30 มิถุนายน 2565

ศูนย์คุณธรรม ร่วมกับ 9 เครือข่ายคุณธรรมพระนครศรีอยุธยา

จัดสมัชชาคุณธรรมและตลาดนัดคุณธรรมพระนครศรีอยุธยา ชม แชร์ เชียร์ ผลสำเร็จการขับเคลื่อน จังหวัดคุณธรรม 3 ปี 

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565 ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)  ร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  และองค์กรเครือข่ายทางสังคม 9 เครือข่าย จัดงานสมัชชาคุณธรรมและตลาดนัดคุณธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปีที่ 3 ภายใต้แนวคิด “3 ปีแห่งความสำเร็จ การขับเคลื่อนจังหวัดคุณธรรม : ชาวอยุธยา มีวินัย ใส่ใจส่วนรวม” ในรูปแบบไฮบริดออนไลน์  ระหว่างวันที่ 28 – 29 มิถุนายน 2565 ณ ชั้น ๒ The Hall ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเป็นเวทีกลางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การนำเสนอผลงานความสำเร็จขององค์กรเครือข่ายคุณธรรม การประกาศยกย่องบุคคล องค์กรต้นแบบด้านคุณธรรม และการจัดนิทรรศการนำเสนอผลงานขององค์กรเครือข่ายคุณธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี  นางสาวนุชนาถ  ประทีปธีรานันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นประธานเปิดงาน  และบรรยายพิเศษ“การขับเคลื่อนมติสมัชชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” โดย รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผอ.ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)  การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเวที “3 ปีชาวอยุธยาได้อะไรจากการขับเคลื่อนจังหวัดคุณธรรม” และการนำเสนอผลสำเร็จการขับเคลื่อนคุณธรรมของ 9 เครือข่าย การจัดแสดงนิทรรศการการส่งเสริมคุณธรรม “ตลาดนัดคุณธรรม” ของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนกว่า 40 บูธ ผู้เข้าร่วมงานประมาณ 500 คน 

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565 ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)  ร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  และองค์กรเครือข่ายทางสังคม 9 เครือข่าย จัดงานสมัชชาคุณธรรมและตลาดนัดคุณธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปีที่ 3 ภายใต้แนวคิด “3 ปีแห่งความสำเร็จ การขับเคลื่อนจังหวัดคุณธรรม : ชาวอยุธยา มีวินัย ใส่ใจส่วนรวม” ในรูปแบบไฮบริดออนไลน์  ระหว่างวันที่ 28 – 29 มิถุนายน 2565 ณ ชั้น ๒ The Hall ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเป็นเวทีกลางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การนำเสนอผลงานความสำเร็จขององค์กรเครือข่ายคุณธรรม การประกาศยกย่องบุคคล องค์กรต้นแบบด้านคุณธรรม และการจัดนิทรรศการนำเสนอผลงานขององค์กรเครือข่ายคุณธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี  นางสาวนุชนาถ  ประทีปธีรานันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นประธานเปิดงาน  และบรรยายพิเศษ“การขับเคลื่อนมติสมัชชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” โดย รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผอ.ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)  การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเวที “3 ปีชาวอยุธยาได้อะไรจากการขับเคลื่อนจังหวัดคุณธรรม” และการนำเสนอผลสำเร็จการขับเคลื่อนคุณธรรมของ 9 เครือข่าย การจัดแสดงนิทรรศการการส่งเสริมคุณธรรม “ตลาดนัดคุณธรรม” ของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนกว่า 40 บูธ ผู้เข้าร่วมงานประมาณ 500 คน


 นางสาวนุชนาถ  ประทีปธีรานันต์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ผลสำเร็จจากการขับเคลื่อนจังหวัดคุณธรรมของหน่วยงานทุกภาคส่วนต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องตั้งปี 2563  ทำให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับการประกาศยกย่องจากกระทรวงมหาดไทย ให้เป็นจังหวัดที่มีกระบวนการส่งเสริมคุณธรรมโดดเด่น ประจำปี 2564 เป็น 1 ใน 5 จังหวัดทั่วประเทศหากทุกหน่วยงานได้นำเอาประสบการณ์ความรู้ ความสำเร็จขององค์กร ชุมชนเหล่านี้ไปขยายผลให้เกิดการขับเคลื่อนคุณธรรมเพิ่มขึ้นในทุกพื้นที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะเป็นเมืองที่น่าเที่ยว น่าอยู่ เป็นสังคมแห่งความสันติสุขสืบต่อไปถึงลูกหลานของเรา 

