงเบาๆ ที่ Cascade ล็อบบี้เลานจ์สไตล์คาเฟ่ บาร์ริมน้ำชวน “หยุดเวลา” ด้วยค็อกเทลซิกเนเจอร์จากวัตถุดิบท้องถิ่น เช่น ตะไคร้ น้ำผึ้ง มะกรูด เคล้าบรรยากาศแม่น้ำซองที่เงียบสงบ อร่อย เข้าถึงง่าย แต่มีเสน่ห์แบบอมารีท่ามกลางเมืองหลวงที่รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรม อมารี เวียงจันทน์ (Amari Vientiane) คือจุดพักผ่อนที่ลงตัวสำหรับนักเดินทางที่หลงใหลวัฒนธรรม ศิลปะ และวิถีชีวิตท้องถิ่น ด้วยทำเลที่ใกล้แลนด์มาร์คสำคัญอย่างวัดสีสะเกต ประตูชัย ตลาดเช้า และอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน ทำให้การสำรวจเมืองเป็นเรื่องง่าย

โรงแรมระดับ Upper Upscale แห่งนี้มีห้องพัก 248 ห้อง หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ตั้งแต่ทริปสั้นๆ จนถึงการพักผ่อนแบบพรีเมียม ในยามเช้า แขกผู้เข้าพักสามารถร่วมทำบุญตักบาตรตามวิถีลาว ก่อนออกเดินชมเมืองในยามสาย และในยามเย็น ไฮไลต์อยู่ที่ Stella Bar บาร์รูฟท็อปที่มองเห็นโค้งน้ำโขงแบบ 360 องศา ชมพระอาทิตย์ตกและแสงไฟเมืองอันศิวิไลซ์ พร้อมจิบค็อกเทลสูตรพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจจากท้องถิ่น ทำให้เวียงจันทน์ยามค่ำคืนดูมีเสน่ห์ขึ้นอย่างไม่ต้องพยายาม




อมารีถ่ายทอดเสน่ห์ของลาวผ่านรายละเอียดที่คัดสรรอย่างประณีต ตั้งแต่การออกแบบที่หยิบแรงบันดาลใจจากงานฝีมือ ผ้า และงานจักสานท้องถิ่น มาผสานกับเส้นสายร่วมสมัยตามเอกลักษณ์ของแบรนด์ เกิดเป็นบรรยากาศที่อบอุ่น ผ่อนคลาย และสะท้อน “กลิ่นอายลาว” อย่างพอดี ภายใต้มาตรฐานการบริการระดับสากลที่ได้รับความไว้วางใจ ความใส่ใจยังต่อเนื่องไปถึงการบริการ พนักงานซึ่งผ่านการฝึกอบรมโดยทีมอมารีจากประเทศไทย ถ่ายทอดการดูแลที่จริงใจ อบอุ่น และโอบอ้อมอารีย์ในแบบไทย ผสานความละมุนของวัฒนธรรมลาวในทุกคำทักทาย ทุกช่วงเวลาของการเข้าพัก ขณะเดียวกัน ประสบการณ์กิน-ดื่มภายใต้แนวคิด Local Flair ก็ช่วยเติมเต็มการเดินทาง ด้วยวัตถุดิบพื้นถิ่นของลาวที่นำมาตีความใหม่อย่างร่วมสมัย เคารพรากวัฒนธรรม แต่เข้าถึงง่ายและน่าจดจำ

ทั้งหมดนี้คือวิธีที่อมารีเชื่อมโยงผู้มาเยือนเข้ากับจิตวิญญาณของปลายทาง และชวนให้ค่อยๆ หลงรักลาว ผ่านประสบการณ์การเข้าพักที่อบอุ่น มีความหมาย และอยู่ในความทรงจำยาวนาน

เบเยอร์ มอบสีมูลค่า 10 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ


เบเยอร์ มอบสีมูลค่า 10 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ โดยร่วมมือสนับสนุนกับทางมูลนิธิรักษ์ไทย และมูลนิธิเพจอีจัน จากสถานการณ์ อุทกภัยที่เกิดขึ้นพร้อมกันในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อบ้านเรือน ชุมชน และโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญกับความเสียหายและความยากลำบากในการดำรงชีวิต

นางสาวพวงเพ็ญ แสงเพชร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ ตัวแทนผู้บริหาร บริษัท เบเยอร์ จำกัด ได้มอบสีทาอาคารและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท ให้แก่ มูลนิธิรักษ์ไทย และ มูลนิธิเพจอีจัน เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยในหลายจังหวัดทั่วประเทศ





การสนับสนุนในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งในด้านที่อยู่อาศัย อาคารสาธารณประโยชน์ และพื้นที่ชุมชนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม โดยสีและวัสดุที่มอบให้สามารถนำไปใช้ในการซ่อมแซมและฟื้นฟูพื้นที่จริง รองรับทั้งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและการฟื้นตัวในระยะต่อไป

นางสาวพวงเพ็ญ แสงเพชร กล่าวว่า “ในช่วงเวลาที่หลายพื้นที่ของประเทศกำลังเผชิญกับสถานการณ์อุทกภัยอย่างต่อเนื่อง เบเยอร์หวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยแบ่งเบาและบรรเทาความยากลำบาก รวมถึงสนับสนุนการฟื้นฟูให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ เบเยอร์ขอขอบคุณทีมงานของทั้งสองมูลนิธิที่ช่วยประสานและสนับสนุนการส่งมอบสีให้ถึงมือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว”

ช่องทางติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยที่ต้องการรับการสนับสนุนผลิตภัณฑ์สี
สามารถติดต่อได้ที่:มูลนิธิรักษ์ไทย https://www.raksthai.org/ 

ข้อมูลโครงการเพิ่มเติม :
https://www.beger.co.th/en/csr/beger-raks-thai-flood-relief-donation-10m-2025

T&B Media Global นำผลงานภาพยนตร์ และ แอนิเมชัน ร่วมงานระดับโลก

American Film Market (AFM) และเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Hainan Island 

บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าผลักดันอุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดสากล นำผลงานภาพยนตร์และแอนิเมชันคุณภาพของบริษัท เข้าร่วมเสนอขายและเจรจาทางธุรกิจในงาน American Film Market (AFM) 2025 ณ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พร้อมเข้าร่วมงาน เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Hainan Island International Film Festival ครั้งที่ 7 ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน



ผลงานที่นำไปร่วมเสนอในครั้งนี้ประกอบด้วย ภาพยนตร์ Start It Up วัยสตาร์ท น็อนสต็อป และ อคิลลิสเคิร์ส กับ สมบัติต้องคำสาป (Achilles Curse and the Curse of Treasure) รวมถึงซีรีส์แอนิเมชัน 4 เรื่อง ได้แก่ Out of the Nest องครักษ์พิทักษ์เจี๊ยบ, Shelldon, Food Truckers และ Friendzspace นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์ Televil มันแอบในจอ ผลงานจากบริษัท ไนท์ เอดจ์ พิคเจอร์ส เข้าร่วมการเจรจาทางธุรกิจในเวทีระดับนานาชาติอีกด้วย

งาน American Film Market (AFM) ถือเป็นตลาดซื้อขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และคอนเทนต์ระดับโลก ที่รวบรวมค่ายภาพยนตร์ ผู้จัดจำหน่าย แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง และผู้สร้างสรรค์ผลงานจากทั่วโลก โดยในปี 2025 มีบริษัทเข้าร่วมมากกว่า 285 บริษัท จาก 35 ประเทศ ซึ่ง T&B Media Global ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้แทนจากประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสทางธุรกิจ ขยายเครือข่ายพันธมิตร และผลักดันผลงานภาพยนตร์และแอนิเมชันไทยสู่ตลาดต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยมี ลลิตา หอมแสงประดิษฐ์ Content Sale Director และทีมงาน เข้าร่วมงาน



นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เข้าร่วมงาน เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติไห่หนาน ครั้งที่ 7 (7th Hainan Island International Film Festival) ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองซานย่า มณฑลไห่หนาน ประเทศจีน ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีนโดยเทศกาลดังกล่าวเป็นเวทีสำคัญในการรวมตัวของผู้สร้างภาพยนตร์และบุคลากรในอุตสาหกรรมจากหลากหลายประเทศ เพื่อฉายผลงาน แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติ โดยมี ณัฐณัยญา มากเหลือ  Senior Marketing and Contents Manager เป็นตัวแทนเข้าร่วมงาน เพื่อพบปะพันธมิตรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์จากทั่วโลก สะท้อนถึงบทบาทของ ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล ในการขับเคลื่อนคอนเทนต์ไทยให้ก้าวสู่เวทีอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง

22 ธันวาคม 2568

ÆTHER ทะยานขึ้นสู่ฟ้า พร้อมดีไซน์ล้ำยุคบนชั้นสูงสุดของ Central Park

ÆTHER ทะยานขึ้นสู่ฟ้า พร้อมดีไซน์ล้ำยุคน่าตื่นตา บนชั้นสูงสุดของ Central Parkค็อกเทลเลานจ์แห่งใหม่ พร้อมวิวพาโนรามาใจกลางกรุงเทพฯ


Watermelon Group ประกาศเปิดตัว ÆTHER (อีเธอร์) ค็อกเทลเลานจ์ที่จะเปลี่ยนภาพจำของรูฟท็อปแบบเดิมๆ ด้วยดีไซน์แบบ Futuristic ที่ไม่ซ้ำใคร ล้อมรอบด้วยเส้นขอบฟ้าและวิวสูงจากชั้น 44 ของอาคาร Central Park Offices โดย ÆTHER จะเปิดมุมมองใหม่ และส่งต่อพลังงานที่จะชวนให้ทุกคนได้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน และสนุกกับการเป็นตัวเองอีกครั้ง ผ่านบรรยากาศแห่งแสง สี เสียง และ โปรแกรมเครื่องดื่มค็อกเทลชั้นยอด

ÆTHER ถูกออกแบบมาเพื่อเติมมิติใหม่ให้กับเส้นขอบฟ้าของย่านสีลม ด้วยลำโพงสีเงินขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านล้อรับกับแสงดวงอาทิตย์ องค์ประกอบของเฟอร์นิเจอร์สไตล์เรียบหรูนั่งสบาย และแสงสีที่ออกแบบมาเพื่อสร้างบรรยากาศให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนมีลูกเล่นและสีสันที่แปลกตา สะท้อนให้เห็นถึงดีเอ็นเอของ ÆTHER ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเทพเจ้าแห่งแสงและชั้นบรรยากาศในตำนานกรีก นำเสนอนิยามความเท่ความผสานกับศาสตร์การทดลอง และความประณีตในทุกรายละเอียด

วิสัยทัศน์ใหม่จาก Watermelon Group
ÆTHER คือคอนเซ็ปต์ใหม่ล่าสุดจาก Watermelon Group กลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์และไนท์ไลฟ์ที่มีทั้งร้านอาหารและบาร์อยู่ทั่วกรุงเทพฯ โดยแต่ละแห่งต่างสะท้อนบุคลิกและไลฟ์สไตล์เฉพาะตัวของพื้นที่นั้นๆ ตั้งแต่ย่านทองหล่อที่เต็มไปด้วยแสงสีและชีวิตชีวา ย่านหลังสวนที่หรูหราทันสมัย ล่าสุด ÆTHER ได้ขยายแผนที่ของ Watermelon Group มาถึงย่านสีลมซึ่งเป็นหัวใจของกรุงเทพฯในด้านวัฒนธรรมและความมีชีวิตชีวา ด้วยรูฟท็อปที่ขับเคลื่อนด้วยดีไซน์และดนตรี นำเสนอประสบการณ์ร่วมสมัย และตอบโจทย์การเข้าถึงอารมณ์ของผู้คนมากขึ้น



“ÆTHER ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ที่ผู้คนได้กลับมามีความสุขกับโมเมนต์ปัจจุบัน” กล่าวโดย คุณบิ๊ง ภัทริสร์ จิตรถเวช ผู้ร่วมก่อตั้ง Watermelon Group “ผมและทีมภาคภูมิใจมากที่ได้แบ่งปันสถานที่แห่งนี้ ที่พวกเราช่วยกันสร้างสรรค์ประสบการณ์ให้กับผู้ที่ชอบนั่งดื่มให้ได้สนุกสนานกับบรรยากาศใหม่ๆ และแนวดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยความตั้งใจ”

ค็อกเทลโปรเกรสซีฟโดย เดปป์-นพป์เศรษฐ์ หิรัญวาทิต จาก Rabbit Hole การออกแบบโปรแกรมเครื่องดื่มค็อกเทลของ ÆTHER นำโดย เดปป์-นพป์เศรษฐ์ หิรัญวาทิต Head Bartender จาก Rabbit Hole ซึ่งมีความสามารถโดดเด่นด้านการผสมผสานเทคนิคสมัยใหม่แบบ Progressive  ไม่ว่าจะเป็นการกลั่น  การควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำ และการสกัดรสชาติออกมาจากวัตถุดิบ เพื่อสร้างสรรค์ค็อกเทลที่เหมาะกับแต่ละช่วงเวลา ตั้งแต่กลิ่นและรสชาติเบาๆสำหรับช่วงหัวค่ำ ไปจนถึงเมนูที่มีความเข้มข้นและซับซ้อนมากขึ้นสำหรับยามค่ำคืน

