28 สิงหาคม 2563

ETDA จัดงาน “Go Digital with ETDA”

ETDA โชว์ผลงานเด่น ปี 63 พร้อมเผยก้าวต่อไป ตั้งเป้าภายในปี 65
พาคนไทย Go Digital with ETDA ครอบคลุมบริการดิจิทัลที่สำคัญ ทุกคนเชื่อมั่นและเข้าถึงได้

สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจัดงาน "Go Digital with ETDA" โชว์ผลงานเด่นปี 63 และนโยบายก้าวต่อไปในอนาคต กับภารกิจสำคัญที่จะพาคนไทยโกดิจิทัลไปกับเอ็ตด้า ด้วยการส่งเสริมและพัฒนาบริการพื้นฐานด้านดิจิทัล (Common Service) ที่สำคัญ ณ ห้องประชุม Walk the Talk ชั้น 15 ของ ETDA เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "Future of Digital Economy and Society" โดยระบุว่า จากรายงาน World Competitiveness Ranking 2020 ของสถาบัน IMD (International Institute for Management Development) พบว่า ปีนี้ประเทศไทยมีขีดความสามารถการแข่งขันอันดับที่ 29 จากทั้งหมด 63 ประเทศ ขณะที่ปัจจัยหลักทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ศักยภาพทางเศรษฐกิจ (Econornic Performance) ประสิทธิภาพของรัฐบาล (Government Efficiency) ประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ (Business Efficiency) และโครงสร้งพื้นฐาน (Infrastructure) พบว่าจาก 2 ใน 4 อันดับสูงขึ้นจากปีที่แล้ว คือด้านประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ อยู่อันดับที่ 23 ขึ้นจากอันดับที่ 27 ในปีที่แล้ว และค้นโครงสร้งพื้นฐาน อยู่อันดับที่ 44 จากอันดับที่ 45 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่กระทรวงติจิทัลฯ ร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง เช่น เทคโนโลยี 5G ซึ่งไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือโอกาสที่คนไทยจะเท่าเทียมกัน การควบรวม CAT และ TOT เป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่ชาติ (NT) เพื่อรับมือการแข่งขันในอุตสาหกรมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโครงการ Thailand Digital Valley เพื่อสร้างระบบนิเวศดิจิทัลตึงดูดการลงทุน การพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (Government Data Center and Cloud Service : GDCC) เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ เพิ่มสปีดรัฐบาล อิเล็กทรอนิกส์ที่เริ่มให้บริการแล้ว นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ ยังเป็นกำลังสำคัญในการพาสังคมก้าววิกฤตโควิต-19 เช่น การสร้างแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยเฉพาะ "ไทยชนะ" ที่สามารถช่วยควบคุมป้องกันโรคผ่านวิธีการเซ็กอิน และเซ็กเอาต์สถานประกอบการต่าง ๆ

"อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่ได้มองข้ามการพัฒนาขีดความสามารถในด้านอื่นๆ ที่คะแนนลดลง ทั้งประสิทธิภาพของภาครัฐ หรือผลคะแนนด้นเศรษฐกิจ เพื่อขยับให้อันดับของประเทศไทยสูงขึ้น ด้วยการส่งเสริมและพัฒนาบริการดิจิทัลพื้นฐานหรือ Common service ของประเทศให้น่าเชื่อถือ มั่นคงปลอดภัย และได้มาตรฐานระดับสากล ผ่านการดำเนินงานสำคัญ ๆ ของ ETDA เช่น การเปิด Digital Service Sandbox เพื่อทดสอบนวัตกรรมหรือบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มความเชื่อมั่นก่อนใช้งานจริง การพัฒนา Digital ID Ecosystem ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ส่งเสริมบริการออนไลน์ให้มีความน่าเชื่อถือ ผ่านการพิสูจน์และยืนยันตัวตนโดยไม่ต้องเดินทางและเสียเวลาการลงทะเบียนใหม่ซ้ำ ๆ กัน ซึ่งกระทรวงฯ กำลังจะประสานให้ทุกหน่วยมาร่วมพัฒนแพลตฟอร์มกลางสำหรับบริการประชาชน และ ETDA จะเป็นหน่วยงานสำคัญในการดูแลเรื่อมาตราฐานบริการ การพัฒนามาตรฐานและกฎหมายของบริการดิจิทัลอื่น ๆ ให้เทียบเท่าระดับสากล เพราะตอนนี้เทดโนโลยีใหม่ ๆ เช่น บล็อกเชน, เอไอ ฯลฯ ยังไม่มีมาตรฐานกลาง และการป้องกันระวังภัยคุกคามทางออนไลน์ (Online Fraud Prevention) ด้วยการยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคออนไลน์ ร่วมกับภาคีเครือข่าย ผ่านการเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อผู้บริโภคออนไลน์ได้รับความช่วยเหลือเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงการดูแลเฝ้าระวังภัยไซเบอร์ให้กับหน่วยงานภาครัฐ" นายพุทธิพงษ์ กล่าว