ด้าน รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผอ.ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)  กล่าวว่า หัวใจของการขับเคลื่อนสังคมคุณธรรม เริ่มต้นจากศูนย์กลางที่ครอบครัวพลังบวก เชื่อมโยงกับชุมชนหรือมิติทางศาสนา เกิดการ บ่มเพาะในสถานศึกษา และสถานที่ทำงานซึ่งเป็นระบบนิเวศมนุษย์ที่ส่งผลต่อการมีพฤติกรรมด้านคุณธรรมของคนในสังคม “สมัชชาคุณธรรม” จึงทำให้เกิดการเชื่อมโยง เสริมพลังการขับเคลื่อนคุณธรรมของคนทั้งในชุมชน องค์กร เครือข่ายทางสังคม ขับเคลื่อนเป็นจังหวัดคุณธรรมเพื่อส่งเสริมการทำความดี ทำให้ “คนดีมีพื้นที่ยืน ความดีมีพื้นที่ในสังคม” ให้เกิดตัวอย่างที่ดี สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้ ให้เกิดการ “โชว์-แชร์-เชื่อม” นำสิ่งที่ดีมาขยายผลในสังคมนั่นเอง

พม..แม่ฮ่องสอน เปิดศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลทุ่งยาว อ. ปาย


วันอังคารที่ 28 มิถุนายน 2565  เวลา 10.00 น. .สำนักงาน .พมจ.จังหวัดแม่ฮ่องสอน..เปิดศูนย์ช่วยเหลือสังคม ณ ตำบลทุ่งยาว อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน  โดยมี  นายทศพล สินยบุตร นายอำเภอปาย เป็นประธานในพิธีเปิด และมีนายเสถียร บุญมาลา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งยาว กล่าวรายงาน  


ทั้งนี้นายแฉล้ม ทองเกลา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบล ว่า ศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบล เป็นอีกกระบวนการหนึ่งในที่จะช่วยเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่   เน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน..เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านสังคม รายได้ ด้านเศรษฐกิจ มีความเป็นอยู่ที่เหมาะสม ด้านการศึกษา การเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการขั้นพื้นฐาน..โดยศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบล ดำเนินการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายตามสภาพปัญหาและความต้องการและประสานส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างครบวงจร






พร้อมทั้งมอบป้ายศูนย์ช่วยเหลือสังคม /ป้ายประชาสัมพันธ์เครือข่ายป้องกันการค้ามนุษย์ จำนวน 7 ศูนย์ ให้แก่ศูนย์ช่วยเหลือสังคมเทศบาลตำบลปาย ,ศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลเวียงใต้ ,ศูนย์ช่วยเหลือสังคมตาบลเวียงเหนือ ,ศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลแม่นาเติง ,ศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลแม่ฮี้ ,ศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลเมืองแปง ,ศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลโป่งสา ..และมอบเงินสวัสดิการให้กับทุกกลุ่มเป้าหมาย  . องค์กร เครือข่ายที่ทำเพื่อดูแลกลุ่มเป้าหมาย ทั้งเด็ก เยาวชน สตรี คนพิการ คนไร้ที่พึ่ง ผู้ประสบปัญหาทางสังคมและผู้สูงอายุ กว่า 14 ประเภท เช่น โครงการสนับสนุนการดำเนินงานและการจัดบริการของศูนย์บริการคนพิการทั่วไป ....มอบเงินโครงการกองทุนผู้สูงอายุ.. โครงการผู้สูงอายุบ้านป่าขามจิตแจ่มใส กายใจแข็งแรง ..มอบเงินกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ..อีกทั้ง มอบสื่อพัฒนาการสำหรับเด็กให้แก่สถานรับเลี้ยงเด็กเอกชน จำนวน 4 แห่ง เป็นต้น

…ซึ่งกิจกรรมในงานมีนิทรรศการของหน่วยงาน/องค์กรเครือข่าย/สินค้าและผลิตภัณฑ์ จากศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชนตำบลแม่นาเติง ,กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลแม่นาเติง ,ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพตำบลแม่ฮี้ , สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ,สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ,สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอปาย ,สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ฯลฯ

ทั้งนี้หากประชาชน พบเด็ก เยาวชน สตรี คนพิการและผู้สูงอายุ ถูกเลี้ยงดูไม่เหมาะสม /ถูก ล่วงละเมิด
ถูกกระทำความรุนแรง ถูกทอดทิ้ง โทร. แจ้งสายด่วนศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300ได้ตลอด 24 ชั่วโมง..

ออฟฟิศเมท ชูโซลูชั่นตอบโจทย์จัดซื้อโรงงานและคลังสินค้ายุคดิจิทัล จัดเต็มอุปกรณ์โรงงาน PPE แบรนด์ชั้นนำ

พร้อมระบบจัดซื้อออนไลน์ ครบ จบ ในที่เดียวที่งาน Thailand Safe @Work #34 อิมแพค เมืองทองธานี

ผู้ประกอบการโรงงาน จัดซื้อ และเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ห้ามพลาด! ออฟฟิศเมท ในเครือเซ็นทรัล รีเทล พร้อมเป็นโซลูชั่นสำหรับการจัดซื้ออุปกรณ์โรงงานและคลังสินค้าในยุคดิจิทัล ยกขบวนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เครื่องมือและอุปกรณ์ความปลอดภัย รวมถึงอุปกรณ์โรงงานและคลังสินค้า ครบครันจากแบรนด์ชั้นนำมาตรฐานสากล มาพร้อมสิทธิพิเศษจัดเต็มสำหรับลูกค้าองค์กร อาทิ ราคาพิเศษตามจำนวนสั่งซื้อ เครดิตเทอม 30-60 วัน* และบริการจัดส่งฟรี* (ตามกำหนด) สามารถพูดคุยกับ Factory Specialist และผู้เชี่ยวชาญระบบจัดซื้อออนไลน์ OFMBiz ที่พร้อมช่วยธุรกิจคุณลดต้นทุน และยกระดับประสบการณ์จัดซื้อให้ทุกโรงงานสมาร์ททันเทรนด์ดิจิออฟฟิศเมท ชูโซลูชั่นตอบโจทย์จัดซื้อโรงงานและคลังสินค้ายุคดิจิทัล จัดเต็มอุปกรณ์โรงงาน PPE แบรนด์ชั้นนำ พร้อมระบบจัดซื้อออนไลน์ ครบ จบ ในที่เดียว ที่งาน Thailand Safe @Work #34 อิมแพค เมืองทองธานีกันได้ที่บูธออฟฟิศเมท งานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ ครั้งที่ 34 (Thailand Safe@Work) 30 มิ.ย. 65 – 2 ก.ค. 65 
ณ อิมแพค เมืองทองธานี อาคารชาเลนเจอร์ 1 หมายเลขบูธ C11


พิเศษ! ท้าพิสูจน์ความแกร่งกับรองเท้านิรภัย Safety Jogger ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติ กันน้ำ กันลื่น กันสะเก็ดไฟ กันของมีคม พร้อมรับของพรีเมียมทันทีที่บูธออฟฟิศเมท

ครูโอ๊ะ ผนึกกำลัง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน"เปิดโลกการศึกษาพาน้องดูหนังฝึกทักษะภาษาอังกฤษ

พร้อม เป็นสักขีพยาน พิธีMOU ความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2565 .​นางกนกวรรณ​ วิลาวัลย์​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานพร้อมร่วมเป็นสักขีพยาน พิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU)​ ความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน ระหว่างโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 36 จังหวัดภูเก็ต วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต เครือพาราไดซ์กรุ๊ปและโรงแรมอันดารารีสอร์ท​ เรสซิเดนซ์​ พร้อมมอบนโยบายและพบปะคณะครู​ นักเรียน​ ผู้บริหารสถานศึกษา​ ผู้นำท้องถิ่น​ ภาครัฐ​ ภาคเอกชน​ ในกิจกรรม​ "เปิดโลกการศึกษาพาน้องดูหนังฝึกทักษะภาษาอังกฤษ" และให้โอวาทสร้างแรงบันดาลใจกับนักเรียนและผู้ให้การสนับสนุนเพื่อการพัฒนาผู้เรียนด้านภาษาอังกฤษในโรงภาพยนตร์​ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต เฟสติวัล​ โดยมี​ นายณรงค์​ วุ่นซิ้ว​ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวต้อนรับ และมี นายอานุภาพ เวชวนิชสนอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต  นางสาวพัชรี เชาว์พลกรัง ศึกษาธิการจังหวัดภูเก็ต  พร้อมทั้งผู้บริหารสถานศึกษาทั้งภาครัฐภาคเอกชน นางสาวณัฏฐ์กัญญา แสงโพธิ์ ประธานกรรมการบริหารในเครือพาราไดซ์กรุ๊ปและโรงแรมอันดารารีสอร์ทเรสซิเดนซ์ ผู้นำท้องถิ่น คณะครู นักเรียน  ร่วมต้อนรับ

นางกนกวรรณ​ กล่าวตอนหนึ่งว่า  ในวันนี้ ดิฉันในนามรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกระทรวงศึกษาธิการ​ รู้สึกเป็นเกียรติ ดีใจและปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเห็นพลังของชาวภูเก็ต ภายใต้การนำของ ผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นการติดตามนโยบายและได้เห็นผลสัมฤทธิ์ในความก้าวหน้าที่นำมาสู่พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน  ระหว่าง โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 36 จังหวัดภูเก็ต วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต เครือพาราไดซ์กรุ๊ปและโรงแรมอันดารารีสอร์ท​ เรสซิเดนซ์​  ซึ่งถือเป็น  Partnership School Project ที่ดี ที่ก่อร่างและได้เห็นความยั่งยืนที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มากไปกว่านั้นสิ่งที่เราได้เห็นยังเป็นการต่อยอดจากที่ท่านนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ และผู้ว่าราชการภูเก็ตได้เป็นผู้นำในการบูรณาการการศึกษากับทุกภาคส่วน ทั้งในระบบ และนอกระบบอย่างยั่งยืน โดยใช้ภาพยนตร์เป็นสื่อในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ 






โดยเครือเซ็นทรัลได้สร้างและสานฝันให้เด็กๆ ได้มาชมภาพยนตร์เรื่อง JURASSIC WORLD DOMINION จูราสสิค เวิลด์ ซึ่งจะเห็นว่าลูกๆนักเรียนมีความตั้งอก ตั้งใจ ชมภาพยนต์ ดังนั้นภาพยนตร์
จึงถือเป็นอีกสื่อในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ดี และธรรมชาติของมนุษย์จะเริ่มพูดได้ก่อนการเขียน ดังนั้นเพื่อเติมเต็มศักยภาพในเรื่องภาษาอังกฤษ เราต้องไม่อายและกล้าที่จะสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เราทุกคนต้องมาร่วมกันสร้างความเข้มแข็งให้กับลูกหลานในจังหวัดภูเก็ต และในวันนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่พ่อเมืองภูเก็ต จะก่อร่างและเติมฝันทำให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวเป็นเมืองการศึกษาเป็นเมืองที่คนทั้งประเทศและคนทั่วโลกต้องการจะเดินทางมาท่องเที่ยว ดังนั้นเราทุกคนจะมาร่วมกันสร้างและสานฝันเพื่อก่อประโยชน์สูงสุดไปด้วยกัน

“ขอแสดงความชื่นชมและขอขอบคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เครือเซ็นทรัล เครือ Accor พี่น้องประชาชนชาวการศึกษา ทั้งอาชีวะ ศึกษาธิการจังหวัด กศน. สพป. และขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทุกพลังความทุ่มเท โดยเฉพาะภาคเอกชน ที่สำคัญขอขอบคุณ นายอานุภาพ เวชวนิชสนอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ที่ท่านได้พูดว่าชีวิตนี้จะทำให้ชาวภูเก็ตได้รับการเติมเต็ม ซึ่งท่านจะเป็นตะเกียบคู่ที่แข็งแรงร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในการร่วมด้วยช่วยกัน ใช้การศึกษาเป็นรากแก้วของการพัฒนา และเราจะสู้ไปด้วยกันทำให้ภูเก็ตเจริญรุ่งเรืองเป็นที่เลื่องลือเป็นที่ยอมรับของชาวโลกต่อไป และเราจะรักกันตลอดไป” นางกนกวรรณ กล่าว

ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย-จีน ไตรมาส 3/2565 สถานการณ์ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อของชาติมหาอำนาจ และราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น

สร้างความกังวลสูงต่อผู้ประกอบการคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาไตรมาสแรกของปีหน้า

นายณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า หอการค้าไทย-จีน และคณะเศรษฐศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น จากคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการบริหาร และสมาชิกหอการค้าไทยจีน และประธาน ผู้บริหาร กรรมการสมาพันธ์หอการค้าไทยจีน และกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่หอการค้าไทยจีน จำนวน  325 คน  ระหว่างวันที่ 16 ถึง 24 มิถุนายน 2565  เพื่อคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ได้ดังนี้ 

ในระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์โลกมีการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน จากเหตุดังกล่าวจึงมีการสำรวจปัจจัยที่มีความกังวลที่เกิดมาจากสถานการณ์ในต่างประเทศ พบว่าผู้ให้ข้อมูลความกังวลในสองลำดับแรกคือสถานการณ์ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อของชาติมหาอำนาจ และราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ที่สร้างความกังวลกับผู้ให้ข้อมูลเป็นอย่างมาก (เป็นจำนวนร้อยละ 76 และ 68 ตามลำดับ) ในขณะที่ความกังวลในลำดับรองลงมาคือราคาอาหารโลกที่เพิ่มสูงขึ้นและความผันผวนของตลาดการเงิน (เป็นจำนวนร้อยละ 38 และ 29 ตามลำดับ) จากสถานการณ์โควิดในวันนี้พบว่าผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่มีความกังวลอยู่บ้างแต่ใช้ชีวิตที่ผ่อนคลายมากขึ้น (ร้อยละ 65) และอีกส่วนหนึ่งมีความกังวลพอควรและใช้ชีวิตระวังเช่นเดิม (ร้อยละ 20) และมีผู้ให้ข้อมูลบางส่วนได้หมดความกังวลแล้ว (ร้อยละ 11) สถานการณ์คลี่คลายความกังวลจากโควิดเป็นสัญญาณที่ดีมากต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ 




จากการปรับตัวของราคาพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสที่สอง ผู้ให้ข้อมูล ได้แบ่งปันประสบการณ์ผลกระทบต่อต้นทุนทางธุรกิจ และพบว่าร้อยละ 50 ของผู้ให้ข้อมูลที่สำรวจมีต้นทุนการประกอบธุรกิจเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 10 ถึง 20  ร้อยละ 31 ของผู้ให้ข้อมูลมีต้นทุนเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 20 ถึง 40 และร้อยละ 12 ของผู้ให้ข้อมูลมีต้นทุนเพิ่มมากกว่าร้อยละ 40 จากประเด็นดังกล่าวจึงมีคำถามต่อเนื่องหากในสามเดือนหน้าราคาน้ำมันและวัตถุดิบยังคงเดิมเช่นวันนี้จะมีการปรับราคาสินค้าหรือไม่ พบว่าร้อยละ 51 ของผู้ให้ข้อมูลจะต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 25 ของผู้ให้ข้อมูลต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นให้เท่ากับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นดังที่ผ่านมา และมีเพียงร้อยละ 14 ยังรอการปรับราคาได้ แนวโน้มดังกล่าวส่งสัญญาณว่าปัญหาทางด้านเงินเฟ้อคงยังไม่ชะลอตัวลง

เมื่อได้สอบถามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศจีนกล่าวคือในระยะที่ผ่านมารัฐบาลจีนมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวเพื่อแก้ไขปัญหาของภาคอสังหาริมทรัพย์และกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ผู้ให้ข้อมูลร้อยละ 60 คาดว่าสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะต้องใช้เวลามากกว่าอีกหกเดือนจากวันนี้ ขณะที่ร้อยละ 34.5 คาดว่าต้องใช้เวลาระหว่างสามถึงหกเดือน จากนโยบายปลอดโควิดของจีนนั้นที่ทำให้เกิดการปิดบังเมืองชั่วคราว ผู้ให้ข้อมูลให้ข้อคิดเห็นว่านโยบายดังกล่าว มีผลต่อการส่งออกของประเทศไทยไปยังประเทศจีน โดยที่ร้อยละ 48 ของผู้ให้ข้อมูลระบุว่ามีผลกระทบเป็นอย่างมาก และร้อยละ 31 มีผลกระทบพอประมาณ จากสถานการณ์ภายในประเทศจีนต่อการเดินทางไปต่างประเทศ ร้อยละ 44 ของผู้ให้ข้อมูลคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเยือนประเทศไทยในไตรมาสแรกของปี 2566 ในขณะที่ร้อยละ 16 ของผู้ให้ข้อมูลคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมายืนเมืองไทยก่อนสิ้นปี 2565 ส่วนผู้ให้ข้อมูลที่เหลือคาดว่าต้องรอจนหลังไตรมาสที่สองของปี 2566 ที่นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง 

ในเรื่องของการท่องเที่ยวอีกเช่นกันจากนโยบายผ่อนปรนจนกระทั่งไม่มีการตรวจโควิดกับนักท่องเที่ยวก่อนเข้าประเทศ ผู้ให้ข้อมูลร้อยละ 55 คาดว่าต้องใช้เวลาระหว่างสามถึงหกเดือน การท่องเที่ยวจะนำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยอีกครั้งหนึ่งอย่างเต็มที่ ขณะที่ร้อยละ 36.8 คาดว่าต้องใช้เวลามากกว่าอีกหกเดือน 

นายณรงค์ศักดิ์  กล่าวว่า เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและไทย จากการสำรวจพบว่าร้อยละ 29 คาดว่าเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนโดยรวมของจีนในไตรมาสที่ 3 จะดีขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ในขณะที่ร้อยละ 43 คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะทรงๆ ส่วนร้อยละ 22 มีความเห็นว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะเติบโตช้าลง ซึ่งผลการประเมินดังกล่าวได้สะท้อนถึงการคาดคะเนการส่งออกของไทยไปยังประเทศจีนในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสปัจจุบันกล่าวคือ ร้อยละ 54 คาดว่าการส่งออกของไทยไปยังจีนจะเพิ่มขึ้น และ ร้อยละ 27 ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน การคาดคะเนการนำเข้านั้น ร้อยละ 58 คาดว่าการนำเข้าจากจีนจะเพิ่มสูงขึ้น และร้อยละ 23 การนำเข้าจะทรงตัว ส่วนผลของการสอบถามความคิดเห็น ด้านการลงทุนของจีนในไทย พบว่า ร้อยละ 56 ของผู้ให้ข้อมูลคิดว่าการลงทุนจากจีนในไทยในไตรมาสที่สามเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่สองจะเพิ่มขึ้นในขณะที่ร้อยละ 28 ของผู้ให้ข้อมูลคาดว่าการลงทุนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน กล่าวโดยสรุปได้ว่าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นบ้างในอีกสามเดือนหน้า และน่าจะมีผลที่ดีกับประเทศไทยในเรื่องการค้า และการลงทุนระหว่างประเทศ

การสำรวจการคาดการณ์สถานการณ์เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ของไทยโดยรวม ในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสปัจจุบัน สรุปได้ว่าร้อยละ 52 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น ร้อยละ 25 จะทรงๆ ขณะที่ร้อยละ 20 ไตรมาสที่ 3 จะชะลอตัวลงอีก ทั้งนี้ภาคธุรกิจที่ยังสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในไตรมาสหน้า คือ ธุรกิจการท่องเที่ยว พืชผลการเกษตร ธุรกิจบริการสุขภาพ และธุรกิจออนไลน์ ส่วนธุรกิจที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ ธุรกิจการท่องเที่ยว พืชผลการเกษตร  และพลังงานและสาธารณูปโภค การสอบถามเพิ่มเติมในส่วนของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พบว่าเป็นอุตสาหกรรมเป็นโอกาสของประเทศไทยที่สำคัญและจะนำไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้หากได้รับการแก้ไขอุปสรรคอย่าวรวดเร็ว

การคาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสปัจจุบัน ผู้ให้ข้อมูลร้อยละ 51 คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์น่าจะปรับตัวลดลง ร้อยละ 22 คาดว่าคงเดิม ร้อยละ 23 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ส่วนแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาสหน้านั้น เสียงส่วนใหญ่ร้อยละ 57 คาดว่าเงินบาทจะมีค่าอ่อนลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา และอีกร้อยละ 17 คิดว่าถ้าเงินบาทจะอ่อนตัวลงเป็นอย่างมาก


กล่าวโดยสรุป ผลการสำรวจในครั้งนี้ สิ่งภาคเอกชนต้องติดตาม คือ สถานะการณ์ความขัดแย้งของมหาอำนาจที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทย สถานะการณ์ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง มีผลทำให้การนำเข้าพลังงานมีต้นทุนสูงขึ้นมาก ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวที่จะได้ประโยชน์จากการที่บาทอ่อน ยังไม่สามารถหวังผลได้เต็มที่ จะกดดันให้เงินเฟ้อค่อยๆสูงขึ้น โดยภาคเอกชนก็ยังมีความกังวลใจกับการปรับราคาขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ//

29 มิถุนายน 2565

มูลนิธิเพื่อสัมพันธภาพไทย-จีน ร่วมกับ“บาโอจิ”มอบรองเท้าพยาบาลให้กับ คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว

นายชาลี ลิ้ม ประธานมูลนิธิเพื่อสัมพันธภาพไทย-จีน และ ประธานบริษัท บริษัท บาโอจิ จำกัด พร้อมด้วย นางสาวยุพารัตน์  เนียมหอม มอบรองเท้าพยาบาล ให้กับ คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว มูลค่ากว่า 160,000 บาท มี นายอรัญ เอี่ยมสุรีย์ ผู้อำนวยการคลินิกแพทย์แผนจีน โรงพยาบาล หัวเฉียว รับมอบ โดยมี แพทย์จีน สมชาย จิรพินนิจวงศ์, เภสัชกร เย็นจิตร เตชะดำรงสิน, นายศิลปชัย พันธุ์สุริยานนท์ ร่วมรับมอบ


ณ คลินิกแพทย์แผนจีน โรงพยาบาล หัวเฉียว เมื่อเร็ว ๆ นี้

รฟฟท. จัดโครงการ CSR “มอบรอยยิ้มให้น้อง พร้อมเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก”



บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง จัดโครงการ CSR “มอบรอยยิ้มให้น้อง พร้อมเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก” ปรับปรุงลานอเนกประสงค์ ให้แก่ โรงเรียนชุมทางตลิ่งชัน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 25














นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า เพื่อให้สอดคล้องตามนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมที่บริษัทให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่องผ่านการจัดกิจกรรม CSR ต่างๆ ที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนาการ และสุขภาพของเด็ก และเยาวชน ซึ่งจะเติบโตขึ้นเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไปในอนาคต รวมทั้งช่วยส่งเสริมโรงเรียน หรือสถานศึกษาที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ให้มีลานกิจกรรมที่สามารถใช้ประโยชน์ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด บริษัทจึงได้จัดโครงการ CSR “มอบรอยยิ้มให้น้อง พร้อมเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก” ปรับปรุงลานอเนกประสงค์ ณ โรงเรียนชุมทางตลิ่งชัน โดยมีพิธีเปิดโครงการ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา



                                                                                                                                                

รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตคนชานเมือง Call Center 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง