20 พฤษภาคม 2567

เปิดตัว “พญาไท พหลโยธิน” รพ.เรือธงสำหรับคนยุคใหม่ของเครือ รพ.พญาไท-เปาโล

เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เดินหน้ายกระดับการให้บริการด้านการแพทย์ที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มวัย และมี Active Lifestyle มากขึ้น เปิดตัว “พญาไท พหลโยธิน” เพื่อยกระดับการให้บริการด้านการแพทย์ที่ตอบโจทย์ทุกวัยและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ภายใต้แนวคิด ‘สู่ยุคใหม่ของสุขภาพที่ดีกว่า เพื่อทุกคน’ (It’s Time For The New Age of Holistic Healthcare) ด้วยการส่งมอบประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่ครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยี (Digital Transformation) และนวัตกรรมการบริการที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ทำให้การดูแลผู้ป่วยสะดวกและเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมทีมแพทย์เฉพาะทางและศูนย์ความเป็นเลิศที่หลากหลาย ภายใต้อัตลักษณ์ของกลุ่มรพ. พญาไท ด้วยมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยระดับสากล 

นายอัฐ ทองแตง ประธานคณะผู้บริหาร เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เปิดเผยว่า “เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล ไม่หยุดพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ พร้อมเตรียมความพร้อมของทีมบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้บริการ ล่าสุดได้เปิดตัว ‘โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน’ ภายใต้แนวคิด NEW AGE OF HOLISTIC HEALTHCARE สู่ยุคใหม่ของสุขภาพที่ดีกว่า เพื่อทุกคน” 

นายอัฐ กล่าวถึงการ Rebrand ว่ากลุ่มโรงพยาบาลพญาไท ต้องการมาตรฐานเดียวกัน ร่วมบริหารทรัพยากรและการดูแลผู้ป่วยระหว่างพญาไท 1 พญาไท 2 และพญาไท พหลโยธิน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่ม New Age ที่สนใจสุขภาพและมี Active Lifestyle โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน จึงถือเป็นโรงพยาบาลแห่งยุคที่ตอบโจทย์นี้ 

นอกจากนี้ การพลิกโฉมครั้งนี้ยังสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ ไลฟ์สไตล์ของผู้คน และสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ย่านธุรกิจขยายตัวมากขึ้น ทำให้กลุ่มผู้ใช้บริการเปลี่ยนแปลงตาม จากครอบครัวใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยว มีกลุ่มคนทำงาน คนรุ่นใหม่ ชาวต่างชาติ และสังคมผู้สูงวัยที่สนใจสุขภาพมากขึ้น การเปิดตัวนี้จึงตอบโจทย์กลุ่ม New Age ทุกเพศทุกวัยที่ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดี  


ผศ.นพ.วีรยะ เภาเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน กล่าวว่า “โรงพยาบาลเปิดขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการด้านสุขภาพของผู้คนในพื้นที่ ด้วยการนำเทคโนโลยี (Digital Transformation) และนวัตกรรมการบริการเข้ามายกระดับการดูแลผู้ป่วยกลุ่ม New Age ที่ต้องการความรวดเร็วและบริการที่ตอบสนองเฉพาะบุคคล เช่น แอปพลิเคชัน Health Up ที่ช่วยนัดหมายและติดตามการนัดจากที่บ้าน รวมถึงบริการ Telecare ปรึกษาปัญหาสุขภาพ 24 ชั่วโมง เพิ่มความสะดวกสบายทั้งผู้ใช้บริการและบุคลากรทางการแพทย์” 

ผศ.นพ.วีรยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “พญาไท พหลโยธิน ต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์จากโรงพยาบาลที่คนมารักษาโรคเป็นสถานที่สำหรับช้อปปิ้งสุขภาพ เน้นการสร้างเสริม Health & Wellness ในทุกมิติ การ Rebrand นี้ยังช่วยลดความหนาแน่นของผู้ใช้บริการที่พญาไท 1 และพญาไท 2 ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ Mass Transit (สายสุขุมวิท) ทั้งสองโรงพยาบาลจะร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้และทรัพยากรทางการแพทย์ด้วยบริการแบบ Hospitality เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลทุกเพศทุกวัยได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น” 

ผศ.นพ.วีรยะ กล่าวต่อว่า พญาไท พหลโยธิน ได้พัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์ 5 ศูนย์ เพื่อยกระดับการรักษาที่มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ประกอบด้วย 

ศูนย์ศัลยกรรมโรคในช่องท้อง: ให้บริการผ่าตัดแบบส่องกล้องขั้นสูง แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว 

สถาบันกระดูกและข้อ: นำเทคโนโลยีผ่าตัดกระดูกสันหลังแบบส่องกล้อง และการซ่อมแซมข้อไหล่ ข้อศอก และข้อเข่า สำหรับผู้บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและข้อสะโพก เป็นต้น 

ศูนย์ทันตกรรม Digital Dental: ใช้นวัตกรรมดิจิทัลในการรักษาด้านทันตกรรม 

ศูนย์ Let’s talk: ให้บริการ ปรึกษาปัญหาสุขภาพใจ พร้อมพื้นที่ทำกิจกรรมบำบัดในบรรยากาศอบอุ่นและปลอดภัย 

ศูนย์ Love Space: ดูแลสุขภาพเพศ พื้นที่ Safe Zone สำหรับทุกคน สามารถรับคำปรึกษาผ่าน Telecare ได้ 


