16 พฤศจิกายน 2568

สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานคร – กิจกรรมร่วมออกบูธ “โครงการอาหารพระราชทาน”

สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานคร – กิจกรรมร่วมออกบูธ “โครงการอาหารพระราชทาน” ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวงในวันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2568 เวลา 11.00 น.

สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานคร ได้เข้าร่วมกิจกรรมออกบูธ “โครงการอาหารพระราชทาน” ภายใต้การประสานงานของ ภาค 3350 โรตารีสากล ณ ท้องสนามหลวงเพื่อร่วมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง ในช่วงงานพิธีสวดพระอภิธรรมพระบรมศพณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังซึ่งจัดขึ้นตลอดระยะเวลา 100 วัน แห่งพระราชพิธี




ในวันดังกล่าว สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานครได้รับเกียรติเป็นผู้รับผิดชอบบูธประจำวัน และได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบแก่ประชาชนผู้มาร่วมสักการะ จำนวนมากด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ผู้ร่วมงานในนามสโมสรโรตารีกรุงเทพมหานคร

 • นายก จิตศักดิ์ หลิมภากรกุล

 • นายกก่อตั้ง พญ. รุ่งไพลิน รัตนชีวร

 • นยล. ศรีสองรัก ชัยสิทธิ์

 • นยน. โสมาวรรณ สวัสดิรักษ์

 • คุณเอิร์ธ สายสว่าง

 • รทร. สุทธิ์คุณ วันทานุ

 • และ ท่านสมาชิกผู้ร่วมบุญทุกท่าน

รายการสิ่งของบริจาค

1) นยล. ศรีสองรัก ชัยสิทธิ์ และทีมงาน

 • น้ำดื่ม 200 ขวด

 • นมถั่วเหลือง UHT 200 กล่อง

 • ยาหม่องน้ำขวดเล็ก 100 ขวด

 • แซนด์วิชแยม 200 ชิ้น (โดย น้องตาล เลขาฯ นยล. ศรีสองรัก ชัยสิทธิ์)

2) นยก. พญ. รุ่งไพลิน รัตนชีวร และเพื่อน

 • ขนมปังคละรส 200 ชิ้น

3) นยน. โสมาวรรณ สวัสดิรักษ์

 • ยาพาราเซตามอล 250 แผง (จำกัด 1 แผงต่อผู้รับ 1 คน)

4) คุณเอิร์ธ สายสว่าง

 • ผ้าเย็น 200 ผืน

สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานครขอร่วมแสดงความอาลัยและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ผ่านการบริการและแบ่งปันแก่ประชาชนผู้มาร่วมถวายความอาลัย โดยยึดมั่นในอุดมการณ์ “โรตารี บำเพ็ญประโยชน์เพื่อเพื่อนมนุษย์”

สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานคร – กิจกรรมร่วมออกบูธ “โครงการอาหารพระราชทาน”


สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานคร – กิจกรรมร่วมออกบูธ “โครงการอาหารพระราชทาน” ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวงในวันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2568 เวลา 11.00 น.


สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานคร ได้เข้าร่วมกิจกรรมออกบูธ “โครงการอาหารพระราชทาน” ภายใต้การประสานงานของ ภาค 3350 โรตารีสากล ณ ท้องสนามหลวงเพื่อร่วมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง ในช่วงงานพิธีสวดพระอภิธรรมพระบรมศพณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังซึ่งจัดขึ้นตลอดระยะเวลา 100 วัน แห่งพระราชพิธี



ในวันดังกล่าว สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานครได้รับเกียรติเป็นผู้รับผิดชอบบูธประจำวัน และได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบแก่ประชาชนผู้มาร่วมสักการะ จำนวนมากด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ผู้ร่วมงานในนามสโมสรโรตารีกรุงเทพมหานคร

 • นายก จิตศักดิ์ หลิมภากรกุล

 • นายกก่อตั้ง พญ. รุ่งไพลิน รัตนชีวร

 • นยล. ศรีสองรัก ชัยสิทธิ์

 • นยน. โสมาวรรณ สวัสดิรักษ์

 • คุณเอิร์ธ สายสว่าง

 • รทร. สุทธิ์คุณ วันทานุ

 • และ ท่านสมาชิกผู้ร่วมบุญทุกท่าน

รายการสิ่งของบริจาค

1) นยล. ศรีสองรัก ชัยสิทธิ์ และทีมงาน

 • น้ำดื่ม 200 ขวด

 • นมถั่วเหลือง UHT 200 กล่อง

 • ยาหม่องน้ำขวดเล็ก 100 ขวด

 • แซนด์วิชแยม 200 ชิ้น (โดย น้องตาล เลขาฯ นยล. ศรีสองรัก ชัยสิทธิ์)

2) นยก. พญ. รุ่งไพลิน รัตนชีวร และเพื่อน

 • ขนมปังคละรส 200 ชิ้น

3) นยน. โสมาวรรณ สวัสดิรักษ์

 • ยาพาราเซตามอล 250 แผง (จำกัด 1 แผงต่อผู้รับ 1 คน)

4) คุณเอิร์ธ สายสว่าง

 • ผ้าเย็น 200 ผืน


สโมสรโรตารีกรุงเทพมหานครขอร่วมแสดงความอาลัยและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ผ่านการบริการและแบ่งปันแก่ประชาชนผู้มาร่วมถวายความอาลัย โดยยึดมั่นในอุดมการณ์ “โรตารี บำเพ็ญประโยชน์เพื่อเพื่อนมนุษย์”

14 พฤศจิกายน 2568

MK GROUP มอบวัตถุดิบช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่สิงห์บุรี

บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ส่งตัวแทนมอบวัตถุดิบช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่สิงห์บุรี โดยมอบให้กับทางสภากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี เพื่อดำเนินการประกอบการปรุงสุก อาทิ ผักบุ้ง ผักกาดขาว กะหล่ำปลี เนื้อหมู เนื้อวัว เต้าหู้ปลา ไข่ไก่ น้ำจิ้มเอ็มเค และน้ำดื่มจำนวนมาก เพื่อส่งต่อให้กับผู้ประสบอุทกภัยในแต่พื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน มูลค่ารวมกว่า 469,000 บาท โดยมีนางวีรวรรณ จันทนเสวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี และรองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมด้วย ผู้ช่วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี กรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี และเจ้าหน้าที่เหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี เป็นผู้รับมอบ ณ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี

ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ยังคงติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด และเตรียมสนับสนุนความช่วยเหลือเพิ่มเติมตามความจำเป็น เพื่อให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

เครือ รพ.พญาไท-เปาโล ผ่านการรับรอง ISO 56001:2024

รายแรกของประเทศ—อีกก้าวของ “องค์กรนวัตกรรม” ที่ไม่เคยหยุดพัฒนา

กรุงเทพฯ — เครือโรงพยาบาลพญาไท–เปาโล นำโดย Phyathai–Paolo Innovation Lab (PIL) สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการนวัตกรรมสุขภาพไทย ด้วยการได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 56001:2024 ด้านระบบการจัดการนวัตกรรม (Innovation Management System) เป็นองค์กรแรกของประเทศไทย

การตรวจประเมินจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2–3 ตุลาคม 2568 โดย สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (MASCI) ซึ่งสรุปผลว่าองค์กรได้นำระบบไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และไม่พบข้อบกพร่อง สะท้อนความมุ่งมั่นของ PIL ในการสร้างระบบนวัตกรรมที่มีโครงสร้างชัดเจน ครบวงจร และวัดผลได้

ความสำเร็จครั้งนี้เกิดจากการวาง “วัฒนธรรมและระบบนิเวศนวัตกรรม (Innovation Ecosystem)” ทั่วทั้งเครือโรงพยาบาลฯ ควบคู่กับกระบวนการพัฒนาที่ชัดเจนอย่าง G5 Innovation Journey รวมถึงการเชื่อมการทำงานแบบ Open Innovation ให้บุคลากรทุกระดับมีส่วนร่วม ตั้งแต่งานวิจัยจนถึงการนำไปใช้จริง ผ่านหน่วยงานขับเคลื่อนหลัก ได้แก่ PIL (Phyathai-Paolo Innovation Lab), CPRIA (Center of Private Research and Innovation Accelerator), CIL (Center of Interactive Learning) และแพลตฟอร์มการเรียนรู้นวัตกรรมภายใน CILA (Continuous Innovation Learning Academy)

นอกจากจะต่อยอดจากความสำเร็จด้านรางวัล นวัตกรรมแห่งชาติ ที่ PIL เคยได้รับในปี 2565 และ 2567 การได้รับรอง ISO 56001:2024 ยังช่วยยกระดับความเชื่อมั่นของคู่ค้าและพันธมิตรทั้งภายในและภายนอกองค์กร วางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน และสนับสนุนวิสัยทัศน์ของเครือฯ ในการเป็น “องค์กรนวัตกรรม” ที่พร้อมปรับตัวและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้รับบริการและศักยภาพของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง

การได้รับรอง ISO 56001:2024 คือความภาคภูมิใจของทีมงานทุกคน และเป็นจุดเริ่มต้นของมาตรฐานใหม่ในการทำงานของเรา เราจะยังคงยึด ‘คน’ เป็นศูนย์กลาง—ทั้งผู้ป่วยและบุคลากร—และ ไม่เคยหยุดพัฒนา เพื่อสร้างคุณค่าที่จับต้องได้ให้กับระบบสุขภาพไทย

CP LAND คว้ารางวัล AMCHAM Corporate Impact Awards 2025

ตอกย้ำโครงการต้นแบบ ขับเคลื่อน ‘คุณภาพเพื่อทุกชีวิต’ ที่ยั่งยืน

14 พฤศจิกายน 2568 – กรุงเทพฯ, บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND หนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย  ได้รับรางวัล AMCHAM Corporate Impact Awards 2025 : Recognition จาก หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (The American Chamber of Commerce in Thailand – AMCHAM) เป็นปีแรก จากผลงานโครงการ “Solar Cell for Life - ความสุขเดินทางได้” คือ โครงการที่ส่งมอบแสงสว่างจากพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อชุมชนห่างไกล และ สร้างคุณภาพเพื่อทุกชีวิต สะท้อนพันธกิจของ CP LAND 


โครงการ Solar Cell for Life - ความสุขเดินทางได้ เป็นความร่วมมือระหว่าง CP LAND และพันธมิตร 63 องค์กร ทั้งภาครัฐ  เอกชน และชุมชนท้องถิ่น ในการติดตั้งไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 260 ดวง ครอบคลุมระยะทางกว่า 11 กิโลเมตร ใน 3 พื้นที่ ได้แก่ ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช, ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก และตำบลดงลาน อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น เพื่อแก้ปัญหาการขาดแสงสว่างในชุมชนที่ยังไม่มีระบบสาธารณูปโภคการติดตั้งไฟถนนดังกล่าวช่วยให้ประชาชนเกือบ 12,000 คนมีความปลอดภัยในการสัญจร ลดอุบัติเหตุ และมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมที่กลับมาคึกคักอีกครั้งร้านค้าในชุมชนกลับมาเปิดขายในช่วงกลางคืน เด็ก ๆ เดินกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย และชาวบ้านรู้สึกมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น

คุณศศินันท์ ออลแมนด์ ผู้อำนวยการบริหาร กลุ่มงานการตลาด และสื่อสารองค์กร กล่าวว่า  รางวัลอันทรงเกียรติ AMCHAM Corporate Impact Awards 2025 ครั้งนี้ เป็นแรงผลักดันให้ #TeamCPLAND และเครือข่ายพันธมิตร เดินหน้าสร้างสรรค์โครงการที่สร้างคุณค่าเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญให้กับสังคมอย่างยั่งยืน หนึ่งในโครงการที่สะท้อนแนวคิดนี้ได้อย่างชัดเจนคือ ‘Solar Cell for Life – ความสุขเดินทางได้’ ความร่วมมือที่นำพลังงานแสงอาทิตย์เข้าไปช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชนห่างไกล โครงการนี้แสดงให้เห็นว่า การตลาดเชิงกลยุทธ์ และ ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) สามารถเดินไปด้วยกันได้จริง เราไม่เพียงมอบแสงสว่างให้กับถนนในชุมชน แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ การขนส่ง การท่องเที่ยว และรายได้ให้กับคนในพื้นที่ ควบคู่กับการยกระดับความปลอดภัยและคุณภาพชีวิต ภายใต้ปรัชญา คุณภาพเพื่อทุกชีวิต – Accessible Communities for Life ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ #TeamCPLAND สานต่อโครงการนี้ เพื่อขยายผลให้เกิดประโยชน์กับผู้คนในทุกภูมิภาคอย่างยั่งยืน 

รางวัล AMCHAM Corporate Impact Awards จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อยกย่ององค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมในด้านต่าง ๆ ทั้งสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และการพัฒนาชุมชน โดยในปี 2025 มีเพียง 117 บริษัทสมาชิกที่ได้รับการยกย่อง ซึ่ง CP LAND เป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำของไทยที่ได้รับการยกย่องในปีนี้ 

#CPLAND #AccessibleCommunitiesForLife #คุณภาพเพื่อทุกชีวิต #AMCHAMCorporateImpactAwards #AMCHAM #SolarCellForLife #ความสุขเดินทางได้

13 พฤศจิกายน 2568

อธิบดีกรมการท่องเที่ยวนำทีมบุกตลาดภาพยนตร์อเมริกา เพียงสองวันแรกมีผู้สนใจลงทุนถ่ายหนังในไทยกว่า 2 พันล้านบาท

นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า กรมการท่องเที่ยวเข้าร่วมออกคูหานิทรรศการเพื่อโปรโมทความพร้อมของไทยในการเป็นแหล่งถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลกในส่วนของ Location expo งาน American Film Market 2025 ณ นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 11-15 พฤศจิกายน 2568 





ผลจากการเข้าร่วมงานสองวันแรก มีผู้เข้ามาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยและมาตรการ Incentive อย่างต่อเนื่องมากกว่า 50 ราย คาดการณ์รายได้จากผลการเจรจาประมาณ 2,130 ล้านบาท โดยมีทั้งผู้ผลิตที่เคยถ่ายทำในเมืองไทยแล้วและต้องการกลับเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยอีกจากการเพิ่มมาตรการคืนเงินเป็น 30% รวมถึงผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหม่จากสหรัฐอเมริกา สนใจเข้ามาถ่ายทำหนังแนวสัตว์ประหลาด อาหาร และมวยไทย เพราะเชื่อมั่นฝีมือทีมงานไทยและการจ่ายเงินคืนจริงของมาตรการ Incentive 

นอกจากนี้ ภายในงานดังกล่าว กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้นำผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย อาทิ ผู้ผลิตภาพยนตร์ไทย บริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์ สตูดิโอ และผู้ประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย รวมจำนวน 15 บริษัท เข้าร่วมงานเพื่อจับคู่เจรจาธุรกิจซื้อขายภาพยนตร์ไทยด้วย

เครือ รพ.พญาไท-เปาโล ผนึก PROUD REAL ESTATE ให้บริการ Telecare

ภายใต้แนวคิด “ALL IS WELL เพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืน” 

กรุงเทพฯ – เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เดินหน้าสร้างมาตรฐานการดูแลสุขภาพยุคใหม่ ร่วมกับPROUD REAL ESTATE สานต่อพันธกิจด้านสุขภาพด้วยการนำบริการ Telecare เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพในโครงการที่อยู่อาศัย ภายใต้แนวคิด “ALL IS WELL เพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืน”

 มุ่งพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคใหม่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกบ้านให้ก้าวไปอีกขั้น โดยมีผู้บริหารเข้าร่วม ได้แก่ นายศุภกร พะวันนา ผู้อำนวยการสายบริหารการตลาด เครือ รพ.พญาไท-เปาโล, นางสาวณัฐชานันท์ นิธิโชติวรภัทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด รพ.พญาไท 3 และ นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) 

ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ร่วมกันระหว่างองค์กรที่พร้อมส่งมอบมาตรฐานการใช้ชีวิตที่ดี ผ่านการดูแลสุขภาพในระดับสากลและการสร้างความยั่งยืนของคุณภาพชีวิตในอนาคต โดยมีเครือโรงพยาบาลพันธมิตรในเครือ BDMS ได้แก่ โรงพยาบาลพญาไท โรงพยาบาลเปาโล โรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลบีเอ็นเอช รวมถึงบริการจาก BeDee Application ร่วมเสริมศักยภาพการดูแลสุขภาพครบวงจร 

สิทธิประโยชน์สำหรับลูกบ้านครอบคลุมตั้งแต่ให้คำปรึกษาโดยแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านบริการ TeleCare การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต (Tel-Relax) พร้อมบริการจัดส่งยาฟรีทั่วประเทศ รวมถึงบริการรถพยาบาลฉุกเฉิน กรณีเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพญาไท 3 อีกทั้งยังมอบสิทธิส่วนลดค่าห้องพักผู้ป่วย 20% ส่วนลดค่ายา 15% ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน และส่วนลดทันตกรรม 10% (เฉพาะขูดหินปูน อุดฟัน และถอนฟัน) โดยทั้งหมดนี้ถูกพัฒนาและเชื่อมโยง ผ่านบริการ Telecare บน Proud Living Platform เพื่อให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสะดวกสบายและต่อเนื่องแม้อยู่ในที่อยู่อาศัย

 “การร่วมมือกับ PROUD REAL ESTATE ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการนำเทคโนโลยี Telecare มาเชื่อมต่อกับการอยู่อาศัย แต่ยังเป็นการยกระดับการดูแลสุขภาพที่ก้าวทันวิถีชีวิตยุคใหม่ สะดวก รวดเร็ว และมีมาตรฐานสากล เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับลูกบ้านในระยะยาว” - นายศุภกร พะวันนา ผู้อำนวยการสายบริหารการตลาด เครือ รพ.พญาไท-เปาโล

วิริยะประกันภัย มอบทุนการศึกษากว่า 200 ทุน หนุนโอกาส สร้างอนาคตเด็กไทย ในพื้นที่ภาคตะวันออก

นายเธียรวิทย์ หาญเมธีคุณา ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 3 (ภาคตะวันออก) ด้านสาขา และนายพงษ์ทิวา กฤษณพันธุ์ ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 3 (ภาคตะวันออก) ด้านศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทน บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนมอบทุนการศึกษา จำนวน 228 ทุน เป็นเงิน 228,000 บาท และทุนสนับสนุนสื่อการเรียนรู้ เป็นเงิน 115,000 บาท รวมทั้งสิ้น 343,000 บาท ภายใต้โครงการ “สุขที่ให้...เพื่อน้องได้เรียน” ปีที่ 6 เพื่อส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียนที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยบริษัทฯ ได้จัดพิธีมอบทุนการศึกษา จำนวน 128 ทุน เป็นเงิน 128,000 บาท พร้อมมอบทุนสนับสนุนสื่อการเรียนรู้ เป็นเงิน 70,000 บาท แก่โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชลบุรีทั้งหมด 22 แห่ง โดยมี นายวสุพจน์ นออ่อน ผู้อำนวยการโรงเรียนหนองรีมงคลสุขสวัสดิ์ เป็นผู้แทนรับมอบ ณ โรงเรียนหนองรีมงคลสุขสวัสดิ์ ต.หนองรี อ.เมืองฯ จ.ชลบุรี




นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้สนับสนุนทุนการศึกษา จำนวน 100 ทุน เป็นเงิน 100,000 บาท พร้อมมอบทุนสนับสนุนสื่อการเรียนรู้ เป็นเงิน 45,000 บาท ให้แก่โรงเรียนพื้นที่จังหวัดจันทบุรีอีก 23 แห่ง อีกด้วย
สำหรับ โครงการ “สุขที่ให้...เพื่อน้องได้เรียน” จัดตั้งขึ้นด้วยเจตนารมณ์ของการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีสู่สังคม ซึ่ง “การศึกษา” ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการจัดโครงการดังกล่าวขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม เพื่อให้เด็กและเยาวชนผู้เป็นอนาคตของชาติ ได้เกิดแรงบันดาลใจในการพัฒนาศักยภาพตนเอง และเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมต่อไปในอนาคต

TQM โชว์ผลประกอบการ 9 เดือน ท่ามกลางเศรษฐกิจท้าทาย

เร่งขยายตลาดใหม่ผ่านช่องทางดิจิทัล มั่นใจพร้อมรับ High season ไตรมาสสุดท้าย

บมจ. ทีคิวเอ็ม อัลฟา หรือ TQM รายงานผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2568 ด้วยรายได้รวม 2,967 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 587 ล้านบาท แม้ต้องเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงมีความท้าทายในภาพรวม
ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า“

แม้ ไตรมาส 3 จะเป็นช่วงที่กำลังซื้อในตลาดค่อนข้างชะลอตัว แต่บริษัทยังดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการรักษาอัตราการต่ออายุในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเชื่อมั่นในแบรนด์และบริการของเรา นอกจากนี้ ลูกค้าใหม่ใน Segment ใหม่ ที่เราเข้าถึงผ่านช่องทางดิจิทัล ยังมีสัญญาณเติบโตที่แข็งแกร่ง

ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเสริมว่า “หัวใจสำคัญของเราคือการมุ่งเน้นการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience Management) เพื่อรักษาฐานลูกค้าและยกระดับการบริการให้เหนือความคาดหวัง ในส่วนของธุรกิจสินเชื่อ Easy Lending ยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ Selective Lending เพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ขณะที่ธุรกิจประกันชีวิตรายเดี่ยวซึ่งเป็นกลไกใหม่ในการเติบโตของกลุ่ม ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น (Ramp Up) และบริษัทกำลังเร่งขยายฐานลูกค้าอย่างเป็นระบบ โดยคาดหวังว่าจะเห็นผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในอนาคต โดยบริษัทฯ มั่นใจว่า การลงทุนด้านเทคโนโลยี AI และ Data Analytics จะเป็นกลไกสำคัญในการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก ทำให้เราสามารถออกผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจคนไทยและตอบโจทย์ตลาดได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น” 

