26 ธันวาคม 2568

Mantra.AI ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ BytePlus ประเทศไทย เปิดตัว Mantra Easy Media


สะเทือนวงการไอทีไทย: Mantra.AI ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ BytePlus ประเทศไทย เปิดตัว “Mantra Easy Media” แพลตฟอร์ม AI เจเนอเรชันใหม่ ใช้ง่าย ใช้ได้จริง รวดเร็ว ออกแบบเพื่อประเทศไทยโดยเฉพาะ

Mantra.AI ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ BytePlus ประเทศไทย เปิดตัว Mantra Easy Media แพลตฟอร์มสื่ออัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งถูกออกแบบมาให้ ใช้งานง่าย ใช้ได้จริง และรวดเร็ว เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจ SMEs และธุรกิจออนไลน์ โดยพัฒนาให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานชาวไทยและบริบทของตลาดประเทศไทยโดยเฉพาะ



คุณชลิตา สมุทรรัตน์ Senior Vice President จาก BytePlus ประเทศไทย กล่าวว่า  “BytePlus มองประเทศไทยเป็น ตลาดเชิงกลยุทธ์ ที่มีศักยภาพสูง ทั้งในด้านอุตสาหกรรมสื่อ บุคลากร และการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล ในวันนี้ การแข่งขันด้าน AI ไม่ได้อยู่ที่ใครมีโมเดลที่ล้ำที่สุด แต่คือใครสามารถนำ AI ไปใช้งานจริง สร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่วัดผลได้ และขยายการใช้งานในระดับประเทศได้ ซึ่งความร่วมมือระหว่าง Mantra Easy Media และ BytePlus สะท้อนแนวคิดนี้ได้อย่างชัดเจน”

แพลตฟอร์ม Mantra Easy Media ผสานเทคโนโลยี AI หลักของ BytePlus ที่ครอบคลุมมากกว่าการสร้างคอนเทนต์ แต่รวมไปถึงการผลิต การสื่อสาร และประสบการณ์แบบโต้ตอบ โดยประกอบด้วยเทคโนโลยีสำคัญ ได้แก่

● Seedance: เทคโนโลยี AI สำหรับการสร้างวิดีโอระดับองค์กร ที่ช่วยให้การผลิตคอนเทนต์สามารถขยายขนาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

● Seedream: AI Creative Engine ที่ยกระดับการเล่าเรื่องและการสื่อสารด้วยภาพ (Visual Storytelling)

● OmniHuman: เทคโนโลยี AI Digital Human ที่สามารถทำหน้าที่เป็นพิธีกร ผู้ประกาศข่าว หรือพรีเซนเตอร์ของแบรนด์ได้อย่างสมจริง

● Real-time Conversational AI: ระบบสื่อสารแบบโต้ตอบทันที สำหรับการตอบคำถาม การนำเสนอข้อมูล และการให้บริการผู้ชมแบบเรียลไทม์

เมื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกรวมอยู่ในแพลตฟอร์ม Mantra Easy Media จะช่วยให้องค์กรสามารถ ลดต้นทุน เพิ่มความเร็วในการทำงาน และสร้างโมเดลรายได้ใหม่ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ในมุมมองการขยายตลาด Mantra Easy Media ถือเป็น แพลตฟอร์ม AI ด้านสื่อ ที่สามารถต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมอื่นได้ เช่น การศึกษา การท่องเที่ยว และองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งต้องการคอนเทนต์คุณภาพสูงและการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ในระดับประเทศ การนำ AI มาใช้งานในลักษณะนี้ช่วยเพิ่มผลิตภาพแรงงาน เสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทไทย และเปิดโอกาสใหม่ให้กับนักพัฒนาและผู้สร้างเทคโนโลยีในประเทศ

คุณชลิตา กล่าวเพิ่มเติมว่า  “BytePlus เชื่อว่าการเติบโตของ AI อย่างยั่งยืน ต้องขับเคลื่อนด้วยการใช้งานจริง การสร้างรายได้จริง และการมี Ecosystem ที่แข็งแรง นั่นคือเหตุผลที่เราเลือกทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Local Partner อย่าง Mantra เพื่อให้เทคโนโลยีระดับโลกกลายเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยได้อย่างแท้จริง”

ด้านคุณอธิราช ชูเรือง CEO ของ Mantra กล่าวว่า  “ผมขอขอบคุณ BytePlus อย่างจริงใจ ที่ช่วยทำให้แนวคิดของเราและพาร์ทเนอร์เกิดขึ้นจริง พร้อมทั้งให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นความร่วมมือที่นำ AI ไปสู่การใช้งานในโลกจริง Mantra Easy Media คือความท้าทายครั้งสำคัญและก้าวที่กล้าหาญ เราเริ่มต้นจากทีมเล็ก ๆ ดึงผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ผสานระบบดิจิทัลและการตลาด เพื่อให้ AI สามารถช่วยมนุษย์ทำงาน และในบางส่วนสามารถทำงานแทนได้อย่างน่าเชื่อถือ ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรอย่างมาก”

Mantra ได้ลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มมากกว่า 50 ล้านบาท โดยออกแบบโซลูชันให้เหมาะกับสตาร์ทอัป SMEs และองค์กรธุรกิจ ช่วยให้ผู้ค้าออนไลน์และ SMEs สามารถสร้างวิดีโอ อินโฟกราฟฟิก และผู้ช่วยแชทที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อย่างง่ายดาย คาดการณ์รายได้ในปี 2569 มากกว่า 200 ล้านบาท และมีผู้ใช้งานมากกว่า 20,000 ราย