นอกจากนี้ยังมีศูนย์บริการเฉพาะทางอื่นๆ เช่น ศูนย์พัฒนาการเด็ก และศูนย์ตรวจสุขภาพครบวงจร เพื่อส่งเสริม Well-being ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงผู้ใหญ่ 

โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน มุ่งมั่นนำเสนอประสบการณ์การรักษาที่มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำงานสอดประสานกันอย่างลงตัว ระหว่างแพทย์ที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ และบุคลากรที่ทำงานด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเท รวมถึงเทคโนโลยีที่คัดสรรอย่างดีที่สุด ทั้งหมดทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้ผู้ป่วยได้ผลลัพธ์ทางการรักษาที่ดีเยี่ยม โดยคำนึงถึง 'Value - based Healthcare' คุณค่าในการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด โดยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ต้องได้รับการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพและคุ้มค่า ภายใต้มาตรฐาน พญาไท พหลโยธิน" ผศ.นพ.วีรยะ กล่าวสรุป 

#PhyathaiPhaholyothin #โรงพยาบาลพญาไทพหลโยธิน  #NewAgeOfHolisticHealthcare #สู่ยุคใหม่ของสุขภาพที่ดีกว่าเพื่อทุกคน 

ชาวบ้านสุขใจ พร้อมขอบคุณ พม.ยะลา จับมือภาคีเครือข่าย ร่วมส่งมอบบ้านชายแดนใต้

วันที่ 20 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.00 น. ณ หมู่ 2 ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา นายสมใจ  บุญอาจ  ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จังหวัดยะลา พร้อมด้วยนายมะสักรี  ขาลี ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง ปฏิบัติภารกิจ/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำตำบลสะเอะ หน่วยกองกำลังทหารพราน 4714 ผู้นำท้องที่ บัณฑิตอาสาฯ และเจ้าหน้าที่นิคมฯ ลงพื้นที่ส่งมอบบ้านให้แก่กลุ่มเป้าหมายตามโครงการตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2567 ราษฎรครอบครัวยากจนที่ตกเกณฑ์ด้านที่อยู่อาศัยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดรายตัวชี้วัด ความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) ระดับอำเภอ ปี 2566


นายสมใจ บุญอาจ กล่าวว่านิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จังหวัดยะลา สังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินงานโครงการตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยดำเนินการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจำนวนทั้งสิ้น 151 หลัง ในพื้นที่อำเภอบันนังสตา จำนวน 45 หลัง อำเภอกรงปินัง จำนวน 23 หลัง และอำเภอเมือง จำนวน 83 หลัง  โดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2567 ตามยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง แผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โครงการพัฒนาพื้นที่ตามศักยภาพของพื้นที่ กิจกรรมหลัก  ตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน กิจกรรมย่อย  ปรับปรุงซ่อมแซมที่พักอาศัยให้แก่ครอบครัวคนยากจนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้


นายมะสักรีฯ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของอำเภอกรงปินัง ในปีนี้ได้รับจัดสรรจำนวนทั้งสิ้น 23 หลัง  ซึ่งในวันนี้ได้ส่งมอบบ้าน จำนวน 1 หลัง คือนางเอ นามสมมุติ อายุ 75 ปี  สถานะภาพ หม้าย ไม่มีอาชีพ รายได้ มาจากเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 700 บาท ไม่มีบุตร อาศัยอยู่กับหลานสาวเป็นดูแล รายได้ไม่เพียงพอต่อการครองชีวิต สภาพบ้านเป็นบ้านไม้ยกพื้น มีห้องน้ำ  มีความต้องการเปลี่ยนพื้นไม้ที่มั่นคงแข็งแรง

นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จังหวัดยะลา พร้อมจะส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ให้สมาชิกนิคมฯ และประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับสิทธิที่พึงได้รับอย่างเหมาะสม มีคุณภาพชีวิตที่ดี ตลอดจนมีที่อยู่อาศัยและอาชีพที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ต่อไป นายสมใจ กล่าวในตอนท้าย

#นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้จังหวัดยะลา

#พมช่วย24ชั่วโมง

19 พฤษภาคม 2567

SCGD ผสานพลัง “ผู้แทนจำหน่าย” ทั่วไทย

รวมพลังทุกช่องทางสร้างการเติบโต SCGD  ผสานพลัง “ผู้แทนจำหน่าย” ทั่วไทย ควบเทรนด์การตลาดแบบดิจิทัล พร้อมเสริฟนวัตกรรมกระเบื้อง สุขภัณฑ์ และก๊อกน้ำ หนุนเป้าโต 2 เท่า

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้สร้างโอกาสมากมายให้กับธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตลาดในรูปแบบใหม่หรือการตลาดดิจิทัลที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำการตลาดไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง  ท่ามกลางรอยต่อของของการเปลี่ยนแปลง การดำเนินกลยุทธเพื่อปรับตัวให้เข้ากับวิถีแนวคิดหรือรูปแบบการดำเนินกิจกรรมการตลาดในสมรภูมิการแข่งขันใหม่เป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าจับตามองอย่างยิ่ง