บริษัทอยู่ในระหว่างการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพการขาย ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากขึ้นและด้วยฐานข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก บริษัทคาดว่าหากมีการนำมาปรับใช้อย่างเต็มรูปแบบจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4 คาดว่าจะเป็น High Season ของธุรกิจประกัน ทั้งประกันรถยนต์ และประกันชีวิตและสุขภาพเพื่อลดหย่อนภาษี จะเป็นช่วงที่ดีสำหรับการเร่งขยายตลาดประกัน พร้อมสร้าง Synergy กับพันธมิตรในเครือเพื่อขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้บริษัทได้รับ 2 รางวัลเกียรติยศ คือ "รางวัลนายหน้าประกันภัยนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น" และ "รางวัลนายหน้าประกันชีวิตนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น" จากงาน Prime Minister's Insurance Awards 2025 มอบโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และได้รับคะแนนประเมินการกำกับดูแลกิจการอยู่ในระดับ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินงานที่มีมาตรฐานและธรรมาภิบาลที่ดีอย่างต่อเนื่อง

นักวิชาการมหิดล ยืนยัน! นมไทยคุณภาพระดับสากล แนะคนไทยเลือกดื่มนมอย่างรู้เท่าทัน

 


ผศ.ดร.สุภัทร์ ไชยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า นมไทยทุกกล่อง ผ่านกระบวนการผลิตและควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดในทุกขั้นตอนก่อนถึงมือผู้บริโภค ยืนยันคุณภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล อยากขอแนะนำให้คนไทยดื่มนมอย่างรู้เท่าทัน โดยอ่านฉลากเพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้สารอาหารเหมาะสมกับสุขภาพและช่วงวัย พร้อมโชว์นวัตกรรมโภชนาการจากนมไทย ที่ต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ในราคาที่เข้าถึงได้ ภายใต้สัญลักษณ์แบรนด์ Mahidol Collection โดยสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (INT) มหิดล กับบทบาทสำคัญในการผลักดัน ส่งเสริม และเชื่อมโยงองค์ความรู้ทางวิชาการสู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่มีมาตรฐานสูง สร้างโอกาสให้ภาคเอกชนสามารถเข้าถึงและร่วมมือพัฒนานวัตกรรมคุณภาพจากมหิดลได้อย่างมั่นใจ

ผศ.ดร.สุภัทร์ อธิบายว่า กระบวนการผลิตนมในประเทศไทย อยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมปศุสัตว์ และ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) โดยโรงงานนมทุกแห่งต้องผ่านมาตรฐาน GMP ซึ่งควบคุมตั้งแต่สุขลักษณะของฟาร์ม วัตถุดิบ การขนส่ง ไปจนถึงกระบวนการบรรจุและการเก็บรักษา โดยฟาร์มโคนมที่จำหน่ายน้ำนมให้กับโรงงานผลิตต้องผ่านการรับรองคุณภาพวัตถุดิบ และมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำนมดิบทุกล็อตก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิต ส่วนโรงงานขนาดใหญ่หรือผู้ผลิตนมรายหลักอื่น ๆ ในประเทศ จะมีการยกระดับมาตรฐานเพิ่มเติม เช่น HACCP, ISO 17025, และบางแห่งยังได้รับมาตรฐาน Codex Alimentarius ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางที่ใช้ในระดับโลก

ในกรณีที่นมมีการเสริมคุณค่า เช่น แคลเซียม วิตามินดี หรือโปรตีนสูง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมตามมาตรฐานการกล่าวอ้างสารอาหาร ของ อย. โดยข้อมูลที่ระบุบนฉลาก เช่น “โปรตีนสูง” หรือ “แคลเซียมสูง” ต้องผ่านการตรวจวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการที่ได้รับรองมาตรฐาน และมีหลักฐานยืนยันว่ามีสารอาหารตามเกณฑ์ที่กำหนดจริง


“กระบวนการตรวจสอบและควบคุมมาตรฐานเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่า นมที่ออกจากโรงงานในประเทศไทยทุกกล่องปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการตามที่ระบุไว้บนฉลาก เพราะข้อมูลทุกบรรทัดไม่สามารถใส่ได้ตามความเชื่อ แต่ต้องผ่านผลการวิเคราะห์จริงจากห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองคุณภาพระดับประเทศ”  ผศ.ดร.สุภัทร์ ไชยกุล กล่าว

• “นมสด” หรือ “นมผง” ต้องเลือกอย่างไร?

มีความเชื่อว่านมสดให้คุณค่ามากกว่านมผง ซึ่งไม่ถูกต้องเสมอไป ผศ.ดร.สุภัทร์ อธิบายว่า ทั้งน้ำนมโคสดแท้และนมที่ผลิตจากนมผงคืนรูปสามารถให้สารอาหารใกล้เคียงกันได้หากผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน “ที่จริงแล้วนมผงก็คือนมสดที่ผ่านกระบวนการทำให้เป็นผง โดยถึงแม้ขั้นตอนการผลิตนมผงบางครั้งอาจทำให้โปรตีนหรือวิตามินบางส่วนในน้ำนมหายไปเพียงเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามผู้ผลิตก็สามารถตรวจสอบ ควบคุม และเติมสารอาหารเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์สุดท้ายหรือ Finishing Goods ของนมผงมีสารอาหารหรือประโยชน์เทียบเท่ากับนมวัวได้ สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกดื่มนมหรืออาหารใดๆ คือผู้บริโภคควรรู้ว่าเรากำลังบริโภคอะไรอยู่และเราต้องการสารอาหารอะไรจากสิ่งนั้น เพราะฉะนั้นการจะบอกว่าอันนี้ดีกว่าอันนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสูตรหรือยี่ห้อ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการอะไรและสารอาหารนั้นเหมาะกับร่างกายเราหรือไม่” 