ด้าน นายชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA (เอ็ตด้า) เปิดเผยว่า ETDA มีเป้าหมายสำคัญคือ "GO Digital with ETDA" หรือ การเป็นองค์กรขับเคลื่อนศรษฐกิและสังคม ด้วยธุรกรรมอิล็กทรอนิกส์โดยสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเท่าทันกับสถานการณ์โลก ภายใต้บทบาทหน้าที่หลักคือ การส่งเสริมให้เกิดการทำ ธุรกรรทางอิเล็กทรอนิกส์ สร้งความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ผลักดันการทำธุรกรรมทางอีเล็กทรอนิกส์อย่งบูรณาการ และสุดท้ายคือ การกำกับดูแลธุรกิจบริการดิจิทัล สร้างความน่าเชื่อถือ รองรับการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมติจิทัล ด้วยงานสำคัญทั้งการกำกับดูแลธุรกิจบริการด้านดิจิทัล พัฒนามาตรฐานและกฎหมายด้านติจิทัล การพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลไอดี การป้องกันการหลอกลวงทางออนไลน์ และการพัฒนาความพร้อมของคนติจิทัล







โดยในปี 2563 ETDA ได้ส่งมอบงานสำคัญผ่าน 5 โครงการ ได้แก่

1. โครงการ Digital Governance เพื่อให้ทุกภาคส่วนใช้เทคโนโลยีตดิจิทัลอย่างมั่นใจ มีกลไกกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ ผ่านกฎหมายและมาตรฐานสำคัญๆ เช่น ร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฏ. Digital ID) รองรับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ส่งเสริมธุรกิจเกี่ยวกับดิจิทัลไอดี เพื่อให้ประขาชนได้รับบริการที่เชื่อถือได้ สะดวก รวดเร็ว และ ร่าง พ.ร.ฏ. ว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจการให้บริการออกใบรับรองเพื่อสนับสนุนลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (CA) รวมทั้งการออกข้อเสนอแนะฯ มาตรฐาน แนวทางการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลาย ลดความเสี่ยง รวมถึงผลักดันเรื่องระบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือ e-Meeting ทั้งการออกกฎหมายและมาตรฐาน ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยปลดล็อกกฎหมายที่มีอยู่เดิม และช่วยรับรองผู้ให้บริการระบบประชุม เพื่อให้ผู้ใช้เกิดความเชื่อมั่นในระบบที่ใช้งานด้วย พร้อมเปิด Digital Service Sandbox เพื่อทดสอบการใช้นวัตกรรมหรือบริการดิจิทัลใหม่ ๆ ให้สอดคล้องข้อกฎหมาย หรือมาตรฐานต่าง ๆ ก่อนการใช้งานจริง

2. โครงการ Speed-up e-licensing เร่งเครื่องระบบติจิทัลในบริการภาครัฐ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและให้ภาคธุรกิจและประชาชนได้รับบริการที่รววเร็ว โดยการพัฒนาบริการของรัฐให้เป็นบริการดิจิทัล ผ่านโครงสร้างข้อมูล (Schema) การออกใบอนุญาตหรือเอกสารหลักฐานของภาครัฐให้ป็นระบบดิจิทัล พร้อมสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นกับบริการดิจิทัลของเอกชน ด้วยการตรวจประเมินรับรองระบบสารสนเทศและการใช้บริการ e-Timestamping ประทับรับรองเวลาของ e-Document

3. โครงการ Digital Transformation ให้ภาครัฐมีระบบดิจิทัลที่มั่นคงปลอดภัย ห่างไกลภัยไซเบอร์ ด้วยการ Government Threat Monitoring System (GTM) เฝ้าระวังภัยไซเบอร์ให้กับหน่วยงานรัฐ พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์ม Threat Watch ยกระดับการเฝ้าระวังให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. โครงการ Thailand e-Commerce Sustainability ลดเหลื่อมล้ำ เพิ่มรายได้ ด้วยอีคอมเมิร์ซ อย่างยั่งยืน ผ่านความร่วมมือกับเครือข่ายลงพื้นที่พัฒนาศักยภาพอีคอมเมิร์ชชุมชนทั่วประเทศ รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรด้านอีคอมเมิร์ซ ปูทางความพร้อมให้กับนักเรียน (ทสรช.) นักศึกษา (มศว, เอแบค ฯลฯ) เพื่อป้อนตลาดแรงงานยุคดิจิทัล เปิดหลักสูตรออนไลนเพื่อให้คนไทยเรียนรู้ได้ผ่านแพลตฟอร์มของ ETDA และสำนักงาน ก.พ.พร้อมผลักดันแผนธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อกำหนดทิศทางพัฒนาให้ทุกภาคส่วน ตลอดจนเดินหน้าสำรวจการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทย มูลค่าอีคอมเมิร์ชประเทศไทย และสถิติต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับไปวงแผนการตลาด และสร้างโอกาสในการทำธุรกิจบนโลกออน
ไลน์ได้

5. โครงการ Stop e-commerce Fraud ทั้งคุ้มครองผู้บริโภคออนไลน์เชิงรุก ผ่นการนำเครื่องมือ Socal Listening วิเคราะห์ช้อมูลในโลกออนไลน์เพื่อนำมาแจ้งตือนภัยก่อนเกิดเหตุหรือลุกลาม และการจัด
อบรมและเสริมสร้างความสามารถด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้แก่คลากรที่เกี่ยวข้องและประชาชนที่สนใจ เพื่อให้ประเทศไทยมีกำลังคนด้านไซเบอร์เพิ่มขึ้น

นายชัยชนะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นโยบายและแผนการดำเนินงานก้าวต่อในปี 64” ETDA จะเดินหน้าดำเนินงานผ่าน 3 โครงการที่จะยกระดับการขับเคลื่อนจากปี 63 ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ดังนี้

1. การนำการขับเคลื่อนธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยการสร้างกลไกขับเคลื่อนธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของของประเทศผ่านแผนยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานด้านมาตรฐาน พร้อมผลักดันแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับธุรกรรมฯ ให้ทุกภาคส่วนนำไปกำหนดแนวทางการพัฒนาในทิศทางเดียวกัน พร้อมจัดการสำรวจวิจัยที่ทำให้มองภาพอนาคต (Foresight) ชัดเจนขึ้น สู่การกำหนดนโยบาย ทิศทางการดำเนินธุรกิจ และการทำการตลาด รวมถึงเสริมสร้างทักษะด้าน
อีคอมเมิร์ซ เพื่อพัฒนากำลังคนตอบโจทย์ความต้องการของตลาดยุคดิจิทัล ไปพร้อมๆ กับการคุ้มครองผู้บริโภคที่ยกระดับการคุ้มครองโดยการสร้างระบบเชื่อมโยงข้อมูลกับเครือข่าย ทำให้การคุ้มครองมีความรวดเร็วขึ้น

2. การเร่งเครื่องกลไกดูแลธุรกิจดิจิทัล ด้วยการจัดทำหลักเกณฑ์ กฎหมาย มาตรฐาน รวมถึงแนวปฏิบัติในการดูแลธุรกิจดิจิทัลและบริการที่สำคัญ ๆ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในการใช้บริการธุรกิจบริการด้านดิจิทัลที่เปิดให้บริการไปแล้ว และกำลังจะเปิดให้บริการ เช่น บริการด้าน e-Meeting บริการด้าน Digital ID ด้วยระบบการตรวจประเมินที่มีมาตรฐาน

3. การเสริมฐานรากแพลตฟอร์มดิจิทัลของรัฐ สู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม ผู้ประกอบการและประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว มั่นใจ ปลอดภัย ด้วยการพัฒนาแบบจำลองมาตรฐานและแบบจำลองข้อมูล (Data Model) แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน สนับสนุนศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางภาครัฐ จัดทำมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ Digital ID และ e-Signature สร้างความพร้อม ความตระหนัก แก่บุคลากรภาครัฐ ผ่านการอบรม พร้อมให้บริการเฝ้าระวัง ตอบสนองและจัดการภัยคุกคามไซเบอร์ให้กับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและบริการออนไลน์ของหน่วยงานภาครัฐ 


“จากการดำเนินงานข้างต้น ETDA ตั้งเป้าไว้ว่า ภายในปี 65 ประเทศจะต้องมีภูมิทัศน์ด้านบริการดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน หรือ Digital Services Landscape ที่ครบถ้วน เพื่อเป็นทิศทางการพัฒนาประเทศ รวมถึงเกิดระบบนิเวศ Digital ID หรือ Digital ID Ecosystem สำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำไปสู่การใช้งาน Digital ID ในวงกว้าง และหน่วยงานรัฐจะต้องมีระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Service และระบบสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-office ภายใต้มาตรฐาน กฎเกณฑ์ และการขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นจริงของ ETDA ที่จะพาทุกภาคส่วน 
Go Digital ไปพร้อมกัน” นายชัยชนะ กล่าว