ชี้เป้าประเทศไทยคือหนึ่งในตลาดหลักของแอปเปิลนอก
แอปเปิลทุกผลล้วนมีเรื่องราวซ่อนอยู่ และสำหรับ Mr Apple (มิสเตอร์ แอปเปิล) หนึ่งในผู้ผลิตและผู้ส่งออกแอปเปิลชั้นนำจากประเทศนิวซีแลนด์ เรื่องราวนั้นคือ ความใส่ใจตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงปลายทาง โดยตลอดระยะเวลากว่า 4 ทศวรรษที่ “Mr Apple” ได้พัฒนาศาสตร์แห่งการปลูกแอปเปิลจนเกิดเป็นผลผลิตที่สมบูรณ์แบบด้วยภูมิปัญญาการเกษตรที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยและความเคารพต่อธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง จากปรัชญาการทำงานที่ต้อง “คัดสรรมาอย่างลงตัว” ทำให้เราใส่ใจแอปเปิลทุกผลตั้งแต่บนต้นสู่บนจาน ผ่านคำมั่นสัญญาที่จะรักษาคุณภาพ ความปลอดภัย และรสชาติในทุกคำที่พร้อมส่งต่อให้ผู้บริโภคลิ้มรส
โดยในปี 2568 ถือเป็นครั้งแรกที่แบรนด์เข้ามาทำการตลาดในไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสและรู้จักผลไม้จาก “Mr Apple” บนชั้นวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตมาแล้วช่วงระยะหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการเปิดบทใหม่ของ “Mr Apple” ด้วยการนำเสนอเรื่องราวคุณค่าและเอกลักษณ์ของแบรนด์มาถ่ายทอดให้ผู้บริโภคชาวไทยได้รับรู้ผ่านการทำแคมเปญการตลาดสร้างแบรนด์ การสร้างตัวตนบนโลกดิจิทัล และสร้างประสบการณ์ภายในร้านค้า
สำหรับประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดที่แข็งแกร่งที่สุดของ “Mr Apple” ซึ่งจัดอยู่ใน 8 อันดับแรกของตลาดที่ทำยอดขายสูงสุดของแบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยนิยมรับประทานผลไม้สด มีความใส่ใจด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี รวมถึงต้องการสินค้านำเข้าเกรดพรีเมียม ประเทศไทยจึงเป็นตลาดที่เหมาะสมของแบรนด์ ทำให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา “Mr Apple” มีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทผู้นำเข้าและห้างค้าปลีกชั้นนำของไทยหลายแห่งในการส่งสินค้าแบรนด์เข้ามาจำหน่าย ได้แก่ วี.เอส.เอ็ม.ฟรุทส์ (VSM), ซิตี้ เฟรช ฟรุ๊ต (City Fresh), บิ๊กซี (Big C), แม็คโคร (Makro) และ โลตัส (Lotus’s)
“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะเริ่มก้าวต่อไปในตลาดประเทศไทย” นางสาวโจ เทอร์เนอร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด Mr Apple กล่าว “เมืองไทยให้การตอบรับแอปเปิลของเรามาตลอดหลายปี และวันนี้เราภูมิใจที่จะได้นำเสนอเรื่องราวว่า เราเป็นใคร มีปรัชญาการดำเนินธุรกิจอย่างไร รวมถึงเบื้องหลังความใส่ใจที่เรามีให้กับทุกผลผลิตที่เราปลูก”
หลังจากนี้ “Mr Apple” จะร่วมเป็นพันธมิตรกับเอเจนซี “แตร์รัว แอนด์ สไปซ์” และ “ดีว่า สตูดิโอ” ในการทำแคมเปญการตลาด โดยจะมีกิจกรรมสื่อสารการตลาดครบวงจร ทั้งการโฆษณาภายในจุดจำหน่ายทั้งค้าปลีกและค้าส่ง การสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล รวมถึงกิจกรรมชิมผลิตภัณฑ์ในห้างค้าปลีกที่ร่วมรายการ นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวโซเชียลมีเดียเวอร์ชันภาษาไทย และเข้าร่วมแคมเปญ “Discover a Taste of New Zealand สร้างสรรค์ด้วยใจ สดใหม่จากนิวซีแลนด์” ซึ่งเป็นแคมเปญของหน่วยงาน New Zealand Trade & Enterprise ที่จะจัดขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมนี้ ภายในห้างค้าปลีกชั้นนำและตลาดไท ตลาดค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย
หัวใจหลักของ “Mr Apple” คือพื้นที่การเพาะปลูกที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในเขตอ่าวฮอว์คของนิวซีแลนด์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมที่สุดในโลกสำหรับการปลูกแอปเปิล โดยแอปเปิลทุกผลจะได้รับการดูแลด้วยแนวทางคุณภาพระดับ 5 ดาวของแบรนด์ ซึ่งประกอบด้วย
· Pure PLACE แหล่งปลูกที่อุดมสมบูรณ์ – เพาะปลูกในพื้นที่อ่าวฮอว์ค นิวซีแลนด์ แหล่งปลูกแอปเปิลที่มีองค์ประกอบเหมาะสมมากที่สุดในโลก
· Pure NATURE ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ – ให้ความเคารพต่อธรรมชาติและจะเข้าไปตัดแต่งกิ่งและดอกผล เมื่อจำเป็นเท่านั้น
· Pure EXPERTISE ความเชี่ยวชาญในทุกมิติ – ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยควบคู่กับภูมิปัญญาการเกษตรที่สืบทอดและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
· Pure SAFETY ความปลอดภัยที่วางใจได้ – เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง ตั้งแต่การควบคุมศัตรูพืชโดยใช้กระบวนการทางธรรมชาติ จนถึงระบบตรวจสอบย้อนกลับได้อย่างครบถ้วน เพื่อความมั่นใจของผู้บริโภค
· Pure DELIGHT รสชาติอร่อยถูกใจ – ด้วยความใส่ใจในทุกกระบวนการ แอปเปิลของเราจึงมอบรสชาติหวาน กรอบ และอร่อยอย่างสมบูรณ์แบบในทุกคำ
ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวในปี 2568 หลังจากนี้ผู้บริโภคชาวไทยจะได้พบกับแอปเปิลหลากหลายสายพันธุ์ชั้นนำจาก “Mr Apple” ไม่ว่าจะเป็น แกรนนี่ สมิธ (Granny Smith), รอยัล กาลา (Royal Gala), โพซี (Posy™) และ แดซเซิล (Dazzle™) ด้วยภาพลักษณ์โฉมใหม่ของแบรนด์และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นในตลาดท้องถิ่น “Mr Apple” พร้อมแล้วที่จะสร้างความผูกพันกับครอบครัวผู้บริโภคชาวไทยให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นผ่านแอปเปิลคุณภาพทุกผลที่ไปถึงมือคุณ
ติดตามความเคลื่อนไหวของ “Mr Apple” ผ่าน Facebook Page ที่ https://www.facebook.com/MrAppleThailand และเยี่ยมชมเว็บไซต์ภาษาไทยโฉมใหม่ของเราได้ที่ https://www.mrapple.com/th/home