Mantra Easy Media ประกอบด้วย 3 โมดูลหลัก ได้แก่

● Mantra เนรมิต: เครื่องมือสร้างภาพและวิดีโอเสมือนจริง พร้อมเสียงและภาพที่สมจริง

● Mantra สนทนา: เครื่องมือ Conversational AI สำหรับการสื่อสารกับลูกค้า การจัดการข้อมูล และเป็นฐานความรู้ที่สามารถค้นหาได้

● Mantra ปล่อยของ: ตลาดกลางของผู้มีความสามารถ ที่ช่วยสร้างสรรค์ภาพ รีทัช หรือวิดีโอในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถมีสื่อโฆษณามืออาชีพได้

คุณอธิราช กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในอนาคตว่า

“เรากำลังพัฒนา Mantra Easy Media ให้ผู้พิการทางสายตาสามารถใช้งานได้ผ่านมือถือ ด้วยเมนูและคำสั่งเสียง รวมถึงการพัฒนา AI Books เช่น หนังสือนิทานสำหรับเด็ก และหนังสือธรรมะที่อ้างอิงตามพระไตรปิฎกอย่างถูกต้อง”

ด้านคุณณัฐพศุตม์ ภัทรคุณธีรสิริ CTO ของ Mantra กล่าวสรุปว่า “Mantra Easy Media กำลังสร้างสิ่งที่เราเรียกว่า ‘Invisible Tech’ คือเทคโนโลยีที่ทรงพลัง แต่ซ่อนความซับซ้อนไว้เบื้องหลัง ให้ผู้ใช้สัมผัสเพียงผลลัพธ์ที่ ‘ง่าย’ และ ‘ตรงจุดที่สุด’ นี่ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ใหม่ แต่คือ Intelligent Operating System ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งผสาน Engine ระดับโลกของ BytePlus เข้ากับประสบการณ์ผู้ใช้ที่ออกแบบมาเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ”

แพลตฟอร์มนี้ถูกพัฒนาบน 3 แกนหลัก ได้แก่

1. Hyper-Personalization – ระบบเรียนรู้พฤติกรรม บริบทธุรกิจ และความต้องการของผู้ใช้

2. Seamless Integration – เชื่อมต่อข้อมูลจากทุกแพลตฟอร์มไว้ในที่เดียว ไม่ต้องสลับหน้าจอ

3. Generative Capability – ด้วยพลังของ GenAI การสร้างคอนเทนต์ วิเคราะห์ข้อมูล และจัดการระบบหลังบ้าน เหลือเพียงคลิกเดียวคุณปัญชลี ตรีตราเพ็ชร Partner Director จาก BytePlus ประเทศไทย กล่าวปิดท้ายว่า

“วันนี้ไม่ใช่เพียงการเปิดตัว AI Platform ใหม่ แต่คือการเปิดตัว แนวทางการสร้าง AI Ecosystem ที่เติบโตไปพร้อมกับบริษัทไทยBytePlus เป็นหน่วยธุรกิจด้าน Enterprise Services ของ ByteDance ที่ให้บริการ AI ในระดับโลก แต่สิ่งสำคัญไม่แพ้เทคโนโลยี คือการทำงานผ่าน Local Partner และการเติบโตไปพร้อมกับ Ecosystem ของประเทศนั้น ๆ

Mantra ไม่ได้เป็นเพียงผู้ใช้งานเทคโนโลยี แต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจตลาดสื่อไทยอย่างลึกซึ้ง และสามารถแปลง AI ให้เป็นโซลูชันที่ ใช้ง่าย และใช้ได้จริง สำหรับสื่อมวลชนและผู้ประกอบการไทย”  Mantra ไม่ได้เป็นเพียงผู้ใช้งานเทคโนโลยี แต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจตลาดสื่อไทยอย่างลึกซึ้ง และสามารถแปลง AI ให้เป็นโซลูชันที่ ใช้ง่าย และใช้ได้จริง สำหรับสื่อมวลชนและผู้ประกอบการไทย”

25 ธันวาคม 2568

Royal Thai โกอินเตอร์ ยกระดับแบรนด์ เปิดตัวความร่วมมือทางศิลปะสุดพิเศษกับศิลปินระดับโลก

Royal Thai โกอินเตอร์ ยกระดับแบรนด์ เปิดตัวความร่วมมือทางศิลปะสุดพิเศษกับศิลปินระดับโลก “Manoela (Mojo + Muse)” ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ The Metropolitan Museum of Art (The MET)


นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา —Royal Thai ผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมพรมทอ Axminster และพรมทอมือ (Hand-tufted) ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ด้านความคิดสร้างสรรค์ครั้งสำคัญร่วมกับ Manoela Grigorova ศิลปินผู้เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์เจ้าของสตูดิโอ Mojo + Muse เพื่อสร้างจุดเปลี่ยนสำคัญในการผสานมรดกงานฝีมืออันประณีตของแบรนด์ Royal Thai เข้ากับศิลปะร่วมสมัยชั้นสูง ความร่วมมือสุดพิเศษนี้ได้มีการเปิดตัวรอบพิเศษ (Soft Launch) ภายในงานกาล่าครั้งยิ่งใหญ่ "Destination Indulgence: An Evening at The Met" ซึ่งจัดขึ้น ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ The Metropolitan Museum of Art (The Met) ควบคู่ไปกับงาน Boutique Design New York (BDNY) 2025

การหลอมรวมระหว่างงานฝีมือและศิลปะร่วมสมัย (A Fusion of Art and Loom)  Manoela Grigorova หรือ
ที่รู้จักในนาม Mojo + Muse ได้นำมุมมองทางศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์มาสร้างนิยามใหม่ให้กับโลกแห่งวัสดุปูพื้น โดยเธอได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติผ่านเลนส์กล้องจุลทรรศน์ พร้อมมุ่งเน้นการสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมผ่านการเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุอัปไซเคิล เพื่อสร้างสรรค์ผลงานในแนวทาง "Colourful Escapism" หรือโลกแห่งสีสันที่มอบความรู้สึกผ่อนคลาย


Royal Thai ได้ร่วมกับ Manoela พัฒนาคอลเลกชันพิเศษ (Bespoke) ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของพรมแบบเดิม โดยการถ่ายทอดเทคนิคการปักผ้าและสื่อผสม (Mixed Media) อันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ ผ่านเทคโนโลยีการทอและปักพรมขั้นสูงของ Royal Thai เปลี่ยนพื้นผิวให้กลายเป็นผืนผ้าใบสำหรับการเล่าเรื่องราวที่สร้างประสบการณ์เสมือนจริง (Immersive Storytelling)

 

 

ประสบการณ์ที่เหนือระดับ ณ The Met การประกาศความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของงานกาล่า ซึ่งมีผู้นำและผู้มีอำนาจตัดสินใจในอุตสาหกรรม Hospitality ระดับโลกเข้าร่วมกว่า 550 ท่าน

"เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ Manoela เข้าสู่ครอบครัว Royal Thai ความเชี่ยวชาญทางศิลปะของเธอคือส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับทิศทางสร้างสรรค์ใหม่ของเรา ซึ่งเห็นได้ชัดจากการติดตั้งงานศิลปะลอยตัว (Custom Installations) ที่ The Met ซึ่งวัสดุที่ให้ผิวสัมผัสโดดเด่นและสีสันที่สดใสได้ช่วยปลุกเร้าอารมณ์และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น" คุณ Gina di Roma รองประธานบริหารฝ่ายขายและการดำเนินงาน (EVP of Sales & Operations) แห่ง Royal Thai Americas กล่าว

นอกจากนี้ แขกผู้มีเกียรติยังได้รับชม พรีวิวปรัชญาการออกแบบผ่าน "พรมแดง" (Bespoke Red Carpet) ที่สั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ไหลลื่นกลมกลืนระหว่างความผ่อนคลายกับความสง่างาม โดยได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายดอกไม้  สะท้อนถึงขีดความสามารถในการผลิตตามคำสั่งพิเศษ และจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมที่ Manoela จะร่วมขับเคลื่อนในบทบาทใหม่นี้




เกี่ยวกับ Royal Thai
ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี Royal Thai คือผู้ผลิตพรมและวัสดุปูพื้นชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ในการนำงานฝีมือไทยระดับตำนานมาสู่เวทีโลก ด้วยชื่อเสียงด้านงานฝีมือที่ผสานความประณีตและคุณภาพ บริษัทได้ร่วมงานกับแบรนด์โรงแรมชั้นนำและศิลปินระดับโลก เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นแรงบันดาลใจ และยังคงเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนงานออกแบบระดับนานาชาติ เช่น Gold Key Awards และ BDNY เป็นต้น

24 ธันวาคม 2568

“สายสีแดง” ส่งมอบความสุข ขยายเวลาให้บริการถึง ตี 2


“สายสีแดง” ส่งมอบความสุข ขยายเวลาให้บริการถึง ตี 2 ในคืนเคาท์ดาวน์ เป็นของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชนรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ส่งมอบความสุข ขยายเวลาเปิดให้บริการ ถึง ตี 2 คืนวันที่ 31 ธ.ค. 68 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน    

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม ได้ให้ความสำคัญต่อการให้บริการประชาชนในระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท เพื่อเพิ่มความสะดวก และความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569 ที่จะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก กระทรวงคมนาคม จึงได้กำหนดมาตรการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง รวมถึงมอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานบูรณาการความร่วมมือในการเชื่อมโยงการเดินทางระบบขนส่งสาธารณะเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานส่งมอบความสุขให้แก่ประชาชน เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ด้วย โดยบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด พร้อมขานรับนโยบายของกระทรวงคมนาคม เพื่อให้การเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม สามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งอื่นๆได้อย่างสะดวกสบายและมีความปลอดภัย จึงได้ขยายเวลาเปิดบริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 68 โดยให้บริการจนถึงเวลา ตี 2 เพื่อเป็นการส่งมอบความสุขแทนคำขอบคุณมายังประชาชนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงมาโดยตลอด พร้อมกับเตรียมของขวัญสุดพิเศษในวันขึ้นปีใหม่ คือ กระเป๋า RED LINE รักษ์โลก มอบให้แก่ผู้ใช้บริการ จำนวน 2,026 ชิ้น ในวันที่ 1 มกราคม 2569 ซึ่งผู้โดยสารสามารถติดต่อขอรับได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารทุกสถานี ตั้งแต่เวลา 05.30 น. - 24.00 น. หรือจนกว่าของจะหมด บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ใช้บริการทุกท่านจะได้รับความสุข ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยตลอดการเดินทางในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้

สำหรับด้านมาตรการรักษาความปลอดภัย มีการจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสุนัขทหาร K9 ตรวจตราในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงจุดที่มีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดเหตุก่อการร้าย หรือเหตุวินาศกรรม พร้อมกำชับกวดขันเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง คอยสอดส่องและระมัดระวังเหตุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆทุกสถานี นอกจากนี้ยังมีการจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่ผ่านระบบ CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง โดยควบคุมการปฏิบัติงานผ่านวิทยุสื่อสาร หากเกิดเหตุด่วน เหตุร้ายขึ้นภายในสถานีรถไฟฟ้า จะสามารถดำเนินการเข้าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ขอขอบคุณในทุกการสนับสนุนตลอดทั้งปี 2568 ที่ผ่านมา และจะมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่องในปี 2569 ที่จะมาถึง เพื่อให้องค์กรเป็นผู้นำในการให้บริการเดินรถไฟฟ้าด้วยมาตรฐานระดับสากล มุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการ รักษามาตรฐานการปฏิบัติงานในด้านการเดินรถ และซ่อมบำรุง พัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพอยู่เสมอ รวมถึงรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจขององค์กร อีกทั้งสามารถเชื่อมโยงทุกการเดินทางกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมืองได้อย่างยั่งยืน