ทั้งนี้อาจารย์แนะนำให้ใช้ข้อมูลบนฉลากโภชนาการ เป็นเครื่องมือสำคัญในการเลือกบริโภคนมและอาหาร เพราะฉลากจะระบุชัดเจนถึงปริมาณ โปรตีน ไขมัน และคอเลสเตอรอลต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ซึ่งหากเข้าใจข้อมูลเหล่านี้จะสามารถเลือกดื่มนมให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละช่วงวัยได้ 

• แนวทางการดื่มนมในแต่ละวัย

เด็กเล็ก (1–3 ปี): ดื่มวันละ 2 แก้ว เพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟัน

วัยรุ่น: ดื่มวันละ 1–2 แก้ว เพื่อเพิ่มแคลเซียมและโปรตีนสำหรับการเจริญเติบโต

วัยทำงาน: ดื่มวันละ 1 แก้ว หรือเลือกสูตรไขมันต่ำ

ผู้สูงอายุ: ดื่มวันละ 2 แก้ว เน้นสูตรแคลเซียมสูง และหากมีอาการท้องอืด ควรเลือกสูตร ปราศจากแลคโตส 

• จากน้ำนมไทยสู่ผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์พร้อมการรับรอง Mahidol Collection
หนึ่งในผลงานที่สะท้อนศักยภาพของนมไทยอย่างชัดเจน คือการต่อยอดน้ำนมโคไทยสู่ผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ โดยทีมวิจัยของ ผศ.ดร.สุภัทร์ ไชยกุล ภายใต้ความร่วมมือกับองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน โดยใช้น้ำนมโคไทยคุณภาพสูงที่ปราศจากแลคโตสผสมกับโปรตีนข้าวกล้องไทยที่ย่อยง่าย เพื่อทดแทนผลิตภัณฑ์นำเข้าราคาแพงจากต่างประเทศ ที่ผ่านมาอาหารทางการแพทย์ส่วนใหญ่ในไทยต้องนำเข้า ทำให้มีราคาสูงและเข้าถึงยาก แต่ผลิตภัณฑ์นี้สามารถจำหน่ายได้ในราคาประมาณ 49 บาทต่อมื้อ ซึ่งถูกกว่าผลิตภัณฑ์นำเข้าถึงสามเท่า และอยู่ระหว่างการยื่นขอขึ้นทะเบียนเป็น อาหารทางการแพทย์ในอนาคต

“เราต้องการสร้างสูตรโภชนาการครบถ้วนที่ใช้ได้จริงสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพอย่างมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ ผลิตภัณฑ์นี้ใช้วัตถุดิบในประเทศทั้งหมด เพื่อให้ได้สินค้าคุณภาพดี ราคาเข้าถึงได้ และยังช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรไทย” ผศ.ดร.สุภัทร์ ไชยกุล กล่าว 

ผลิตภัณฑ์นี้เป็นสูตร Complete Formula ที่จัดสมดุลสารอาหารหลัก ได้แก่โปรตีนจากนมโคคุณภาพสูง ช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ, คาร์โบไฮเดรตจากข้าวกล้องไทย ซึ่งเป็นพลังงานย่อยช้า อิ่มนาน, และไขมันดีจากกรดไขมันไม่อิ่มตัว Omega 3, 6 และ 9 ที่ดีต่อหัวใจและหลอดเลือด โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้มีสัญลักษณ์แบรนด์ Mahidol Collection ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่ยืนยันว่าเป็นผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยมหิดล โดยสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (INT) มหิดล มีบทบาทสำคัญในการผลักดันและส่งเสริมการใช้แบรนด์ Mahidol Collection เพื่อเชื่อมโยงองค์ความรู้ทางวิชาการสู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่มีมาตรฐานสูง สร้างโอกาสให้ภาคเอกชนสามารถเข้าถึงและร่วมมือพัฒนานวัตกรรมคุณภาพจากมหิดลได้อย่างมั่นใจ 

• โปรตีนทางเลือกจาก “ไข่ขาว” อีกหนึ่งนวัตกรรมสุขภาพจากมหิดล
ถึงแม้นมจะเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพที่เข้าถึงง่าย อย่างไรก็ตามหลายท่านอาจมีข้อจำกัดทำให้ไม่สามารถบริโภคนมได้ ดังนั้นโปรตีนจากแหล่งพลังงานอื่นจึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ โดยอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยมหิดลคือการพัฒนาเครื่องดื่มโปรตีนคุณภาพสูงจากไข่ขาว โดย อ.ดร.ดลพร แซ่แต้ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่าโปรตีนไข่ขาวเป็นโปรตีนคุณภาพสูง มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน เหมาะกับผู้รักสุขภาพและผู้ที่ต้องการเสริมโปรตีนอย่างเร่งด่วน เครื่องดื่มดังกล่าวให้โปรตีนเทียบเท่าการบริโภคไข่ขาว 4–5 ฟองต่อขวด ผ่านการทดสอบความพึงพอใจจากผู้บริโภคไทยกว่า 1,000 ราย และมีหลายรสชาติ เช่น โกโก้ กาแฟลาเต้ กรีนทีลาเต้ และชาไทย ดื่มง่าย ไม่มีกลิ่นคาว และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