ใครที่ติดตามข่าวคราวกิจกรรมจาก เอสซีจี เดคคอร์ หรือ SCGD เป็นต้องได้เห็นงานที่จัดเต็มจัดใหญ่เพื่อผู้แทนจำหน่ายมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ งาน “SCGD The Next Chapter on Tour 2024” ที่จัดคาราวานออนทัวร์ทั่วไทยพบผู้แทนจำหน่ายทุกภาค นำเสนอนวัตกรรม และสินค้าใหม่ให้ได้เลือกเข้าร้านก่อนใครเมื่อช่วงต้นปี หรืออีกหนึ่งงานหรูที่ชูความเป็น Exclusive พร้อมรางวัลสนับสนุนสุดพิเศษสำหรับ กลุ่มผู้แทนจำหน่ายจากทั่วประเทศที่มียอดขายทะลุเป้าอย่างงาน “COTTO Top Rank Award 2023 : The Grandeur Gatherings” ล้วนเป็นกิจกรรมที่ตอกย้ำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่น สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของช่องทางจัดจำหน่ายหลักที่ยังทรงอิทธิพลและเป็นช่องทางที่ SCGD  ให้ความสำคัญอยู่ไม่น้อย 

นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD ให้ความเห็นว่า “แม้ว่าธุรกิจวัสดุก่อสร้างและตกแต่งพื้นที่อยู่อาศัย จะให้ความสำคัญกับการเพิ่มโอกาสทางการขายสินค้า รวมถึงบริการ ผ่านช่องทางรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าช่องทางจัดจำหน่ายในรูปแบบที่ใกล้ชิดกับลูกค้า หรือ ร้านผู้แทนจำหน่าย (Dealer) ยังคงเป็นช่องทางที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับ SCGD เพราะสามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้อย่างตรงจุดตรงใจ จากการสั่งสมประสบการณ์การทำธุรกิจที่มีความเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ซึ่งนับเป็นข้อได้เปรียบของ SCGD ที่มีพันธมิตรโดยเฉพาะเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศเกือบ 600 รายที่มีศักยภาพและเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันยอดขายในประเทศไทยที่สูงถึง 50% ของยอดขายทั้งหมด ร่วมกับการที่ SCGD นำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาร่วมผสมผสานเติมช่องว่างและสร้างรูปแบบการตลาดที่มีประสิทธิภาพแบบไร้รอยต่อ”

สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพที่น่าจับตามองของ “เครือข่ายพันธมิตรผู้แทนจำหน่าย” ในฐานะกุญแจดอกสำคัญที่ร่วมเป็นพลังหลักในการขับเคลื่อน  SCGD รุกขยายตลาดกระเบื้อง สุขภัณฑ์และก๊อกน้ำ ให้เติบโตใน ASEAN และบรรลุเป้าหมายตามที่ประกาศไว้ โดยเฉพาะการเติบโต 2 เท่า ภายในปี 2573

นายนำพล สรุปเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบัน เอสซีจี เดคคอร์ หรือ SCGD สามารถเข้าถึงลูกค้าในทุกรูปแบบ ทั้งช่องทางหน้าร้านและร้านออนไลน์ของตัวเอง ได้แก่ COTTO LiFE รวม 3 สาขา ที่ กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น และเชียงใหม่ ตลอดจนร้านค้าคลังเซรามิคกว่า 100 สาขาครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของไทย  ที่สำคัญ คือ มีเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย (Dealer) เกือบ 600 รายในไทย และกว่า 250 รายในต่างประเทศ รวมถึงตัวแทนจำหน่ายต่อ (Sub-Distributors) กว่า 10,000 รายทั่วโลก ร่วมกับการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย”

“บีไอจี” จับมือ “วิศวะ จุฬา” ลงนามความร่วมมือ Carbon Management Platform

จัดการ - ลดการปล่อยคาร์บอนด้วย Climate Technology

บีไอจี จับมือ วิศวะ จุฬาฯ ลงนามความร่วมมือในการจัดการตรวจสอบและวิเคราะห์แนวทางการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้งานและการบำรุงรักษาพลังงาน รวมถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยใช้ Carbon Management Platform ที่พัฒนาโดยบีไอจี ยกระดับการบริหารจัดการพลังงานในสถาบันการศึกษา พร้อมร่วมกันศึกษาการนำ Climate Technology มาใช้ประโยชน์นอกเหนือจากภาคอุตสาหกรรม

การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ คุณปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจี เป็นผู้ลงนาม โดยความร่วมมือระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบีไอจี ครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมจาก Climate Technology ในการตรวจสอบและช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคสถาบันการศึกษา

ศ.ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณะบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ให้ความสำคัญในเรื่องการศึกษาวิจัย รวมถึงนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การจัดการก๊าซเรือนกระจก โดยจุฬาฯ ประกาศเจตนารมณ์เดินหน้าลดก๊าซเรือนกระจกในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emissions) ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593) รวมถึงคณะวิศวะฯ เป็นหนึ่งในสองคณะในจุฬาฯ ที่ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร จึงได้ร่วมมือกับบีไอจีในการนำนวัตกรรมรวมถึง Platform ที่ช่วยในการวางแผนและติดตามเพื่อช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในรูปแบบ Carbon Management Platform ที่บีไอจีพัฒนาขึ้น มาใช้งานร่วมกับ Platform ที่ทางคณะฯ และสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน (CBiS) ได้พัฒนาขึ้น มาใช้งานในคณะวิศวะฯ ซึ่งจะช่วยบริหารจัดการด้านพลังงานอย่างยั่งยืนและช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนจากใช้พลังงานในอาคารต่างๆ ภายในคณะ”

คุณปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจี กล่าวเพิ่มเติม “บีไอจี ในฐานะผู้นำนวัตกรรมด้าน Climate Technology และเป็นผู้ริเริ่มในการสร้างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) สำหรับภาคอุตสาหกรรมไทย โดยเป็นบริษัทในเครือแอร์โปรดักส์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนระดับโลก บีไอจีจึงตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน จึงมีการพัฒนา Carbon Management Platform เพื่อใช้จัดการ ตรวจสอบและวิเคราะห์การปล่อยคาร์บอนฯ พร้อมนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับภาคการศึกษาเป็นครั้งแรกในการตรวจสอบการใช้งานและการบำรุงรักษาพลังงาน รวมถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้งาน Carbon Management Platform จากบีไอจีนั้น สามารถนำไปวางแผนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยอาศัยความชำนาญของบีไอจีมาช่วยสนับสนุนให้กับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ร่วมกัน และตอกย้ำความมุ่งมั่นของบีไอจีที่จะสร้างอนาคตที่สะอาดตามกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ GENERATING A CLEANER FUTURE ร่วมกัน”


17 พฤษภาคม 2567

“SACIT Concept 2024 : Geographical Indications of Art and Craft”


    SACIT ขอเชิญชวนเข้าร่วมนิทรรศการแสดงผลงานแสดงกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ จากผลงานผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม 30 ราย กับนักออกแบบ 10 ราย ผู้ผ่านการคัดเลือก Craft Design Pitching & Matching

    กรุงเทพฯ 9 พฤษภาคม 2567 : สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.จัดกิจกรรมคัดเลือก และกิจกรรมการจับคู่ Pitching & Matching ระหว่างผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรมกับนักออกแบบ ในโครงการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์ (SACIT Concept 2024 : Geographical Indications of Art and Craft) ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ในปัจจุบัน


นางสาวนฤดี ภู่รัตนรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย เผยว่า โครงการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์ (SACIT Concept 2024 : Geographical Indications of Art and Craft) ภายใต้ธีม GI Smart Craft Combinations: คราฟต์ ผสมผสาน อย่างชาญฉลาด เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการออกแบบรวมถึงผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรมได้มีโอกาสผสมผสานร่วมกันระหว่างเทคนิค วัสดุ ฯลฯ

สำหรับการคัดเลือก และกิจกรรมการจับคู่ Pitching & Matching ในรอบนี้สถาบันได้รับเกียรติจาก คณะกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน ร่วมในการตัดสิน ได้แก่ หม่อมหลวงคฑาทอง ทองใหญ่ นักวิชาการพาณิชย์ เชี่ยวชาญ นางกิติยาพร สาธุเสน ผู้อำนวยการกองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์กระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนจาก King Power นายภูสิษฐ์(พีรวงศ์) จาตุรงคกุล ที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผศ.ดร.ดุจหทัย วงษ์กะพันธ์ หัวหน้าภาควิชานฤมิตศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


กรรมการได้ทำการคัดเลือกผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม 30 ราย กับนักออกแบบ 10 ราย โดยหลักเกณฑ์การพิจารณาสำหรับผู้ผลิต ผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม แนวความคิด เรื่องราว ภูมิปัญญา และแรงบันดาลใจ, ข้อมูลประกอบด้านเทคนิค และวัสดุที่ใช้ผสมผสานในการผลิตผลงาน, รูปภาพผลงาน ผลิตภัณฑ์ที่เคยสร้างสรรค์ มีความสวยงาม ปราณีต และโดดเด่น, ประสบการณ์ ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตราฐานรับรอง และรางวัลที่เคยได้รับ หลักเกณฑ์การพิจารณาสำหรับนักออกแบบ แนวคิด และแรงบันดาลใจในการผลิตผลักดันคุณค่าของผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยรวมถึงเทคนิคและวัสดุที่ใช้ผสมผสานในการผลิตผลงานเพื่อให้เกิดความยั่งยืนและต่อยอดเชิงพาณิชย์, รูปภาพผลงาน ผลิตภัณฑ์ที่เคยสร้างสรรค์ มีความสวยงาม ปราณีต และโดดเด่น, ประสบการณ์ และรางวัลที่เคยได้รับ และได้พิจารณาจับคู่ (Pitching & Matching) ระหว่างผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรมกับนักออกแบบ

สถาบัน กำหนดจัดนิทรรศการแสดงกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ภายใต้ SACIT Concept จากผลงานผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม 30 ราย กับนักออกแบบ 10 ราย ผู้ผ่านการคัดเลือก Craft Design Pitching & Matching ในงาน Craft Bangkok 2024 นางสาวนฤดี ภู่รัตนรักษ์ กล่าวปิดท้าย

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน)ที่อยู่ 59 หมู่ 4 ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13290 ; โทรศัพท์. 0 3536 7054-9; โทรสาร. 0 3536 7050-1; สายด่วน. 1289; อีเมล. info@sacit.or.th

นศ. สจล. โชว์ทักษะเต้น คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ได้สิทธิ์ไปแข่งระดับโลก

ขอแสดงความยินดีกับ นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สลจ.) ตัวแทนจากชมรม "KCrush Dance Team" ที่มีโอกาสได้ร่วมกับทีม URBAN SQUAD MEGACREW เข้าแข่งขัน Thailand Hip Hop Dance Championship 2024 ปีที่ 11 ณ Ultra Arena Hall ชั้น 5, Bravo กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4-5 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา

ผลการแข่งขัน ทีม URBAN SQUAD MEGACREW ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 รุ่น Megacrew (1st PLACE MEGACREW DIVISION CHAMPION) และได้เป็นตัวแทนประเทศไทย ไปแข่งขันเต้นฮิปฮอปชิงแชมป์โลก WORLD HIP HOP DANCE CHAMPIONSHIP 2024 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา


สำหรับการแข่งขันเต้นฮิปฮอปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย "THAILAND HIP HOP DANCE CHAMPIONSHIP 2024" ชิงแชมป์ประเทศไทย ซึ่งจัดโดย HHI Thailand (Hip Hop International Thailand) เป็นองค์กรผู้นำด้านการแข่งขันเต้นฮิปฮอปอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ดำเนินงานมาแล้วกว่า 10 ปี มีเป้าหมายในการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับวงการฮิปฮอปไทย พร้อมยกมาตรฐานการเต้นในประเทศไทยให้ทัดเทียมกับสากล และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ



กิจกรรมนี้ ผู้เข้าแข่งขันจะได้พัฒนาทักษะต่าง ๆ อีก เช่น การคิดอย่างสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกันเป็นทีม ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ในการให้โอกาสเด็กและเยาวชนได้แสดงศักยภาพความสามารถที่มีออกมาแบบไร้ขีดจำกัด ซึ่งสามารถสู้กับนานาประเทศ ในระดับสากลได้อย่างแน่นอน ร่วมให้กำลังใจ เด็กและเยาวชนตัวแทนประเทศไทย ในแข่งขันเต้นฮิปฮอปชิงแชมป์โลก WORLD HIP HOP DANCE CHAMPIONSHIP 2024 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาต่อไป

ติดตามข้อมูลข่าวสาร สจล. เพิ่มเติมได้ที่ www.kmitl.ac.th www.kmitl.ac.th
หรือ facebook.com/kmitlofficial  และหมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000-99

หมายเหตุ รายชื่อนักศึกษาเข้าร่วมแข่งขัน ได้แก่

1.นางสาวศศิภา เรือนนาค บัณฑิตคณะวิทยาศาสตร์

2.นางสาวจุฑามาศ กัลยาณพงศ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 5 คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ

3.นายกฤษพล ยะราช นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะบริหารธุรกิจ

4.นางสาวปทุมพร ใจโปทา นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์

5.นายธนิศร กันทา นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิทยาศาสตร์

6.นายอมรเวธน์ วาสรับ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์

7.นายรัชพล ธนาสุจารี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์

16 พฤษภาคม 2567

พนิตตา ศรีสอาด ควงสองหนุ่ม บุรินทร์ นาคเจริญ และวีรศักดิ์ ชุณหจักร สังสรรค์วันคล้ายวันเกิดโมเมนต์นี้อบอุ่นหัวใจ


ฉลองวันเกิดปีนี้ พนิตตา ศรีสอาด ควงสองหนุ่ม บุรินทร์ นาคเจริญ (โจ๊บ) และวีรศักดิ์ ชุณหจักร (อิ่ม) ฉลองวันเกิดที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ในปีนี้ถูกจัดขึ้นที่ห้องอาหารเกาหลี "หยาง" พร้อมเสิร์ฟความอร่อยหลากหลายเมนูแบบต้นตำรับเกาหลีแนวฟิวชั่นรสเลิศสุดๆ 



สร้างสรรค์ โดย "เชฟจอร์แดน" มาพลิกโฉมอาหารเกาหลีแบบดั้งเดิม อาหารเกาหลีสไตล์ฟิวชั่น....อร่อย คุ้นลิ้นที่สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษฯ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่  ท่ามกลางบรรยากาศสุดมันส์

โดยมีดารา นักแสดง เซเลบริตี้ชื่อดัง ดร.จินดารัตน์ ชุมสาย ณ อยุธยา (ดร.เอ๊าะ)  กับเอิร์ธ สายสว่าง 
และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมอวยพรวันเกิดร่วมแสดงความยินดีที่ องอาหารเกาหลี "หยาง"  

15 พฤษภาคม 2567

สมาคมกีฬา สเปเชียลโอลิมปิคแห่งประเทศ...เตรียมจัดงานยิ่งใหญ่ Charity Concert

คอนเสิร์ตเพื่อนักกีฬาผู้พิการทางสติปัญญา


Charity Concert  เซเลป นักร้อง นักแสดง และนักกีฬาดัง ร่วมงานคอนเสิร์ตเพื่อนักกีฬาผู้พิการทางสติปัญญา สมาคมกีฬาสเปเชียลโอลิมปิคแห่งประเทศไทยเตรียมจัดงานยิ่งใหญ่ Charity Concert “Smiling Hearts2024” for Special Olympics Thailand วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2567 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย


คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน  โดยมีการระดม celebrity ชื่อดังในเมืองไทยร่วมงานในครั้งนี้อย่างคับคั่งด้วย อาทิเช่น คุณสมฤดี ชัยมงคล  บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) / ดร.วิกร ภูวพัชร์ บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)  /   คุณอมรรัตน์ กัมบีร์ บริษัท ยูโรครีเอชั่น จำกัด (มหาชน) / คุณอนุษฐา เชาว์วิศิษฐ บริษัท โตโยต้า ทูโช ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด / คุณมัลลิกา แสนภักดี  /  คุณพันนภา รักสนิท / คุณกาญจนา ลิสน่า /คุณอรัญญา ชูโอชา และอีกมากมาย...


