27 ธันวาคม 2562

สุขทุกวันที่จันทบุรี

Chanthaburi Miracle Christmas Festival of Lights 2019         


ทริปครั้งนี้เราเดินทางไปยัง จังหวัดจันทบุรี เมืองเล็กน่ารักแห่งนี้ที่มีมากกว่า แค่สถานที่ท่องเที่ยวหลัก
ที่หลายคนรู้จักกัน   เพราะที่จันทบุรี มีวิถีชุมชนที่น่าสนใจอย่างที่สุด วิถีเหล่านั้นก็ได้ถูกจัดการออกมาอย่างดีให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้สัมผัสกับความเป็นจันทบุรีอย่างเต็มที่ 

เมื่อช่วงเทศกาลความสุข เรื่องราวความมหัศจรรย์ในเมืองไทย  กลับมาอีกครั้งกับงานคริสต์มาสที่แสนอบอุ่นของที่มีเสน่ห์ด้านวัฒนธรรม อย่างที่รู้จักกันดีว่า เป็นอีกหนึ่งในสถานที่จัดงาน Chanthaburi Miracle Christmas Festival of Lights 2019  ที่ผ่านมา  เทศกาลแห่งความชื่นชมยินดีที่พระกุมาร
“เยซู”  ซึ่งเป็นองค์ศาสดาของศาสนาคริสต์ได้ทรงบังเกิดมาในโลก โดยหัวใจสำคัญของวันคริสต์มาส คือ  พิธีมิสซาเที่ยงคืนวันที่ 24 ธันวาคม ทั่วโลกจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการประสูติของ
พระกุมารเยซู มีการจัดงานเทศกาลรื่นเริง แสดงถึงความสนุกสนาน ความชื่นชมยินดี การประดับประดาถ้าพระกุมารจำลอง การประสูติของพระเยซูในถ้ำเลี้ยงแกะ การร้องเพลงคริสต์มาส การมีส่วนร่วมของเด็กๆ ครอบครัว การเปิดแชมเปญและทานขนมปังปาเนตโตเน่ ทั้งนี้ รูปแบบการจัดงานเน้นการนำเสนอกิจกรรมคริสต์มาสเที่ยงคืนของอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมลจันทบุรี ที่มีธรรมเนียมประเพณี การปฏิบัติที่เป็นเอกลักษณ์ มาที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่จัดไฟสวยงามแถมได้ชมวิวสวยสุดๆ อีกด้วย

คุณเสาวนีย์ คนกล้า ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจันทบุรี



นานๆ ทีคนกรุงอย่างเราจะได้มีโอกาสพักผ่อนสบายๆ ในวันหยุด คุณค่าของวิถีไทย ทำให้จันทบุรีมีวันนี้ พลิกจากวันที่เป็นเพียงเมืองผ่าน สู่การเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว คริสต์มาสเป็นช่วงเวลาสำหรับทุกคนในครอบครัวและเพื่อนๆ ของคนรักมาสร้างความ ทรงจำที่มีความสุขด้วยกัน สุขสันต์วันคริสต์มาส และให้เราสร้างวันแห่งความทรงจำด้วยกันหลายคนมาเที่ยวครั้งหนึ่งแล้วก็มาซ้ำอีก เพราะประทับใจในบรรยากาศของจันทบุรี  ความสุขอยู่ใกล้แค่นี้เอง

กิจกรรม Highlight ห้ามพลาด
-อุโมงค์ไฟประดับถ้ำพระกุมาร ประดับด้วยเกล็ดหิมะ snowflake
-อุโมงค์ไฟประดับดาว สัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส
-การแสดงจุดพลุคริสต์มาส
-ต้นคริสต์มาสประดับไฟ บริเวณหน้าอาสนวิหาร
-3D Mapping :Miracle Christmas 2019 การแสดงแสงสีบนผนังโบสถ์
-จุดถ่ายรูปกล่องของขวัญ และจุดถ่ายรูป
-สะพานนิรมล สะพานประดับดาวสู่อาสนวิหารฯ
-ดนตรีการแสดง และกิจกรรมบนเวที
-เพลิดเพลินกับร้านอร่อย ร้านอาหารเด่นเมืองจันท์
-การเปิดซุ้มบ้านแบ่งปัน แจกขนมและของขวัญคริสต์มาส love & sharing  (24 ธ.ค.62)
-พิธีแจกขนมปังปาเนตโตเน่ และเครื่องดื่ม (24 ธ.ค 62)

ทริปการเดินทางท่องเที่ยวนี้  Wefiethailand  แวะชิม ช้อป แชะ โดยช่วงกลางวันเราสามารถเดินทางท่องเที่ยวสถานี่ต่างๆ  บริเวณโดยรอบโดยเริ่มจาก

                  
ครัวบัวขาว ร้านอาหารเมนูท้องถิ่นชุมชนหนองบัว 
.....หาทานได้เฉพาะอาหารกลางวันชุมชนแห่งนี้ 

มื้อกลางวัน อาหารเมนูท้องถิ่นชุมชนหนองบัว อยู่ที่ร้านอาหารเมนูท้องถิ่นชุมชนหนองบัว ร้านอาหารพื้นบ้านจันทบุรี จากวัตถุดิบท้องถิ่นสู่มื้ออาหารรสชาติดั้งเดิมที่ที่หาทานได้เฉพาะ ชุมชนแห่งนี้ ลองอร่อยมากจนไม่รู้จะติอะไรดี



กุ้งทอดกระเทียม



เมนูส่วนใหญ่ เค้าใช้วัตถุดิบหาได้จากชุมชน อย่างเช่น ปลากระบอก ปลากะพง รวมถึงผักอย่าง ระกำ กระวาน ชะมวง เมนูแนะนำอย่างเช่น หมึกต้มน้ำอ้อย, ไก่ต้มมะละกอ, เป็ดผัดเผ็ดกะลามะพร้าว, น้ำพริกสูตรเด็ด ทางร้านมีทั้งน้ำพริกกุ้งสด น้ำพริกกุ้งแห้ง และน้ำพริกกะปิ, ทอดมันหมูสูตรคุณแม่ ที่ไม่เหมือนทอดมันที่ใดในโลก ถ้าชอบอาหารพื้นเมืองจันทบุรีอย่างแกงหมูชะมวง มีที่ไหนได้เที่ยวแบบ Slow Life เท่านี้อีก

เมนูที่ได้ทานวันนี้...
หมูต้มใบชะมวง
หมึกต้มน้ำอ้อย
กระพงผัดพริกขี้หนู
แกงเป็ดกะลามะพร้าว
ทอดมันหมู
กุ้งทอดกระเทียม
ยำแตงกวากุ้งแห้ง

ยำแตงกวากุ้งแห้ง


ร้านครัวบัวขาว  เปิดให้บริการมาแล้ว 9 ปี ซึางแต่เดิมเดิมร้านตั้งอยู่ที่ ริมคลองหนองบัว แต่ย้ายร้านมาอยู่บริเวณนี้ได้ 2-3 ปีแล้ว ในร้านมีเรือโบราณที่ขุดจากต้นตะเคียน ซึ่งย้ายมาจากใต้ถุนร้านเก่า แนะนำว่าถ้าอยากลองชิมอย่างสบายใจ มีบางเมนูบางอย่างต้องใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล และมีความซับซ้อนในการทำพอสมควร แถมมีร้านยังสงบห่างไกลจากความวุ่นวายเพราะยังไม่ค่อยมีคนไปเที่ยวกันมากนัก

ครัวบัวขาว
Open: วันพุธ-อาทิตย์ เวลา 10.00-21.00 น.
Address: ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี
Tel: 06 5623 2661, 06 2652 4161


ขนมแปลกชุมชนบ้านหนองบัว  
เดินเล่น กินหนม ชมบ้านเก่า...
ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว ผู้ริเริ่มทำขนมนี้เป็นคนแรก นั่นคือยายลิ ชาวชุมชนหนองบัว ที่ลองทำขนมชนิดนี้ให้กับลูกหลานได้กินเล่นๆ จนลูกหลานถามชื่อของขนม ด้วยความที่ลักษณะไปคล้ายๆกับอวัยวะเพศผู้ของลิงที่เคยพบได้ทั่วไป



บริเวณคลองหนองบัว แกจึงตอบหลานๆ ไปว่า ชื่อขนมควยลิงนั่นเอง ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว เที่ยว ชิมช้อป ขนมพื้นบ้านของแปลก มากกว่า 100 ชนิด “ ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว ” ชุมชน

เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์วิถีของคนในท้องถิ่นที่มีบรรพบรุรุษอพยพมาจากเมืองจีน เข้ามาค้าขายอยู่ในเมืองจันทบุรีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3  ที่นี่มีสารพัดขนมหวาน อาหารพื้นเมืองโบราณ หารับประทานยาก อาคารบ้านเรือนแบบโบราณในชุมชนที่สะอาดตา ยังคงอนุรักษ์ความสวยชิมขนมชื่อแปลก ประจำถิ่น ที่นักท่องเที่ยวต่างถามหาเมื่อได้มาเยือน  “ขนมควยลิง”


เดินเล่น street art ชุมชนหนองบัว  เดินตลาดเก่า ชมธรรมชาติ เพลินๆ กันได้เลย ที่นี่มีการวาดภาพเป็นเรื่องราวชีวิตและอาชีพ  คงความสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมโบราณดั้งเดิม เป็นที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยวมาทุกยุคทุกสมัย ไม่น่าเชื่อว่าชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัวแห่งนี้จะมีนักท่องเที่ยวทุกมุมโลกมาเยี่ยมเยียนอย่างไม่ขาดสาย ที่สำคัญเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สามารถไปเที่ยวได้ในทุกช่วงเวลาทั้งหน้าร้อน หน้าฝน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าหนาว งานนี้ต้องไปเช็คอิน เดินเที่ยวถ่ายรูปสวยๆ รับรองถูกใจอย่างแน่นอน

   
ของคนในชุมชน ยามเย็นหากไม่รีบกลับยังมีบริการล่องเรือชมธรรมชาติป่าชายเลน นกเหยี่ยวแดง ถ้าใครมาเที่ยวที่ชุมชนริมคลองหนองบัวในวันธรรมดา ที่นี่มีกิจกรรมล่องเรือไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว
ให้ได้ ล่องเรือชมวิถีประมงพื้นบ้าน ในบรรยากาศชิลล์ๆ นักท่องเที่ยวจะได้ซึมซับบรรยากาศของเมืองเก่า ที่มีวิถีชีวิตดำเนินยาวนานกว่า 100 ปี  ต้องห้ามพลาดมาเดินเล่น ชิมขนม เดินชมบ้านเก่าที่
 ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว กันให้ได้นะคะ




สถานที่ขนมแปลกชุมชนบ้านหนองบัว
ตั้งอยู่  หมู่ที่ 7 บ้านหนองบัว ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี
เปิดตลาดนัดวันเสาร์-อาทิตย์  (จอดรถริมทางได้เลย)




เสื่อแปรรูปชุมชนบางสระเก้า สินค้า GI ขึ้นชื่อของเมืองจันทบุรี
อยากจะพักจากความวุ่นวายในเมือง ขอแนะนำอีกหนึ่งกิจกรรม เสื่อแปรรูปชุมชนบางสระเก้า สินค้า GI ขึ้นชื่อของเมืองจันทบุรี หนึ่งในอาชีพหลักของคนชุมชน บางสระเก้า เรียนรู้ขั้นตอนต่างๆ  กว่าจะเป็นเสื่อกก ที่ไม่เพียงจะทำให้ได้เรียนรู้ถึงที่มาที่ไปและวิธีการทอเสื่อกกแล้ว ยังสามารถซื้อพร้อมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสื่อกกภูมิปัญญาท้องถิ่นที่นำเอาต้นกกมาแปรสภาพให้เป็นเส้น ย้อมสี  แล้วสานทอให้เป็นแผ่นผืน  เพื่อนำมาใช้ปูลาดรองนั่งหรือนอน เป็นสินค้าที่เกิดมาจากแนวคิดที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้
มีความสะดวกสบาย


ในการใช้งานและการขนย้าย แปรรูปมาจากเสือกกที่ถักทอเป็นผืนจากเส้นกก พื้นที่บางส่วนก็ถูกกันไว้เพื่อทำนากก การทอเสื่อกก ของชาวไทยเชื้อสายดั่งเดิมของตำบลบ้านบัว เป็นวิถีชีวิตที่ดำเนินสืบเนื่องกันมาในระบบครอบครัว  นับตั้งแต่บรรพชนจนถึงปัจจุบัน เกือบทุกครัวเรือนที่ลูกหลานต่างซึมซับรับรู้ภูมิปัญญาด้าน การทอเสื่อนี้เข้าไว้ในตัว เส้นทางของการทอเสื่อนอกจากทำเป็นแผ่นผืนไว้ใช้สอยแล้ว  ยังมีการประยุกต์ผืนเสื่อแปรเป็นรูปผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น กระเป๋า  ซองจดหมาย  จานรอง รองเท้า ฯลฯ
-เรียนรู้การตัดและคัดแยกตัดต้นกก
-เรียนรู้การทำกก
-เรียนรู้การสานเสื่อกก

Geographical Indication (GI) คือ เครื่องหมายที่ใช้กับสินค้าที่มา จากแหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจง
ซึ่งคุณภาพหรือชื่อเสียงของสินค้าอย่างเสื่อ เสื่อจันทบูร







ที่นี่.. จ่าย 100 เดียวนำพลอยกลับบ้านได้ 

จันทบุรีนครแห่งอัญมณี วิถีคนทำเหมืองพลอย เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่อง การขุดหาอัญมณีมากที่สุดในประเทศไทย ในครั้งอดีต มีการขุดและร่อนหาเพชร พลอย เป็นจำนวนมากในบริเวณนี้ จนภายหลัง
ชาวบ้านบอกว่า ปัจจุบันการขุดพลอยแบบโบราณแทบไม่มีให้เห็นแล้ว บ่อพลอยแห่งนี้ ไม่ใช่แหล่งจำลองหรือศูนย์สาธิตการขุดพลอย แต่เป็นสถานที่ที่ใช้ทำอาชีพขุดพลอยกันจริงๆ เป็นบ่อพลอยเพียงไม่กี่แห่งในจันทบุรีที่ยังคงใช้วิธีขุดชั้นดินลงไปหา คล้ายการทำเหมืองพลอยแบบสมัยก่อน  ส่วนใหญ่นายทุนจะติดต่อเจ้าของที่ เพื่อเปิดเหมือง  ขุดกันแบเป็นอุตสาหกรรมจริงจังกันเลย การขุดเหมือนแบบชาวบ้านโบราณ ปัจจุบันเริ่มหายไปตามกาลเวลา  พลอยเหล็กเพชร คือ บ่อพลอย  ที่ขุดพบเจอ พลอยนิลหรือบุษราคัม พลอยสตาร์ พลอยเขียวส่อง และพลอยไพลิน



ยุคที่จันทบุรีเริ่มทําเหมืองพลอย @ชุมชนบางกะจะ กิจกรรม DIY ขุดหาพลอยเมืองจันทรบุรี
ณ “ บ่อพลอยเหล็กเพชร ” ฟังเรื่องราวความเป็นมาของพลอยเมืองจันทบุรี สุดยอดอัญมณีที่หลายคนชื่น ชอบเรียนรู้วิธีการขุดหาพลอยแบบโบราณดั้งเดิม พร้อมร่วมกิจกรรม “ ขุดหาพลอยจากอุโมงค์ใต้ดินเพียงไม่กี่แห่งในจันทบุรีที่ยังคงใช้วิธีขุดชั้นดินลงไปคล้ายการทำเหมืองพลอยโบราณ นักท่องเที่ยวสามารถลงไปล่าสมบัติขุดพลอยด้วยตัวเอง พบ อัญมณี นิล สตาร์ เขียวส่อง กว่าจะได้พลอยมาแต่ละเม็ดไม่ใช่เรื่องง่าย ไปชมการลงบ่อ เพื่อไปขุดหาพลอยที่อยู่ลึกลงไปประมาณ 2-4 เมตร ซึ่งชาวเหมืองสมัยก่อน เค้าจะทำแบบนี้ และเรียกกันสืบทอดมาว่า...เป็นการร่อนพลอยแบบโบราณ

วันนี้ คุณกุ๊ก เจ้าของ บ่อพลอยเหล็กเพชร ซึ่งเป็นผู้สืบทอดการร่อนพลอยแบบโบราณ รุ่นสุดท้าย เจ้าของที่นี่บอกว่าการขุดแบบนี้เอาจริง ๆ ก็ไม่คุ้มหรอก เพราะหาได้น้อยกว่าค่าใช้จ่ายเสียอีก แต่อยากให้คนรุ่น หลังได้เห็นการขุดและร่อนพลอยแบบโบราณที่จะหาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เรียนรู้การขุดพลอยแบบโบราณ จากบรรพบุรุษโดยตรง การร่อนพลอยแบบนี้ นับวันยิ่งหาชมได้ยาก ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง ก่อนที่วิถีชาวเหมืองพลอยเมืองจันท์จะเลือนหาย

จันทบุรี เป็นหนึ่งในเมืองรองที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์  มีแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจอย่าง ล่าขุมทรัพย์บ่อพลอย ที่ ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนและอนุรักษ์การหาพลอยแบบโบราณ บ่อพลอยเหล็กเพชร บ่อพลอยเหล็กเพชร จำหน่ายเครื่องประดับให้ไปนั่งเลือกช้อป นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่เล็กๆ และสวนผลไม้ให้เที่ยวชมในบรรยากาศร่มรื่น ที่นี่เสียค่าบริการ 100 บาท เด็กฟรี เหมาะมากที่จะใช้เป็นกิจกรรมสนุก ๆ ระหว่างครอบครัว  บ่อพลอยเหล็กเพชร แหล่งเรียนรู้ที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสขั้นตอนการขุดพลอยแบบโบราณด้วยตัวเอง






ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนและอนุรักษ์การหาพลอยแบบโบราณ บ่อพลอยเหล็กเพชร
ชุมชนบางกะจะ อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี
ติดต่อโทร. 087 822 9138


โรงแรม ชานบุรี บูติค รีสอร์ต จันทบุรี Chaanburi Boutique Resort
ทริปนี้ไปเที่ยวสบายๆ โรงแรม ชานบุรี บูติค รีสอร์ต จันทบุรี Chaanburi Boutique Resort รีสอร์ทสวยใหม่ตอบโจทย์ทุกคนอย่างแน่นอนที่สุด  ถึงแล้ว แวะเช็คอิน พักผ่อนตามอัธยาศัย ที่ ชานบุรี บูทิก รีสอร์ต Channburi Boutique Resort ยังมีอีกหลายสิ่งในจันทบุรีที่รอให้ทุกคนไปค้นหา ซึ่งรับรองได้ว่า ต้องมีหลายสิ่งที่คุณรู้สึกรักจนอยากกลับไป


ชานบุรี บูทิก รีสอร์ต ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง และเป็นที่พักอันเหมาะเจาะลงตัวสำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวชมจันทบุรี และแหล่งท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียง จากที่พัก เดินทางได้อย่างสะดวกง่ายดายไปยังทุกที่ในเมืองที่มีชีวิตชีวานี้ ด้วยโลเคชั่นทีสุดแสนสะดวกสบาย เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ ของเมืองได้อย่างสะดวกง่ายดาย

การบริการที่ดีเลิศและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหนือกว่าของชานบุรี บูทิก รีสอร์ต ที่พักมีWi-Fi ทุกห้อง (ฟรี), ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง, บริการทำความสะอาดรายวัน, แผนกต้อนรับ (24 ชั่วโมง),
Wi-Fi ในพื้นที่สาธารณะ




ห้องพักของที่พักได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุดให้แก่ผู้เข้าพัก บางห้องพักยังมีเครื่องดื่มต้อนรับ, โซฟา, เครื่องปรับอากาศ, โทรทัศน์, ตู้เซฟในห้องพัก คอยให้บริการ นอก

จากนี้ ที่พักยังจัดเตรียมกิจกรรมนันทนาการหลากหลายไว้ให้ผู้เข้าพักได้เพลิดเพลิน สิ่งอำนวยความสะดวกชั้นเลิศและทำเลที่ตั้งอันเหมาะเจาะของชานบุรี บูทิก รีสอร์ต คือเป็นอีหนึ่งทางเลือกที่ดีมีแต่ความรื่นรมย์  ที่นี่มีห้องอาหารของตัวเองชื่อแซ่ป เอ้ยไม่ใช่...ชื่อพริก อาหารเช้าก็ทานกันที่นี่นะคะ

เอาเป็นว่าถือเป็นรีสอร์ทที่โดนใจมาก ตั้งแต่ก้าวแรก...เห็นความสวยทั้งรูป แบบออกแบบได้สวยงาม ทั้งด้านในและด้านนอก หรูหราน่าพัก เตียงนอนสบาย อาหารอร่อย และที่สำคัญ มีห้อง Pool access ราคา
ก็ไม่แรงมากแต่มาตรฐานเต็มร้อย


ทริปนี้พัก Channburi Boutique Resort
ที่ตั้ง : 1049/49 ถนนท่าแฉลบ เยื้องโรงเรียนอนุบาลจันทบุรี
โทร : 092-3974156 , 039-480791 , 039-480799
อีเมล : chaanburi.resort@gmail.com
FB : โรงแรม ชานบุรี บูติค รีสอร์ต จันทบุรี Chaanburi Boutique Resort
1049/49 ถนนท่าแฉลบ ตำบลตลาด อำเภอเมือง จ.จันทบุรี 22000



สีสันอาหาร ณ เมืองจันทบุรี ร้านบ้านน้ำพริกข้าวสวย
ที่นี่ไม่เพียงแต่ความสวยงามเพียงในภาพ อาหารเรียกน้ำย่อยไทย & อาหารดั้งเดิมของจันทบุรี ร้านให้บริการอาหารไทย ที่ทุกท่านสามารถ เพลิดเพลินกันได้ทั้งครอบครัวอร่อยแบบสุขกาย สบายใจ wefiethailand รู้จักและมีโอกาสได้ร่วมรับประทานมื้อเที่ยง โดยได้รับคำเชิญจากท่าน
คุณเสาวนีย์ คนกล้า ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจันทบุรี

ครั้งแรกที่ได้มีโอกาส สัมผัสประสบการณ์การทานอาหารที่มีความงดงาม ร้านนี้นอกจากจะมีทีเด็ดที่น้ำพริกแล้ว ... ยังมีเมนูอื่นๆ อีกมากมาย เป็นอีกทางเลือกคนรักในการทานน้ำพริกและสมุนไพรที่แตกต่างจากแบบเดิมๆ ของกินท้องถิ่นประจำชุมชน น่ากินทั้งนั้น แล้วที่สำคัญ รสชาติก็ถูกปาก สุขง่ายๆ ขนาดนี้ มาสิ!  มา สุขทุกวัน ที่จันทบุรี


เมี่ยงอินเลิฟ สีสันสวยงาม ของ “เมี่ยงอินเลิฟ”
( เมี่ยงคำดอกบัว, ข้าวตัง , ข้าวเกรียบน้ำจิ้ม ) ที่ร้านนำกลีบดอกบัวหลวงสีชมพูเข้ม จากธรรมชาติ ใช้แทนใบชะพลู ทานเคียงควบคู่กับสารพัดเครื่องของเมี่ยงคำและข้าวเกรียบงา แล้วราดด้วยน้ำจิ้ม ข้าวตังเค็ม และน้ำจิ้มข้าวตังหวานสูตรโบราณ เมนูอาหารหลากหลาย ถูกอกถูกใจกับการตกแต่งอาหารแต่ละเมนู อลังการ จนทำให้หลายท่านหลงรักอาหารที่อร่อยอยู่แล้ว ยิ่งอร่อยคูณสอง เพลินตาเพลินใจสุดๆ

"ไก่บ้านต้มกระวาน" คล้ายต้มยำน้ำใส ใส่หน่อกระวาน ข่า ตะไคร้ หอมแดง ใบมะกรูด รสชาติเผ็ดร้อน ต้องกินร้อนๆ ยิ่งกินก็ยิ่งอร่อย รู้จักต้นกระวานกันสักนิด เป็นพืชป่า ลักษณะต้นคล้ายต้นข่า ส่วนที่นำมา
ทำอาหารคือส่วนหัวที่อยู่โคนต้น มีกลิ่นหอมและรสเผ็ดร้อนเฉพาะตัว ใช้ทำอาหารดับกลิ่นคาวได้ดี
ถ้าเข้าเครื่องยาแผนโบราณ แก้โรคท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลมได้ดี ชอบอากาศชื้นแดดรำไร เป็นสมุนไพรท้องถิ่น

“บ้านน้ำพริกข้าวสวย” อาหารจานสวย เริ่มต้นที่ ๖๐ บาทไทย สืบทอดและนำสูตรต้นตำรับจากรุ่นสู่รุ่นผสมไอเดียรุ่นหลาน ของว่างสวยอร่อยแบบไทย เสิร์ฟ ในภาชนะไทยๆ รองด้วยใบตอง ที่เพิ่มอัตลักษณ์
คุณค่าของอาหารถิ่น กลิ่นอายอาหารไทย เคียงคู่ไปกับเมืองจันทบูรี รับทำข้าวห่อใบตอง งานบุญ งานประชุม งานสัมมนา ตามสั่ง และตามเมนู รักษ์ไทย อนุรักษ์วัฒนธรรมอาหาร น้ำพริกโฮมเมดบ้านน้ำพริกข้าวสวย จันทบุรี

สอบถาม ID : Saibannamprik
ร้านบ้านน้ำพริกข้าวสวย ถนนพระยาตรัง วัดใหม่ หมู่บ้านยลดาวิลล์เฟส 2 อำเภอเมือง จันทบุรี


ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานจันทบุรี
โดยคุณเสาวนีย์ คนกล้า ผู้อำนวยการสำนักงาน สำหรับการสนับสนุนการเดินทางและข้อมูลในทริปนี้
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจันทบุรี
โทร. 1672, 039-480220
สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจันทบุรี
โทร. 097-2972080 Line @ ID : @visitchan


#amazingไทยเท่ #ChanthaburiMiracleChristmas2019
#ChanthaburiMiracleChristmasFestivalofLights2019
#สุขทุกวันที่จันทบุรี  #จันทบุรี
#อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล

26 ธันวาคม 2562

คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ร่วมส่งพลังใจ ‘ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ ภาคเหนือ’

 
ก้าวครั้งใหม่ส่งท้ายปีเพื่อชาวเหนือ!… ‘ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ ภาคเหนือ’ งานวิ่งการกุศลครั้งล่าสุดนี้จัดขึ้นบนเส้นทางจังหวัดอุตรดิตถ์ แพร่ ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ รวมระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร โดยมีเหล่านักวิ่งหัวใจแกร่งมารวมตัวกันออกกำลังกายตลอดเส้นทางกว่า 8,000 คน!!! งานนี้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์  บริษัทคนไทย ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย ภายใต้โครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ไม่พลาดที่จะร่วมส่งกำลังใจอย่างต่อเนื่อง ความพิเศษครั้งนี้ คิง เพาเวอร์ จัดเต็มชวนพันธมิตรภาคเหนือ อารมณ์ดิน หนึ่งในผู้ประกอบการ ภายใต้โครงการกิจกรรมเพื่อสังคม ด้านชุมชน สร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมสไตล์ป๊อบอาร์ต ตุ๊กตาปั้น พี่ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย พร้อมลายเซ็น ที่มีเพียง 7 ชิ้นในโลก!!! เท่านั้น เพื่อประมูลหารายได้สมทบโครงการฯ ผ่านช่องทางเพจเฟสบุ๊ค ก้าว ช่วยเหลือ 7 โรงพยาบาลชุมชนในภาคเหนือที่ขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์


ตุ๊กตาปั้นแฮนด์เมดรูปพี่ตูนสวมใส่ชุดและหมวกชนเผ่าพื้นเมืองชาวไทยภูเขา ชูนิ้วชี้ ที่เป็นสัญลักษณ์ของโครงการก้าวคนละก้าว       มีขนาดสูง 11 นิ้ว ผลิตขึ้นเป็นพิเศษจำนวนเพียง 7 ชิ้นเท่านั้น ซึ่งแต่ละชิ้นแตกต่างกันที่สีเสื้อ ซึ่งมีทั้งหมด 7 สี ได้แก่ ม่วง, ฟ้า, แดง, เขียว, ชมพู, เหลือง และส้มแสด แทน โรงพยาบาล ชุมชนภาคเหนือ โดยมีชื่อโรงพยาบาลไว้ที่ฐาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโรงพยาบาลนั้นๆ โดยได้ทำการประมูลผ่านเพจเฟสบุ๊ค ก้าว ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2562 – 31 มกราคม 2563 เวลา 20.00 นสำหรับการประมูลจะเริ่มต้นด้วยราคา 999 บาท และราคาที่จะประมูล bid เพิ่มครั้งละ 1,000 บาทนายอรรถเทพ สมัครธัญกิจ ประธานกลุ่มเครื่องปั้นดินเผาอารมณ์ดิน กล่าวว่า “ในฐานะพันธมิตรของกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ที่ได้รับการสนับสนุนด้านการผลิต และช่องทางการตลาดทำให้ตุ๊กตาปั้นฝีมือคนไทย ได้โลดแล่นอยู่ในสายตาคนทั่วโลก พร้อมยังสร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชน วันนี้อารมณ์ดินรู้สึกภูมิใจมากที่ได้เป็นพลังเล็กๆ ช่วยให้ความตั้งใจของพี่ตูนประสบความสำเร็จ ผ่านตุ๊กตาปั้นมอบให้กับโครงการ ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ ภาคเหนือ’ นำไปประมูลหารายได้มาช่วยคนภาคเหนือ โดยการปั้นตุ๊กตาพี่ตูนฯ ในครั้งนี้ผมได้นำจุดเด่นของแบรนด์อารมณ์ดิน และจุดเด่นของพี่ตูน มาผสมผสานกันให้มีความลงตัวมากที่สุด คือ อารมณ์ดินเป็นงานตุ๊กตาปั้นดินเผาสื่ออารมณ์สนุกสนาน ดูแล้วรู้สึกอารมณ์ดี แต่ยังคงคาแร็คเตอร์พี่ตูน โดยเฉพาะดวงตา และรอยยิ้ม ให้เหมือนพี่ตูนมากที่สุด ซึ่งตุ๊กตาปั้นพี่ตูนนี้ จะเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของประเทศไทย”



ในงาน ‘ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ ภาคเหนือ’  กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ยังได้ระดมพนักงานจิตอาสาสาขาเชียงใหม่มาร่วมวิ่งออกกำลังกายด้วย นอกจากนี้มีบูธกิจกรรมให้ร่วมสนุกสนานมากมาย อาทิ บูธถ่ายภาพสวยๆ คู่กับแสตนดี้พี่ตูน และก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ แบบสมจริง ณ บริเวณสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 19 – 22 ธันวาคม 2562


สำหรับยอดบริจาคช่วยเหลือ 7  โรงพยาบาลชุมชนจากการวิ่งในครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 24,060,983 บาท (ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2562) โดยจะถูกแบ่งไปช่วยเหลือทั้ง โรงพยาบาล ประกอบด้วย โรงพยาบาลทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ จ.อุตรดิตถ์โรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตากโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จ.แม่ฮ่องสอนโรงพยาบาลเวียงแก่น จ.เชียงรายโรงพยาบาลสะเมิง จ.เชียงใหม่ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

รับรางวัล Green Hotel



นายชวลิต กาญจนเสวี ผู้จัดการทั่วไป และ นายชัยพร อินทนิล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบริหาร โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ เข้ารับมอบรางวัลตราสัญลักษณ์ G-Green (Green Hotel)

ซึ่งทางโรงแรมได้รับรางวัล G-Green Silver (ระดับดีมาก) ในโครงการส่งเสริมโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2562 ซึ่งจัดโดย กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การได้รับรางวัลในครั้งนี้เแสดงให้เห็นว่าทางโรงแรมใส่ใจในการร่วมรณรค์อนุรักษ์รักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

เสียงสะท้อนจากเวที แข่งขันศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ 69

‘ทุกฝ่ายต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน’ เสียงสะท้อนจากเวที แข่งขันศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ 69 ภูมิภาค ภาคกลางและภาคตะวันออก

ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์และบรรลุตามวัตถุประสงค์ของการจัดงานอย่างแท้จริง สำหรับการจัดการแข่งขัน ศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติ ครั้งที่ 69 ประจำปีการศึกษา 2562 ของภูมิภาค ภาคกลางและภาคตะวันออก ภายใต้แนวคิด “ศิลปหัตถกรรมล้ำค่า ภูมิปัญญาล้ำสมัย เทคโนโลยีก้าวไกล นำชาติไทยสู่สากล” โดยมีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการเขต 1 เป็นหัวเรือใหญ่ดำเนินการจัดการแข่งขัน ซึ่งมี 60 เขตพื้นที่การศึกษา และ 26 ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัด จาก 26 จังหวัด ในภาคกลางและภาคตะวันออก ที่เข้าร่วมแข่งขันกันอย่างคึกคัก และเพื่อให้ เกิดประโยชน์กับผู้เรียนมากที่สุด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการเขต 1 ในฐานะหน่วยงานหลักในการประสานงาน ก็ได้ รวบรวมเสียงสะท้อนจากผู้เกี่ยวข้องในการจัดงาน เพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาปรับปรุงการจัดกิจกรรมในปีต่อไปให้ดียิ่งขึ้น


เริ่มจาก ดร. รุ่งสุรีย์ สิงหราช ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดใหญ่ ซึ่งรับผิดชอบ ศูนย์การแข่งขันกิจกรรมในกลุ่มการงานอาชีพ งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระบุว่า “ในยุค 4.0 นี้ เด็กๆ สามารถออกแบบมาให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในโครงงานอาชีพ อาทิเช่น การแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ การแกะสลัก ทำอาหารคาวหวาน นักเรียนได้ใช้ความรู้ความสามารถที่เรียนมาในการแข่งขัน ทั้งหมดจะเป็นเรื่องของการงานอาชีพทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้เด็กมีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง ได้สร้างมูลค่าจากสิ่งของเหลือใช้ให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ และสามารถทำเป็นอาชีพในสังคม โดยต่อยอดจากกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เพื่อฝึกฝนทักษะที่ตนเองสนใจในชั่วโมงสุดท้ายของการเรียนการสอน”
สอดคล้องกับ นางรัชดาวัลย์ ศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดแค สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการเขต สะท้อนภาพพัฒนาการของการจัดการแข่งขันที่ผ่านมาในแต่ละยุค “เป็นเวทีแห่งชาติ ที่เด็กๆ จะได้เห็นผลงานของเพื่อนต่างโรงเรียน เห็นการทำงานของทีมอื่นๆ แต่ละทีมได้เรียนรู้ว่าทำไมงานชิ้นนั้นถึงได้รางวัล เน้น Active Learning เรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ เป็นการฝึกทักษะไปในการเรียนรู้ของเขา การทำงานแบบนี้มาจากใจรัก มาจากทักษะ และจิตวิญญาณ สามารถนำไปต่อยอดในอาชีพอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการโรงแรม ด้านอาหาร การท่องเที่ยวต่างๆ หรือแม้กระทั่งธุรกิจส่วนตัว
เน้นเรื่องความเป็นไทยมาก”
ด้านนายสุนทร สุวงศ์ชัย ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองกระทิง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กรรมการตัดสินการ์ตูนเรื่องสั้น (Comic Strip) กล่าวว่า “งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมที่เสริมขึ้นมาตามความสนใจของนักเรียน


จากอดีตโปรแกรมในการแข่งขันจะจำกัด แต่ปัจจุบันจะใช้โปรแกรมที่หลากหลายขึ้น พัฒนาขึ้น เด็กสนใจขวนขวายศึกษาเพิ่ม ซึ่งทำให้มีทักษะการสร้างสรรค์ลายเส้นที่สวยงามขึ้น จากฝีมือและผลงานของเขา เรามองเห็นว่าเขามีอนาคต เพราะตลาดอาชีพด้านคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ก็ยังต้องการคนอยู่มาก อย่างที่เราได้เห็นแล้วเด็กเราทำได้ ที่ต่างประเทศ ที่ฮอลลีวู้ดก็ยังมีคนไทย
สิ่งเหล่านี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ได้”

สำหรับ ว่าที่ร้อยโท ชวลิต ชมพู ครูผู้ฝึกสอน โรงเรียนเด็กพิเศษของมูลนิธิคุณพ่อเรย์ จังหวัดชลบุรี ให้ทัศนะว่า “การที่จะผลักดันให้เด็กพิเศษ มีความรู้ความสามารถเท่ากับเด็กปกติทั่วไป การฝึกซ้อมเด็กต้องทำให้เขามีใจ เราก็ต้องรักในการสอนเขา ต้องทำให้เด็กมีสติมีสมาธิในการทำงาน ฝึกฝนให้เขามีทักษะในการเรียนรู้ การทำงานร่วมกัน สามารถนำทักษะที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวันและสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้ กำลังใจจากคนรอบข้างเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญเพื่อจะผลักดันเขาไปถึงเป้าหมายได้”
เช่นเดียวกับที่ ครูยุทธนา อังคะคำมูล โรงเรียนบ้านซำฆ้อ สพป. ระยองเขต 2 ครูผู้ฝึกสอน ที่ได้เน้นย้ำบทบาทของครูในยุค 4.0 ว่าเด็กสมัยใหม่ใกล้ชิดเทคโนโลยีมากขึ้น จำเป็นที่จะต้องให้การชี้แนะที่เหมาะสมและไม่เป็นการปิดกั้นเด็ก “ต้องยอมรับเลยว่า บางครั้งเราอาจจะตามเด็กไม่ทันด้วยซ้ำ เพราะเด็กสามารถสืบค้นข้อมูลต่างๆ บนโซเชียลมีเดีย เราก็พยายามแนะนำ ตักเตือนเขาให้รู้เท่าทัน พรบ.คอมพิวเตอร์ ไม่ให้เขากระทำความผิด เพราะไม่อยากปิดกั้นเขา แต่เราก็ต้องส่งเสริมให้ถูกทางถูกต้องด้วย”


ด้าน นางสาวมัณฑนา ทัพโพธิ์ ครูผู้ฝึกสอน ทีมเด็กประกวดภาพยนตร์สั้น สะท้อนการเชื่อมโยงเด็กให้เรียนรู้วิถีชุมชนและการเรียนการสอนว่า “การผลักดันนักเรียนไปให้ถึงฝันให้ได้ ต้องใช้ทั้งคำหวาน คำดุและกำลังใจ ทุกครั้งที่เราร่วมงานกัน ทำงานกัน วางแผนกัน ก็จะกระตุ้นให้เขาจุดไฟในตัวเองตลอดเวลา ยิ่งในเรื่องของภาพยนตร์สั้นต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์และแนวทางใหม่ๆ ในการสร้างเรื่อง ผูกเรื่อง โดยชุมชนของเรามีวัฒนธรรมไทยดำซึ่งเป็นจุดเด่นอยู่แล้ว ก็พยายามให้เขาได้เห็นอัตลักษณ์ชุมชนและอนุรักษ์ไว้... ถ้าเขามีโอกาสก็ให้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำต่อไป”
นอกจากนี้ยังมีเสียงสะท้อนจากทีมงานนักเรียนที่เป็นฝ่ายอำนวยการด้วย ทั้ง ด.ช. มารุต ศรีสังข์ ที่รับหน้าที่ด้านการจราจรและการโบกรถ ด.ญ. กุลมียา ใบกุล หัวหน้าฝ่ายสุขาภิบาลเก็บขยะรอบอาคาร ด.ญ. ภัทรวาดี ชุ่มเชื้อ ดูแลห้องน้ำ เก็บขยะและยกของ ทีมงานจากโรงเรียนวัดราษฎร์บูรณะ ที่ประสานเป็นเสียงเดียวกันว่า ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดงาน “ทีมพวกเรามี 30 คน แบ่งเป็นฝ่ายระเบียบ สุขาภิบาล โภชนาการ จราจร แต่ก็ร่วมมือช่วยกันทั้งหมด อย่างการจราจร จะเริ่มจากการจัดระเบียบรถที่มา ว่าต้องการขนของหรือไม่ ถ้าต้องการก็จะให้ไปจอดบริเวณสถานที่แข่งขันก่อน เมื่อเสร็จแล้วจะให้ไปจอดด้านหลัง ใช้เวลานานเหมือนกันนะ เพราะเป็นปีแรกที่เป็นเจ้าภาพ อาจารย์ก็ให้คำแนะนำว่าส่วนงานนี้ต้องทำอะไรบ้าง เราก็ไปคิดต่อไปคุยกันในทีม เพราะตั้งใจทำให้ออกมาดีที่สุด”


 สำหรับ นางสาวปิยธิดา แนงแหยม จากโรงเรียน วัดสุทธาวาส หนึ่ง ในผู้เข้าแข่งขันหุ่นยนต์ระดับพื้นฐาน 3 ชั้น ม.1-ม.3 สื่อความรู้สึกออกมาว่า “ที่สิ่งได้จากการแข่งรายการนี้ก็คือ เราได้แก้ปัญหา ได้สู้กับปัญหา ... ตอนแรกที่บ้านไม่เข้าใจ เป็นผู้หญิงทำไมกลับบ้านดึก มันไม่เหมาะสม ก็เกือบจะถอดใจ แต่เราก็แอบทำเพราะเราชอบ จนที่บ้านยอมและทุกวันนี้ก็สนับสนุนเต็มที่ ยิ่งรู้ว่าได้มาแข่งที่นี่เขาก็ยินดี ดีใจกับเรา เราอยากทำโมเดลหุ่นยนต์ให้รุ่นน้องรุ่นต่อไป”
และปิดท้ายที่ ปิยวะดี พุมพวง ผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี ที่ติดตามมาให้กำลังใจทีมในการแข่งขันกิจกรรมแกะสลักผลไม้ได้สะท้อนบทสรุปของการจัดการแข่งขันไว้ว่า “การแกะสลักจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ซึ่งศิลปะการแกะลายไทยไม่ใช่เรื่องง่าย และการแข่งขันในแต่ละรอบลงทุนเยอะ แต่ละครั้งที่ต้องซื้อผักผลไม้ ซึ่งโรงเรียนก็ไม่ค่อยมีทุนทรัพย์ อะไรที่เราพอช่วยเหลือได้ก็จะช่วยกันเน้นสนับสนุนทุนทรัพย์ และเราก็จะติดตามไปให้กำลังใจ ซึ่งคิดว่า ประสบการณ์ที่เขาได้กิจกรรมนี้มันจะติดตัวเขาไปตลอด มันเป็นงานฝีมือที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้ ถ้าเราไม่สนับสนุนงานลักษณะนี้ ก็จะไม่มีงานที่มีเอกลักษณ์ไทยลงเหลืออยู่”

นี่คือเสียงสะท้อนจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจาก จัดการแข่งขันศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติ ครั้งที่ 69 ปีการศึกษา 2562 ของภูมิภาค ภาคกลางและภาคตะวันออก ที่จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะได้เรียนรู้ในแง่มุมต่างๆ ไปพร้อมๆ กันนั่นเอง