ผลงานเหล่านี้ตอกย้ำบทบาทของสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (INT) มหาวิทยาลัยมหิดลในฐานะ “ประตูสู่โอกาสทางนวัตกรรม” ที่นำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาสร้างผลลัพธ์จริงเพื่อช่วยแก้ปัญหาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทย

โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ร่วมเพจสายไหมต้องรอด – สน.สายไหม

โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ร่วมเพจสายไหมต้องรอด – สน.สายไหม บริจาคเตียงผู้ป่วย 10 เตียง ในโครงการ “จิตอาสา เราทำดีด้วยหัวใจ” เพื่อผู้ป่วยติดเตียงและผู้ได้รับผลกระทบ

โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน (CGH)  ได้ส่งมอบเตียงผู้ป่วย จำนวน 10 เตียง ให้แก่โครงการ “จิตอาสา เราทำดีด้วยหัวใจ” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน กับ เพจ สายไหมต้องรอด และ สถานีตำรวจนครบาลสายไหม (สน.สายไหม) เพื่อสนับสนุนผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ และผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ในชุมชน สายไหม


โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ  ตั้งอยู่เลขที่ 290 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ 10220 โดยมีความตั้งใจและภารกิจในการให้บริการรักษาพยาบาล ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ด้วยมาตรฐานสูง บุคลากรเฉพาะทาง และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพจสายไหมต้องรอด เป็นแพลตฟอร์มด้านสังคมที่มุ่งเน้นให้การช่วยเหลือในพื้นที่ชุมชนสายไหม ทั้งด้านสาธารณสุข สังคม และการประสานงานเพื่อผู้ที่อยู่ในภาวะเปราะบาง ในขณะที่ สน.สายไหม เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและดูแลความสงบเรียบร้อยในเขต สายไหม ซึ่งทั้งสามฝ่ายได้ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการด้วยหัวใจอาสา ภายใต้แนวคิดว่า “แม้เพียงเตียงหนึ่งอาจดูเป็นสิ่งธรรมดาในสายตาคนทั่วไป แต่สำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ชีวิตบนเตียง มันคือ ‘โอกาส’ ที่จะได้พักพิงอย่างเหมาะสม และ ‘คุณภาพชีวิต’ ที่ดีขึ้น”

การส่งมอบเตียงครั้งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจสุขภาพ กับชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับการดูแลผู้ป่วยติดเตียงอย่างเป็นรูปธรรม โดยโรงพยาบาลได้ประสานผู้รับบริจาคเตียงผ่านช่องทางของเพจ สายไหมต้องรอด และสน.สายไหม เพื่อให้มั่นใจว่าเตียงที่มอบให้จะถูกใช้งานจริงโดยผู้ที่มีความจำเป็นที่สุด

จุดหมายและความหมายของโครงการโครงการ “จิตอาสา เราทำดีด้วยหัวใจ” มีวัตถุประสงค์หลักคือ

•สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์พื้นฐาน เช่น เตียงผู้ป่วย ให้แก่ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยพักฟื้น ผู้พิการ หรือผู้ที่อยู่ในภาวะเปราะบางในพื้นที่ชุมชน

•สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาล ภาคประชาสังคม และหน่วยงานภาครัฐ/ท้องถิ่น เพื่อประสานการช่วยเหลือให้ครบถ้วนและทั่วถึง

•เสริมสร้างโอกาสในการมีชีวิตที่ดีขึ้น ให้แก่ผู้ป่วยที่ต้องอยู่บนเตียงอย่างต่อเนื่อง โดยลดภาระของครอบครัว และเพิ่มความสะดวกในการดูแล

•เป็นต้นแบบของการ “ทำความดี” ที่มีผลลัพธ์ชัดเจน โดยอาศัยทรัพยากรที่มีอยู่ และการประสานงานที่ดี

กระบวนการดำเนินงาน

1. โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน จัดเตรียมเตียงผู้ป่วยที่มีคุณภาพ 10 เตียง พร้อมตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นสัญญาณแสดงถึงความมุ่งมั่นของโรงพยาบาลในการส่งต่อทรัพยากรสู่ชุมชน

2. เพจสายไหมต้องรอด และสน.สายไหม ดำเนินการสำรวจและคัดเลือกผู้รับบริจาค โดยพิจารณาจากความจำเป็น ทั้งด้านสุขภาพ สถานะครอบครัว และสภาพความเป็นอยู่ เพื่อให้การจัดส่งเตียงมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์มากที่สุด

3. ในวันส่งมอบ มีการจัดพิธีเล็ก ๆ ภายในโรงพยาบาล โดยมีตัวแทนจากทั้ง 3 ฝ่าย ได้แก่ ตัวแทนโรงพยาบาล ตัวแทนเพจ และตัวแทนจากสน.สายไหม มาร่วมแสดงความมุ่งมั่นในโครงการ พร้อมถ่ายภาพและบันทึกการส่งมอบอย่างเป็นทางการ

4. หลังการส่งมอบ เตียงจะถูกส่งให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ในชุมชน พร้อมมีคำแนะนำเรื่องการใช้งาน และในกรณีที่ผู้รับต้องการการดูแลเพิ่มเติม โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ได้เตรียมช่องทางให้คำปรึกษาด้านสุขภาพหรือส่งต่อหากมีภาวะเร่งด่วน

ประโยชน์ที่เกิดขึ้น

ผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้ป่วยพักฟื้นจะได้ใช้งานเตียงที่ออกแบบมาเพื่อผู้ป่วย ทำให้สามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้ง่าย ลดแผลกดทับ และสะดวกต่อการดูแลของครอบครัวหรือผู้ดูแล