ในงานมี มินิคอนเสิร์ตจากจากนักร้องชื่อดัง ลุลา กันยารัตน์ และการแสดงพิเศษในเพลง “ขอมือเธอหน่อย”  เวอร์ชั่น สเปเชียลโอลิมปิค รวมทั้งร่วมชมการเดินแบบจากศิลปิน เช่น นำโดย BNK48 (HOOP ปาฏลี  / PEAK ภูษิตา / JANRY กัลยารัตน์ / MARINE กชพร )  ออม กรณ์นภัส นักแสดงนำหญิง ในซีรีส์  Girls Love  ใจซ่อนรัก Secret of us Series เรื่องแรกช่อง 3 ที่กำลังเป็นที่กล่าวขวัญอย่างมากในขณะนี้  /  คิน ธนชัย นักแสดงสังกัด White Fox by GMM Grammy / แคมป์ คุณาธิป ตระการจันทร์พระเอก              ซีรีส์วาย เรื่อง “ไทม์ผ่านเวลา” (Time The series)  / เซียน กิติภูมิ บุตรจินดา นายแบบและนักแสดง / เบนจามิน เดวิด   คลายเนสเช  นักกีฬา Ice Hockey ระดับโลก  /  อ๋อมแอ๋ม นางแบบชื่อดัง และพลอยชมพู วิไลรุ่งเรือง โปรกอล์ฟนานาชาติ

นอกจากนี้ ยังชมการแสดง variety show ประกอบการการแสดง ร้องเพลงไทยและสากลฮิตตลอดกาล , ชมการแสดง piano, opera, aerial show, rythmic gymnastics, international dance and music โดยศิลปินที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศ ร่วมกับนักแสดงไทย กว่า 300 คน จาก สถาบัน Russsian Dance Academy “ Katyusha” ในการเดินแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนเครื่องประดับ และเสื้อผ้าจาก Head Elite society / BEAUTY GEMS และ Finale Weddingstudio

ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ที่ www.thaiticketmajor.com
บัตรราคา 2,500.- / 2,000.- / 1,500.- / 1,000.- / 800.- / 500.-

หรือท่านสามารถร่วมบริจาค เพื่อให้การสนับสนุนสมาคมกีฬาสเปเชียลโอลิมปิคแห่งประเทศไทย (สามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า) โดย โอนเงินเข้าบัญชี  “สมาคมกีฬาสเปเชียลโอลิมปิคแห่งประเทศไทย” 

บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาการกีฬาแห่งประเทศไทย(หัวหมาก) 
เลขที่บัญชี 986-8-12483-2


โดยส่งหลักฐานการบริจาค เพื่อรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี 2 เท่า  มาที่ สมาคมกีฬาสเปเชียลโอลิมปิคแห่งประเทศไทย  ห้องหมายเลข 1 ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษาการกีฬาแห่งประเทศไทย  ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก  เขตบางกะปิ  กรุงเทพฯ 10240

Tel :081-902-4636 / 02-1367650  

Fax. : 02-1369267  

Email : solympicsthai@gmail.com

“สมาคมเพื่อนชุมชน” สานต่อโครงการสิ่งแวดล้อมศึกษา Eco School

“สมาคมเพื่อนชุมชน” สานต่อโครงการสิ่งแวดล้อมศึกษา Eco School ขยายกลุ่มเป้าหมาย พัฒนาโรงเรียนเทศบาลมาบตาพุด มุ่งสู่การเป็นโรงเรียนเชิงนิเวศตามแผนพัฒนาประเทศ ต่อเนื่อง

สมาคมเพื่อนชมชน ร่วมกับสำนักงานเทศบาลเมืองมาบตาพุด สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (สทร.) และโรงเรียนเทศบาลมาบตาพุด ซึ่งเป็นโรงเรียนเป้าหมายในปีนี้ ภาคีเครือข่ายทั้งหมด มีแนวความคิดร่วมกันในการพัฒนาพื้นที่มาบตาพุดคอมแพล็กซ์ให้มุ่งสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศตามแผนพัฒนาประเทศ ภายใต้การขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว อันประกอบไปด้วย บ้าน วัด โรงเรียน โรงงาน ที่อยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นที่มาของโครงการ Eco School เริ่มด้วยการจัดให้มีการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อส่งเสริมความรู้ ปลูกฝังการเป็นพลเมืองเพื่อสิ่งแวดล้อม ให้กับคณะครูและบุคลากรฝ่ายต่างๆ ของโรงเรียน รวมถึงชุมชนในพื้นที่ ให้สามารถนำไปเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับแนวทางการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ESD : environmental sustainable development) มีคณะครู เจ้าหน้าที่ภาครัฐ เข้าร่วมอบรมทั้งสิ้น 120 คน ณ โรงเรียนเทศบาลมาบตาพุด จังหวัดระยอง   



นายอนุลักษณ์ ถนอมสิทธิกุล ผู้จัดการสมาคมเพื่อนชมชน เปิดเผยว่า โครงการสิ่งแวดล้อมศึกษา หรือที่เรียกกันว่า Eco School เป็นแนวทางในการบริหารจัดการโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนด้านการศึกษาและการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ผ่านการบูรณาการระหว่างการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้จากการลงมือทำ เริ่มต้นจากการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนไปสู่ชุมชนรอบข้าง ซึ่งสมาคมเพื่อนชุมชน ร่วมมือกับสำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (สทร.) ได้ขับเคลื่อนโครงการมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากจากโรงเรียนวัดกรอกยายชา ขยายพื้นที่การพัฒนาไปยังโรงเรียนวัดตากวน และในปีนี้ที่โรงเรียนเทศบาลมาบตาพุด ทั้งนี้ เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้กับโรงเรียนและถ่ายทอดให้กับนักเรียน สร้างความตระหนัก สร้างจิตสำนึก ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เด็กๆ สามารถนำความรู้ติดตัวไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้     





สมาคมฯ ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงเกียรติทั้ง 3 ท่าน มาให้ความรู้ ได้แก่