โดยท่านสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง โซเชียลมิเดียทุกแพลตฟอร์ม Facebook Fan Page, Twitter , Instagram, Youtube, Tiktok พิมพ์ชื่อ “RED Line SRTET” หรือส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.srtet.co.th

“มากกว่าการเดินทางคือ ...ความพิเศษ”
รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

SHEEP หนุนพลังวัยรุ่น ร่วมสนับสนุนกิจกรรมสร้างสรรค์ผู้นำเชียร์แห่งจุฬาฯ รุ่นที่ 76 เชื่อมต่อ ไลฟ์สไตล์ Gen Z


“SHEEP”เคสสัญชาติไทย ผู้ผลิตและออกแบบแก็ดเจ็ตที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของสินค้าและคำนึงถึงภาพลักษณ์การใช้งานของผู้ใช้ ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าไทยจากร้านAppleSheep แหล่งรวมสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์และไอที เดินหน้าสานต่อบทบาทในการสนับสนุนกิจกรรมสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ ล่าสุด ร่วมเป็นสปอนเซอร์หลัก ในการจัดกิจกรรม คัดเลือกผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่76    กิจกรรมสำคัญที่สะท้อนพลัง ความมั่นใจ และการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ของนิสิตจุฬาฯ พร้อมตอกย้ำแนวคิดของแบรนด์ที่ต้องการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ 

นายอภินันท์ ตรีรัตน์พิจารณ์ (คุณตุ่ย)  Founder&CEO บริษัท  ชีพ แก็ดเจ็ต จำกัด กล่าวว่า “SHEEP เป็นแบรนด์โดยคนไทย ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้าและการออกแบบ ควบคู่ไปกับการพาแบรนด์เข้าไปเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เราเชื่อว่ากิจกรรมคัดเลือกผู้นำเชียร์ลีดจุฬาฯ เป็นพื้นที่ที่สะท้อนพลัง ความมั่นใจ และตัวตนของคนรุ่นใหม่ได้อย่างชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับดีเอ็นเอของแบรนด์ SHEEP”                           

การร่วมสนับสนุนกิจกรรมการเฟ้นหาผู้นำเชียร์ในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการสื่อสารแบรนด์ที่มุ่งเชื่อมโยง SHEEP เข้ากับชีวิตประจำวันของกลุ่ม Gen Z ผ่านกิจกรรมที่มีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมของรั้วมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะกิจกรรมเชียร์แห่งจุฬาฯ ซึ่งแบรนด์ SHEEP สนับสนุนความกล้าแสดงออก ความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานเป็นทีมของนิสิต  



โดยกิจกรรมคัดเลือกผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 76 ครั้งนี้ SHEEPได้ร่วมเป็นสปอนเซอร์หลัก นอกจากนั้นยังได้สนับสนุนอุปกรณ์แก็ดเจ็ตลไอเทมจากแบรนด์ อาทิเคสไอโฟน,เคสไอแพค ,แมคบุ๊คเคส ฯลฯ เพื่อให้นักศึกษาได้นำไปใช้งานจริงตลอดกิจกรรม ช่วยเสริมภาพลักษณ์ด้านความพร้อม ความคล่องตัว และความมั่นใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรม พร้อมสร้างประสบการณ์การใช้งานจริง ซึ่งช่วยต่อยอดการจดจำแบรนด์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ” นายอภินันท์ กล่าวทิ้งท้าย                         

สำหรับกิจกรรมคัดเลือกผู้นำเชียร์ลีดเดอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 76 จัดขึ้นที่ศาลาพระเกี้ยว ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก ภายในบริเวณงานแบรนด์ SHEEP ยังได้ร่วมออกบูธนำสินค้าคอลเลคชั่นใหม่มาร่วมโชว์และจำหน่าย สำหรับผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รอบสุดท้ายจำนวนทั้งสิ้น 35คน ประกอบด้วยหลากหลายรอบการแข่งขัน อาทิ รอบเดินแบบ รอบการนำเชียร์ รอบตอบคำถาม และรอบการแสดงโชว์คะแนน ซึ่งสะท้อนทั้งบุคลิกภาพ ความสามารถ และศักยภาพของผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างครบถ้วน   


นอกจากนี้ ภายในงานยังได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายวงการ ร่วมตัดสินและให้คำแนะนำ สร้างสีสันและแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิด โดยผลการตัดสินมีผู้ที่ได้เป็นผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 76 มีทั้งสิ้น 15 คน และผู้ที่ได้ SUPERVOTE  by SHEEP ได้แก่ A06 ฮันนี่- ธยาดา หัตถเจริญกิจคณะพาณิชย์ศาสตร์ และการบัญชี ชั้นปีที่ 2 จะได้มาร่วมงานถ่ายแบบคอลเลคชั่นใหม่กับแบรนด์อีกด้วย โดยมีนายอภินันท์ ตรีรัตน์พิจารณ์ (คุณตุ่ย) Founder & CEO บริษัท ชีพ แก็ดเจ็ต จำกัด เป็นผู้มอบรางวัล SUPERVOTE  by SHEEP   เพื่อเป็นกำลังใจและแรงผลักดันให้กับนักศึกษาในการพัฒนาศักยภาพของตนเองต่อไป  ทั้งนี้ผู้ชนะทั้ง15 คน จะได้เป็นผู้นำเชียร์ฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้านี้                             

การร่วมเป็นสปอนเซอร์หลักการจัดกิจกรรมการคัดเลือกผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 76 ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญของแบรนด์SHEEP ในการสร้างความใกล้ชิดกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ผ่านกิจกรรมที่มีความหมาย และสะท้อนจุดยืนของแบรนด์ที่เติบโตไปพร้อมกับไลฟ์สไตล์ของ Gen Z อย่างแท้จริง

 

23 ธันวาคม 2568

สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานคร ร่วมสนับสนุนบูทสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย

ปรุงอาหารพระราชทาน แจกจ่ายผู้เข้าเคารพพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พุทธศักราช 2568 สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมสนับสนุนและปฏิบัติภารกิจจิตอาสา ณ บูทของ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย

โดยร่วมกันปรุงและจัดเตรียม อาหารสุกใหม่ พร้อมติดป้ายแสดงข้อความว่า “อาหารพระราชทาน” เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนผู้เดินทางมาเข้าเคารพพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ กิจกรรมในครั้งนี้ สโมสรฯ ได้ร่วมสมทบอาหารในหลากหลายหมวด รวมถึงอาหารฮาลาล เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของประชาชนทุกกลุ่มพร้อมทั้งจัดเตรียม ขนมและอาหารว่าง แจกจ่ายเพิ่มเติม
ด้วยความตั้งใจให้ประชาชนได้รับอาหารที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ อิ่มกาย และอิ่มใจท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสงบ สำรวม และความสามัคคี การดำเนินงานโดย พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร นายกก่อตั้งสโมสรโรตารีกรุงเทพมหานคร ร่วมด้วย นายศรีสองรัก ชัยสิทธิ์ (นายกรับเลือก) นางโสมาวรรณ สวัสดิรักษ์ นายกนอมินี พร้อมด้วยโรทาเรียนและผู้ร่วมสนับสนุน ได้แก่ โรทาเรียน สุทธิ์คุณ วันทานุ, คุณเอิร์ธ สายสว่าง,คุณวิภาณฎา กุลสุจริต นายกสมาคมการค้าธุรกิจอาหาร,คุณเบญจรงค์ โกมะหะวงศ์ จากครัวคุณต๋อย,คุณตรีพัชญ์ มหากิจวิวัฒน์, และ คุณณัฐณิชชาฐ์ มหากิจวิวัฒน์



สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานครขอร่วมแสดงความจงรักภักดีและขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายความอาลัยอย่างสุดซึ้งพร้อมยึดมั่นในอุดมการณ์แห่งการบริการเพื่อสังคมตามหลัก “Service Above Self” ด้วยการร่วมแรงร่วมใจทำความดีเพื่อส่วนรวม ในช่วงเวลาประวัติศาสตร์อันสำคัญของชาติไทย

“อมารี” ชวนหลงรักลาว ผ่านดีไซน์เรื่องเล่าท้องถิ่นและการพักผ่อนแบบร่วมสมัย

เมื่อการเดินทางไม่ได้แค่การ “ไปถึง” แต่คือการ “มาถึง” ในทุกจังหวะของวัน ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (ONYX Hospitality Group) ชวนออกเดินทางไปค้นพบเสน่ห์บทใหม่ของ สปป. ลาว ภายใต้คอนเซ็ปต์ “หลงรักลาว” การเดินทางที่จะพาคุณเข้าไปสัมผัสความงดงามของวัฒนธรรมอันละเมียด และความสงบของธรรมชาติที่ชวนหลงใหล ณ สปป.ลาว กับสองปลายทาง สองอารมณ์ ผ่านการเข้าพักที่ อมารี วังเวียง (Amari Vang Vieng) และ อมารี เวียงจันทน์ (Amari Vientiane) จากความชิลริมน้ำซองท่ามกลางขุนเขาแห่งวังเวียง สู่บรรยากาศ รูฟท็อปชมพระอาทิตย์ตกที่งดงามกับวิวโค้งน้ำโขงที่ทอดยาวใจกลางเวียงจันทน์ อีกทั้งทุกช่วงเวลายังได้รับการถ่ายทอดผ่านการผสานอย่างลงตัวของความอบอุ่นแบบไทยและความร่วมสมัย ตั้งแต่งานออกแบบ การบริการ ไปจนถึงรสชาติอาหารที่น่าจดจำ ท่ามกลางวัฒนธรรม ธรรมชาติ และมนต์เสน่ห์ในแบบลาว ที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้…ยากที่จะลืมเลือน

อมารี วังเวียง (Amari Vang Vieng) ที่นี่…ความสุขเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าที่คิด เพียงเปิดประตูระเบียงห้องพักออกไป ปล่อยสายตาให้ไหลไปกับทิวเขาหินปูนและสายน้ำซอง ความสุขก็เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย



อมารี วังเวียง ตั้งอยู่บนทำเลริมน้ำที่เงียบสงบ แต่เดินทางสะดวก ใกล้เมืองและแหล่งท่องเที่ยว เหมาะทั้งกับการ “พักผ่อนนิ่งๆ” และการออกไปสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งตามสไตล์วังเวียง ห้องพักกว่า 160 ห้อง ที่ออกแบบในโทนร่วมสมัย ผสานงานหัตถศิลป์ลาวอย่างละเมียด โปร่งโล่งด้วยหน้าต่างบานสูง ให้ธรรมชาติกลายเป็นส่วนหนึ่งของการพักผ่อน พร้อมสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่สุดในวังเวียง ที่เหมาะจะใช้เวลาช่วงเย็นเมื่อแสงอาทิตย์ค่อยๆ อ่อนลง

เรื่องกินก็ไม่เป็นรอง Essence ห้องอาหารที่เสิร์ฟทั้งอาหารลาว ไทย และนานาชาติ หรือจะนั่งจิบกาแฟ ฟังเพลงเบาๆ ที่ Cascade ล็อบบี้เลานจ์สไตล์คาเฟ่ บาร์ริมน้ำชวน “หยุดเวลา” ด้วยค็อกเทลซิกเนเจอร์จากวัตถุดิบท้องถิ่น เช่น ตะไคร้ น้ำผึ้ง มะกรูด เคล้าบรรยากาศแม่น้ำซองที่เงียบสงบ อร่อย เข้าถึงง่าย แต่มีเสน่ห์แบบอมารีท่ามกลางเมืองหลวงที่รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรม อมารี เวียงจันทน์ (Amari Vientiane) คือจุดพักผ่อนที่ลงตัวสำหรับนักเดินทางที่หลงใหลวัฒนธรรม ศิลปะ และวิถีชีวิตท้องถิ่น ด้วยทำเลที่ใกล้แลนด์มาร์คสำคัญอย่างวัดสีสะเกต ประตูชัย ตลาดเช้า และอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน ทำให้การสำรวจเมืองเป็นเรื่องง่าย

โรงแรมระดับ Upper Upscale แห่งนี้มีห้องพัก 248 ห้อง หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ตั้งแต่ทริปสั้นๆ จนถึงการพักผ่อนแบบพรีเมียม ในยามเช้า แขกผู้เข้าพักสามารถร่วมทำบุญตักบาตรตามวิถีลาว ก่อนออกเดินชมเมืองในยามสาย และในยามเย็น ไฮไลต์อยู่ที่ Stella Bar บาร์รูฟท็อปที่มองเห็นโค้งน้ำโขงแบบ 360 องศา ชมพระอาทิตย์ตกและแสงไฟเมืองอันศิวิไลซ์ พร้อมจิบค็อกเทลสูตรพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจจากท้องถิ่น ทำให้เวียงจันทน์ยามค่ำคืนดูมีเสน่ห์ขึ้นอย่างไม่ต้องพยายาม




อมารีถ่ายทอดเสน่ห์ของลาวผ่านรายละเอียดที่คัดสรรอย่างประณีต ตั้งแต่การออกแบบที่หยิบแรงบันดาลใจจากงานฝีมือ ผ้า และงานจักสานท้องถิ่น มาผสานกับเส้นสายร่วมสมัยตามเอกลักษณ์ของแบรนด์ เกิดเป็นบรรยากาศที่อบอุ่น ผ่อนคลาย และสะท้อน “กลิ่นอายลาว” อย่างพอดี ภายใต้มาตรฐานการบริการระดับสากลที่ได้รับความไว้วางใจ ความใส่ใจยังต่อเนื่องไปถึงการบริการ พนักงานซึ่งผ่านการฝึกอบรมโดยทีมอมารีจากประเทศไทย ถ่ายทอดการดูแลที่จริงใจ อบอุ่น และโอบอ้อมอารีย์ในแบบไทย ผสานความละมุนของวัฒนธรรมลาวในทุกคำทักทาย ทุกช่วงเวลาของการเข้าพัก ขณะเดียวกัน ประสบการณ์กิน-ดื่มภายใต้แนวคิด Local Flair ก็ช่วยเติมเต็มการเดินทาง ด้วยวัตถุดิบพื้นถิ่นของลาวที่นำมาตีความใหม่อย่างร่วมสมัย เคารพรากวัฒนธรรม แต่เข้าถึงง่ายและน่าจดจำ

ทั้งหมดนี้คือวิธีที่อมารีเชื่อมโยงผู้มาเยือนเข้ากับจิตวิญญาณของปลายทาง และชวนให้ค่อยๆ หลงรักลาว ผ่านประสบการณ์การเข้าพักที่อบอุ่น มีความหมาย และอยู่ในความทรงจำยาวนาน

เบเยอร์ มอบสีมูลค่า 10 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ


เบเยอร์ มอบสีมูลค่า 10 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ โดยร่วมมือสนับสนุนกับทางมูลนิธิรักษ์ไทย และมูลนิธิเพจอีจัน จากสถานการณ์ อุทกภัยที่เกิดขึ้นพร้อมกันในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อบ้านเรือน ชุมชน และโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญกับความเสียหายและความยากลำบากในการดำรงชีวิต

นางสาวพวงเพ็ญ แสงเพชร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ ตัวแทนผู้บริหาร บริษัท เบเยอร์ จำกัด ได้มอบสีทาอาคารและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท ให้แก่ มูลนิธิรักษ์ไทย และ มูลนิธิเพจอีจัน เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยในหลายจังหวัดทั่วประเทศ





การสนับสนุนในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งในด้านที่อยู่อาศัย อาคารสาธารณประโยชน์ และพื้นที่ชุมชนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม โดยสีและวัสดุที่มอบให้สามารถนำไปใช้ในการซ่อมแซมและฟื้นฟูพื้นที่จริง รองรับทั้งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและการฟื้นตัวในระยะต่อไป

นางสาวพวงเพ็ญ แสงเพชร กล่าวว่า “ในช่วงเวลาที่หลายพื้นที่ของประเทศกำลังเผชิญกับสถานการณ์อุทกภัยอย่างต่อเนื่อง เบเยอร์หวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยแบ่งเบาและบรรเทาความยากลำบาก รวมถึงสนับสนุนการฟื้นฟูให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ เบเยอร์ขอขอบคุณทีมงานของทั้งสองมูลนิธิที่ช่วยประสานและสนับสนุนการส่งมอบสีให้ถึงมือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว”

ช่องทางติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยที่ต้องการรับการสนับสนุนผลิตภัณฑ์สี
สามารถติดต่อได้ที่:มูลนิธิรักษ์ไทย https://www.raksthai.org/ 

ข้อมูลโครงการเพิ่มเติม :
https://www.beger.co.th/en/csr/beger-raks-thai-flood-relief-donation-10m-2025

T&B Media Global นำผลงานภาพยนตร์ และ แอนิเมชัน ร่วมงานระดับโลก

American Film Market (AFM) และเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Hainan Island 

บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าผลักดันอุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดสากล นำผลงานภาพยนตร์และแอนิเมชันคุณภาพของบริษัท เข้าร่วมเสนอขายและเจรจาทางธุรกิจในงาน American Film Market (AFM) 2025 ณ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พร้อมเข้าร่วมงาน เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Hainan Island International Film Festival ครั้งที่ 7 ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน



ผลงานที่นำไปร่วมเสนอในครั้งนี้ประกอบด้วย ภาพยนตร์ Start It Up วัยสตาร์ท น็อนสต็อป และ อคิลลิสเคิร์ส กับ สมบัติต้องคำสาป (Achilles Curse and the Curse of Treasure) รวมถึงซีรีส์แอนิเมชัน 4 เรื่อง ได้แก่ Out of the Nest องครักษ์พิทักษ์เจี๊ยบ, Shelldon, Food Truckers และ Friendzspace นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์ Televil มันแอบในจอ ผลงานจากบริษัท ไนท์ เอดจ์ พิคเจอร์ส เข้าร่วมการเจรจาทางธุรกิจในเวทีระดับนานาชาติอีกด้วย

งาน American Film Market (AFM) ถือเป็นตลาดซื้อขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และคอนเทนต์ระดับโลก ที่รวบรวมค่ายภาพยนตร์ ผู้จัดจำหน่าย แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง และผู้สร้างสรรค์ผลงานจากทั่วโลก โดยในปี 2025 มีบริษัทเข้าร่วมมากกว่า 285 บริษัท จาก 35 ประเทศ ซึ่ง T&B Media Global ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้แทนจากประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสทางธุรกิจ ขยายเครือข่ายพันธมิตร และผลักดันผลงานภาพยนตร์และแอนิเมชันไทยสู่ตลาดต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยมี ลลิตา หอมแสงประดิษฐ์ Content Sale Director และทีมงาน เข้าร่วมงาน



นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เข้าร่วมงาน เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติไห่หนาน ครั้งที่ 7 (7th Hainan Island International Film Festival) ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองซานย่า มณฑลไห่หนาน ประเทศจีน ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีนโดยเทศกาลดังกล่าวเป็นเวทีสำคัญในการรวมตัวของผู้สร้างภาพยนตร์และบุคลากรในอุตสาหกรรมจากหลากหลายประเทศ เพื่อฉายผลงาน แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติ โดยมี ณัฐณัยญา มากเหลือ  Senior Marketing and Contents Manager เป็นตัวแทนเข้าร่วมงาน เพื่อพบปะพันธมิตรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์จากทั่วโลก สะท้อนถึงบทบาทของ ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล ในการขับเคลื่อนคอนเทนต์ไทยให้ก้าวสู่เวทีอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง

22 ธันวาคม 2568

ÆTHER ทะยานขึ้นสู่ฟ้า พร้อมดีไซน์ล้ำยุคบนชั้นสูงสุดของ Central Park

ÆTHER ทะยานขึ้นสู่ฟ้า พร้อมดีไซน์ล้ำยุคน่าตื่นตา บนชั้นสูงสุดของ Central Parkค็อกเทลเลานจ์แห่งใหม่ พร้อมวิวพาโนรามาใจกลางกรุงเทพฯ


Watermelon Group ประกาศเปิดตัว ÆTHER (อีเธอร์) ค็อกเทลเลานจ์ที่จะเปลี่ยนภาพจำของรูฟท็อปแบบเดิมๆ ด้วยดีไซน์แบบ Futuristic ที่ไม่ซ้ำใคร ล้อมรอบด้วยเส้นขอบฟ้าและวิวสูงจากชั้น 44 ของอาคาร Central Park Offices โดย ÆTHER จะเปิดมุมมองใหม่ และส่งต่อพลังงานที่จะชวนให้ทุกคนได้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน และสนุกกับการเป็นตัวเองอีกครั้ง ผ่านบรรยากาศแห่งแสง สี เสียง และ โปรแกรมเครื่องดื่มค็อกเทลชั้นยอด

ÆTHER ถูกออกแบบมาเพื่อเติมมิติใหม่ให้กับเส้นขอบฟ้าของย่านสีลม ด้วยลำโพงสีเงินขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านล้อรับกับแสงดวงอาทิตย์ องค์ประกอบของเฟอร์นิเจอร์สไตล์เรียบหรูนั่งสบาย และแสงสีที่ออกแบบมาเพื่อสร้างบรรยากาศให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนมีลูกเล่นและสีสันที่แปลกตา สะท้อนให้เห็นถึงดีเอ็นเอของ ÆTHER ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเทพเจ้าแห่งแสงและชั้นบรรยากาศในตำนานกรีก นำเสนอนิยามความเท่ความผสานกับศาสตร์การทดลอง และความประณีตในทุกรายละเอียด

วิสัยทัศน์ใหม่จาก Watermelon Group
ÆTHER คือคอนเซ็ปต์ใหม่ล่าสุดจาก Watermelon Group กลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์และไนท์ไลฟ์ที่มีทั้งร้านอาหารและบาร์อยู่ทั่วกรุงเทพฯ โดยแต่ละแห่งต่างสะท้อนบุคลิกและไลฟ์สไตล์เฉพาะตัวของพื้นที่นั้นๆ ตั้งแต่ย่านทองหล่อที่เต็มไปด้วยแสงสีและชีวิตชีวา ย่านหลังสวนที่หรูหราทันสมัย ล่าสุด ÆTHER ได้ขยายแผนที่ของ Watermelon Group มาถึงย่านสีลมซึ่งเป็นหัวใจของกรุงเทพฯในด้านวัฒนธรรมและความมีชีวิตชีวา ด้วยรูฟท็อปที่ขับเคลื่อนด้วยดีไซน์และดนตรี นำเสนอประสบการณ์ร่วมสมัย และตอบโจทย์การเข้าถึงอารมณ์ของผู้คนมากขึ้น



“ÆTHER ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ที่ผู้คนได้กลับมามีความสุขกับโมเมนต์ปัจจุบัน” กล่าวโดย คุณบิ๊ง ภัทริสร์ จิตรถเวช ผู้ร่วมก่อตั้ง Watermelon Group “ผมและทีมภาคภูมิใจมากที่ได้แบ่งปันสถานที่แห่งนี้ ที่พวกเราช่วยกันสร้างสรรค์ประสบการณ์ให้กับผู้ที่ชอบนั่งดื่มให้ได้สนุกสนานกับบรรยากาศใหม่ๆ และแนวดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยความตั้งใจ”

ค็อกเทลโปรเกรสซีฟโดย เดปป์-นพป์เศรษฐ์ หิรัญวาทิต จาก Rabbit Hole การออกแบบโปรแกรมเครื่องดื่มค็อกเทลของ ÆTHER นำโดย เดปป์-นพป์เศรษฐ์ หิรัญวาทิต Head Bartender จาก Rabbit Hole ซึ่งมีความสามารถโดดเด่นด้านการผสมผสานเทคนิคสมัยใหม่แบบ Progressive  ไม่ว่าจะเป็นการกลั่น  การควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำ และการสกัดรสชาติออกมาจากวัตถุดิบ เพื่อสร้างสรรค์ค็อกเทลที่เหมาะกับแต่ละช่วงเวลา ตั้งแต่กลิ่นและรสชาติเบาๆสำหรับช่วงหัวค่ำ ไปจนถึงเมนูที่มีความเข้มข้นและซับซ้อนมากขึ้นสำหรับยามค่ำคืน

เมนูของ ÆTHER ออกแบบมาให้ทุกคนได้เคลื่อนผ่านชั้นบรรยากาศและอารมณ์ซึ่งแบ่งได้ทั้งหมดเป็น 3 ช่วง เริ่มตั้งแต่ GROUND STATE อย่าง AWAKEN.ING ที่ใช้เทคนิคการหมัก (fermentation) และการรมควัน (smoke) เป็นหลัก เปิดต่อมรับรสในช่วงหัวค่ำของวันด้วยกลิ่นและรสของสมุนไพร หรือเปรียบเสมือนช่วงแห่งการตื่นรู้ ต่อด้วยเมนูในช่วง TRANCEND หรือช่วงยกระดับความสนุกและลูกเล่นของเครื่องดื่ม เช่น เมนู CITY FLORA    ที่ใช้กลิ่นหอมและรสชาติจากดอกไม้และผลไม้ตระกูลซิตรัส ดังช่วงแห่งความกระจ่างชัด และปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มในเซคชั่น EXOSPHERE . BEYOND ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการหยุดนิ่งซึ่งจะเหลือแค่แสงเท่านั้น ที่ยังคงอยู่ ในสถานะที่ไร้เสียงและแรงโน้มถ่วง เช่นเมนู AETHERIA เสิร์ฟกลิ่นและรสชาติเบาๆของดอกไม้นับเป็นการจบค่ำคืนอย่างสง่างาม

Deep House: เอกลักษณ์ทางดนตรีที่เคลื่อนไหวไปกับค่ำคืน ดนตรีคืออีกหนึ่งหัวใจหลักของประสบการณ์ที่ ÆTHER ตั้งใจนำเสนอ โดยเป็นแนวเพลงสไตล์ Deep House ให้เข้ากับบรรยากาศ นำโดย Britta Arnold ดีเจผู้เป็นที่รู้จักในระดับสากล ที่เป็นไฮไลท์ให้กับงานเปิดตัวในวันที่ 19 ธันวาคม ด้วยซาวด์แบบเบอร์ลินอันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยสไตล์เพลงแบบ Underground Electronic ที่ปลุกเร้าอารมณ์ให้รู้สึกมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

แขกจะได้พบกับ ไลน์อัป DJ ทั้งไทยและต่างประเทศที่สลับกันมาโชว์เคสดนตรีในสไตล์ของตัวเองกันอย่างต่อเนื่อง ถ่ายทอดความรู้สึกโดนใจคนเมืองผ่านเสียงดนตรี ตั้งแต่ท่วงทำนองละมุนหูในช่วงที่พระอาทิตย์กำลังตก ไปจนถึงพลังงานที่หนักแน่นของจังหวะเทคโนยามดึก


วิวพาโนรามาเหนือกรุงเทพฯ และสวนลุมพินี  เมื่อขึ้นมาถึง ÆTHER แล้ว จะได้พบกับวิวเมืองแบบพาโนรามา ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ พร้อมทิวทัศน์ของสวนลุมพินีจากมุมสูงที่น่าประทับใจ พื้นที่เลานจ์ที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวในระนาบเดียวกับเส้นขอบฟ้าให้ได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ และฟลอร์เต้นรำใต้แสงดาวด้านหน้าบาร์ที่ให้ทุกคนได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่

ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองก่อนเข้าสู่ปีใหม่ พ.ศ. 2569 นั้น ÆTHER เป็นจุดหมายแห่งใหม่ที่พร้อมต้อนรับทุกคนที่กำลังมองหาสถานที่เพื่อการเฉลิมฉลองจากมุมมองใหม่ๆ เพื่อสร้างความทรงจำที่ดีในคืนข้ามปี โดยแพคเกจเริ่มต้นที่ 3,500 บาท++ สำหรับประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใครในเมือง

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าชมได้ที่ @aether_bkk ในช่องทางอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ค