ครอบครัวของผู้ป่วยได้รับการช่วยเหลือ ลดภาระด้านอุปกรณ์การดูแลเบื้องต้น ซึ่งบางกรณีหากไม่มีเตียงหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสม อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพของผู้ป่วย

การที่โรงพยาบาล ภาคประชาสังคม และหน่วยงานตำรวจ ร่วมมือกัน ทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนที่ยั่งยืน และสามารถต่อยอดการช่วยเหลือในรูปแบบอื่น ๆ ได้ในอนาคต

สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของโรงพยาบาลในฐานะ “องค์กรเพื่อสังคม” ที่ไม่เพียงแต่รักษาโรค แต่ยังเห็นความสำคัญของการคืนทุนสู่สังคม


ดร.พลอย พุทธพงษ์ศิริพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มโรงพยาบาลซีจีเอช ในนามตัวแทนของโรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน กล่าวว่า “เรามีความเชื่อมั่นว่า ทุกชีวิตมีคุณค่า และทุกการช่วยเหลือแม้จะเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ  เช่น 1 เตียง ก็สามารถเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างมีนัยสำคัญ เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมกับเพจสายไหมต้องรอด และสน.สายไหม ในโครงการ จิตอาสา เราทำดีด้วยหัวใจ’ ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนในชุมชน

ครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่สะท้อนถึง “หัวใจของการให้” เมื่อโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในเขตกรุงเทพฯ  ร่วมมือกับภาคประชาสังคมและหน่วยงานทางการเมือง/กฎหมาย เพื่อส่งมอบสิ่งที่เรียบง่ายแต่มีความหมายลึกซึ้งอย่างเตียงผู้ป่วย จำนวน 10 เตียง ให้แก่ผู้ที่ต้องการมากที่สุดในชุมชน สายไหม แม้เตียงหนึ่งอาจดูเป็นเพียง “กรอบเหล็ก + ฟูก” สำหรับหลายคน แต่สำหรับผู้ที่อยู่บนเตียงวันแล้ววันเล่า มันคือ โอกาส ที่จะได้พักอย่างเหมาะสม และคือ คุณภาพชีวิต ที่ดีกว่าเดิม

หากท่านใดต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหรือต้องการสนับสนุนโครงการฯ สามารถติดต่อได้ที่
– โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน โทร. 02 552 8777 
– เพจ สายไหมต้องรอด
– สน.สายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ

ขอเชิญร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการให้ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้ป่วยติดเตียงและผู้ที่กำลังเผชิญกับความยากลำบากในชุมชนของเรา

CGH Wellness Talk x Grandprix | “ใช้ชีวิตให้ดีที่สุด ด้วยอาหารดี และห่างไกลออฟฟิศซินโดรม”


CGH Wellness Talk x Grandprix | ยกระดับสุขภาพชีวิต พิชิตออฟฟิศซินโดรมด้วยอาหารดีโรงพยาบาล
ซีจีเอช พหลโยธิน เดินหน้าส่งเสริมสุขภาพคนทำงาน จัดกิจกรรม CGH Wellness Talk x Grandprix ให้ความรู้เรื่องการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน ภายใต้หัวข้อ  “Living Your Best Life with Healthy Food and Staying Free from Office Syndrome” หรือ “ใช้ชีวิตให้ดีที่สุด ด้วยอาหารดี และห่างไกลออฟฟิศซินโดรม” เพราะ “สุขภาพที่ดี เริ่มต้นได้จากอาหารและการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง” 


กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นที่ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) โดยได้รับเกียรติจาก
พญ.เพชรลดา พุทธพงษ์ศิริพร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร กลุ่มโรงพยาบาลซีจีเอช ร่วมบรรยายและแบ่งปันความรู้ พร้อมเคล็ดลับสุขภาพง่าย ๆ ที่นำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

ไฮไลต์ในงาน CGH Wellness Talk แนวทางการเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยเสริมพลังระหว่างวัน
การจัดสรรมื้ออาหารให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์คนทำงาน วิธีการป้องกันออฟฟิศซินโดรมด้วยเทคนิคง่าย ๆความรู้เรื่องโภชนาการเพื่อชะลอวัย ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง พญ.เพชรลดา เน้นย้ำว่า “อาหารเป็นพื้นฐานสำคัญของสุขภาพที่ดี การรับประทานอาหารให้ครบหมู่ ลดหวาน มัน เค็ม และเลือกอาหารสดใหม่ จะช่วยให้ร่างกายทำงานได้เต็มที่ และลดโอกาสเกิดโรคที่พบบ่อยในคนวัยทำงาน เช่น ออฟฟิศซินโดรม หรือโรคเรื้อรังต่าง ๆ”



ร่วมสร้างสุขภาพดีในองค์กร กิจกรรม CGH Wellness Talk ไม่เพียงแค่ให้ความรู้ แต่ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมาย ของ CGH Group ที่ต้องการเป็นผู้นำด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Health) และส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างสมดุล

หากองค์กรใดสนใจร่วมกิจกรรมหรือจัดบรรยายด้านสุขภาพ
สามารถติดต่อ โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธินผ่านทางเว็บไซต์: www.cgh.co.th
หรือโทร. 02-552-8777


#CGHWellnessTalk #สุขภาพดีเริ่มที่เรา #ออฟฟิศซินโดรม
#อาหารสุขภาพ #Grandprix #CGHพหลโยธิน #เวชศาสตร์ชะลอวัย
#โภชนาการเพื่อสุขภาพ