1)         อาจารย์วรนิษฐ์  วรพรธัญพัฒน์

อาจารย์พิเศษ สำนักการศึกษาแบบองค์รวม สถาบันอาศรมศิลป์

2)         ผอ. เรืองกิตติ์ สุทธิวิรัตน์

ผู้อำนวยการโรเรียนชุมชนบริษัทน้ำตาลตะวันออก และ

3)         ผอ. นิศารัตน์  พานทอง

ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดช้างชนศิริราษฏร์บำรุง

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดทำโครงการ สถานประกอบการต้นแบบ

มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และ กรมอนามัยประสานพลังสถานประกอบการยกระดับคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพให้กับแรงงานสตรีไทย

วันที่ 15 พฤษภาคม 2567 มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดทำโครงการ สถานประกอบการต้นแบบสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพหญิงวัยเจริญพันธุ์และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยมี คุณโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข รองศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรสมภพ ประธานธุรารักษ์ รองอธิการบดีฝ่ายแผน พัฒนาคุณภาพและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยมหิดล รองศาสตราจารย์ ดร.เอมพร รตินธร คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ณ ห้องประชุมภัทรมหาราชการุณย์ ชั้น 5 อาคารมหิดลอดุลยเดช-พระศรีนครินทร คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จังหวัดนครปฐม



จากการศึกษาข้อมูลสตรีวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งหมายถึงสตรีช่วงอายุ 15-49 ปี สตรีกลุ่มนี้ส่วนมากต้องทำงาน นอกบ้าน อันเนื่องมาจากภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว พบว่า สตรีวัยเจริญพันธุ์ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะทำงานในสถานประกอบการขนาดเล็ก (จำนวนพนักงาน 1-50 คน) รองลงมาคือ สถานประกอบการขนาดกลาง (จำนวนพนักงาน 51-200 คน) และขนาดใหญ่ (จำนวนพนักงานมากกว่า 200 คน) ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าว แสดงถึงนัยยะสำคัญประการหนึ่ง คือ สตรีที่ทำงานนอกบ้านจำนวนมากมีสถานะโสด หรือมีบุตรน้อย จากการมีรายได้น้อยและขาดแคลนสวัสดิการที่ช่วยคุ้มครองความเป็นมารดาและการเลี้ยงดูเด็ก และสตรีบางรายอาจมีพฤติกรรมที่ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านอนามัยเจริญพันธุ์ ขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลสุขอนามัยตนเอง รวมถึงสตรีที่ตั้งครรภ์ยังขาดการดูแลทั้งตนเองและบุตรในครรภ์ และเมื่อคลอดบุตรแล้ว ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรด้วยนมแม่ได้ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก ดังนั้น ที่ทำงานหรือสถานประกอบการจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อและเหมาะสมต่อสตรีวัยเจริญพันธุ์ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับสตรีได้อย่างยั่งยืน

คุณโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานให้ความสำคัญกับแรงงานสตรี การคุ้มครองสิทธิสตรี การสร้างความเท่าเทียมและไม่เลือกปฏิบัติทางเพศ การพัฒนาศักยภาพสตรี การเข้าถึงสวัสดิการที่เหมาะสม เป็นนโยบายที่กระทรวงแรงงานมอบให้หน่วยงานหรือสถานประกอบการยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังส่งเสริมให้สถานประกอบการมีการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้สตรีสามารถดูแลสุขภาพตนเองและบุตรได้ เช่น การมีสถานที่ปั๊มนม มีตู้เย็นที่อุณหภูมิเพียงพอต่อการแช่นม เป็นต้น ดังนั้น การกำหนดมาตรฐานสำหรับสถานประกอบการ นอกจากจะเป็นการช่วยยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตของแรงงานสตรีแล้ว ยังช่วยยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการให้เป็นที่ยอมรับในสังคมยิ่งขึ้น




นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สตรีวัยแรงงานนอกจากจะต้องได้รับความคุ้มครองพื้นฐานตามกฎหมายแรงงานแล้ว การส่งเสริมสุขภาวะที่ดีทั้งกายและใจถือเป็นบทบาทสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อช่วยให้แรงงานสตรีลดความเสี่ยงจากการเกิดโรค สามารถดูแลสุขอนามัยได้อย่างเหมาะสม รวมถึงกลุ่มสตรีที่ต้องเลี้ยงดูบุตร สามารถดูแลตนเองและบุตรได้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ โดยเฉพาะการสนับสนุนให้เลี้ยงดูบุตรด้วยนมแม่ที่นอกจากจะเป็นการสร้างสายสัมพันธ์อันดีระหว่างแม่กับลูกแล้ว ยังสร้างภูมิคุ้มกันให้ทารกอีกด้วย เด็กที่ดื่มนมแม่จะมีพัฒนาการที่ดี ซึ่งเป็นส่วนช่วยเสริมความเข้มแข็งให้กับครอบครัวได้

รองศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรสมภพ ประธานธุรารักษ์ รองอธิการบดีฝ่ายแผน พัฒนาคุณภาพและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหิดล มีนโยบายส่งเสริม สนับสนุนการจัดทำมาตรฐานคุณภาพด้านการบริการวิชาการและบริการสุขภาพสู่สากล ที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทุกช่วงวัย ดังนั้น การสร้างมาตรฐานสำหรับสถานประกอบการ เป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้คำนึงถึงสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ของสตรีเพื่อให้เกิดการดูแลแบบองค์รวม ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ที่ 8: ส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ครอบคลุม และยั่งยืน การจ้างงานเต็มที่และมีผลิตภาพ และการมีงานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงร่วมกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน และ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พัฒนาสถานประกอบการต้นแบบเพื่อสร้างมาตรฐานของสถานประกอบการที่มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการส่งเสริมสุขภาพสตรี โดยเฉพาะใน ช่วงระยะตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ไปจนถึงช่วงระยะการให้นมบุตร ซึ่งจะทำให้สถานประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเป็นที่ยอมรับและมั่นใจจากทั้งพนักงานและสังคม และทำให้เกิดแนวทางการดูแลสุขภาวะสตรี วัยแรงงานอย่างยั่งยืน และในวันนี้มีสถานประกอบการที่จะร่วมกันพัฒนาให้เป็นสถานประกอบการต้นแบบคือ บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด และในอนาคตคาดว่าจะมีสถานประกอบการแห่งอื่นเข้าร่วมเพิ่มขึ้น

รองศาสตราจารย์ ดร.เอมพร รตินธร คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า คณะพยาบาลศาสตร์มีพันธกิจหลัก คือ ผลิตบัณฑิตพยาบาลที่มีสมรรถนะทางวิชาชีพที่ตอบสนองต่อปัญหาสุขภาพของสังคมไทยและสังคมโลก นอกจากนี้ ยังมุ่งสร้างงานวิจัยชี้นำนโยบายระบบบริการสุขภาพของประเทศ และการให้บริการวิชาการที่มุ่งเน้นการสร้างแกนนำในการสร้างเสริมสุขภาวะแก่สังคม คณะพยาบาลศาสตร์ จึงได้จัดทำโครงการสถานประกอบการต้นแบบสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพหญิงวัย เจริญพันธุ์และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ขึ้น โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรนภา ตั้งสุขสันต์ หัวหน้าภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา และประธานศูนย์ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และสุขภาพเด็กปฐมวัย คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยหิดล เป็นหัวหน้าโครงการ เพื่อทำการศึกษาสถานการณ์การดูแลสุขภาพสตรีและการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในสถานประกอบการ และนำไปจัดทำเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินคุณภาพของสถานประกอบการที่ส่งเสริมสุขภาพสตรีและการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ที่จะยกระดับให้เป็นสถานประกอบการต้นแบบในการส่งเสริมสุขภาพสตรีและการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อให้สตรีมีสุขภาพดีทั้งในระยะยาว คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งของ การพัฒนาคุณภาพชีวิตสตรีในทุกมิติ

โอกาสนี้ ได้มีการเสวนาเรื่อง มาตรฐานสุขภาวะแรงงานสตรีไทย โดยมี คุณโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข รองศาสตราจารย์ ดร.เอมพร รตินธร คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรนภา ตั้งสุขสันต์ หัวหน้าภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยาและประธานศูนย์ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และสุขภาพเด็กปฐมวัย คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และคุณเกียรติศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการบริหาร บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด และ ดร.สง่า ดามาพงษ์ นักโภชนาการอิสระ ดำเนินการเสวนา

“TINY TITAN” ส่งซิงเกิลกวนๆ “คนติดหมอ” ดึงเบียร์ Buffalo Gags มาร่วมแสดงใน MV

หลังจากส่งเพลงแรกไปอย่าง “ชอบแต่เหมียว” 3 หนุ่ม TINY TITAN จากค่าย “tiny” ที่มาพร้อมกับแนวเพลง Pop Punk ประกอบด้วย ครีม - ธัญเทพ เหล่าทรัพย์ทวี (นักร้องนำ), ออลมายด์ - สรัล วิสีปัต (กีต้าร์) และปีเตอร์ - กิจฏิพัฒน์ สุวราห์วรรณ (กีต้าร์) ไม่รอช้า ขอส่งซิงเกิลที่สอง อย่าง "คนติดหมอ" มาตอกย้ำตัวตนต่อเนื่องทันที

 "คนติดหมอ" ซิงเกิลสองจาก “TINY TITAN”  ที่มีเนื้อหาของเพลงปั่นประสาท ในสไตล์ POP PUNK แถมยังแรปรัวๆ ด้วยอาการเจ็บป่วย “ปวดหัว ตัวร้อน ไม่ค่อยได้พักผ่อน กระส่ายกระสับ ตับพิการ  อาหารไม่ย่อย ลิ้นกร่อย ไม่รู้รส มีกรดในกระเพาะ กระดูกเปราะ ฯลฯ” ที่สุดท้ายแล้วผมแค่ “แพ้ความน่ารักของเธอ”



ทั้งเนื้อเพลงและเทคนิคการร้องผสมความขี้เล่นในเพลงนี้  วงเลยขอชวน  “เบียร์ Buffalo Gags”มารับบทเป็นคุณหมอเฉพาะทางพิเศษ  ในมิวสิควิดีโอเพื่อเพิ่มความสนุกแบบปั่นประสาท รักษาโรคแบบบัฟๆ ให้สามหนุ่มที่รับบทเป็นคนติดหมอหายดี (เหรอ?) “ฝากเพลงใหม่ของพวกเราด้วยนะครับ  เพลงนี้พวกเราแต่งมาสำหรับคนติดหญิง เอ้ย คนติดหมอทุกคน

สามารถติดตามฟังเพลงและชมมิวสิควิดีโอ  "คนติดหมอ" 
ได้ตั้งแต่วันนี้ที่  Youtube : Tiny Titan band, Facebook : Tiny Titan band, Instagram: Tiny Titan band, TikTok : Tiny Titan band

ลิงค์ MV: https://www.youtube.com/watch?v=dzw_cBzZi7o