เมนูของ ÆTHER ออกแบบมาให้ทุกคนได้เคลื่อนผ่านชั้นบรรยากาศและอารมณ์ซึ่งแบ่งได้ทั้งหมดเป็น 3 ช่วง เริ่มตั้งแต่ GROUND STATE อย่าง AWAKEN.ING ที่ใช้เทคนิคการหมัก (fermentation) และการรมควัน (smoke) เป็นหลัก เปิดต่อมรับรสในช่วงหัวค่ำของวันด้วยกลิ่นและรสของสมุนไพร หรือเปรียบเสมือนช่วงแห่งการตื่นรู้ ต่อด้วยเมนูในช่วง TRANCEND หรือช่วงยกระดับความสนุกและลูกเล่นของเครื่องดื่ม เช่น เมนู CITY FLORA    ที่ใช้กลิ่นหอมและรสชาติจากดอกไม้และผลไม้ตระกูลซิตรัส ดังช่วงแห่งความกระจ่างชัด และปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มในเซคชั่น EXOSPHERE . BEYOND ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการหยุดนิ่งซึ่งจะเหลือแค่แสงเท่านั้น ที่ยังคงอยู่ ในสถานะที่ไร้เสียงและแรงโน้มถ่วง เช่นเมนู AETHERIA เสิร์ฟกลิ่นและรสชาติเบาๆของดอกไม้นับเป็นการจบค่ำคืนอย่างสง่างาม

Deep House: เอกลักษณ์ทางดนตรีที่เคลื่อนไหวไปกับค่ำคืน ดนตรีคืออีกหนึ่งหัวใจหลักของประสบการณ์ที่ ÆTHER ตั้งใจนำเสนอ โดยเป็นแนวเพลงสไตล์ Deep House ให้เข้ากับบรรยากาศ นำโดย Britta Arnold ดีเจผู้เป็นที่รู้จักในระดับสากล ที่เป็นไฮไลท์ให้กับงานเปิดตัวในวันที่ 19 ธันวาคม ด้วยซาวด์แบบเบอร์ลินอันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยสไตล์เพลงแบบ Underground Electronic ที่ปลุกเร้าอารมณ์ให้รู้สึกมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

แขกจะได้พบกับ ไลน์อัป DJ ทั้งไทยและต่างประเทศที่สลับกันมาโชว์เคสดนตรีในสไตล์ของตัวเองกันอย่างต่อเนื่อง ถ่ายทอดความรู้สึกโดนใจคนเมืองผ่านเสียงดนตรี ตั้งแต่ท่วงทำนองละมุนหูในช่วงที่พระอาทิตย์กำลังตก ไปจนถึงพลังงานที่หนักแน่นของจังหวะเทคโนยามดึก


วิวพาโนรามาเหนือกรุงเทพฯ และสวนลุมพินี  เมื่อขึ้นมาถึง ÆTHER แล้ว จะได้พบกับวิวเมืองแบบพาโนรามา ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ พร้อมทิวทัศน์ของสวนลุมพินีจากมุมสูงที่น่าประทับใจ พื้นที่เลานจ์ที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวในระนาบเดียวกับเส้นขอบฟ้าให้ได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ และฟลอร์เต้นรำใต้แสงดาวด้านหน้าบาร์ที่ให้ทุกคนได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่

ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองก่อนเข้าสู่ปีใหม่ พ.ศ. 2569 นั้น ÆTHER เป็นจุดหมายแห่งใหม่ที่พร้อมต้อนรับทุกคนที่กำลังมองหาสถานที่เพื่อการเฉลิมฉลองจากมุมมองใหม่ๆ เพื่อสร้างความทรงจำที่ดีในคืนข้ามปี โดยแพคเกจเริ่มต้นที่ 3,500 บาท++ สำหรับประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใครในเมือง

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าชมได้ที่ @aether_bkk ในช่องทางอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ค

“วัดสระเกศฯ” ร่วมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ด้วยการเปิดให้ชม ‘ภูเขาทอง’ ถึง 4 ทุ่ม!!!

ชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน และทิวทัศน์อันงดงามยามค่ำคืน

ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๙ วัดสระเกศ เปิดภูเขาทองเพื่อให้นักท่องเที่ยวชมความงามพระอาทิตย์ตกดิน และความงามของกรุงเทพมหานครยามค่ำคืน จนถึงเวลา ๒๒.๐๐ น. ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๘ ถึง ๑๕ มกราคม ๒๕๖๙“

โดยในวันที่ ๒๓ ธ.ค. ทางวัดจะมีการทดลองเปิดให้ขึ้นภูเขาทองถึง ๔ ทุ่ม เพื่อเตรียมความพร้อม อีกทั้งยังให้ประชาชนสามารถขึ้นไปรอชมการแสดงพลุดอกไม้ไฟ งานพลุวิจิตรเจ้าพระยา ๒๕๖๘ 




ภูเขาทองได้รับการยกย่องจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดในการชมความงามของพระอาทิตย์ตกดิน และความงามยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร

“เคหะสุขประชา” เผยผลสำเร็จจากแปลงทดลองร่วมกับ “เนคเทค”

กลุ่มเปราะบางเข้าถึงระบบเกษตรคาร์บอนต่ำ สร้างอาชีพไม่กระทบชุมชน

​เคหะสุขประชา ในเครือการเคหะแห่งชาติ เผยผลสำเร็จจากการต่อยอดความร่วมมือกับเนคเทค สวทช. ทำโครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ทดลองระบบบริหารจัดการชุมชนเกษตรคาร์บอนต่ำแบบ Real-time จากแปลงสาธิตขยายผลสู่ครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง ตอกย้ำภารกิจสร้างอาชีพโดยไม่กระทบชุมชนและมีรายได้อย่างยั่งยืน




​ดร.ตวงอัฐ ชัยกิจโกสีย์ ประธานเจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาเศรษฐกิจสุขประชา และประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) ในเครือการเคหะแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการต่อยอดความร่วมมือระหว่าง บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) กับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ เนคเทค สวทช. บริษัทฯ ได้รับอนุมัติทุนวิจัยจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) สังกัดสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำหรับการทำโครงการวิจัยชื่อ “โครงการระบบบริหารจัดการชุมชนเกษตรคาร์บอนต่ำแบบ Real-time” การทดลองระบบเทคโนโลยีการควบคุมและติดตามปริมาณการใช้น้ำและไฟฟ้าที่เหมาะสมแบบ real-time เพื่อให้เกิดการปล่อยคาร์บอนจากพืชในปริมาณต่ำ โดยไม่กระทบกับชุมชนและผู้อยู่อาศัยในบ้าน
​“ศูนย์พัฒนาเศรษฐกิจสุขประชา ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการนี้ได้จัดทำแปลงเกษตรทดลอง (Sandbox) ที่ บมจ.เคหะสุขประชา สำนักงานใหญ่ (ร่มเกล้า) เพื่อปลูกผักสลัดอินทรีย์โดยใช้ระบบบริหารจัดการรดน้ำอัตโนมัติร่วมกับระบบแจ้งเตือนวัดปริมาณน้ำและความชื้นในดิน รวมถึงค่า parameter อื่นๆ ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชผักแบบ real-time และควบคุมระบบนิเวศให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ”
“การทดลองตลอดระยะเวลา 10 เดือนให้ผลลัพธ์อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ การนำเทคโนโลยีการเกษตรมาช่วยในการปลูก การติดตามผลให้กับครัวเรือนที่อยู่อาศัยในโครงการทดลองเคหะสุขประชา Sandbox ที่เป็นกลุ่มเปราะบางทางกายภาพ ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ สามารถปลูกผักที่ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ มีความแม่นยำ สามารถนำมาบริโภคในครัวเรือน รวมถึงสามารถขายเพื่อสร้างรายได้ เป็น ‘เกษตรทฤษฎีใหม่’ ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากับ ‘ศาสตร์พระราชา’ ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งศูนย์ฯ จะได้ถอดบทเรียนจากงานวิจัยนี้เพื่อพัฒนาปรับปรุงและขยายผลในพื้นที่เพาะปลูกแปลงเล็กจำนวนมาก รวมถึงพื้นที่แปลงใหญ่ต่อไปในอนาคต”​


ทั้งนี้ อาชีพเพาะปลูก (เกษตรอินทรีย์) เป็นหนึ่งใน 6 กลุ่มอาชีพที่ บมจ.เคหะสุขประชา ได้ดำเนินการตามภารกิจ “บ้านเช่าพร้อมอาชีพ” เพื่อให้ครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง สามารถสร้างอาชีพ มีรายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน