ดำเนินโครงการ “ดวงตาสดใส ใกล้บ้าน” ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการทั่วประเทศ
ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย มีภารกิจในการจัดเก็บและรวบรวมดวงตาจากผู้บริจาคที่เสียชีวิตแล้ว ด้วยเทคนิคมาตรฐานสากล เพื่อมอบให้กับจักษุแพทย์นำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม
ทั้งนี้เพื่อเพิ่มโอกาสในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการให้ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตาได้อย่างรวดเร็ว “ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย” นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงลลิดา ปริยกนก ผู้อำนวยการศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ร่วมกับ “กระทรวงสาธารณสุข” นำโดยนายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข และประธานคณะกรรมการจัดหาและบริการดวงตาแห่งสภากาชาดไทย ได้จัดทำโครงการ “ดวงตาสดใส ใกล้บ้าน” ให้ผู้ป่วยได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา
ณ โรงพยาบาลใกล้บ้าน ให้เข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็ว เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“กระจกตา” ที่ท่านบริจาค ช่วยผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการให้กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ปัจจุบันโรคกระจกตาพิการ เป็นสาเหตุสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็น ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตในสังคมด้วยความยากลำบาก รวมถึงประเทศสูญเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศจากทรัพยากรมนุษย์ที่เจ็บป่วยและขาดโอกาสในการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว วิธีการรักษาผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการส่วนใหญ่ คือ การผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา โดยนำกระจกตาของผู้บริจาคดวงตาที่เสียชีวิตแล้วมาปลูกถ่ายให้แก่ผู้ป่วย ดังนั้น กระจกตาบริจาคจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการ เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกครั้ง
ชวน “ผู้ขึ้นทะเบียนรอรับบริจาคดวงตาก่อนปี 62” อัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอย่างไรก็ตาม การดำเนินงานตามโครงการ ยังพบอุปสรรคปัญหาสำคัญประการหนึ่ง คือ ข้อมูลของผู้ป่วยบางรายที่ขึ้นทะเบียนรอรับดวงตาบริจาคกับศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยไม่เป็นปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยและโรงพยาบาลเครือข่ายเคยมีอยู่ จึงทำให้ไม่สามารถติดตามผู้ป่วยเข้าร่วมในโครงการได้ ส่งผลทำให้ผู้ป่วยสูญเสียโอกาสในการเข้าร่วมโครงการ
ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนรอรับดวงตาบริจาคก่อนปีพ.ศ.2562 และยังประสงค์จะรับการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาเข้าร่วมโครงการ กรุณาติดต่อศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย โทรศัพท์หมายเลข 0 2256 4039-40 ในวันและเวลาราชการ หรือแจ้งแพทย์ในโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยรับการรักษา เพื่อแจ้งข้อมูลของตนเองให้เป็นปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการรักษาของผู้ป่วยและเพื่อความรวดเร็วในการให้บริการของโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยรับการรักษาต่อไป